ตอนที่แล้ว[Rewrite,อ่านฟรี] Special District 9 ตอนที่ 16 ในวันหนึ่งของชีวิตหมาขี้ประจบ
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไป[Rewrite,อ่านฟรี] Special District 9 ตอนที่ 18 ขันข้าวเหล็ก เจ้าต้องชดใช้ชีวิต

[Rewrite,อ่านฟรี] Special District 9 ตอนที่ 17 แง่มุมของชีวิตทั้งหมดในเขต 9


บทที่ 17 แง่มุมของชีวิตทั้งหมดในเขต 9

ในห้องนอนที่หอพักกองปราบพิเศษ

ฉินหยู่กำลังทำความสะอาดปืนตำรวจอยู่พลางเอียงคอมองไปที่เหล่าเฮย และถามว่า

“พี่ชาย นายมาอยู่เขตที่ 9 ได้ยังไงเหรอ?”

“ก็เหมือนกับคนส่วนใหญ่” เหล่าเฮยก้มหน้าลงและตอบเบาๆ “หลังภัยพิบัติเกิดขึ้น ประเทศต่างๆ ได้จัดตั้งรัฐบาลผสมขึ้นและจัดตั้งแปดภูมิภาคเพื่อช่วยผู้ลี้ภัย แต่ว่า ผู้คนลี้ภัยตั้งมากมายทั่วโลก จะให้ยัดเยียดกันทั้งหมดเข้าไปในทั้งแปดเขตได้ยังไง มีคนเยอะแต่ทรัพยากรนิดเดียว และมีที่อยู่อาศัยไม่กี่แห่ง เพราะงั้นถ้าคุณต้องการเข้าสู่แปดเขตนี้ คุณต้องรอให้รัฐบาลมอบตั๋วสิทธิการอยู่อาศัยถาวรให้กับผู้คนทั่วโลกแบบสุ่ม ปากก็บอกว่าสุ่มนะ แต่ตั๋วส่วนใหญ่ตกไปเป็นของคนรวยๆ เกือบหมด ส่วนที่เหลือนิดหน่อยก็ถูกขายในราคาสูงเสียดฟ้า ตอนหลังตั๋วใกล้ๆ หมด ราคากลายเป็นหลายหมื่นล้านดอลลาร์...บ้านเกิดของฉันอยู่ในแอฟริกา เขตบอบช้ำจากสงคราม ความเป็นอยู่ก็ยากลำบากอยู่แล้ว จะเอาเงินที่ไหนมาซื้อตั๋ว”

สองพี่น้องชาวไทยที่อยู่เตียงใกล้ๆ เมื่อได้ฟังก็สะท้อนออกมาเบาๆ “พวกเราก็เจอเหตุการณ์อย่างเดียวกันเลยนะ”

“พ่อของฉันมีความหวังริบหรี่ในตอนนั้น เขาได้ยินว่าในเขต 7 และเขต 8 คนยังไม่เต็ม และการออกตั๋วสิทธิที่อยู่ถาวรยังถูกสุ่มออกมาเรื่อยๆ  ดังนั้นเขาจึงพยายามทุกวิถีทางเพื่อมาเอเชีย แต่สิ่งที่เรามาเจอคือมีผู้คนรอรับตั๋วเต็มไปหมด อย่างนี้มันรับไม่ได้จริงๆ” เหล่าเฮยยิ้มและถามฉินหยู่ “นายรู้ที่มาของเขตที่ 9 ไหม?”

“ฉันได้ยินมาบ้าง” ฉินหยู่พยักหน้า

“เพราะว่าเขต 7 และ 8 อยู่ในประเทศของนาย และเป็น 2 เขตสุดท้ายที่โควตายังไม่เต็ม ผู้คนจำนวนมากที่มีความหวังอันริบหรี่ที่จะได้สิทธิอยู่อาศัย ต่างรีบมาที่นี่กันจากทั่วทุกมุมโลกเพื่อรอโอกาสอันน้อยนิดนั้น... แต่หลังจากเขตที่ 7 และ 8 เต็ม ทำให้มีคนจรจัดหลายสิบล้านคนถูกทิ้งไว้ที่นี่… พวกเขาไม่สามารถอยู่รอดได้ มันเกิดการจลาจลขึ้นโดยการนำของใครคนหนึ่งในนั้น พยายามบุกโจมตีปล้นสะดมย่านที่อยู่อาศัยอื่นๆ รัฐบาลผสมดูเหมือนไม่มีทางเลือกอื่น นอกจากตัดสินใจที่จะใช้ทรัพยากรส่วนหนึ่ง และอนุญาตให้มีการจัดตั้งเขตพิเศษที่ 9 ขึ้นมา แต่พวกเขาไม่มีปัญญาจะจัดหาทรัพยากรเพียงพอมาให้ที่นี่ สุดท้ายก็ปล่อยให้คนปกครองกันเอง นี่ละคือประวัติของเขตที่ 9 แม้ว่ามันจะยุ่งเหยิง แต่ก็เหมือนครอบครัวใหญ่ ตอนนี้ถ้านายให้ฉันไปอยู่ที่เขตทั้งแปดแห่ง ฉันว่าฉันปรับตัวอยู่ที่นั่นไม่ได้แน่ๆ” เหล่าเฮยมองโลกในแง่ดีเป็นอย่างมาก และอวดฟันขาวเสมอเวลาพูด ให้ความรู้สึกอบอุ่นต่อคนที่ได้สนทนาด้วยทีเดียว

ฉินหยู่เงียบไปนานและถามอีกครั้ง “แล้วมีใครอีกไหมในครอบครัวของนาย?”

“ไม่มีแล้ว แม่และน้องชายของฉันเสียชีวิตในการสู้รบทางทหารครั้งแรกในเขตที่ 9...!” ดวงตาของเหล่าเฮยมืดมนลงเล็กน้อย “พ่อของฉันเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจกลุ่มแรกในเขตที่ 9 เขาตายในขณะปฏิบัติหน้าที่”

ฉินหยู่ผงะไปครู่หนึ่ง “เสียใจด้วยนะ”

“ไม่เป็นไร ฉันหายเศร้าไปนานแล้ว” เหล่าเฮยยิ้มอีกครั้ง “แล้วนายล่ะ คุณมีครอบครัวไหม ทำไมนายถึงไปอยู่ในพื้นที่โครงการพัฒนาได้...!”

“ฉัน ฉันอาจจะโชคดีกว่านายหน่อย...!” ฉินหยู่ลังเลอยู่นานก่อนจะเล่าให้เพื่อนร่วมงานฟัง

“กริ๊งง!”

ทันใดนั้น โทรศัพท์ก็ดังขึ้น

“สวัสดี?” ฉินหยู่รับโทรศัพท์ของตำรวจ

“คนสำคัญของตระกูลหม่า พาผู้เฒ่าหม่าไปที่ถนนวงแหวนที่สาม ฉันสังเกตมานานแล้ว และฉันแน่ใจ 80% ว่าคนที่พวกเขาไปพบควรเป็นตัวเชื่อมต่อ” เสี่ยวลิ่วพูดมาตามสายโทรศัพท์เกริ่นนำสถานการณ์

“รู้จำนวนพวกมันไหม?”

“จากประสบการณ์ ฉันคิดว่าตัวเชื่อมต่ออยู่ที่นี่” เซียวลิ่วตอบพร้อมกับขมวดคิ้ว “ฉันไม่เห็นเขาด้วยตาตัวเอง

แต่มีคนอย่างน้อย 2-4 คนยืนเฝ้าอยู่ที่ทางเข้าซอยครับ”

“เฒ่าหม่าอยู่ไหน”

“เขาเข้าไปคนเดียว และคนที่มากับเขา 3 คนก็รออยู่ข้างนอกครับ”

“นายประเมินพลังอาวุธของพวกมันได้ไหม?” ฉินหยู่ ถามอีกครั้ง

“ไม่ชัดเจนครับหัวหน้า แต่จากประสบการณ์ ฉันคิดว่าคนกลุ่มนี้เป็นแก๊งทรงอิทธิพลขนาดใหญ่ และพวกเขาต้องมีอาวุธหนักที่รุนแรงอยู่ในมือ” เสี่ยวลิ่วตอบโดยไม่ลังเล

“โอเค ฉันเข้าใจละ นายรออยู่ที่เดิม เราจะไปที่นั่นเดี๋ยวนี้”

“ครับผม!”

หลังจากทั้งสองจบการสื่อสารกัน ฉินหยู่ก็ตบมือพร้อมตะโกนบอกเพื่อนร่วมงานคนอื่นๆ ทันที “เตรียมอาวุธ เราไปกันได้แล้ว!”

เหล่าเฮยเป็นคนแรกที่ลุกขึ้นเมื่อได้ยินเสียง

“เฮะเฮะ พวกเราทำงานกันก่อน แล้วค่อยดื่มสังสรรค์กันทีหลัง” ฉินหยู่ตบไหล่เหล่าเฮยพร้อมพูดด้วยรอยยิ้ม

“โอเค” เหล่าเฮย ไม่มีปัญหาหยุมหยิมเหมือนเพื่อนร่วมชาติส่วนใหญ่ เขาทำงานหนัก ไม่เกียจคร้านหรือกลัวสิ่งต่างๆ สามารถทำงานผู้สังเกตการณ์หรือบุกจับก็ได้ และยังใช้อาวุธปืนได้ชำนาญ จนเพื่อนตั้งฉายาให้เป็น “นายพลแห่งความรุนแรง” แห่งทีมสามกลุ่มเลยทีเดียว

“พวกนายไปรวมกันข้างล่าง”

ฉินหยู่พูดสั่งทีมขณะเดินออกจากหอพัก เขากดโทรศัพท์หาหยวนเค่อทันที

“สวัสดี เสี่ยวฉิน!”

“กัปตันหยวน ฉันต้องการคนเพิ่ม” ฉินหยู่กล่าวคำขออย่างตรงไปตรงมา

“นายจับปลาใหญ่ได้ไหม” ดวงตาของหยวนเค่อเป็นประกาย

“เราไม่แน่ใจ เราต้องกินมันถึงจะรู้” ฉินหยู่เลียริมฝีปากของเขา “พวกมันอาจมีอาวุธหนักที่ร้ายแรง และคาดว่าจะมีกำลังคนอยู่ที่ประมาณสิบ”

“นายต้องการกี่คน?”

“อย่างน้อยหนึ่งทีม”

“...ตอนนี้คงยากที่ฉันจะรวบรวมสองกลุ่มให้นาย คนของเรากระจายตัวกันทำคดีอื่นอยู่ด้วย” หยวนเค่อรู้สึกยุ่งยากเล็กน้อย

“ถ้าคุณไม่เพิ่มคนให้ ฉันก็จับไม่ได้” ฉินหยู่ขมวดคิ้วและพูดต่อ “กัปตัน คุณก็รู้อยู่แล้วว่าสถานการณ์ของทีมสามกลุ่มเป็นยังไง”

หยวนเค่อครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง “ฉันจะโทรหากัปตันทีมที่สามและขอให้พวกเขาส่งคนมาช่วย คุณรออยู่ข้างล่างก็แล้วกัน”

“ทีมแมวแก่?” ฉินหยู่ผงะเมื่อได้ยินคำตอบ เขาแค่ไม่ค่อยวางใจฝีมือแมวแก่มากนัก เมื่อวัดจากเหตุการณ์คราวก่อน

“มีอะไรเหรอ? หรือนายไม่เอา?”

“เอา เอา ให้เขามาครับ” ฉินหยู่ตอบด้วยความพึงพอใจ “ฉันรู้จักเขาดี เราจะได้ทำงานด้วยกันได้ง่าย”

“แค่นั้นแหละ!”

...

ประมาณห้านาทีต่อมา

แมวแก่นำคน 20 คน สวมเครื่องแบบตำรวจรบพิเศษสีเขียวอ่อน สวมรองเท้าบูตหนัง สะพายโล่ป้องกันการระเบิดแบบพับได้บนบ่า และถือปืนไรเฟิล M464 5 กระบอก ทั้งหมดรีบวิ่งออกมาที่ทีมของฉินหยู่

“เร็วมาก!” ฉินหยู่เดินไปพร้อมกับรอยยิ้ม

“ให้ตายเหอะ ฉันได้ยินมาว่านายเป็นคนนำทีม ฉันเลยมาช่วย ถ้าเป็นคนอื่นนำล่ะก็ ฉันคงหาเรื่องหายตัวไปแล้ว” แมวแก่แยกเขี้ยวแสดงความยินดีที่มาช่วยฉินหยู่และบอกว่า “คนเหล่านี้เป็นชุดเดียวที่เหลือในหอพัก ส่วนใหญ่ออกไปทำคดีอื่นกันหมด!”

“ขอบใจนะ”

“เฮ่ย อย่าพูดไร้สาระน่า เรามาเพื่อช่วยอยู่แล้ว นายนำทีมพวกเราได้เลย” แมวแก่โบกมือของเขา

“ไปคุยกันในรถ!” ฉินหยู่ดึงแมวแก่ และหันกลับมาตะโกนใส่สมาชิกในทีมของเขา “เช็กอุปกรณ์สื่อสาร

เราจะวางแผนการจับกุมระหว่างทางกัน”

“รับทราบครับ!”

ทีมสามกลุ่มตะโกนและรีบเข้าไปในรถ

ไม่กี่นาทีต่อมา รถสายตรวจของตำรวจสี่คันและรถตู้ต่อสู้อเนกประสงค์หนึ่งคัน ก็พุ่งทะยานกันอย่างพร้อมเพรียงมุ่งไปที่ถนนวงแหวนรอบที่สาม

...

ในตรอก ภายในห้องที่มืดและอับชื้น

อาหลงกำลังกินเนื้อตุ๋นพลางเอียงคอมองไปที่ผู้เฒ่าหม่าแล้วถามว่า “คุณจัดการเรื่องนี้ให้จบได้ไหม

ถ้าคุณทำไม่ได้ ฉันจะให้คนอื่นไปทำแทน”

“รออีกหน่อย”

“ฉันจะรอคุณอีกสัปดาห์เดียว” อาหลงตอบหลังจากไตร่ตรองอยู่นาน “ฉันรอช้าไม่ได้อีกแล้ว ถ้าโกดังถูกกวาดล้างไปอีก ฉันจะไม่เหลือแม้แต่กางเกงสักตัวไว้แลกข้าวกิน”

“เข้าใจแล้ว” ผู้เฒ่าหม่ายืนขึ้น “จะแก้ปัญหาภายในหนึ่งสัปดาห์”

“ตกลง!” อาหลงจิบเหล้าและเงยหน้าขึ้นกล่าวทักทาย “ส่งคุณหม่า!”

ผู้เฒ่าหม่าหันหลังเดินไปที่ประตูและหยุดลงชั่วขณะ จู่ๆ ก็หันกลับมาถามว่า “อาหลง จริงๆ แล้วเราไม่มีคู่แข่งมากนักในธุรกิจนี้บนถนนสีดำ มีเพียงไม่กี่ราย แต่ราคายาของพวกเขาสูงกว่าของเราสองเท่า

...ฉันแค่ไม่เข้าใจว่าทำไมคุณไม่ให้เราขึ้นราคา? มันเสียรายได้น้อยลงไปตั้งเท่าไหร่?”

อาหลงขมวดคิ้วและตอบด้วยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์

“ฉิบ! ถ้ามันยังมีกำไรก็ขายไปเถอะ จะเอากำไรมากมายไปทำอะไร?”

ผู้เฒ่าหม่าครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง “นั่นก็ถูก ฉันไปก่อน”

“แก้ปัญหาเร็วๆ เข้า”

“จะจัดการให้…”

ผู้เฒ่าหม่าผลักประตูเดินออกจากห้องไป

...

สามนาทีต่อมา

เสี่ยวลิ่วโทรหาฉินหยู่ “หัวหน้า สถานการณ์เปลี่ยนครับ ผู้เฒ่าหม่าจากไปอย่างกะทันหัน...!”

ฉินหยู่ตกตะลึงเป็นเวลานานและถามทันที “ยังมีใครอยู่ในบ้านไหม?”

“มีครับ!”

…………………………………………………………….

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด