ตอนที่แล้วตอนที่ 186 เริ่มต้นสงครามเผ่าเจ้าสมุทร (5)
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 188 ความเศร้าของตระกูลอาโรเดีย

ตอนที่ 187 เริ่มต้นสงครามเผ่าเจ้าสมุทร(6)


ตอนที่ 187 เริ่มต้นสงครามเผ่าเจ้าสมุทร(6)

“แบ่งทหารออกเป็นสามหน่วย หน่วยแรกยึดพื้นที่แถบนี้ทั้งหมดตั้งแนวป้องกัน หน่วยกระจายตัวหาพื้นที่สูงไว้คอยรายงานกองกำลังของผู้สะกดส่วนไหนบุกส่วนไหนถอย อีกหน่วยตามฉันมาพวกเราจะไปจัดการกับอาบิเกลให้ได้” มาราคอฟพาทหารกล้าของตัวเองตามล่าอาบิเกล เขารู้ว่าถ้าไม่จัดการที่ต้นตอของปัญหา ก็ไม่มีทางที่จะจบเรื่องนี้ได้

มาราคอฟพาทหารหนึ่ง 1000 นายฝ่ากลุ่มผู้โดนสะกดมาด้วยเส้นทางเลือด แต่พอเกือบถึงตัวของอาบิเกลอีกเพียง 500 เมตรแล้ว เขาก็ไม่สามารถฝ่าไปได้อีก เพราะรอบด้านโดนล้อมไว้ด้วยผู้โดนสะกดนับหมื่นจนแม้แต่ขยับตัวยังยาก

“อาบิเกลทำไมถึงต้องทำแบบนี้ หยุดซะ” มาราคอฟถามอาบิเกลด้วยใบหน้าที่ดูเหมือนจะแก่ลงอีก

“ฮ่า ๆ ลุงมาราคอฟเลิกฝันได้แล้ว โลกใบนี้ใครแข็งแกร่งกว่าก็คือผู้นำ ราชาควรจะมีคนเดียว ไม่ใช่ราชาของไทกีล่า จีนาสหรือประเทศไหนทั้งนั้น แต่ฉันจะเป็นราชาของมนุษย์ทุกคน คุณรู้อะไรไหม พลังงานในโลกนี้มีจำกัด ระดับที่สูงกว่านี้มันยากมากที่จะขึ้นไปถึง ดังนั้นจะมีแค่คนเดียวที่อยู่ในจุดสูงสุดของโลกใบนี้ได้” อาบิเกลพูดออกมาด้วยความบ้าคลั่ง

“แกมันเสียสติไปแล้ว” มาราคอฟปาหอกใส่เหล็กในมืออาบิเกล แต่อาบิเกลสั่งให้คนมารับหอกแทน

“ไม่ใช่ แต่ฉันคือคนที่เห็นทุกอย่างตั้งหาก” อาบิเกลพูดจบก็ไม่สนใจมาราคอฟอีกปล่อยให้เขาสู้กับผู้สะกดไป ก่อนที่ตัวเองจะหายไปจากสายตาของมาราคอฟ

“เคเดนเคลียร์เส้นทาง พวกเราไปเอาแก่นพลังงานกันได้แล้ว ตอนนี้ไม่มีใครหยุดเราได้แล้ว” อาบเกลตรงเข้าหาซากจระเข้ยักษ์ พร้อมกับมนุษย์ชั้นสูงของเขา

เคเดนและหญิงสาวผู้มีความสามารถนิมิตไร้ระยะก็ติดตามมาด้วย

เมื่อเข้าไปถึงซากจระเข้อาบิเกลก็รู้สึกตื่นเต้นเป็นอย่างมาก เขามองดูร่างของจระเข้ยาวนับร้อยเมตรที่นอนตายแน่นิ่งไม่ขยับ

“ฮ่า ๆ ซากระดับ 6 และแก่นพลังงานระดับ 6 มันจะช่วยให้พวกเราแข็งแกร่งขึ้น” ไป! เข้าไปในซาก ถ้าเราจัดการจากด้านในน่าจะเอาแก่นพลังงานออกมาได้

พวกเขารู้เห็นตอนที่ไนเรลจัดการกับจระเข้ตัวนี้ ผิวด้านนอกของมันนั้นไม่สามารถทำลายได้ แต่ด้านในนั้นสามารถใช้พลังของมนุษย์ชั้นสูงระดับสีน้ำเงินจัดการได้

แต่ขณะที่ทั้งสามกำลังจะเดินเข้าไปในรอยแผลขนาดใหญ่ที่คอของจระเข้อยู่ ๆ ก็มีล้มหายใจออกมา

ทั้งอาบิเกลและคนอื่น ๆ ถึงกับตะลึงจนหน้าซีด เพราะดวงตาขนาดใหญ่ของจระเข้กำลังมองมาที่พวกเขาอยู่

“มัน...ยัง...ไม่...ตาย” เสียงของเคเดนสั่น ๆ โดยไม่ต้องคิดเขาหันหลังวิ่งทันที

แต่อาบิเกลและหญิงสาวอีกคนที่ไม่ได้มีความสามารถสนับสนุนแบบเคเดน ทำให้การเคลื่อนไหวช้าไปเล็กน้อย แม้แต่อาบิเกลที่มีความสามารถจิตใจก็หนีไม่ทัน

ตูม!

จระเข้ระดับ 6 เหยียบไปที่อาบิเกลและหญิงสาวคนนั้นจนแหลกเละติดดินด้วยพลังที่มหาศาลยิ่งกว่าที่โจมตีไนเรลซะอีก

โฮกกก!!!

มันร้องคำรามเป็นครั้งสุดท้าย แม้เสียงของมันจะไม่ได้ดุดันเพราะคอที่ฉีกขาด ก่อนที่ร่างของมันจะล้มลงตายไปจริง ๆ ก่อนที่จะมีรากและเถาวัลย์จำนวนมากงอกออกมาจากบาดแผลราวกับว่ามันพึ่งจะเริ่มทำลายจระเข้ระดับ 6 จากภายใน จนคอของมันขาดออกมา

ขณะเดียวกันหลังจากที่อาเบเกลตายผู้โดนสะกดทั้งหมดก็ราวกับร่างที่ไร้วิญญาณพากันหมดลมหายใจตายไปอย่างรวดเร็ว ทำเอาทุกคนที่ยังเหลือรอดต่างก็งุนงง แต่ไม่นานพวกเขาก็เดาได้ว่ามันเกิดอะไรขึ้น

“อาบิเกลตายแล้ว” มาราคอฟพึมพำออกมา

“คนที่ชื่ออาบิเกลตายแล้ว” มาคัสที่ใบหน้าซีดจับแขนของตัวเองกล่าวออกมา

ทุกคนมองศพคนตายตรงหน้าด้วยความสับสน เริ่มด้วยสัตว์กลายพันธุ์ระดับ 6 โจมตีตามมาด้วยอสูรครึ่งแสน แต่เมืองที่พวกเขาสู้รบเพื่อแย่งชิงกันกลับโดนทำลายไปเกือบ 40% ในทางใต้ของเมืองถึงกับราบเป็นหน้ากลอง

ตอนนี้พวกเขาถึงได้เข้าใจว่าสิ่งที่ทำมาทั้งหมดช่างไร้ค่า การแยงชิงกันเองมันก็เหมือนกับเป็นการเร่งเวลาตายเข้ามาเร็วขึ้นเท่านั้น

......

เคเดนยืนอย่างโดเดี่ยวห่างจากซากของจระเข้ไม่ไกลมากนัก รอบตัวของเขายังมีศพของผู้โดนสะกดจำนวนมากที่วิ่งมาคิดจะช่วยอาบิเกล แต่ก็ล้มลงตายตามอาบิเกลไป

‘มันเกิดอะไรขึ้น ทำไมจระเข้ถึงยังไม่ตาย แล้วทำไมต้นไม้นั้นพึ่งงอกออกมาฆ่าจระเข้นั้น...ไม่สิ...หรือว่ากับดัก!’ เคเดนมองภาพตรงหน้าด้วยความกลัว

“แกยังรอดอย่างนั้นเหรอ” เสียงของไนเรลดังขึ้นมาด้านหลัง เคเดนหันมามองด้วยความตกใจ แต่ก่อนจะได้พูดอะไรเอวาก็สะบัดมือฟันไปที่คอของเคเดนจนหัวของเขาหล่นลงตายไป

‘ทำไม...พวกเราถึง...จบลง..แบบนี้’ ซึ่งนี่เป็นความคิดสุดท้ายของเคเดน ขณะที่ภาพหมุนไปมาจากหัวที่กลิ้ง มันไม่มีความรู้สึกเจ็บเจ็บปวด แต่มันโดดเดี่ยวมากกว่าราวกับจมลงไปในท้องทะเล จากนั้นภาพทุกอย่างก็ดับลง

เอวาพยุงไนเรลนั่งลงพิงกับซากตึกแถวนั้น ส่วนเธออยู่ด้านข้าง รอบด้านมีผู้พิทักษ์อารักษ์ขาอยู่

“นายรู้เรื่องนี้แล้วใช่ไหม” เอวาถามไนเรล

“ใช่...ส่งคนไปเอาแกนพลังงานออกมาเถอะ” ไนเรลพยักหน้ารับออกมาตรง ๆ อันที่จริงเขารู้ว่ามันยังไม่ตาย สัตว์กลายพันธุ์ระดับสูงแบบนี้มักจะมีแรงเฮือกสุดท้ายที่ใช้ออกมาได้ก่อนตาย แน่นอนว่ามันคือการโจมตีสุดท้ายดังนั้นจึงน่ากลัวเป็นอย่างมาก และไนเรลก็ใช้จุดนี้วางกับดักอาบิเกล อันที่จริงไนเรลไม่ได้เจาะจงไปที่อาบิเกล แต่มันคือใครก็ตามที่คิดจะเอาแก่นพลังงานระดับ 6 ไป หลังจากนั้นเขาก็ให้ผู้พิทักษ์เข้าไปดึงแก่นพลังงานออกซึ่งมันใช้เวลาพอสมควร

และยังมีบางส่วนที่ไปค้นหาในหลุมที่อาบิเกลโดนเหยียบเป็นเศษเนื้อ

ผู้พิทักษ์ส่งแกนพลังงานขนาดเท่ากับไข่ไก่มาให้กับไนเรลและอีกอันซึ่งเล็กประมาณนิ้วก้อย ชิ้นแรกคือแก่นพลังงานของจระเข้ส่วนอีกชิ้นคือของอาบิเกลที่ยังเหลือรอดอยู่

“เราจะเอายังไงกับซากของจระเข้ระดับ 6”

“เอาไปแค่หัว ส่วนที่เหลือทิ้งไว้ที่นี่”

ไนเรลรู้ว่าเขาไม่สามารถขนมันไปได้ทั้งตัว เพียงแค่หัวมันก็พอแล้ว ดังนั้นเขาเลือกจะทิ้งส่วนอื่น ๆ ไว้ที่นี่ส่วนใครจะมาเอามันไปก็แล้วแต่

“น่าเสียดาย”

“มันก็แค่ซากระดับ 6 ขั้นต้น หลังจากนี้ฉันไปล่ามาเอง” ไนเรลมองแก่นพลังงานระดับ 6 ในมือ แต่เขายังไม่ได้กินมันตอนนี้สภาพของเขานั้นยังไม่พร้อม เขาต้องรักษาตัวเองก่อน อย่างน้อยก็ไม่ใช่ตอนนี้ หลังจากนั้นค่อยกินแก่นพลังงานขึ้นเป็นระดับ สีม่วง

......

“เราไปกันเถอะ” หลังจากอาหัวของจระเข้ระดับ 6 ขั้นต้นเก็บลงไปในเงาแล้วไนเรลก็ไม่เหลือแรงอีก นอกจากพลังงานที่ใช้พลังรักษาพื้นที่ในเงาของตัวเองไว้

เขานั่งอยู่บนหลังของม้ายักษ์ด้วยใบหน้าซีด ขณะที่กลุ่มของไนเรลเดินออกจากสนามรบก็ไม่มีใครกล้าหยุดเขาเลยแม้แต่น้อย

ผู้คนที่ก่อนหน้านี้หลบซ่อนอยู่ต่างปรากฏตัวออกมาเรื่อย ๆ บางคนร้องไห้กับความสูญเสียคนรักญาติพี่น้อง บางคนก็กลัวกับความไม่มั่นคงในชีวิตที่อาจจะตายได้ทุกเมื่อ พวกเขารู้สึกราวกับมดตัวเล็ก ๆ

แต่ก็มีบางส่วนที่สายตาเต็มไปด้วยความโกรธแค้นไม่ใช่กับเพียงเผ่าเจ้าสมุทรหรือจระเข้ยักษ์ตัวนั้น แต่รวมถึงไนเรลด้วย

คนเหล่านั้นโทษไนเรลเรื่องที่ทำลายตึกจนเกิดคนตายจำนวนมาก ซึ่งเป็นตอนที่ไนเรลกระเด็นไปกระแทกกับตึกตอนสู้กับจระเข้ระดับ 6

“แกฆ่าพอฉัน” เด็กชายชาวอามิวกัสวัย 15 ปีถือก้อนหินปาใส่ไนเรลด้วยความโกรธ

แต่หินกับถูกหยุดไว้โดยผู้พิทักษ์ ผู้พิทักษ์คนนั้นควบม้ายักษ์สูง 4 เมตรเข้าไปหาเด็กคนนั้น ซึ่งพอเด็กคนนั้นเห็นผู้พิทักษ์เข้ามาใกล้ก็สั่นด้วยความกลัว

คนอื่น ๆ ก็ไม่กล้าเข้าไปช่วยอีก แม้จะมีหลายคนโกรธแค้นไนเรลก็ตาม

“คนพวกนี้ไม่มีค่าพอให้ลงมือ” ไนเรลควบม้าออกไปจากกลุ่มคนอามิวกัสทันที

“เดี๋ยว” หลังจากออกมาจากตรงนั้นได้แล้ว เสียงของของมาราคอฟพร้อมด้วยทหารเกือบ 20,000 คนก็ตามมาด้วย

“คุณมาราคอฟ…” ไนเรลมองดูมาราคอฟที่เข้ามาหาเขา

“นายจะจัดการยังไงกับเมืองหลวงใหม่ไทกีล่านี้ ผู้คนที่นี่ด้วย ถ้าเป็นไปได้นายช่วยพวกเขาได้ไหม ตอนนี้มันน่าจะไม่มีใครที่เหมาะไปกว่านายแล้ว” มาราคอฟถามไนเรล

แต่ไนเรลไม่ได้ตอบทันที เขากลับให้ผู้พิทักษ์โยนบางหัวสองหัวคือของเคเดนและหัวของผู้นำกองกำลังเผ่าเจ้าสมุทรไปทางมาราคอฟ

“เมืองนี้ไม่มีอะไรให้ผมอีก คนที่นี่ก็เช่นกัน หวังว่าคุณยังจำคำพูดของผมได้ หัวสองหัวนี้ผมยกให้อย่างน้อยมันอาจจะช่วยคุณได้บ้าง เพราะเมืองนี้ต้องการคุณมากกว่าผม” ไนเรลพูดจบก็เดินออกไปจากเมืองทันที

ทิ้งไว้เพียงมาราคอฟที่มองดูกลุ่มของไนเรลหายไป ‘สงครามกำลังมา มนุษย์ก็คือมนุษย์เหมือนกัน พวกที่ต้องการฆ่าเผ่าพันธุ์มนุษย์คิดแค่นี้ ส่วนซอมบี้พวกเราคืออาหารแค่นั้นดังนั้นเมื่อถึงเวลาเขาควรจะตัดสินใจได้ถูกต้อง’

“ดูเหมือนฉันจะแก่แล้วจริง ๆ” มาราคอฟพูดออกมาเหมือนจะตัดสินใจอะไรบางอย่างได้แล้วหลังจากนั้นเขาก็สั่งทหารของตัวเองเข้าควบคุมเมืองและกำจัดศพคนตายก่อนที่มันจะเป็นซอมบี้นับแสน

เพราะไม่อย่างนั้นซอมบี้พวกนี้จะเป็นการซ้ำเติมและทำลายเมืองนี้อีกครั้ง

......

หกวันหลังจากเรื่องทั้งหมด ไนเรลก็กลับมาถึงเมืองซานติเกียอย่างปลอดภัย เขาเอาหัวของจระเข้ระดับ 6 ไปเก็บไว้ในคลังจากนั้นก็นอนรักษาตัวอยู่สองวันแผลส่วนใหญ่ก็หายเป็นปกติยกเว้นขาที่ขาดของเขา ซึ่งไนเรลคาดการว่าต้องใช้โลหิตแห่งชีวิตที่สร้างขึ้นมาถึง 2 เดือนถึงสามารถทำให้ขากลับมาเหมือนเดิม

เหตุผลที่มันนานขนาดนี้ เนื่องจากต้องสร้างขาขึ้นมาใหม่ทั้งหมด ต่างจากตอนที่ปู่ของเขาแขนขาดซึ่งมันเพียงแค่การต่อแขนเท่านั้น

ในทุกเช้าไนเรลจะอาบแสงแรกของวันเพื่อสร้างโลหิตแห่งชีวิตบนดาดฟ้าของตึก ในวันนี้ก็เช่นกัน เขาเก็บโลหิตแห่งชีวิตลงไปในขวดจากนั้นก็เก็บมันลงไปในเงา

“ท่านไนเรล ท่านนิเรียติดต่อมา”

“บอกไปว่าฉันรักษาตัวอยู่...ไม่...บอกเธอว่าเดียวฉันจะไปหาตอนเย็น”

“ครับ”

“เรียกพ่อกับแม่ฉันมาด้วย”

“ส่งข้อความเรียบร้อยแล้ว”

“อืมขอบใจ”

ไนเรลมองท้องฟ้าด้วยความเศร้า ตั้งแต่ที่เขามาถึงเมืองซานติเกียไนเรลไม่ได้ออกไปพบใครเลย อีกทั้งยังสั่งให้ทุกคนออกไปจากตึกจนหมด และที่สำคัญเขาไม่ได้บอกใครเรื่องที่ปู่ตายไปแล้ว ซึ่งไนเรลสั่งให้ซีโร่เก็บข้อมูลนี้ไส้เป็นความลับ ส่วนคนที่ไปกับเขาด้วยน่าจะได้ยินเรื่องนี้จากอาบิเกล แต่ก็ไม่มีใครกล้าพูดมันออกมา

ซึ่งสองสามวันมานี้เอวามาหาเขาอยู่บ่อย ๆ แต่ไนเรลก็บอกว่าเขาอยากอยู่คนเดียวซึ่งเธอก็เข้าใจ

และในเย็นวันนี้ไนเรลก็ตัดสินใจที่จะบอกเรื่องนี้กับครอบครัวของเขา ‘ฉันไม่ควรเห็นแก่ตัวที่จะเก็บเรื่องนี้ไว้ พ่อ แม่และน้องสาวมีสิทธิ์ที่จะได้รู้’

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด