ตอนที่แล้วขุนศึกสยบสวรรค์ บทที่ 10 เหวลึก
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปขุนศึกสยบสวรรค์ บทที่ 12 หนานเทียนตู

ขุนศึกสยบสวรรค์ บทที่ 11 การสูญเสีย


บทที่ 11 การสูญเสีย

“ช้าก่อน!”

เยี่ยฉวนเห็นว่าชายชรายกจอบในมือขึ้นสูง เขารีบเร่งร้อนตะโกนออก “อาวุโสโปรดฟัง! มิใช่ว่าท่านปลูกพลับพลึงวารีไว้ตรงนี้หรือ?!”

หนานกงเหรินหยุดชะงัก ปลายจอบอยู่ห่างจากเข่าของเยี่ยฉวนเพียงครึ่งนิ้ว

ลมแรงปะทะใบหน้าเยี่ยฉวน เส้นผมนั้นปลิวลู่ไปด้านหลัง ชุดคลุมยาวถูกพัดจนกระทบเกิดเสียง จากจิตสังหารละท่าทีของหนานกงเหรินในตอนนี้ คำพูดไม่ใช่ทำให้เยี่ยฉวนกลัว แต่จะหักขาสองข้างจริงดังที่กล่าว!

“ไอ้หนู! เจ้ารู้ได้อย่างไรว่าข้าเพิ่งปลูกพลับพลึงวารีแปดร้อยปีที่นี่?” ชายชรามองเยี่ยฉวนอย่างอยากรู้ หากคำตอบของอีกฝ่ายไม่เข้าหู เขาก็พร้อมจะเงื้อจอบฟาดลงที่ขาทั้งสองข้างทันที!

เยี่ยฉวนกวาดสายตาและพบจุดสังเกตอย่างรวดเร็ว เขาเอ่ยตอบเสียงชัด “ง่ายมากขอรับ! สีของพื้นดินรอบต้นพลับพลึงวารียังใหม่อยู่ บ่งบอกว่ามันเพิ่งถูกขุดไม่นานมานี้ และดินโดยรอบก็มีลักษณะต่างกันแสดงว่ามันถูกขุดมาจากที่อื่น ใช่หรือไม่?”

“ไม่เลว! ช่างสังเกตดีนี่ไอ้หนู!”

แม้ชายชราพึงใจในคำตอบทว่าสีหน้ายังเรียบเฉย เขายกจอบขึ้นสูงอีกครั้ง “อย่างไรก็เถอะ! เจ้าเหยียบย่ำสมุนไพรมากมายเช่นนี้แสดงว่าคงเบื่อชีวิตโสมมเต็มทน! เห็นแก่ท่านเจ้าสำนัก...ข้าจะยอมผ่อนปรนโดยหักขาของเจ้าเพียงข้างเดียว!”

อกของเขาแทบลุกเป็นไฟด้วยความโกรธายิ่ง! ไม่ทันเอ่ยจบประโยคก็ยกจอบแล้วฟาดลงที่ขาซ้ายของเยี่ยฉวน!

“จบกัน! ศิษย์พี่ใหญ่จบสิ้นครานี้แน่!”

“นั่นน่ะซี! กล้าดีอย่างไรมายั่วอารมณ์อาวุโสลำดับสอง รนหาที่ตายชัดๆ!”

เสียงอื้ออึงดังขึ้นท่ามกลางความมืด บรรดาลูกศิษย์รีบร้อนมายังสวนสมุนไพรหลังจากรู้ข่าวว่ามีเรื่องใหญ่เกิดขึ้น และเริ่มพูดคุยถึงเหตุการณ์ระหว่างอาวุโสลำดับสองและเยี่ยฉวน!

จูซือเจียอยู่ที่นี่เช่นกัน สีหน้าของนางแสดงออกถึงความไม่ยินดียิ่ง ขาก้าวออกอย่างต้องการหยุดยั้งเหตุการณ์ ทว่ากลับหยุดชะงักด้วยความลังเล...

หนานกงเหรินเป็นที่เลื่องลือเรื่องความอารมณ์ฉุนเฉียว ในยามปกติเขาคล้ายกับคนใบ้ แต่ยามไม่สบอารมณ์ ต่อให้ใช้กระทิงสิบตัวก็ไม่อาจฉุดรั้ง!

หลังเยี่ยฉวนกลับจากสุสานเทพเจ้า นิสัยของเขาเปลี่ยนไปราวคนละคน จากศิษย์พี่ใหญ่จอมทึ่มกลายเป็นจอมเจ้าเล่ห์! นอกจากนี้นี้จูซือเจียเคยถูกเขาฉวยโอกาสลวนลามหน้าอกและบั้นท้ายอยู่บ่อยครั้งทว่านางไม่คิดเก็บมาใส่ใจ แต่ด้วยอารมณ์เปี่ยมโทสะของชายชรานางจึงไม่อยากเข้าไปยุ่ง!

จูซือเจียหมุนตัวและเร่งสั่งการ “เจ้าอ้วน! รีบไปตามท่านปู่มาเดี๋ยวนี้!”

“รับทราบ!”

จ้าวต้าจื่อก็รู้ดีว่าปัญหานี้ร้ายแรงเพียงใดจึงเร่งไปตามอาวุโสสูงสุดมาทันที! ท่าทีในตอนนี้ของเขาที่มีต่อเยี่ยฉวนแตกต่างจากคราก่อนลิบลับ แม้จูซือเจียไม่บอกกล่าว เขาก็จะคิดหาทางอื่นเพื่อช่วยเหลือ!

ไม่ว่าชายชราจะมีอารมณ์ฉุนเฉียวเพียงใด เขาก็ยังคงเชื่อฟังคำของท่านอาวุโสสูงสุดอยู่บ้าง เพียงแต่น้ำที่อยู่ไกลนั้นไม่อาจดับไฟใกล้ได้อย่างทันท่วงที!

จิตใจของจูซือเจียเริ่มกระวนกระวายเมื่อเห็นหนานกงเหรินปัดหนวดเคราพลางจ้องเยี่ยฉวนเขม็งและยกจอบขึ้นพร้อมที่จะสับขาของอีกฝ่ายทุกเมื่อ ขณะที่นางตัดสินใจก้าวออกไปห้ามปราม เยี่ยฉวนพลันตะโกนสุดเสียง “ช้าก่อนท่านผู้เฒ่า! ต้นพลับพลึงวารีกำลังจะเฉาตายในไม่ช้า! ท่านยังมีเวลามาคลุ้มคลั่งอยู่อีกหรือ?!”

จอบหนักอึ้งชะงักค้างกลางอากาศอีกครั้ง...

ชายชราจ้องเขม็งไปที่เยี่ยฉวน “ว่ามาซิ! เหตุใดพลับพลึงวารีใกล้เฉาตาย? อย่าได้กล่าววาจาไร้แก่นสารเพื่อยืดเวลาเชียว! ไม่เช่นนั้นข้าจะฉีกปากอันน่ารังเกียจของเจ้าเสีย!”

“ระยะนี้สมุนไพรจำนวนมากบนเทือกเขาทยอยเฉาตายโดยมีเหตุมาจากฝูงแมลงวันอสูร! ดังนั้นพลับพลึงวารีของท่านก็คงไม่ต่างกัน!”

เยี่ยฉวนมองอาวุโสลำดับสองที่กำลังโกรธเกรี้ยวพลางเอ่ยเสียงเรียบ “หากท่านไม่เชื่อก็ก้มสำรวจพลับพลึงวารีให้ละเอียดเถิด บนผิวของมันล้วนมีรอยที่ถูกแมลงวันอสูรดูดเพื่อกักเก็บความชื้นทำให้เหี่ยวแห้งและเฉาตายในไม่ช้า!”

“สิ่งที่เจ้าพูดเป็นเรื่องจริงงั้นหรือ?! ผู้อาวุโสลำดับสองกึ่งเชื่อกึ่งคลางแคลง

เขาพอรู้ปัญหาเรื่องแมลงวันอสูรที่รุมเกาะต้นพลับพลึงวารีอยู่บ้าง ทว่ามันยังเขียวชอุ่มและเปี่ยมไปด้วยพลังชีวิต การกล่าวว่ามันใกล้ตายนั้นไม่เกินจริงไปหน่อยหรือ?!

“หากท่านต้องการพิสูจน์ว่าสิ่งที่ข้าพูดจริงหรือเท็จ ก็จงตัดกลีบของมันมาดูเถิด!” เยี่ยฉวนตอบกลับด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง บ่งบอกอีกฝ่ายเป็นนัยว่า ‘จะเชื่อหรือไม่ก็ขึ้นอยู่กับท่าน!’ ยิ่งเขามีท่าทีสงบชายชรายิ่งรู้สึกไม่สบายใจ หลังไตร่ตรองอยู่ชั่วครู่จึงหยิบมีดสั้นออกมาตัดกลีบพลับพลึงวารี ปรากฎว่าเป็นจริงดังที่เยี่ยฉวนกล่าว แม้ภายนอกของมันจะเขียวชอุ่มเปี่ยมด้วยชีวิตชีวา แต่ภายในกลับเหี่ยวเฉาแล้วบางส่วน!

“บัดซบ! เป็นไปได้อย่างไร!?”

ทันใดนั้นสีหน้าของชายชราก็แปรเปลี่ยน เขาขบกรามแน่นพลางยื่นมือออกไปและทำท่ากดลงกลางอากาศ ทำให้แมลงวันอสูรที่เกาะอยู่บนพลับพลึงวารีพลันร่วงผล็อยลงตายราวห่าฝน!

หึ! ใช้ได้นี่! เยี่ยฉวนไม่คาดคิดว่าอาวุโสลำดับสองจะใช้เคล็ดวิชา ‘หัตถ์กรงเล็บมังกร’ ได้อย่างชำนาญยิ่ง! หนึ่งในเคล็ดวิชาของราชาโอสถหัตถ์วิญญาณซึ่งยากต่อการฝึกฝน! มีศิษย์เอกของเขาเพียงไม่กี่คนที่สามารถฝึกสำเร็จ! ด้วยเหตุนี้ราชาโอสถหัตถ์วิญญาณจึงกลัดกลุ้มอย่างหนักและมาขอให้เยี่ยฉวนช่วยแก้ปัญหา...ทว่าในยามนั้นเขาไม่พบหนทางแก้ไขใดๆ เลย การฝึกฝนยิ่งยากเท่าใดทักษะที่ได้ย่อมแก่กล้าขึ้น!

แม้หนานกงเหรินมีอารมณ์ฉุนเฉียวทว่าเขากลับฝึกฝนเคล็ดวิชาหัตถ์กรงเล็บมังกรสำเร็จ!

“ท่านอย่าทำเช่นนี้เลย...พวกแมลงวันอสูรมีมากเกินไปหนำซ้ำยังเป็นแมลงที่กลายพันธุ์ แม้พยายามฆ่าพวกมันก็ไม่มีประโยชน์อันใด หากปล่อยให้เป็นเช่นนี้ต่อไปพลับพลึงวารีต้องตายแน่!” เยี่ยฉวนกล่าวอย่างไม่แยแส

ไม่ทันขาดคำเสียงหึ่งๆ ก็ดังขึ้นจากรอบทิศ! แมลงวันอสูรฝูงใหญ่บินแหวกความมืดออกมาและมุ่งไปยังต้นพลับพลึงวารี ชายชราไม่เชื่อในความร้ายกาจของมันจึงใช้เคล็ดวิชาหัตถ์กรงเล็บมังกรจัดการกับพวกมันครั้งแล้วครั้งเล่า! ทว่าฆ่าตายไปหนึ่งฝูง...อีกหนึ่งฝูงก็บินออกมาและไปเกาะยังต้นพลับพลึงวารีเช่นเดิม!

“พลับพลึงวารีอายุกว่าแปดร้อยปี ช่างน่าสงสารนักที่จะต้องเฉาตายเสียยามนี้ เฮ้อ...” เยี่ยฉวนโคลงศีรษะ หลังร่างติดอยู่ในตาข่ายรูปร่างพิลึกเขาก็เผยท่าทีที่สงบลงราวรู้สึกสงสารพลับพลึงวารีเคราะห์ร้ายเหล่านั้น

ฝ่ายชายชราฆ่าแมลงวันนับครั้งไม่ถ้วนแต่ก็ยังไม่สามารถเอาชนะพวกมันได้เสียที เขาหันไปถามเยี่ยฉวนด้วยน้ำเสียงเดือดดาล “เด็กเหลือขอเช่นเจ้ารู้ได้อย่างไรว่าพลับพลึงวารีนี้มีอายุถึงแปดร้อยปี?!”

“ในตำรากล่าวไว้ว่ากลีบดอกพลับพลึงวารีเปรียบเสมือนแขน ดอกยามผลิบานมีสีขาวบริสุทธิ์ หากเติบโตไปอีกสองร้อยปีก็สามารถรับพลังจากตะวันและจันทราทำให้เนื้อแท้งอกงามขึ้น! โธ่! น่าเสียดายจริง!” เยี่ยฉวนส่ายศีรษะ

ชายชราตะครุบแมลงวันอสูรไว้พลางหันกลับอย่างเร่งร้อน “ในตำรากล่าวถึงการแก้ไขปัญหาไว้หรือไม่!”

“ขอรับ! ในตำรามีเขียนไว้ว่าหากพบปัญหาเช่นนี้ต้องแก้ไขอย่างไรบ้าง? ขอข้านึกสักครู่… โอ๊ะ! ยืนนานเกินไปจนข้าชักวิงเวียนเสียแล้ว!” เยี่ยฉวนแสร้งโอดโอย

อาวุโสลำดับสองถลึงตาใส่และเกือบใช้ความรุนแรงอีกครั้ง ทว่าเขาจำต้องอดกลั้นและปล่อยอีกฝ่ายออกจากตาข่ายเนื่องด้วยเห็นแก่ต้นพลับพลึงวารีตรงหน้า “เอาล่ะ! เจ้าเป็นอิสระแล้ว! บอกวิธีแก้ปัญหากับข้าได้หรือยัง?!”

“เหมือนว่าเท้าของข้าจะเป็นเหน็บชา ท้องของข้าก็รู้สึกอึดอัดไปหมด ใช่แล้ว! ข้าต้องบาดเจ็บเป็นแน่!”

จูซือเจียที่เฝ้าดูเหตุการณ์อยู่หลุดหัวเราะออกมาเมื่อเห็นเยี่ยฉวนใช้วิธีเสแสร้ง นิสัยของผู้อาวุโสลำดับสองช่างรั้นประหลาดทั้งยังฉุนเฉียวราวกับไฟ แม้แต่นางยังเกรงกลัว

“เจ้าเด็กบัดซบ! รนหาที่ตายหรืออย่างไร!?” ชายชรากลอกตาขณะความโกรธเกรี้ยวแล่นขึ้นมาอีกครั้ง

“ข้าเหนื่อยเหลือเกิน...ใคร่กลับไปพักบนยอดเขาเมฆาอินทนิลเต็มที อาวุโสลำดับสองทำใจให้สบายเถิด ท่านไม่ต้องกังวลไป...พลับพลึงวารียังสามารถอยู่ได้จนถึงรุ่งสาง ทว่าหลังจากนั้นก็สุดจะคาดเดา” เยี่ยฉวนปัดเศษดินที่ติดอยู่บนชุดออกแล้วหมุนตัวจากไป

“อย่า! อย่าเพิ่งไป! หากเจ้าไม่รังเกียจก็สามารถพักที่เรือนของข้าได้!” ชายชราเบิกตากว้างพลางปัดหนวดเครา มีแขกมาเยือนถึงชายคาแล้วเขาไม่อาจเพิกเฉย ครู่เดียวเขาก็ยกยิ้มและเดินนำเยี่ยฉวนไปยังเรือนไม้ไผ่

ไม่นาน...เยี่ยฉวนเอนกายเอกเขนกภายในในเรือนไม้ไผ่และเริ่มชี้นิ้วสั่งการ ชายชราวิ่งเข้าออกเรือนให้วุ่น เขาเริ่มปรุงยาวิเศษตามคำแนะนำของเยี่ยฉวนเพื่อนำไปฉีดพรมต้นพลับพลึงวารี ของเหลวนี้ไร้สีและรส ทว่าทันใดที่พรมลงไป แมลงวันอสูรบนกลีบดอกต่างผละออกและบินหนีออกห่างโดยเร็วอย่างน่าอัศจรรย์ยิ่ง!

“เยี่ยฉวน! แมลงวันเหล่านี้บินหนีไปจริงด้วย…ต่อไปให้ข้าทำอย่างไร?”

“ค่ายกลของที่นี่มีข้อบกพร่องต้องเร่งแก้ไข ในตำราบอกว่ามีความจำเป็นต้อง… โอ๊ะ! เหตุใดนอนพักแล้วขาของข้ายังปวดอยู่?!”

“อย่างนั้นเจ้านอนพักเถิด ข้าจะช่วยนวดให้!”

ชายชรายอมทำทุกวิถีทางแม้กระทั่งละทิ้งศักดิ์ศรีขอเพียงรักษาต้นพลับพลึงวารีไว้ได้ สมญานาม ‘ผู้คลั่งไคล้โอสถ’ ได้มาเพราะทั้งชีวิตของเขามีงานอดิเรกเพียงการเพาะปลูกสมุนไพรเท่านั้น เขาไม่ใส่ใจฐานะ ‘อาวุโสลำดับสอง’ เสียด้วยซ้ำ…เหล่าศิษย์ที่สังเกตการณ์อยู่ด้านนอกต่างรู้สึกงงงัน

เดิมทีพวกเขาคิดว่าจะได้เห็นศิษย์พี่ใหญ่ถูกอาวุโสลำดับสองลงโทษ ใครจะคาดคิดว่าทุกอย่างจะกลับตาลปัตร! ในไม่ช้าข่าวลือระหว่างเยี่ยฉวนและหนานกงเหรินก็แพร่กระจายไปทั่วสำนัก!

ณ ห้องโถงโอ่อ่าภายในเรือนใหญ่ จินหัวเผยสีหน้าแข็งกระด้างและน่ากลัวขณะบีบจอกสุราจนแตกละเอียดไปอีกใบ! เขาเอ่ยเสียงกร้าวถามคนรับใช้ที่คุกเข่าอยู่เบื้องหน้า “อาวุโสลำดับสองกับเยี่ยฉวนปรองดองกันแล้วงั้นรึ?!”

“ขอรับ!” อีกฝ่ายเอ่ยตอบเสียงสั่นเทา

“บัดซบ! เป็นไปไม่ได้! จะเป็นไปได้อย่างไร?!”

เขาร้อนรนแทบกระอักเลือดด้วยความโกรธายิ่ง!

เขาและเหอไท่ซวีคิดแผนการยึดครองตำแหน่งศิษย์พี่ใหญ่อย่างหนักตลอดทั้งคืน! ทั้งยังใช้เงินไปมากเพื่อเตรียมของกำนัลมากมายซื้อแรงสนับสนุนจากคนเหล่านั้นอย่างลับๆ ยังคิดว่าตำแหน่งศิษย์พี่ใหญ่ต้องตกเป็นของเขาเป็นแน่! แต่นอกจากเยี่ยฉวนจะไม่ถูกลงมือยังปรองดองกันอย่างดีกับอาวุโสลำดับสองอีกด้วย! เขาออกจากสวนสมุนไพรไปไม่นานแล้วหลังจากนั้นเกิดสิ่งใดขึ้น?!

“นายน้อย ในเมื่อสถานการณ์ไม่เป็นดังคาด เช่นนั้นเราจะต้องสืบหาข้อเท็จจริง!” เหอไท่ซวีเดินไปด้านหน้าเพื่อปลอบประโลมผู้เป็นนาย

“ไสหัวไป! ยังต้องสืบหาอะไรอีก?! ตาเฒ่าเหอ...แผนการของเจ้าใช้ได้สักเรื่องหรือไม่?! ข้าต้องเป็นชายคนแรกของจูซือเจียและเป็นศิษย์พี่ใหญ่ของสำนักหมอกเมฆา! หากข้าไม่ได้...ไอ้สารเลวเยี่ยฉวนก็ต้องไม่ได้เช่นกัน! เข้าใจหรือยัง?!” ไฟโทสะของจินหัวทะยานสูงถึงขีดสุด โต๊ะตรงหน้าถูกเขาพลิกคว่ำ!

ใบหน้าของเหอไท่ซวีผุดหยดเหงื่อเย็นเยียบ เขาข่มใจเช็ดหยดสุราบนใบหน้าก่อนเข้าไปกระซิบแผนต่อไปให้ผู้เป็นนาย หลังจินหัวฟังจนจบ...ไฟโทสะที่พุ่งขึ้นฟ้าก็สงบลงและกล่าวเสียงดุดัน “ตาเฒ่าเหอ! แผนครั้งนี้จะต้องสำเร็จเท่านั้น! ไม่เช่นนั้นหุบเขามังกรปีศาจคือจุดจบของเจ้า!”

“แน่นอน! แน่นอนขอรับ! นายน้อยโปรดวางใจ! แม้ครั้งนี้มันรอดไปได้ทว่าครั้งหน้าจะไม่มีโอกาสอีก!”

เหอไท่ซวีเอ่ยตอบ หยดเหงื่อเย็นเยียบค่อยๆ ไหลลงจากใบหน้า...

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด