ตอนที่แล้วEp.984 - สังหารหมู่เลเวล SS
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปEp.986 - ดาวทะเลดอกไม้

Ep.985 - ควบคุมวิญญาณ


Ep.985 - ควบคุมวิญญาณ

“ไม่! อย่าฆ่าฉัน ฉินเฟิง พวกเราจะไม่พูดอะไรทั้งนั้น!”

“ใช่ ฉันจะมอบเงินให้คุณ ให้ทรัพยากรแก่คุณ ทุกอย่างที่คุณต้องการ ขอแค่ไว้ชีวิตฉัน!”

ชายชาตรีเลเวล S ผู้เป็นที่ยำเกรงในโลกมนุษย์ เวลานี้ร้องขอความเมตตาเป็นเสียงเดียวกัน

มุมปากของฉินเฟิงยกยิ้มเย็นชา “อันที่จริง ผมก็ไม่มีความคิดที่จะฆ่าพวกคุณหรอกนะ”

เพียงแต่ว่า ทั้งสองยังไม่ทันมีเวลาได้ดีใจ บนร่างของฉินเฟิง อัการรูนแห่งความมืดพรั่งพรูออกมา

รูนมืดอันน่าสะพรึงปรากฏขึ้นตามแขนของฉินเฟิง ถ่ายเทลงไปในร่างของเทพวูดูและเช่าไท่

ฉากนี้ช่างคุ้นเคย เหมือนเดจาวูย้อนกลับมาอีกครั้ง

นี่เป็นเทคนิคเดียวกันกับที่ปีศาจเสพวิญญาณเคยใช้!

ฉินเฟิงได้กลืนกินปีศาจเสพวิญญาณ ไม่เพียงพลังสมาธิพุ่งพรวด แต่เขายังได้เรียนรู้เทคนิคของอีกฝ่ายเช่นกัน

แทรกซึมเข้าสู่จิตวิญญาณ!

พลังสมาธิอันทรงพลังทะลวงเข้าสู่โลกแห่งจิตวิญญาณของทั้งสอง

สำหรับผู้ใช้อบิลิตี้ วิญญาณของพวกเขาจะอยู่ตรงระหว่างคิ้ว ส่วนผู้ใช้วรยุทธโบราณ จะอยู่ในตันเถียน

ในจิตใจของเทพวูดู สัตว์ยักษ์ปรากฏตัวขึ้น เป็นฉินเฟิงสูงสามเมตร ทว่าในโลกแห่งจิตสำนึกขนาดเล็กของเขา ร่างนี้มีความสูงกว่าเลเวล SS ถึงสามเท่า แต่ถ้าให้คำนวณความหนาแน่นของไอวิญญาณที่เข้ามา มันเข้มข้นกว่าไม่รู้กี่เท่า

ขณะที่วิญญาณของเทพวูดูเล็กจ้อยและอ่อนแอ ภายในจิตสำนึกมีแค่แก่นสีเขียวอันเล็กๆขนาดเท่าลูกวอลนัท สามารถบดขยี้ได้ทุกเมื่อ

ฉินเฟิงเหยียดนิ้วออกไป ชี้ลงตรงใจกลางแก่นสีเขียว

จากนั้น เครื่องหมายอันเป็นเอกลักษณ์ก็ถูกสลักไว้บนพื้นผิว เทพวูดูรู้สึกว่า ตัวเขาไม่ใช่ตัวเขาอีกต่อไป แต่กลายเป็นทาสรับใช้ของฉินเฟิง

อีกด้านหนึ่ง เช่าไท่ก็เช่นเดียวกัน ตันเถียนของเขาถูกเปิดออก เครื่องหมายสลักลงไป

ภายใต้การรุกรานจิตวิญญาณของฉินเฟิง ดารากำลังภายในของเช่าไท่มีขนาดเล็กกว่าเทพวูดูเสียอีก ดังนั้นมิอาจต่อต้านใดๆ ถูกควบคุมโดยฉินเฟิงทันที

ทั้งหมดนี้แม้อธิบายเชื่องช้า แต่ในโลกภายนอกมันใช้เวลาแค่ไม่กี่วินาที ฉินเฟิงวางมือบนสองไหล่พวกเขาไม่นานก็ถอนออก

ต่อมา เทพวูดูและเช่าไท่ ทั้งสองหันกลับมาคุกเข่าเบื้องหน้าฉินเฟิง

“คารวะนายท่าน!”

ไร้ซึ่งความหวาดกลัวบนใบหน้าพวกเขาอีกต่อไป เวลานี้มันเปี่ยมไปด้วยความนับถือจริงใจ ราวกับว่าพวกเขาสามารถทำทุกอย่างเพื่อฉินเฟิงได้

ทั้งสองคนยังคงมีร่างกายเนื้อหนังเช่นกัน แต่ลึกลงไปในจิตวิญญาณ มันตกอยู่ในการควบคุมโดยสิ้นเชิง พวกเขาโค้งหัวโดยไม่มีร่องรอยใดๆแสดงถึงอาการต่อต้าน

“จากนี้ไปให้เรียกฉันว่าจอมมารซวนเฟิง!”

“ขอรับจอมมารซวนเฟิง!”

ทั้งสองรู้สึกนับถือฉินเฟิงจากก้นบึ้งของหัวใจ โดยปกติแล้วลูกน้องไม่สมควรเรียกชื่อจริงเจ้านาย การได้รับอนุญาตเช่นนี้นับว่าเป็นเกียรติมาก

“จอมมารซวนเฟิง ที่นี่ไม่เหมาะแก่การอยู่ยาว แม้ก่อนหน้านี้ท่านจะกล้าหาญอย่างหาผู้ใดเปรียบ แต่ท่านได้สังหารตัวตนทรงอำนาจของเผ่าฮาสไป เมื่อไม่นานมานี้ เผ่าฮาสกำลังให้ความสนใจต่อทวีปบาฮามุทเป็นอย่างมาก พวกเขาจะส่งเลเวล SSS มา ดังนั้นพวกเราควรหลีกเลี่ยงก่อนเจอปัญหาจะดีกว่า” เทพวูดูกล่าว

ฉินเฟิงต่อสู้กับมนุษย์หมาป่าเมื่อครู่ เขาเองก็ได้ยินคำขู่ของอีกฝ่ายเช่นกัน ตอนนี้เมื่อได้ยินเทพวูดูเอ่ยในทำนองเดียวกัน ก็เริ่มกังวลขึ้นมา

ปัจจุบันกำลังภายในและพลังสมาธิของฉินเฟิงยกระดับสู่เลเวล S แล้ว ขาดเหลือเพียงความแข็งแกร่งทางกายภาพ อันที่จริงทวีปบาฮามุทเป็นสถานที่ฝึกฝนที่ดี ในทุกๆเดือนสามารถเข้าไปสำรวจในส่วนลึกของร่างกายบาฮามุทได้ด้วยซ้ำ

อย่างไรก็ตาม ในเมื่อได้โอกาสเกิดใหม่อีกครั้ง ฉินเฟิงจึงคิดเกี่ยวกับการวิวัฒนาการที่สมบูรณ์แบบ

หนทางสู่จ้าวเหนือหัวของเขา มันน่าหวาดกลัวกว่าที่เขาคิดไว้ หากไม่เคร่งครัดเข้มงวด เขาอาจไม่สามารถปีนป่ายถึงระดับนั้นก็ได้

ดังนั้นหลังจากที่พลังสมาธิเข้าสู่เลเวล S แล้ว สิ่งต่อมาที่ฉินเฟิงนึกถึง คือการยกระดับความแข็งแกร่งทางกายภาพ

ตราบใดที่ร่างกายเข้าถึงเลเวล S ฉินเฟิงจะไม่อ่อนแออีกต่อไป พลังทุกจุดก้าวมาอยู่ในตำแหน่งสมดุลอย่างแท้จริง

บวกกับเรื่องของเผ่าฮาส ทำให้ฉินเฟิงตัดสินใจได้แล้ว

“งั้นก็ออกจากที่นี่กันก่อนเถอะ” ฉินเฟิงกล่าว

เช่าไท่แสดงท่าทีลำบากใจเล็กน้อย เอ่ยปากว่า “ซอร์ตายไปแล้ว ท่านจอมมารโปรดรอสักครู่ ฉันจะไปลองหาดูว่ามีผู้ใช้พลังเลเวล SS คนอื่นที่สามารถพาพวกเราออกจากที่นี่ได้หรือไม่”

อย่างไรก็ตาม พระอาทิตย์ได้ลาลับขอบฟ้าไปแล้ว เช่าไท่เริ่มร้อนรนขึ้นมา เพราะนี่คือช่วงเวลาเป็นตาย มิใช่อะไรที่เขาสามารถรับมือ ตอนนี้จึงกังวลมาก

“ไม่จำเป็น นี่คือไป๋หลีแฟนผม ต่อไปถ้าเจอเธอ ต้องให้ความเคารพเหมือนเจอผม”

เช่าไท่กับเทพวูดูรีบโค้งคำนับไป๋หลี

“สถานการณ์ตอนนี้ไม่สู้ดีนัก ต่อให้กลับไปยังสถานีอวกาศก็คงอันตรายเหมือนกัน ดังนั้นกลับมิติโลกมนุษย์ของพวกเราดีกว่า” ไป๋หลีแนะนำ

“ตกลง” ฉินเฟิงพยักหน้าเห็นด้วย

ก่อนหน้านี้ที่เขาไม่สามารถมาที่นี่ด้วยตัวเอง เป็นเพราะไป๋หลียังไม่ทราบพิกัดมิติ แต่ต่อไป ในอนาคตหากฉินเฟิงต้องการมา ไป๋หลีสามารถเปิดช่องว่างมิติพาเขามาได้อย่างง่ายดาย

ไป๋หลีเปิดประตูมิติ ทั้งสี่ได้กลับมายังมิติเดิมพร้อมกัน

แต่สถานที่ที่ไป๋หลีเลือกลงจอด คือเมืองหลวงแห่งความมืด

เป็นตำแหน่งที่พวกเขาจากมาในตอนแรก

เมื่อกลับมาถึงเมืองหลวงแห่งความมืด พบว่าที่นี่ก็เป็นเวลากลางคืนเช่นกัน ทว่าบรรยากาศไม่ได้กดดัน หรือถูกกัดกร่อนโดยอักษรรูนมืด แต่ก็เช่นเดียวกัน อากาศในที่นี้มันขาดพลังงาน พอได้อยู่ในทวีปบาฮามุทนานๆจนคุ้นชินแล้ว และได้กลับมาที่นี่ มันให้ความรู้สึกไม่ต่างจากปลาขาดน้ำ พบว่าหายใจลำบากยิ่ง รอบตัวพวกเขาเต็มไปด้วยกลิ่นอายแปลกแยก

ฉินเฟิงมองเทพวูดูกับเช่าไท่ เอ่ยปากต่อว่า “จากนี้ คุณควรกลับไปยังกองกำลังของตัวเอง แล้วประกาศเป็นพันธมิตรกับจอมมารซวนเฟิง ส่วนเรื่องในอนาคต องค์กรของพวกคุณ จะกลายเป็นส่วนหนึ่งของเมืองหลวงแห่งความมืด ทรัพยากรทั้งหมดจะต้องถูกส่งมา!”

ฉินเฟิงไม่มีความเมตตาหรือแบ่งลำดับชั้นแก่อีกฝ่ายเทพวูดูกับเช่าไท่เป็นการดำรงอยู่ที่ยอมจำนนต่อเขาอย่างสิ้นเชิง ไม่แตกต่างจากหุ่นเชิดสองตัว

“ขอรับท่านจอมมาร!” ทั้งสองพยักหน้า

“ไปเถอะ พวกคุณไม่จำเป็นต้องอยู่ที่นี่แล้ว”

“ขอรับ!”

เทพวูดูกับเช่าไท่จากไป

การเดินทางไปยังทวีปบาฮามุทในครั้งนี้ ฉินเฟิงทำกำไรได้มากมาย ยกระดับผู้ใช้อบิลิตี้ นอกจากนี้ยังกลั่นดาวเคราะห์เพชรของเขาจนมีขนาดใหญ่เทียบเท่าผู้ใช้อบิลิตี้เลเวล SS

ดังนั้น นับจากนี้ สมควรแก่เวลาที่เขาจะได้พักผ่อนสักระยะหนึ่ง

ไป๋หลีรู้สึกเบื่อหน่ายมากในครั้งนี้ พอได้กลับจากสนามรบ เธอก็อดไม่ได้ต้องกระตุ้นเตือน

“คงไม่ลืมหรอกนะ ว่าพวกเรามีสัญญาจะไปเที่ยวกัน”

“แน่นอน ไม่มีทางลืม พักผ่อนกันบ้างก็ดี!”

“อื้ม!” ไป๋หลีพยักหน้า

แม้ปากบอกว่าจะหยุดพัก แต่ในความเป็นจริงฉินเฟิงไม่ได้อยู่เฉย เขาเปิดอุปกรณ์สื่อสาร ถ่ายทอดคำสั่งลงไป

ฉินเฟิงในปัจจุบัน มิใช่ฉินเฟิงคนเดิมอีกต่อไป เขาไม่ได้อยู่ลำพัง แต่ยังมีกลุ่มและทรัพยากรในมือ ตอนนี้มันมหาศาลอย่างหาที่เปรียบมิได้

“สหายซู เมื่อเร็วๆนี้มีอะไรเกิดขึ้นในกลุ่มบ้างหรือเปล่า?”

“ท่านประธาน ทั้งหมดปกติดี คุณต้องการให้ฉันรายงานสถานการณ์ล่าสุดรึเปล่า?”

“ไม่จำเป็น แค่ให้คุณจัดการก็น่าจะเพียงพอแล้ว” ฉินเฟิงกล่าว

จากนั้น ฉินเฟิงก็ติดต่อไปอีกสาย อีกฝ่ายรับการเชื่อมต่ออย่างรวดเร็ว

“ท่านประธาน มีอะไรให้รับใช้?” วังเฉินปรากฏบนจอเสมือนจริง

“ความคืบหน้าบนเกาะมังกรตอนนี้มีสถานการณ์พิเศษอะไรเกิดขึ้นบ้างไหม?” พิเศษที่ฉินเฟิงว่า ย่อมหมายถึงรอยแยกและเรือน้ำแข็ง ปัจจุบันเขาคือผู้ใช้พลังเลเวล S แล้ว เชื่อได้เลยว่าหากไปอีกครั้ง เขาจะสามารถฟันกำไรมากกว่าคราวก่อน

“ฉันคอยจับตาดูอยู่ตลอดเวลา แต่ช่วงที่ผ่านมา มีแค่รอยแยกเล็กๆเกิดขึ้น ไม่ตรงกับสิ่งที่ประธานอธิบายไว้เลย”

“โอเค ฉันเข้าใจแล้ว จับตาดูต่อไป

จากนั้น ฉินเฟิงติดต่อชูฟ่าน สอบถามเกี่ยวกับผลการทดลองล่าสุด อย่างพวกเรื่องในมิติต้องห้าม , น้ำยาปลุกพลังจิตวิญญาณนักรบของแซด ฯลฯ

จวบจนหมดวัน อุปกรณ์สื่อสารของฉินเฟิงค่อยสามารถหยุดทำงาน แต่เขาสัมผัสได้ ถึงร่องรอยของกลิ่นอายที่ปรากฏด้านนอกวิลล่า

เป็นฟีนิกซ์เพลิงกับหวูหยวน ทั้งสองสังเกตเห็นไฟในวิลล่าสว่างขึ้น ก็ตระหนักได้ทันที ว่าเจ้านายของพวกเขา--

--จอมมารซวนเฟิงได้กลับมาแล้ว!

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด