ตอนที่แล้วตอนที่ 190 ระดับสีม่วงที่ทรงพลัง
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 192 เหนือเมฆอีกครั้ง

ตอนที่ 191 ทดสอบพลัง


ตอนที่ 191 ทดสอบพลัง

ภายในห้องที่ซึ่งบนโต๊ะเต็มไปด้วยอาหารที่ทำจากพืชกลายพันธุ์และเนื้อจำนวนมหาศาลกำลังถูกชายหนุ่มเขมือบเข้าไปอย่างต่อเนื่อง

ไนเรลเหมือนกับหลุมดำที่กินอาหารเข้าไปเท่าไหร่ก็ไม่เพียงพอ ตั้งแต่ออกมาจากอาคารกระดองเต่าจนถึงตอนนี้ก็สามชั่วโมงแล้ว เขากินอาหารและเนื้อระดับ 6 ไม่หยุด

ราวกับว่าต้องการเติมเต็มพลังงานในร่างกาย

ในขณะเดียวกันเขาก็เหลือบมองดูเครื่องวัดระดับพลังงานที่รายงานว่าพลังงานในเซลล์ของเขาเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ

105,000...106,000... 107,000... 108,000... 109,000... 110,000 หน่วย

เมื่อมาถึงตรงนี้ความหิวกระหายที่เกิดขึ้นก็ดูเหมือนจะหยุดลงแล้ว ไนเรลนั่งนิ่งอยู่สักพักก็ถอนหายใจออกมา เขารู้สึกอิ่มมากกับการกินเมื่อใหญ่ในครั้งนี้

จากการคำนวณคร่าวๆ เขาคาดว่าตัวเองคงกินเนื้อระดับ 6 ไปถึง 1,000 กิโลกรัม

โชคดีที่ว่าเมล็ดพันธุ์วิวัฒนาการที่หน้าอกของเขาสามารถย่อยสลายสิ่งที่กินเข้าไปได้อย่างสมบูรณ์ รวมถึงของเสียจากการย่อยของเสียอื่น ๆ ด้วย ไม่อย่างนั้นเขาไม่รู้ว่าจะต้องใช้เวลาเข้าห้องน้ำนานแค่ไหนกับสิ่งที่กินเข้าไปมื้อนี้

“ซีโร่ฉันจะออกไปข้างนอกสักพัก ถ้าใครถามบอกว่า...เดี๋ยวฉันกลับมา”

หลังจากกล่าวจบร่างของไนเรลก็หายไปอย่างรวดเร็ว

.......

ไนเรลบินมาด้วยความเร็วสูง มาบริเวณทางเหนือของเมืองซานติ เขาหยุดอยู่บนท้องฟ้าค่อย ๆ บินลงมาที่ผืนป่าด้านล่าง

‘ที่นี่คงไกลพอแล้ว’ ไนเรลมองดูรอบด้านมันมีแต่ป่าและต้นไม้ขนาดใหญ่ ไนเรลเดินมาหยุดอยู่ที่ต้นไม้กลายพันธุ์ต้นหนึ่งมันมีขนาดเทียบเท่ากับต้นที่เคยอยู่ที่คฤหาสน์อาโรเดีย

ปัง!

หมัดที่ไม่ได้ใช้ความสามารถพิเศษอะไรต่อเข้าไปที่ต้นไม้นั่นอย่างเต็มแรง มือขิงเขาจมเข้าไปในเนื้อไม้ หลังจากนั้น 1 วินาทีเนื้อไม้รอบ ๆ ก็เหมือนกับเกิดรอยแตกร้าวกระจายออกไปเป็นวงกล้างกว่า 20 เมตร

เสียงของเนื้อไม้ที่แตกภายในดังอย่างต่อเนื่อง ใบไม้เริ่มสั่นไหวและหล่นลงมา

ไนเรลถอยหลังออกไปเล็กน้อยขณะที่ต้นไม้ล้มลง

‘เป็นอย่างที่คิด ร่างกายของฉันเทียบเท่ากับระดับสีน้ำเงิน แม้จะไม่ใช้ความสามารถอะไรก็ตาม’ ระดับสีน้ำเงินนั้นพัฒนาร่างกายให้เนื้อกว่าคนปกติ ทั้งความเร็ว ความแข็งแกร่งและการฟื้นฟู

แต่ระดับสีม่วงมันกลับพัฒนาระดับของร่างกายขึ้นอย่างน่ากลัว แม้จะไม่ได้ใช้ความสามารถพิเศษ แต่ก็ยังมีพลังที่เทียบเท่าระดับสีน้ำเงิน

โฮกกก!

ในตอนนั้นเองเสียงร้องของหมียักษ์ก็ดังขึ้น มันเดินออกมาจากต้นไม้ที่พึ่งโดนไนเรลโค่นเมื่อสักครู่

“ไปซะ”

ไนเรลบอกมัน แต่เจ้าหมียักษ์นั้นกลับไม่สนใจ

ดวงตาของมันเต็มไปด้วยความโกรธ ดูเหมือนว่าไนเรลจะไปปลุกมันเข้าโดยบังเอิญ หมียักษ์ระดับ 5 วิ่งตรงเข้ามาหาไนเรลด้วยแรงอันน่ากลัว ใช้อุ้งเท้าที่มีกรงเล็บแหลมคบราวกับดาบเงินตะปบใส่หัวของไนเรล

“แกรนหาที่เองนะ” ไนรลเรลไม่ใช้คนใจดี ดังนั้นเมื่อเจ้าตัวนี้ต้องการตายเขาก็จัดให้ แต่ขณะที่เขาจะฆ่ามันด้วยใบมีวารีก็ชะงักไป

ไนเรลเพียงยืนมือของตัวเองไปจับอุ้งเท้าขนาดใหญ่ของมัน จากนั้นก็จับมันทุ้มเข้าใส่ตอไม้อย่างรุนแรง ทำให้หมียักษ์ร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด

แววตาหมียักษ์เต็มไปด้วยความหวาดกลัว ตอนนี้มันรู้ว่ามันได้หาเรื่องสิ่งมีชีวิตที่มีพลังเหนือกว่ามันมากนัก มันรู้สึกได้ความตายกำลังจะมาเอาชีวิตหมีน้อย ๆ ของมันไป

หมียักษ์พยายามจะลุกขึ้นหนี แต่ไนเรลกระทืบเท้าไปที่คอของมันจนหักจมดินตายไปทั้งอย่างนั้น

“หนังหมีคุณภาพสูง” ไนเรลยกร่างของมันโยนเข้าไปเก็บในเงา

ที่ในตอนแรกไม่ใช้ใช้ใบมีวารีฆ่ามัน เพราะเขาไม่อยากจะทำลายหนังหมี ไนเรลยังจำได้ในตอนที่เขาไปที่โครอสเซี่ยมครั้งนั้นได้หนังหมีมามันทั้งนุ่มทั้งอุ่นอีกอย่างในเวลาเขากลายร่างมักจะเปลือยเปล่าอยู่เสมอ ดังนั้นเขาควรจะเอามันไปทำเสื้อคลุมสักผืนไว้คุมตัวหลังกลายร่าง

หลังจากเก็บหมียักษ์เข้าไปในเงา

‘ฉันควรจะลองความสามารถใหม่อีกอย่างด้วย’ ไนเรลคิดในใจตัวเอง

หลังจากการกินแก่นพลังงานของจระเข้ยักษ์ระดับ 6 ตัวนั้นไป มันไม่ได้เพียงทำให้เขาวิวัฒนาการจนถึงระดับสีม่วง แต่มันยังมอบความสามารถที่เป็นเอกลักษณ์ให้กับเขาอีกหนึ่งอย่างนั้นก็คือความสามารถประเภทกลายร่างจระเข้สายฟ้าเกราะเหล็ก

[จระเข้สายฟ้าเกราะเหล็ก S] เป็นชื่อเรียกของความสามารถนี้ ซึ่งไนเรลตั้งมั่นตามความสามารถของจระเข้ยักษ์ มันมีร่างกายที่ห่อหุ้มไปด้วยเกราะป้องกันที่แข็งแกร่งและสามารถยิงสายฟ้าออกมาได้ดังนั้นไนเรลคิดว่าชื่อนี้เหมาะกับความสามารถนี้มากที่สุด

อีกอย่างความสามารถนี้ได้กลืนกินความสามารถกิ้งก่ายักษ์ไปแล้ว

ไนเรลเริ่มจากเปิดใช้ความสามารถกลายร่างในรูปแบบอมนุษย์ก่อน รูปร่างของเขาเริ่มสูงขึ้นเรื่อย ๆ จนมันหยุดที่ 6 เมตร ดวงตาของเขาเปลี่ยนเป็นสีเหลืองทองของสัตว์เรื้อยคลาน จมูกของเขาหดกลับมาเล็กน้อย ใบหูหายไป ปากของเขาเต็มไปด้วยฟันที่แหลมคมสยดสยอง ผิวหนังทั่วร่างกายนาขึ้นและมีลักษณะเหมือนกับจระเข้ระดับ 6

ตอนนี้ไนเรลอยู่ในร่างของอมนุษย์จระเข้สายฟ้าเกราะเหล็ก ซึ่งมันไม่ได้ดูเท่เลยแม้แต่น้อย แต่กลับกันมันราวกับตัวประหลาดที่ออกมาจากขุมนรกไม่มีผิด อีกทั้งขาที่ขาดของเขานั้นก็ไม่ได้ขยายขึ้นเพราะเขาใส่ขากลอยู่มันจึงดูไม่สมส่วนแปลก ๆ

แต่ไนเรลไม่ได้สนใจรูปลักษณ์นี้เลยแม้แต่น้อยว่ามันจะน่าเกลียดหรือไม่ ขอเพียงแค่มันทรงพลังก็เพียงพอแล้ว

ไนเรลกำหมัดแน่นในตอนนี้ในตัวของเขามันพละกำลังที่ไหลผ่านไปทั่วทั้งล่างเหมือนจะระเบิดออกมา อีกทั้งตอนนี้ไนเรลรู้สึกเหมือนกับมีผิวหนังที่ทนต่อการป้องกันทุกรูปแบบ

เขารู้สึกว่าความสามารถนี้เหมือนกับมันเกิดมาเพื่อให้เขาได้ครอบครอง ภายนอกในระดับเดียวกับเขาไม่มีสิ่งใดที่เจาะผ่านเกราะของเขามาได้ ส่วนภายในถ้าพวกมันหาเรื่องตายไนเรลก็ยินดีที่จะกินมัน

‘การป้องกันที่สมบูรณ์แบบ ไร้เทียมทานในระดับเดียวกัน’ นี่คือสิ่งที่ไนเรลสามารถอธิบายได้กับสภาวะของเขาในตอนนี้

‘แต่นั้นหมายถึงฉันต้องอยู่ในร่างของจระเข้สายฟ้าเกราะเหล็ก’ การอยู่ในร่างนี้กินพลังงานไปจำนวนมากกว่าที่เขาคิด ด้วยความสามารถระดับ S การกินพลังงานขนาดนี้จึงไม่ใช่เรื่องแปลก

[จระเข้สายฟ้าเกราะเหล็ก S] เป็นความสามารถระดับ S ที่ใช้พลังงานอย่างต่อเนื่องจำนวนมากในการคงร่างหลังจากกลายร่าง ต่างจากความสามารถระดับ S อันอื่นของเขาที่ใช้เพียงตอนที่ทำการโจมตีหรือเรียกใช้เป็นครั้งคราวเท่านั้น

1010,000 หน่วยด้วยพลังงานที่เขามีตอนนี้มันสามารถคงรูปแบบนี้ได้ประมาณ 6 ชั่วโมง แต่ถ้าใช้ความสามารถระดับ S อื่น ๆ ด้วยมันอาจจะลดลงมาเหลือเพียง 3 ชั่วโมงเท่านั้น แต่ถ้าความสามารถระดับต่ำกว่านั้นมันก็ไม่มีผลกระทบมากนัก

ไนเรลคิดว่าการจะใช้ความสามารถซ้อนทับกันหลายรูปแบบต่อจากนี้เขาควรที่จะคิดให้มากขึ้น เพราะมันอาจจะมีเวลาจำกัด แต่ก็ใช่ว่าจะไม่มีทางแก้ปัญหานี้ ขอเพียงแค่เขาเติมพลังงานมันก็ทำให้เขามีพลังงานมากพ่อที่จะใช้ความสามารถอื่น ๆ แล้ว

เขาก็แหงนหน้ามองขึ้นไปบนท้องฟ้า ไนเรลคิดว่าเขาควรจะลอกบินขึ้นไปดูด้านบนหรือไม่ ด้วยระดับสีม่วงของเขาตอนนี้ และความสามารถทั้งหมดเขาสามารถข้ามผ่านเมฆพวกนั้นไปได้อย่างปลอดภัยอย่างแน่นอน

ปีกงอกออกมาด้านหลังของไนเรล นอกจากนั้นตัวของเขาที่สูงกว่า 6 เมตรตอนนี้ยังมีเกราะสีดำห่อหุ้มอีกชั้นจากความสามารถเกราะดำที่ถูกปรับรูปร่างตามความคิดของไนเรล ได้ห่อหุ้มทั้งตัวของไนเรลไว้เหลือเพียงดวงตาและช่องที่ปลดปล่อยลมหายใจที่น่ากลัวออกมา

อีกทั้งไนเรลยังถอดขากลออกไปและได้ปรับความสามารถเกราะดำกลายเป็นเหมือนขาของเขา มันจึงทำให้เขามีขางอกออกมาทั้งที่ภายในมันกลวงเพราะขานี้เป็นแค่เกราะที่เป็นเปลือกนอกเท่านั้น

ถ้ายักษ์เถื่อนพวกนั้นที่มักจะเรียกตัวเองว่าเทพไททันมาเห็นไนเรลเวลานี้ พวกนั้นคงจะละอายที่จะใช้คำเรียกนั้นอีก

ปีกด้านหลังของไนเรลแทรกตัวออกมาจากเกราะซึ่งมันก็มีเกราะดำห่อหุ้มไว้เช่นเดียวกัน

ไนเรลรู้ว่าตอนนี้การปรับเปลียนและใช้ความสามารถของเขานั้นพัฒนาขึ้นไปอีกระดับหนึ่งแล้ว มันเหมือนถ้าความสามารถอยู่ในขอบเขตนั้น ๆ เขาก็สามารถใช้มันได้อิสระมากขึ้นแม้จะข้อจำกัดอยู่

‘บางทีในชีวิตก่อนมนุษย์ชั้นสูงที่ขึ้นมาถึงระดับนี้ได้คงจะรู้สึกแบบเดียวกัน ถ้าไปถึงระดับสูงกว่านี้พลังพวกนี้อาจจะใช้ได้อย่างอิสระไร้ข้อจำกัด’ ในใจของไนเรลเหมือนกับได้รับการกระตุ้นอีกครั้ง เขาอยากจะขึ้นไปในระดับที่สูงกว่านี้ ‘หลังจากสีม่วงคือสีอะไร หลังจากนั้นยังมีระดับอะไรอีก’ ไนเรลไม่รู้ เพราะสีม่วงคือระดับสูงสุดที่มนุษย์รู้แล้ว

“มังกรวารีอีกไม่นานฉันจะตามไปกินแก” ไนเรลตะโกนขึ้นไปบนท้องฟ้า รอบตัวของเขาเกิดคลื่นกระจายออก ต้นไม้ใบหญ้ารอบข้างสั่นไหวไม่หยุดจนโคนต้นของมันเหมือนจะหลุดออกไปตามแรง

พึบ!

ไนเรลกระพือปีกบินขึ้นไปอย่างรวดเร็วในครั้งเดียว โผล่เหนือท้องฟ้าสูงจากดิน 10 กิโลเมตร เขายังคงบินต่อไปเหมือนจรวดที่ทะยานจากพื้นดินสู่โลกเบื้องบน

ในสายตาของไนเรลมุ่งมั่นเป็นอย่างมาก เขาเชื่อมันว่าตัวเองทำได้ ความเร็วของไนเรลเริ่มสูงขึ้นเรื่อย ๆ

ความเร็วเสียงคือ 331.5 เมตรต่อวินาที แต่ความเร็วของไนเรลนั้นเกิดกว่า 1000 เมตรต่อวินาทีแล้ว เขาเร็วกว่าเสียงสามเท่าเขาบินโดยการทำลายกำแพงเสียงอย่างต่อเนื่อง

ไนเรลก็เข้าไปในเมฆปกติและผ่านเข้าไปในเมฆแปลกประหลาดเหล่านั้น มันมีทั้งสายฟ้าที่โจมตีใส่เข้าอย่างรุนแรง แต่พอมันปะทะเข้ากับตัวของไนเรลเขากลับไม่ได้รู้สึกเจ็บปวดไนเรลกลับรู้สึกสบายมากกว่า

มันเกี่ยวกับที่เขาใช้ความสามารถร่าง จระเข้สายฟ้าเกราะเหล็กทำให้เขาต้านสายฟ้าได้ ซึ่งนี้กลายเป็นข่าวดีของเขา

เมฆพวกนี้หนาแน่นมากเหมือนกับเขามุดผ่านพื้นดิน

ฟู่!...ฟู...

ไนเรลได้ยินเสียงดังของกรดที่กัดก่อนเกราะดำของเขาอยู่มันเริ่มละลายมากขึ้นเรื่อย ๆ ไม่ใช้เพียงแค่ตัวของเขา แต่ที่ปักก็โดนกัดก่อนด้วยเมื่อเห็นแบบนั้นไนเรลรีบเร่งความเร็วมากกว่าเดิม

‘ต้องเร็วกว่านี้อีก เร็วขึ้นอีก’ เขาบินขึ้นไปด้วยความร้อนใจ ในครั้งก่อนเป็นเพราะมังกรวารีมันเปิดท้องฟ้าทำให้มีเมฆไม่มากนัก ถ้าเป็นกับในตอนนี้ตัวของเขาในตอนนั้นคงตายไปแล้ว

เพียงชั่วอึดใจไนเรลก็ทะลุก้อนเมฆออกมาด้านบน

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด