ตอนที่แล้ว[Rewrite,อ่านฟรี] Special District 9 ตอนที่ 23 ทุกสิ่งพูดได้ด้วยเงิน
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไป[Rewrite,อ่านฟรี] Special District 9 ตอนที่ 25 คนผอมบางมีฝีมือ 

[Rewrite,อ่านฟรี] Special District 9 ตอนที่ 24 คำรามใส่ความอยุติธรรมที่มองเห็น


ตอนที่ 24 คำรามใส่ความอยุติธรรมที่มองเห็น

ในลานสวนหย่อมบ้านเลขที่ 88

ทันทีที่เด็กชายรีบออกไป ผู้หญิงคนหนึ่งที่อยู่ข้างหลังก็รีบยื่นมือออกมาจับที่คอเสื้อของเขา และดึงเขากลับเข้าไปในลานด้านใน “ปิดประตูเร็วๆ และอย่าเข้าไปยุ่งกับเรื่องของคนอื่น”

ฉินหยู่จำได้ว่า คนที่ลากเด็กชายกลับไปในบ้านคือเจ้าของบ้าน

ในลานสวนหย่อม ชายฉกรรจ์หัวหน้าเหลือบมองไปที่ลานด้านข้างและพูดกับหลินเนี่ยนเหล่ยด้วยรอยยิ้ม “เห็นไหม ทุกวันนี้ผู้คนหลบไปเมื่อพวกเขาเห็นอะไรไม่เกี่ยวกับเขา ถ้าเธอคิดว่าตะโกนสองครั้งแล้วจะมีคนมาช่วยละก็ ฝันไปเถอะ”

หลินเนี่ยนเหล่ย ก้าวถอยไปที่ประตูบ้าน มองไปที่ชายฉกรรจ์สามคนด้วยแววตาเจ้าเล่ห์ และพูดอย่างคนเป็นทุกข์เพื่อให้ดูน่าสงสาร “พี่ชาย ฉันไม่มีกล้องอยู่กับตัวจริงๆ ฉันส่งมันไปแล้ว อย่าทำให้ฉันขายหน้าเลย...”

ชายฉกรรจ์เอียงคอไปข้างหน้าและพุ่งเข้าคว้าผมสีดำสลวยของหลินเนี่ยนเหล่ย “นังหนู พูดเรื่อยเปื่อยอะไรของแก เพื่อความแน่ใจ พาฉันไปดูในห้องของแกไม่มีปัญหาใชไหม?

หลินเนี่ยนเหล่ยมองไปที่ผิวหน้าเป็นหลุมเป็นบ่อและดวงตามุ่งร้ายของชายฉกรรจ์ หัวใจน้อยๆ ของเธอเต้นระรัวด้วยความกลัว “จริงๆ แล้วมัน...”

“โครม!”

ชายฉกรรจ์หมดความอดทน จับหัวของหลินเนี่ยนเหล่ยกระแทกเข้ากับกรอบประตู “อีดอก ฉันอุตส่าห์ไว้หน้าแกแล้วนะ”

หลินเนี่ยนเหล่ยมึนงงเล็กน้อยจากการโดนโขกหัว เพราะคิดไม่ถึงว่าอีกฝ่ายจะลงไม้ลงมือได้ง่ายๆ

“ตงจื่อ ลากมันเข้าไปในบ้าน ฉันจะหาวิธีคุยกับมันให้รู้เรื่อง”

“แกจะทำอะไรกับฉัน?”

“อัปยศจริง ฉันจะใช้เวลาตลอดหน้าหนาวกับเธอจนกว่าเธอจะพูดความจริง” ชายทางด้านซ้ายพูดพร้อมก้าวไปคว้าหลินเนี่ยนเหล่ยและกำลังจะเตะประตูแล้วลากเธอเข้าไปในบ้าน

“แอ๊ดดด…!”

ในขณะนั้น ประตูของห้องตรงข้ามถูกผลักเปิดออก เท้าของฉินหยู่ก้าวออกมา “เกิดอะไรขึ้น รังแกผู้หญิงตัวเล็กๆ หรือ?”

หลังจากพูดจบ ทันใดนั้นหลินเนี่ยนเหล่ยก็เงยหน้าขึ้นและรู้สึกดีใจเมื่อเห็นฉินหยู่ เธอพยายามก้าวเท้าหนีพร้อมกับดึงตัวเองให้หลุดจากพวกอันธพาลจากแล้วตะโกน “พี่ชาย พี่ชาย...ช่วยฉันด้วย!”

ฉินหยู่ยังมีอารมณ์เย็นและไม่ต้องการเข้าไปยุ่งเรื่องคนอื่นในตอนแรก แต่เห็นได้ชัดว่าคนเหล่านี้ต้องการที่จะคุกคามหญิงสาวอย่างไม่เลิกรา ดังนั้นหากสถานการณ์เปลี่ยนเป็นร้ายแรง หลินเนี่ยนเหล่ยจะต้องแจ้งตำรวจอย่างแน่นอน และเพราะว่าเขาอาศัยอยู่ที่บ้านเช่าแห่งนี้ หากจะอ้างว่าเขาได้รู้เรื่องที่เกิดขึ้นกับเธอภายหลังนั้น มันไม่ค่อยสมเหตุสมผลซะเลย นอกจากนี้ฉินหยู่พอรู้ว่าหลินเนี่ยนเหล่ยมีภูมิหลังบางอย่าง และเขาไม่ต้องการมีปัญหามากกว่านี้ ดังนั้นเขาจึงออกมาและตะโกน

“นายเป็นใคร” ชายฉกรรจ์หัวหน้าหันมาถาม

“ฉันคือมือปราบของกองกำกับตำรวจ อาศัยอยู่ที่นี่” ฉินหยู่ยืนอยู่ที่ประตูและพูดอย่างรัดกุม “นี่มันค่อนข้างดึกแล้ว ถ้าพวกคุณมีเรื่องจะคุยกันเสียงดังละก็ อย่ามารบกวนที่นี่ดีกว่า”

“ตำรวจ?” ชายฉกรรจ์ตกตะลึง “นายมาจากผู้กำกับคนไหน?”

ฉินหยู่ไม่ได้ตอบคำถามของอีกฝ่ายโดยตรง “ถ้าฉันบอกให้คุณปล่อยเธอ คุณก็จะต้องปล่อย”

“พูดแรงนี่” ชายฉกรรจ์ขมวดคิ้วและพูดต่อ “เรื่องของเราไม่เกี่ยวกับนาย กลับไปที่บ้านและทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ซะ”

ชายฉกรรจ์หยุดคุยกับฉินหยู่ และยื่นมือออกไปจับหลินเนี่ยนเหล่ยแล้วตะโกน “ยัยหนู ให้ฉันถามเธออีกครั้ง เธอมีอะไรให้ฉันไหม?”

“ฉันพูดไปหมดแล้ว กล้อง....”

“แคร่กก!”

ก่อนที่หลินเนี่ยนเหล่ยพูดจบ ฉินหยู่ก้าวไปข้างหน้า คว้าข้อมือของชายฉกรรจ์อย่างรวดเร็ว “พี่ชาย อย่าสร้างปัญหาที่นี่”

ชายฉกรรจ์หันหัวกลับมาด้วยใบหน้าดุดัน “ฉันคือเสือใหญ่แห่งถนนดินด่าง ถ้านายไม่รู้จักฉัน ก็แค่โทรหาถามหัวหน้าของนายดู”

ฉินหยู่ขมวดคิ้ว

“ไปให้พ้น” เสือใหญ่เขย่าแขนเขา

มือขวาของฉินหยู่เป็นเหมือนคีมเหล็กที่จับข้อมือของเสือใหญ่แน่น และถาม “ยังคุยกันไม่จบอีกหรือ?”

“บูม!”

เสือใหญ่หันกลับมาอย่างกะทันหันและต่อยฉินหยู่ที่หน้าอก “นายตำรวจ นายไม่แน่ใจใช่ไหมว่าควรจะทำยังไง”

ฉินหยู่นั้นร่างกายแข็งแรงมากพอ เขาจึงยังยืนอยู่ที่เดิมอย่างมั่นคงโดยไม่พูดอะไรสักคำ

เสือใหญ่ตบหัวฉินหยู่ “นายต้องการอะไร จะบังคับใช้กฎหมายอย่างเป็นกลางงั้นรึ?  ลองจับฉันสิ...”

“แคร่ก!”

ทันใดนั้นฉินหยู่ก็คว้าแขนของเสือใหญ่ด้วยมือซ้าย และเตะขาขวาของเขาไปกับพื้น

“โครม!”

เสือใหญ่เสียหลักล้มลงบนพื้นอย่างไม่เป็นท่า

“เสือใหญ่เหี้ยอะไรของแก? มีสิงโตบนถนนดินด่างด้วยไหม?!”

ฉินหยู่วิ่งเข้าไปเตะที่หัวเสือใหญ่สามครั้งติดต่อกัน เขากระเด็นกลิ้งลงบันไดไปทันที

ชายฉกรรจ์ทางซ้ายและขวาเหยียดมือออกและดึงมีดที่ซ่อนออกจากแขนพวกเขา และวิ่งเข้าไปเพื่อแทงฉินหยู่ โดยไม่เกรงกลัวต่อสถานะของฉินหยู่ซึ่งเป็นตำรวจแม้แต่น้อย

“ขวับ!”

ฉินหยู่แย่งดึงปืนออกจากเอวเสือใหญ่ที่นอนอยู่บนพื้น ปลดเซฟตี้ ง้างนกปืนอย่างรวดเร็ว พร้อมเล็งไปที่คนทางด้านขวาแล้วตะโกน “แกชี้มีดมาที่ตำรวจ แกคิดว่าฉันลังเลที่จะยิงแกไหม?”

“โม้ฉิบหาย...!”

“ปัง!”

เสียงปืนดังขึ้น

“กรี๊ด!”

หลินเนี่ยนเหล่ย ลงนั่งยองๆ บนพื้นในฉับพลัน เอามือปิดหัวหูด้วยความตกใจ

กระสุนพุ่งเข้าทะลุแก้มของชายฉกรรจ์กับมีดในมือด้านขวา และเขาตกตะลึงอย่างไม่คาดคิด

“โม้ใช่ไหม หา? แกกำลังปิดบังอะไรอยู่” ฉินหยู่จ้องเขม็ง “มานี่ ถ้าไม่อยากตายด้วยปืนของลูกพี่แกเอง”

เมื่อได้ยินเช่นนั้น ทั้งสองตกตะลึงและรู้สึกสับสนไม่รู้ว่าฉินหยู่จะทำอะไร และค่อยเคลื่อนเข้ามาตามคำสั่ง

เสือใหญ่ส่ายหัวไล่ความมึนงงแล้วรีบลุกขึ้นจากพื้น “ไอ้ฉิบหายเอ๊ย! ตงจื่อโทรหาใครสักคนสิวะ”

“ตูม!”

ฉินหยู่ใช้ด้ามปืนทุบหัวเสือใหญ่ไม่ยั้งจนนับไม่ถ้วนเลือดสาดกระเซ็น เสือใหญ่ฟุบลงไปอีกรอบ “สามคนกับปืนกระบอกเดียวมันจะพอหรือ ถ้าแกไม่สามารถลุกขึ้นได้ แกจะไม่มีทางลุกขึ้นได้อีก อย่ามาเล่นโง่ๆ กับฉัน”

หัวของเสือใหญ่เต็มไปด้วยเลือด เขาลุกขึ้นนั่งด้วยอาการเจ็บปวดและมึนงง

“นั่งลง!” ฉินหยู่เล็งปืนไปที่ลูกน้องสองคนแล้วตะโกน

ทั้งสองมองหน้ากัน แล้วรีบนั่งยองๆ ลงบนขั้นบันไดด้วยใบหน้าบูดบึ้งและกลัวเกรง

สมองของฉินหยู่ทำงานอย่างรวดเร็ว หลังจากความคิดแค่เสี้ยววินาที เขาก็พูดกับหลินเนี่ยนเหล่ย “ไปเอาโทรศัพท์ที่ห้องฉันมา”

หลินเนี่ยนเหล่ยนั่งยองๆ อยู่บนพื้น ยังคงไม่กล้าเงยหน้าขึ้น

“บูม!”

ฉินหยู่เตะเธอเพื่อเตือนสติ

“ถ้าเธอก่อปัญหา แต่แก้ไม่ได้ เธอควรร้องให้ช่วย ไปเอาโทรศัพท์ฉันมา มันอยู่ข้างเตียง”

หลินเนี่ยนเหล่ยสติกลับมา หันหลังกลับรีบวิ่งไปที่บ้านของฉินหยู่ทันที คว้าโทรศัพท์และรีบวิ่งกลับมา

ฉินหยู่ถือปืนไว้ในมือข้างหนึ่ง อีกมือถือโทรศัพท์และกดเบอร์ของจูเหว่ย หนึ่งในทีมกองปราบ “จับผู้ต้องสงสัย 3 คนได้ ขับรถมารับพวกเขาที”

เมื่อเสือใหญ่ได้ยินเช่นนั้น มันเงยหน้าขึ้นทันทีและพูดด้วยน้ำเสียงดุดันในลำคอ “ไอ้ลูกหมาหลงทาง แกแน่นักใช่ไหม?”

ฉินหยู่ยกด้ามปืนขึ้นเมื่อเขาได้ยินเสียง ราวกับว่าเขากำลังจะทุบใส่มันอีก

เสือใหญ่ผงะ หดคอตามสัญชาตญาณและนิ่งเงียบไป กัดฟันรอเจ้าหน้าที่ตำรวจอื่นที่กำลังเดินทางมา

...

ฉินหยู่ลากหลินเนี่ยนเหล่ยสองสามก้าวไปที่มุมหนึ่ง แล้วถามด้วยความสงสัย “พี่สาว ทำไมคุณถึงมีปัญหา? ทำไมพวกเขาถึงตามหาคุณล่ะ?”

“...ฉัน... ฉันถ่ายรูปพวกเขา” หลินเนี่ยนเหล่ยกะพริบตาและตอบว่า “นี่คืองานของฉัน”

“คุณถ่ายรูปอะไร”

“พวกเขาขึ้นราคายาในสลัมและขายยาปลอมอย่างลับๆ ฉันได้รู้เข้าเลยถ่ายรูปไว้” หลินเนี่ยนเหล่ยตอบตามจริงหลังจากพิจารณาอยู่นาน

เมื่อฉินหยู่ได้ยินเช่นนี้ หัวใจของเขาเต้นไม่เป็นจังหวะ “พวกเขาขายยาปลอมด้วยเหรอ?”

“ฉันอยู่ที่นี่กับคุณมา 2-3 วันแล้ว และหลังสุดเนี่ยพวกเขาขโมยกล้องฉันไป” หลินเนี่ยนเหล่ยพยักหน้า “พวกสวะพวกนี้ไร้มนุษยธรรม และในขณะที่คุณกำลังปราบปรามการขึ้นราคา คนเหล่านั้นในสลัมไม่มีเงินซื้อยา พวกเขาบังคับให้ผู้คนขายอวัยวะ...และกินซาลาเปาเลือดมนุษย์”

ฉินหยู่ถูกผลักให้ดำดิ่งลงไปในห้วงความคิดเมื่อเขาได้ยินเรื่องนี้อย่างนี้เกิดขึ้น

...

ครึ่งชั่วโมงต่อมา

ทันทีที่มือปราบจูเหว่ยมาถึงที่เกิดเหตุ เมื่อเห็นเสือใหญ่เขาก็ผงะไปครู่หนึ่งและพูดว่า

“อ้ะ พี่เสือ ทำไมคุณมาอยู่ที่นี่?”

“จูเหว่ยน้อย?” เสือใหญ่เห็นคนรู้จักรีบลุกขึ้นและพูดกับจูเหว่ย “ให้ฉันโทรหาเขา”

ฉินหยู่เดินไปที่จูเหว่ยแล้วถามว่า “นายรู้จักเขาหรือ?”

“ฉิบ! ทำไมนายถึงจับเขา เขาเป็นเพื่อนกับกัปตันหยวน” จูเหว่ยก้มหน้าตอบกลับ

“ไอ้หนู ถ้าฉันถอดชุดฟอร์มของแกไม่ได้ในวันนี้ ให้ฉันได้รู้นามสกุลของแกก่อนละกัน” เสือใหญ่เช็ดเลือดออกจากใบหน้าของเขา เดินออกไปพร้อมกับยกโทรศัพท์แล้วกดหมายเลขของหยวนเค่อ

……………………………………………………………

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด