ตอนที่แล้วEp.998 - การทดลองของชูฟ่าน
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปEp.1000 - พรสวรรค์อันน่าตกตะลึง

Ep.999 - ตงหยางยกระดับสู่เลเวล S


Ep.999 - ตงหยางยกระดับสู่เลเวล S

บนเรือดำน้ำของฉินเฟิง มีเพียงไป๋หลีกับตัวเขาเท่านั้นที่โดยสารมา ด้วยเหตุนี้ฉินเฟิงจึงไม่จำเป็นต้องระมัดระวังตัวมาก แล่นเรือดำน้ำไปตามคลื่น ไม่ลึกไม่ตื้น เคลื่อนต่อไปข้างหน้า

ณ ขณะนี้ เขาได้แล่นเรือออกจากอาณาเขตของทะเลนรกไปแล้ว มุ่งหน้าสู่พื้นที่ที่มนุษย์ยังไม่ได้ทำการสำรวจ

แต่เอาจริงๆมันจะเคยถูกมนุษย์สำรวจมาแล้วหรือไม่ เรื่องนี้ฉินเฟิงไม่อาจรู้ได้ แต่ที่แน่ๆ สุดท้ายหากคุณมีความแข็งแกร่งในเลเวล S ก็สามารถมาเยือนที่นี่ได้

ก็นั่นล่ะนะ ด้วยเหตุผลนี้ คนส่วนใหญ่เลยไม่ทราบว่าเกิดสถานการณ์อะไรขึ้นที่นี่

ช่วงเวลานี้ แสงบนเส้นขอบฟ้าเปรียบเสมือนแสงออโรร่าหลากสีสัน พรั่งพราวชวนให้ผู้คนละลานตา งดงามมาก

แต่ยิ่งใกล้เข้าไป ก็ยิ่งรู้สึกได้ ว่านั่นไม่ใช่แสงออโรร่า แต่เป็นกระแสอักษรรูนที่ล่องลอยในอากาศ

สีเขียวจากธาตุลม , สีแดงจากธาตุไฟ , สีฟ้าจากธาตุน้ำ ฯลฯ ทั้งหมดลอยอยู่ในอากาศ

และนานๆครั้ง ยังปรากฏรังสีแสงสว่างจ้าและริ้วสีดำอันโดดเด่นอีกด้วย

มีกระทั่งแสงสีเงินและสีทองอ่อนปรากฏออกมา แต่มีเพียงแสงสีทองเท่านั้น ที่เมื่อใช้พลังสมาธิเข้าตรวจสอบ มันจะวูบวาบ หายไปในชั่วพริบตา

กล่าวกันว่านั่นคือรูนแห่งกาลเวลาในตำนาน!

รูนชนิดนี้ ไม่ต้องกล่าวถึงมนุษย์ กระทั่งสัตว์ร้ายก็ยังไม่เคยได้ยินว่าสามารถควบคุมมันได้มาก่อน

รูนสองชนิดหลังที่กล่าวมาฉินเฟิงไม่สามารถดูดซับได้เช่นกัน ดังนั้นเลยไม่ค่อยให้ความสนใจ

ยังไงก็ตาม ในส่วนของอักษรรูนอื่นๆ เขาตั้งหน้าตั้งตารอคอยมันมาก

รูนพวกนี้มีความเข้มข้นมาก หากอักษรรูนธรรมดาอยู่ในรูปแบบแก๊ส เช่นนั้นรูนในที่นี้ ก็อยู่ในรูปแบบของเหลว

ขณะที่ศิลาศักดิ์สิทธิ์มีสถานะเป็นของแข็ง ดังนั้นล้ำค่ายิ่งกว่า แต่ศิลาศักดิ์สิทธิ์จะปรากฏขึ้นหลังจากการเสียชีวิตของจ้าวเหนือหัว ฉินเฟิงไม่สามารถเก็บรวบรวมมันเป็นจำนวนมากได้ในตอนนี้

ดังนั้น กระแสรูนในสถานะของเหลวเบื้องหน้านี้ มันได้กลายเป็นโอกาสที่ดีที่สุดที่ฉินเฟิงจะใช้ยกระดับธาตุอบิลิตี้ทั้งเก้าของเขาให้ขึ้นสู่เลเวล S

แม้การยกระดับนี้ พอใส่รูนเข้าไปในดาวเคราะห์แต่ละดวง มันอาจขยายเส้นผ่านศูนย์กลางได้เพียง 2 ซม. ก็ตาม แต่ก็ยังนับว่าคุ้มค่า

อ้างอิงตามรูปแบบของผู้ใช้อบิลิตี้เลเวล S ในกรณีที่อีกฝ่ายเป็นผู้ใช้พลังระดับสามัญ การได้ครอบครองแก่นอบิลิตี้ขนาด 2 ซม. สำหรับทุกคน ถือว่าเป็นการประสบความสำเร็จแล้ว

ในขณะที่ระดับทหาร อาจมีเส้นผ่านศูนย์กลาง 3 ซม. , ระดับนายพล 4 ซม. , ระดับราชันย์ 6 ซม.  , ระดับจักรพรรดิ 8 ซม. สุดท้ายระดับเทวะ 10 ซม.

ตามข้อสรุปนี้ กล่าวได้ว่าแก่นอบิลิตี้น้ำแข็งของฉินเฟิง ได้กลายเป็นการดำรงอยู่ในระดับเทวะแล้ว ส่วนแก่นอบิลิตี้มืด ไม่อาจคาดคำนวณได้อีกต่อไป

สรุปสั้นๆก็แค่ หากฉินเฟิงต้องการยกระดับอบิลิตี้ อักษรรูนเหล่านี้ที่อยู่ตรงหน้าเขาเป็นสิ่งจำเป็น แต่ในความคิดลึกๆ ฉินเฟิงยังรู้สึกว่าเท่านี้ยังไม่เพียงพอ

ในเวลานั้นเอง บนผิวน้ำเบื้องหน้า เรือดำน้ำขนาดใหญ่โผล่ขึ้นมาจากใต้ทะเล ก่อทั้งคลื่นและน้ำซัดสาดระลอกใหญ่ ต่อมา ร่างของมนุษย์คนหนึ่งปรากฏขึ้นจากในเรือ เจ้าตัวเหยียบย่ำลงบนเกลียวคลื่น ใช้มันเป็นที่หยั่งเท้าทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้า

คนผู้นั้นมิใช่ใครอื่น เป็นตงหยาง!

ในรอยแยกมิติ อักษรรูนโผล่ออกมาจากต้นกำเนิดอย่างต่อเนื่อง พลังสมาธิของตงหยางทะยานสู่ท้องฟ้า เริ่มกวาดเอาอักษรรูนสีฟ้านับไม่ถ้วนเข้าสู่จักรวาลแห่งจิตสำนึกของเขา

“อย่าบอกนะว่าเขาเองก็ต้องการจะยกระดับด้วย?”

คราวนี้ฉินเฟิงรู้สึกเหนือความคาดหมายอย่างแท้จริง เพราะการกระทำของตงหยาง กำลังขับกล่อมให้กลิ่นอายบนตัวเขา ค่อยๆเพิ่มพูนขึ้นเรื่อยๆ --มันคือกระบวนการของการยกระดับ!!

การต่อสู้แย่งชิงในภูเขาศักดิ์สิทธิ์ เพราะฝีมือของฉินเฟิง ทำให้ตงหยางได้กลายเป็นผู้รับประโยชน์ ช่วยให้อีกฝ่ายทรงพลังยิ่งกว่าในชีวิตก่อนของฉินเฟิง

ยิ่งไปกว่านั้นด้วยความบังเอิญที่มาพบกันที่นี่ ทำให้ฉินเฟิงรู้ว่าตงหยางกำลังคิดจะตัดผ่านสู่เลเวล S ซึ่งเวลาในการยกระดับนี้ มันเร็วกว่าในชีวิตก่อนของฉินเฟิงมาก

ทั้งหมดทั้งมวล เป็นเพราะปรากฏกการณ์ผีเสื้อขยับปีกของฉินเฟิง

ตงหยางได้รับทรายธารเวลาไปมากมาย สิ่งนั้นช่วยเพิ่มพูนศักยภาพของเขา ประกอบกับทรัพยากรที่ไม่ขาดแคลน ตงหยางเลยสามารถตัดผ่านเข้าสู่เลเวล S ระดับธรรมดาได้ รูนที่ถูกสูบเข้าไปจะช่วยขยายดาวเคราะห์เพชรให้มีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางเป็น 2 ซม.

กล่าวได้ว่าครั้งนี้เป็นโอกาสสวรรค์สำหรับตงหยางอย่างแท้จริง ด้วยความช่วยเหลือจากเขมือบฟ้า ตงหยางไม่ต้องคอยพะวงว่าจะมีสัตว์ร้ายตัวอื่นเข้ามาก่อความวุ่นวาย เขาสามารถมาถึงที่นี่ได้อย่างรวดเร็ว และเวลานี้อีกฝ่ายก็เริ่มลงมือแล้ว

ณ จุดนี้ พลังสมาธิได้ถูกขับเคลื่อน รูนสีฟ้าทั้งหมดที่ลอยเป็นริ้วบนท้องฟ้า เกิดการกระเพื่อมราวกับคลื่น ทั้งหมดค่อยๆถูกดูดซับเข้าสู่จักรวาลแห่งจิตสำนึกของตงหยาง ไหลเข้าไปครอบคลุมแก่นอบิลิตี้

แต่ในเวลานั้นเอง คิ้วของฉินเฟิงก็ย่นเข้าหากันเล็กน้อย

“ตงหยางยังไม่รู้ว่ามีอะไรอยู่ในรอยแยก ดังนั้นตัดสินใจตัดผ่านสู่เลเวล S ที่นี่ แม้นี่คือโอกาสทอง แต่ขณะเดียวกันแฝงไปด้วยอันตราย การยกระดับสู่เลเวล S ต้องใช้เวลา และระหว่างที่พลังงานฟ้าดินถูกดูดซับ มันจะก่อให้เกิดปฏิกริยาครั้งใหญ่ ไม่แน่ใจว่าจะมีสิ่งมีชีวิตใดถูกกระตุ้นเข้ามาบ้าง”

เพียงแค่ฉินเฟิงคิด บนผิวน้ำทะเลพลันเกิดระลอกคลื่น ก่อตัวเป็นกระแสน้ำวน ทว่ากระแสน้ำวนนี้ไม่ได้เกิดจากสัตว์ร้าย เป็นฝีมือของตงหยางเอง เจ้าตัวดูดซับพลังงานธาตุ ก่อให้เกิดแรงก่อตัวเช่นนี้

และฉากดังกล่าว ยังนำไปสู่สถานการณ์ที่ปั่นป่วน สั่นคลอนท้องทะเล นี่ไม่ต่างจากการส่งข้อความว่า ‘ฉันอยู่ที่นี่นะ’ ออกไปเป็นวงกว้าง

แทบไม่ต้องเสียเวลารอ สัตว์ทะเลฝูงหนึ่งก็เริ่มแหวกว่ายมาจากระยะไกล!

สัตว์ร้ายฝูงนี้เป็นสิ่งมีชีวิตที่มีขนาดสูงมากถึง 40 เมตร ไม่ได้แข็งแกร่งอะไรมากมายในบรรดาสัตว์ทะเล ทว่ามันอยู่รวมกันเป็นกลุ่ม แถมจำนวนน่าจะมากกว่าร้อย ความแข็งแกร่งของแต่ละตัวคาดว่าอยู่ในเลเวล A5

ตูมมมม!

สัตว์ทะเลผลุบขึ้นจากผิวน้ำ บ้างกระโจนขึ้นไปในอากาศสูงกว่าสิบเมตร บ้างพ่นเสาน้ำขึ้นไป พยายามใช้น้ำทะเลโจมตีตงหยาง

ตอนนี้ตงหยางกำลังอยู่ระหว่างการยกระดับ ดังนั้นย่อมไม่มีเวลาให้ความสนใจสิ่งมีชีวิตพวกนี้ ในเวลานั้นเอง ปืนใหญ่จากเขมือบฟ้าถูกยิงออกไป

ปืนใหญ่อันทรงพลังโจมตีสัตว์ทะเลที่กระโดดขึ้นไป ยิงมันร่วงกลับลงน้ำ ร่างแหลกเป็นสองส่วน

จากนั้น เสียงปืนใหญ่นับไม่ถ้วนดังสะท้อนไปทั่วบริเวณ กวาดล้างสัตว์ทะเลที่รุกรานตายสิ้น

แม้สามารถผ่านพ้นวิกฤตไปได้ด้วยดี แต่คิ้วของฉินเฟิงกลับขมวดเข้าหากันยิ่งกว่าเดิม

“นี่มันเพิ่งเริ่มต้น น่ากลัวว่าต่อไปศัตรูอาจร้ายกาจยิ่งกว่านี้!” ฉินเฟิงพึมพำกับตัวเอง

แม้ที่นี่เต็มไปด้วยอักษรรูนนับไม่ถ้วน เล็ดลอดออกมาจากรอยแยกมิติ แต่ในตอนนี้เป็นแค่ส่วนยอดของภูเขาน้ำแข็งเท่านั้น หากคิดตัดผ่านสู่เลเวล S ที่นี่ เกรงว่าต้องใช้เวลา 4 - 5 วัน

และยิ่งใช้เวลานาน นั่นหมายถึงยิ่งมีโอกาสเกิดอุบัติเหตุไม่คาดฝันขึ้น

“วู วู วู วู ….”

เสียงร้องกังวานมาจากระยะไกล จากนั้น การดำรงอยู่ที่ไม่ต่างจากเกาะเล็กๆ โผล่พ้นผิวน้ำ

สิ่งมีชีวิตนี้ เอาจริงๆแล้วมันมีขนาดใหญ่กว่าเขมือบฟ้าซะอีก

ดังนั้นไม่ต้องสงสัยเลย ว่ากลิ่นอายของมัน คือสิ่งมีชีวิตเลเวล S!

“ดูเหมือนว่าฉันจำเป็นต้องเข้าไปช่วยเขา” ฉินเฟิงกำลังคิดจะลงมือ แต่ทันใดนั้นเอง เขาก็ค้นพบ ว่าในตำแหน่งของเขมือบฟ้า มีชายคนหนึ่งปรากฏตัวขึ้นอย่างกะทันหัน

กลิ่นอายของคนผู้นี้ทรงพลังมาก อยู่ในส่วนเลเวล S เป็นผู้ใช้วรยุทธโบราณ

“เจียวหลินฮาน!?” ฉินเฟิงสามารถระบุสถานะของอีกฝ่ายได้ทันที

นั่นคือเลเวล S ของพันธมิตรหัวเซี่ย ในชีวิตก่อนฉินเฟิงไม่รู้จักอีกฝ่าย กระทั่งในชีวิตนี้ก็ไม่เคยเจอหน้ากัน อย่างไรก็ตาม ตั้งแต่เข้าร่วมพันธมิตรมนุษย์ รายชื่อทั้งหมดของพันธมิตรหัวเซี่ย ล้วนเคยผ่านตาฉินเฟิงมาแล้ว

อีกฝ่ายมีชื่อเสียงพอสมควรในเรื่องความทะเยอทะยาน แต่ความแข็งแกร่งของเขา ในมุมมองของฉินเฟิง ถือว่าแค่ทั่วๆไป

ทว่าหากมีเจียวหลินฮาน คาดว่าตงหยางคงผ่านช่วงเวลาอันยากลำบากนี้ไปได้ แต่ขณะเดียวกัน ก็ต้องติดหนี้น้ำใจใหญ่หลวงแก่อีกฝ่าย

เดิมฉินเฟิงคิดเข้าช่วยเหลือ แต่เกรงว่าตอนนี้จะไม่ค่อยสะดวก

“พวกเราไปอีกด้านหนึ่งกันเถอะ”

รอยแยกมิติในครั้งนี้มีขอบเขตกว้างใหญ่มาก ฉินเฟิงไม่จำเป็นต้องอยู่ที่นี่  ยังมีตำแหน่งอื่นที่เขาสามารถเข้าถึงได้ จะดีกว่าหากไม่รบกวนตงหยาง

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด