ตอนที่แล้ว[Rewrite,อ่านฟรี] Special District 9 ตอนที่ 6 เหยียบหัวพี่สามขึ้นไป
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไป[Rewrite,อ่านฟรี] Special District 9 ตอนที่ 8 สามกลุ่ม

[Rewrite,อ่านฟรี] Special District 9 ตอนที่ 7 พบกัปตันหยวน


ตอนที่ 7 พบกัปตันหยวน

แม้ว่าฉินหยู่จะได้ลิ้มรสความหอมหวานจากคดีมัตสึชิตะ และได้รับการรับรองจากผู้กำกับหลี่ แต่สถานะของเขาในทีมก็ยังไม่ได้ดีขึ้นเท่าใดนัก กลับกลายเป็นว่าเพื่อนร่วมทีมส่วนมากของทั้งหมด 45 คน ปฏิบัติกับเขาเหมือนอากาศธาตุ ยกเว้นฉีหลิน แมวแก่ และพวกลูกทีมกองสนับสนุนวงนอกเริ่มได้รู้จักกับเขามากขึ้น แต่แก่นของทีมโดยปกติแล้วเผชิญหน้ากับเขาอย่างเย็นชาเหมือนเดิม

หากเป็นแค่เฉพาะผู้คนภายนอกที่ปฏิบัติกับเขาอย่างนี้ เขายังทนได้ แต่กับกลุ่มเพื่อนร่วมห้องที่หอพักกองปราบพิเศษที่จำเป็นจะต้องเข้ากันได้ดีไปตลอดทั้งคืนทั้งวัน กลับแสดงความเย็นชากับเขาด้วย แม้ว่าคนพวกนี้ไม่ได้ถามไถ่อะไรเขา แต่พวกนี้ก็ไม่พูดคุยกับเขาด้วย ในทันทีที่ฉินหยู่เข้ามาในห้อง ทุกคนก็จะเงียบสนิทไปชั่วครู่ หรือไม่ก็พากันออกไปนอกห้อง ในทันทีที่ฉินหยู่ออกไป พวกเขาก็กลับเข้ามาอีกทีเมื่อถึงเวลาเล่นไพ่และคุยกัน

ทุกคนที่ปฏิบัติกับฉินหยู่แบบนี้เพราะถือว่าเขารังแกพี่สาม ดูเหมือนหนามที่ทิ่มตำหัวนิ้วหัวแม่เท้า ถือว่าเขาเข้ามาแย่งเครดิตในทันทีที่เข้าร่วมทีม ซึ่งทำให้ทีมบางคนอิจฉาเขาอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

หากเป็นคนอื่น เขาอาจรู้สึกผิดที่ไปรังแกพี่สาม แต่ฉินหยู่ไม่รู้สึกอย่างนั้นแม่แต่น้อย เพราะเขามีบุคลิกเย็นชาด้วย และไม่มีใครเข้าถึงจิตใจของเขาได้ง่ายๆ

นอกจากนี้เขาไม่คิดว่า เขาสามารถเข้าไปร่วมในวงกลุ่มคนที่ชอบประจบสอพลอ ผงกหัวและโค้งคำนับตลอดเวลา เขาคิดว่า ถ้าอาศัยอยู่ในสภาพแวดล้อมเช่นนี้ หากผู้คนอ่อนแอเกินไป ตามหลักจิตวิทยาแล้ว พวกเขาจะกลายเป็นเหยื่อของสังคม และจะเรียกร้องความช่วยเหลือจากผู้อื่นตลอดเวลา

หากพี่สามสามารถกดขี่เขาครั้งหนึ่ง เขาจะถูกกดขี่ต่อไปอีกเป็นร้อยครั้ง วันนี้เขาเข้ากะสามวันและไม่ปริปากสักคำ ถ้าครั้งหน้าพี่สามยังโวยวายได้ ครั้งต่อไปเขาจะต้องเข้ากะไปอีกสี่วันติดต่อกัน

เมื่อคิดไปยาวไกลกว่านั้นอีก เขาอาจจะถึงขั้นต้องซักผ้าให้กับพวกในหอพักกองปราบพิเศษ ซึ่งเป็นสิ่งที่ฉินหยู่รับไม่ได้อย่างยิ่ง

เผชิญหน้ากับบรรยากาศมุ่งร้ายจากเพื่อนร่วมทีม ทำให้ฉินหยู่รู้สึกเฉยเมย แต่เขาก็รู้สึกลำบากใจเล็กน้อยในการที่จะอยู่ในหอพัก สุดท้ายแล้ว ทุกคนอาศัยอยู่ใต้หลังคาเดียวกัน และไม่ดูถูกกัน แต่มองกันด้วยความเย็นชาทุกวัน มันต้องส่งผลต่ออารมณ์ไปด้วยเป็นแน่แท้

คดีมัตสึชิตะทำให้ฉินหยู่ได้รับรางวัล 3,000 หยวน และรางวัลนี้เป็นสิ่งที่เขาไม่คาดฝันมาก่อน ทันทีที่ได้รับเงิน เขาตัดสินใจจะออกไปเช่าบ้านอยู่คนเดียว เพราะว่า ถ้าเราเข้ากันไม่ได้ ก็ออกไปให้พ้นหูพ้นตาดีกว่า อย่างไรก็ตาม ฉินหยู่ไม่รู้สถานการณ์ในพื้นที่ท้องถิ่นมากนัก ดังนั้นสิ่งที่จะทำได้คือให้แมวแก่ช่วยหาบ้านเช่าให้ ด้วยราคาค่าเช่าที่ไม่แพงเกินไป และมีน้ำไฟบริการ นั่นก็เพียงพอสำหรับเขาแล้ว

ในสายตาแมวแก่นั้น ฉินหยู่เป็นคนแข็งแกร่ง และตรงไปตรงมา และเขาเข้ากับฉินหยู่ได้ดี เขาจึงตกลงช่วยเพื่อนอย่างไม่รีรอ

วันต่อมา

ฉินหยู่เพิ่งเข้ามาที่กองกำกับการตำรวจ และกำลังจะพบบางคนที่จะมอบงานให้ เมื่อเขาเข้ารับหน้าที่อย่างเป็นทางการแล้ว เจ้าหน้าที่คนหนึ่งเรียกฉินหยู่ไว้ “ฉินหยู่ กัปตันหยวนบอกให้นายไปหาที่ร้านอาหารแน่ะ” ฉินหยู่หันไปหา ว่าจะถามต่อ แต่คนเรียกก็จากไปแล้ว

เขามาเช้าไปใช่ไหม ไม่หรอก มันไม่มีจุดหมายในการสนทนาต่อเนื่องไปต่างหาก

“เฮะเฮะ” ฉินหยู่ยิ้มแล้วคว้าเสื้อโคตและเดินออกจากสำนักงานไป

ในร้านอาหาร

หลังจากฉินหยู่ถามพนักงานแล้ว เขาหันไปเห็นกัปตันหยวนนั่งโต๊ะริมหน้าต่าง

หยวนเค่อสูงประมาณ 178 - 179 เซนติเมตร เขาผอมบาง แต่ผิวขาวและหล่อเหลา เขายังมีดวงตาดอกพีชที่มุมหัวตาต่ำและหางตาชี้เล็กน้อยดูราวกับจันทร์เสี้ยวที่ให้ความรู้สึกว่าดวงตาของเขายิ้มได้ และเป็นดวงตาที่ดูดีมากๆ เมื่อได้สบตาครั้งแรก

“สวัสดีครับ กัปตันหยวนใช่ไหมครับ? ฉัน ฉินหยู่”

“หึหึ สวัสดี สวัสดี” หยวนเค่อยืนขึ้นด้วยรอยยิ้มพร้อมจับมือกับฉินหยู่อย่างเป็นกันเอง “ฉันควรจะไปรับนาย ตอนที่นายเพิ่งเข้ามาในทีมวันแรก แต่โชคไม่ดีที่ฉันไม่อยู่ในซงเจียงเมื่อสามสี่วันก่อน เพิ่งกลับมาวันนี้เอง”

“ฉันได้ยินมาว่าคุณไปประชุมที่เฟิ่งเป่ย”

“ทุกอย่างเรียบร้อยดีนะ?” หยวนเค่อโบกมือเป็นสัญญาณให้ฉินหยู่นั่งลง

“ครับ ขั้นตอนที่สำคัญทั้งหมดเรียบร้อยแล้วครับ” ฉินหยู่นั่งลงตรงข้ามหยวนเค่อ

“ดีแล้ว” หยวนเค่อรินน้ำใส่แก้วให้ฉินหยู่ด้วยตัวเขาเองพร้อมรอยยิ้มและพูดต่อ “หึหึ ฉันได้ยินเรื่องคดีลักพาตัว นายทำให้ทีมได้หน้าไปด้วย”

“มันแค่ความบังเอิญน่ะครับ และมันก็มีโชคช่วยด้วย” ฉินหยู่ตอบด้วยรอยยิ้ม

“ทันทีที่ฉันมาถึงที่นี่เมื่อเช้า ฉันก็ได้พูดคุยกับผู้กำกับหลี่ และเขาบอกฉันเกี่ยวกับสถานการณ์ของนาย”

หยวนเค่อแทรกขึ้นมาและคุยเข้าเรื่องไปโดยธรรมชาติ “จริงๆ แล้ว ถ้าแก๊งโจรอย่างมัตสึชิตะสามารถจับได้ง่ายๆ ทีมสืบสวนหลักจะได้รับเครดิต และทุกคนที่อยู่ใต้หัวหน้าตำรวจ อย่างน้อยคงได้ก้าวหน้าไปได้ ที่ผู้กำกับหลี่ตั้งใจคือต้องการให้นายเป็นหัวหน้าทีมตรงๆ เป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจระดับสอง แต่เวลามันแค่ไม่ถึงวัน ตั้งแต่นายเข้าร่วมทีม และมันดูเหมือนความบังเอิญเล็กน้อยที่นายไปชนกับเรื่องนี้เข้า ถ้านายเอ่ยถึงมันบ่อยๆ มันจะทำให้คนในวงการตำรวจคิดมากไปอย่างเลี่ยงไม่ได้ ดังนั้น ผู้กำกับหลี่และฉันคิดเรื่องนี้ และตัดสินใจที่จะให้นายรอ แต่ไม่ต้องกังวล เส้นทางที่เราเดินยังอีกยาวไกลนัก”

“ครับ ผู้กำกับหลี่บอกฉันแล้วเกี่ยวกับสถานการณ์ เฮะเฮะ ฉันไม่ได้รีบร้อนอะไร” ฉินหยู่ตอบรับตามความตั้งใจของอีกฝ่าย และตีความว่า “นายเพิ่งมาถึง ทำความคุ้นเคยกับสภาพแวดล้อมก่อน ไอ้หนู”

“...”

ในระหว่างการสนทนา พนักงานยกอาหารร้อนมาเสิร์ฟสองถาด อาหารเย็นอีกสองถาด ไม่ใช่แค่เนื้อ แต่มีผักสดราคาแพงเสียด้วย เมื่อเห็นเช่นนี้ ทำให้ฉินหยู่รู้สึกว่า การกระทำของหยวนเค่อค่อนข้างมีน้ำใจทีเดียว อย่างน้อย เขาดูเป็นคนใจกว้างคนหนึ่ง

“ระหว่างปฏิบัติงาน นายห้ามดื่มแอลกอฮอล์ งั้นเรากินอาหารกันเถอะ” หยวนเค่อเติมน้ำให้ฉินหยู่อีกที

“ไม่เป็นไรครับ”

“อย่าเอาแต่มอง กินในขณะที่มันยังร้อน”

“กินละนะครับ”

ขณะที่ทั้งคู่กินไปคุยไปพร้อมกับตะเกียบที่คีบอาหารกันไปมา หยวนเค่อยังใช้หางตาเหลือบมองสังเกตฉินหยู่ เขาพบว่า ชายคนนี้ที่หนีความอดอยากมาจากพื้นที่โครงการพัฒนา ไม่ได้แสดงความกลัวหรือขาดความมั่นใจออกมา แต่ก็ไม่ดูเหมือนเป็นคนเก็บความรู้สึกแต่อย่างใด

“เสี่ยวฉิน ไปอยู่ที่กลุ่มสามของทีม”

หยวนเค่อเงียบไปสักครู่ หลังจากนั้น จู่ๆ ก็พูดขึ้นมา “หัวหน้าทีมปัจจุบันของกลุ่มนี้กำลังถูกสอบสวนจากหน่วยกิจการภายในในข้อหาคอร์รัปชันและละเลยการปฏิบัติหน้าที่ ตอนนี้เลยไม่มีใครบริหารมัน และนายจะไปเป็นหัวหน้าทีมรักษาการให้ทีมที่ 3

“ฉินหยู่ผงะไปชั่วครู่และถาม”จะได้เหรอครับ ผู้กำกับหลี่บอกว่า จะให้ฉันไปเป็นรองหัวหน้าทีม?!”

“หัวหน้าทีมรักษาการที่จริงคือระดับของรองหัวหน้าทีม และผู้กำกับหลี่ตอนแรกทั้งใจจะเสนอชื่อนายเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจระดับที่สอง เมื่อยศเป็นทางการของนายได้รับการอนุมัติ เราก็จะเปลี่ยนชื่อรักษาการของนายไปเป็นยศจริงได้ทันที”

หยวนเค่อตอบด้วยรอยยิ้ม เหมือนกับเขาจะบอกว่า “เรื่องในทีมของฉัน ฉันจัดการได้ง่ายมาก”

“ถ้างั้น ขอบคุณหัวหน้าหยวนที่สนับสนุนครับ”

“เสี่ยวฉิน หน่วยปราบปรามพิเศษนี้ไม่ได้ดำเนินงานโดยครอบครัวของฉันก็จริง แต่กัปตันคนนี้ได้รับการเลือกจากทุกคน ถ้าไม่มีทีมของพี่น้องตำรวจ 40 - 50 คนเหล่านี้ทำงานหนักสะสางคดีให้ฉัน หยวนเค่อคนนี้จะมีปัญญาไปพูดกับผู้กำกับหลี่ได้อย่างไร” คำพูดของหยวนเค่อกลั่นกรองมาอย่างดี เขาพูดอย่างกล้าหาญและชอบธรรม สิ่งที่เขาต้องการจะบอกให้ฉินหยู่รู้ก็คือ “นายเป็นคนของฉัน เมื่อนายมาร่วมทีม นายสนับสนุนฉัน ฉันดูแลนาย นี่คือสิ่งที่ควรเป็น เราไม่จำเป็นต้องสุภาพ...นายต้องการอะไรในอนาคต แค่บอกฉันว่าอะไรเป็นสิ่งที่นายสมควรได้รับ ฉันจะพยายามอย่างเต็มที่เพื่อหามาให้ เรากินข้าวหม้อเดียวกัน หน้าที่ต่างกัน แต่แก่นแท้มันก็คือๆ กัน นั่นคือการมีชีวิตที่ดีขึ้นเล็กน้อย ในสภาพแวดล้อมที่ยุ่งเหยิงนี้”

ฉินหยู่เดิมทีคิดว่าเขาทำให้พี่สามขุ่นเคือง ดังนั้นเขาจึงเป็นขวากหนามในสายตาของหยวนเค่อ แม้ว่าเขาจะไม่รู้วิธีรับมือกับหยวนเค่ออย่างไรในตอนนี้ เขาก็ยังต้องแสดงความนับถือหัวหน้าไปตามหน้าที่ และกำจัดเขาให้สิ้นถ้าจำเป็น

แต่เขาไม่คาดคิดเลยว่าสิ่งที่หยวนเค่อพูดในวันนี้นั้นจริงใจมาก ไม่มีท่าทีเป็นทางการ และไม่มีการพลิกผันใดๆ ซึ่งทำให้ผู้คนที่ได้ยินรู้สึกอบอุ่นใจ

“กัปตันหยวน จากคำพูดของคุณ ฉันขอดื่มอวยพรคุณด้วยน้ำและไวน์” ฉินหยู่ไม่ใช่คนที่ไม่รู้ว่าจะคาดหวังอะไร เขายกแก้วขึ้นและพูดอย่างจริงจัง “ในอนาคต ในทีม 1 ฉันจะทำให้ดีที่สุดเพื่อให้งานลุล่วง”

หลังจากพูดจบ ทั้งสองก็ยกดื่มรวดเดียวหมดแก้ว

หยวนเค่อวางถ้วยลงและเช็ดปากของเขา และเงยหน้าขึ้นมองฉินหยู่แล้วพูดว่า “เอาล่ะ เราคุยกันเรื่องเพื่อนเสร็จแล้ว เรามาคุยเรื่องงานกัน”

“โอเค ว่ามาครับ”

“เมื่อเช้านี้มีหมายจับมาจากสถานีตำรวจ เมื่อกลุ่มอันธพาลสามสี่คนมาจากพื้นที่โครงการพัฒนา พวกเขาอาจปรากฏตัวแถวถนนสีดำ งานนี้ได้ส่งมอบให้กับทีม 1 แล้ว เมื่อฉันกลับมา ฉันจะจัดกำลังคนเพื่อเตรียมควบคุมพวกเขา” หยวนเค่อขมวดคิ้วและพูดกับฉินหยู่ “แต่ฉันยังมีคดีสำคัญอยู่ในมือ และฉันต้องการกำลังคนเพื่อจัดการมัน และนายเพิ่งมา แต่ไม่มีประสบการณ์ในการจัดการกับคดีอันธพาลโดยตรง ฉันจึงอยากให้นายนำกลุ่มทีมสามกลุ่มจัดการคดีนี้ก่อน”

“คดีอะไรครับ” ฉินหยู่ถาม

“มันเป็นคดีค้ายาเสพติด” หยวนเค่อบรรยายหลังจากกลืนน้ำลายของเขาและพูดต่อ “เมื่อเร็วๆ นี้ ยาเสพติดที่ลักลอบนำเข้าจำนวนมากปรากฏขึ้นบนถนนสีดำของเรา บางส่วนเป็นของปลอม และบางส่วนมาจากช่องทางที่ไม่เปิดเผย... แต่เดิมไม่มีใครสนใจเรื่องนี้ เพราะที่ใดมีความต้องการ ที่นั่นมีตลาด ตอนนี้จับตัวการใหญ่ไม่ได้ ก็ไม่มีใครควบคุมเรื่องแบบนี้ แต่ 2 บริษัทยายักษ์ใหญ่ในเมืองหลวงของเฟิ่งเป่ยร่วมกันกดดันรัฐบาล โดยบอกว่าเรื่องนี้ส่งผลกระทบต่อพวกเขา”

“ตลาด... นายรู้ไหมว่ายิ่งโลกวุ่นวายมากเท่าไหร่ ธุรกิจแห่งการดูแลรักษาชีวิตก็ยิ่งมีสิทธิ์พูดมากขึ้น ระดับบนไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากกดดัน หัวหน้าแผนกการแพทย์ซงเจียงโทรหากรมตำรวจทุกวัน และสถานีตำรวจก็มาบีบกดดันผู้กำกับหลี่อีกต่อ”

“เพราะพื้นที่หลักที่ยาเสพติดแพร่กระจายอยู่ในถนนสีดำ และผู้กำกับหลี่งงเป็นไก่ตาแตก ในระหว่างการประชุม เขาประกาศว่า ภายในสามเดือน ทีมของเราจะต้องกวาดล้างผู้ค้ายาบนถนนสีดำให้หมด”

“เป็นการทำความสะอาดจริงๆ หรือเป็นเพียงการพบปะพูดคุย…” ฉินหยู่กะพริบตาและถามอย่างคลุมเครือ

หยวนเค่อตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง และตอบด้วยแววตาประหลาดใจเล็กน้อย “เป็นการจับกุมจริง ไม่ได้แค่พูดคุย

แค่กวาดล้างให้เกลี้ยง”

“สามกลุ่มจะพอไหม?”

“พวกนายลงมือก่อน หาเบาะแสหลัก แล้วทีมของเราจะมุ่งเน้นไปที่การทลายแก๊งพวกมัน” หยวนเค่อตอบกลับเสียงเบาลงหน่อย “แม้ว่าตอนนี้เรายังไม่มีเบาะแสหลัก แต่ยังไงก็ตาม เราต้องจับแก๊งโจรใหญ่ให้ได้”

“ฉันเข้าใจแล้วครับ” ฉินหยู่รู้ดีในใจของเขาว่าเมื่อเขาสวมฟอร์มนี้แล้ว เขาต้องเชื่อฟังคำสั่งที่นี่ นี่เป็นกฎเหล็ก และปัจจุบันเขายังไม่มีสิทธิ์เลือกทำตามใจตนเองได้

“นายน่าจะพอได้ยินว่ารัฐบาลผสมชุดปัจจุบันกำลังเร่งปราบปรามยาปลอมอย่างไม่เคยทำมาก่อน ทั้งนี้ก็เพื่อให้แน่ใจว่า ผลประโยชน์ของบริษัทยาที่ยังคงมีส่วนร่วมในการวิจัยทางวิทยาศาสตร์ เช่นเดียวกับผลประโยชน์ของผู้ป่วยจำนวนมาก ดังนั้น การขายยาที่ลักลอบนำเข้ามา ยาไม่ว่าจะจริงหรือปลอม แค่ต้องเกิน 5 กิโลกรัม นั่นคือโทษประหาร…”

หยวนเค่อขมวดคิ้วและเตือน “ดังนั้นนายต้องระมัดระวังเมื่อนายทำสิ่งต่างๆ ต้องปิดคดีให้ได้ แต่ต้องรับประกันความปลอดภัยของสมาชิกในทีมและตัวนายเองด้วย”

“ทราบแล้วครับ”

“ข้อมูลจะแจกจ่ายให้กับทั้งสามกลุ่มในช่วงบ่าย นายควรอ่านให้ละเอียดโดยเร็วที่สุด และทำความรู้จักกับสมาชิกของกลุ่มโดยเร็วที่สุด หากไม่ได้ผล นายอาจต้องได้เลือดสักหน่อย ก่อนอื่นเชิญทุกคนไปรับประทานอาหารและติดต่อกัน หึหึ พวกเขาทั้งหมดเป็นคนหนุ่มสาวติดต่อง่าย”

หยวนเค่อยืนขึ้นและเมื่อเขากำลังจะจ่ายบิล เขาก็หันไปพูดกับฉินหยู่อีกที “อ้อ ฉันลืมบอกไปว่า เจ้าสามมันอารมณ์ร้อน บางครั้งมันทำอะไรไม่ค่อยใช้สมองให้เป็นประโยชน์ ขอแค่นายอย่าเป็นแบบมันก็แล้วกัน

เอาไว้ฉันจะให้นายสองคนมานั่งคุยกัน แล้วความบาดหมางมันจะหายไปเอง”

ฉินหยู่ผงะไปครู่หนึ่ง “ท่าทางจะลำบาก”

“หึหึ ฉันจะไปจ่ายบิล แล้วกลับไปทำงานละนะ” หยวนเค่อยิ้มให้ฉินหยู่และเดินไปที่แคเชียร์

ฉินหยู่ มองไปที่หลังของหยวนเค่อและพึมพำเบาๆ  “เฮะเฮะ คุณเป็นคนใจกว้างทีเดียว”

...

ตอนบ่าย

ฉินหยู่กำลังจะกลับไปที่กลุ่มที่สาม แต่แมวแก่โทรมาบอกให้ไปที่เลขที่ 88 ถนนถงไป่  เขตเฮ่ยเจีย เพราะเขาได้เจอบ้านเช่าใหม่แล้ว

ฉินหยู่มองไปที่โทรศัพท์ของเขา และรู้สึกว่าเขายังมีเวลาเหลือเล็กน้อยก่อนเวลาทำงาน ดังนั้นเขาจึงมุ่งไปที่นั่นทันที

หลังจากเดินไปประมาณสิบห้านาที ฉินหยู่รีบไปที่ประตูใหญ่หมายเลข 88 ถนนถงไป่ เขาไม่เจอแมวแก่ แต่เขาได้ยินเสียงคนตะโกนจากด้านหลังว่า “ไม่มีความแตกต่างระหว่างชายและหญิงใช่ไหม?”

ฉินหยู่หันมองหาเมื่อเขาได้ยินเสียง และเห็นหลินเนี่ยนเหล่ยสวมเสื้อโคตขนสัตว์บางๆ ยืนอยู่ที่ด้านล่างของขั้นบันไดด้วยรอยยิ้มเหมือนดอกไม้งาม ใบหน้าของเธอไม่ได้ดูหวาดกลัวอีกต่อไปเหมือนเมื่อวันก่อน หลังของเธอกำลังเผชิญกับแสงแดดเจิดจ้า เกิดเป็นขอบสีทองรอบตัว ช่างงดงามราวกับหญิงสาวที่เดินออกมาจากภาพวาด

…………………………………………………………….

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด