ตอนที่แล้วEp.970 - กรงเล็บใหญ่ในรอยร้าว
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปEp.972 - ร่างเงามังกรดำ

Ep.971 - หุบเขาไขกระดูกมังกร


Ep.971 - หุบเขาไขกระดูกมังกร

กรงเล็บแหลมฟาดตบอย่างดุดัน กวาดโจมตีผู้ใช้พลังเลเวล S เกือบสิบคนด้วยฝ่ามือเดียว ต่อมา ใบหน้าของคนเหล่านั้นเริ่มซีดเซียว ก่อนกลายเป็นสีเทา และดำตามลำดับ

ไม่นาน ร่างของพวกเขาก็สั่นสะท้าน ร่างที่เคยเปี่ยมไปด้วยพลังชีวิต ซูบลงราวกับซอมบี้

เงาแห่งความตายผุดขึ้นเหนือหัวพวกเขา สูบพลังชีวิตทั้งหมดที่ยังเหลือสลายไปสิ้น

ฟึ่บบบบ!

ศพของเลเวล S กลายเป็นฝุ่นผง กระจายลงเต็มพื้น พลังงานจากเลือดเนื้อสลายหายไปไม่มีเหลือ ตรงกันข้ามกับพลังสมาธิปริมาณมหาศาล ที่ปะทุออกมาราวกับน้ำพุ

อย่างไรก็ตาม ฉินเฟิงยังคงซ่อนตัวอยู่ในพื้นที่มิติขนาดย่อม มิกล้าปรากฏตัว กรงเล็บสีดำขนาดใหญ่กวาดไปๆมาๆในอากาศอีกครั้ง คล้ายต้องการตรวจสอบว่ายังเหลือชีวิตใดที่ยังมีลมหายใจอยู่หรือไม่ ก่อนหดมือกลับคืน จมหายไปในรอยร้าว

แต่กว่าที่มันจะหายไป พลังสมาธิปริมาณมหาศาล ก็สลายกลายเป็นส่วนหนึ่งของสวรรค์และปฐพีไปเรียบร้อยแล้ว

“น่าเสียดาย!” ฉินเฟิงถอนหายใจ

“ช่างมันเถอะน่า ที่นี่ยังมีเลเวล S อีกมากมาย คนไหนทำตัวดีก็ปล่อยไป พวกแส่หาที่ตายก็จับมาดูดกลืนแทนที่เพิ่งเสียไปซะก็หมดเรื่อง!” ไป๋หลีกล่าว

ร่างของทั้งสองโผล่ออกมาจากพื้นที่มิติ บริเวณขอบรอยร้าวบนพื้นดิน ศิลามิติมากกว่าสิบชิ้นถูกหยิบขึ้นมา

ผู้ใช้พลังเลเวล S ถือเป็นกำลังรบที่ขาดแคลนและมีสถานะสูงส่งในมิติโลกมนุษย์ แต่พอมาที่นี่ คนเหล่านั้นกลับมีโอกาสเสียชีวิตได้ทุกเมื่อ ไม่นึกเลยว่าในระหว่างที่พวกเขากำลังเพลิดเพลินไปกับการถูกเคารพยำเกรง ยังมีความเสี่ยงอีกมากมายที่ต้องเผชิญ

อย่างไรก็ตาม ผู้แสวงหาความแข็งแกร่งต้ององอาจไม่หวาดกลัว ต่อให้พบเจออันตรายใดก็ห้ามหยุดฝีเท้า

หลังจากเก็บของเสร็จสิ้น ฉินเฟิงก็เดินจากไป

ในช่วงเวลาหลังจากนั้น ฉินเฟิงค้นพบทรัพยากรมากมายบนแผ่นดินใหญ่ หลังจากคลุกดินคลุกฝุ่นตลอดทั้งช่วงเช้า ท้องฟ้าก็เริ่มมืดลง

แม้บาฮามุทจะเป็นดาวเคราะห์แห่งความมืด แต่รูนมืดนี้มิได้ปิดกั้นแสงสว่าง ถึงขั้นมีคำพูดที่ว่า หากไม่มีแสงสว่าง แล้วความมืดจะไปอยู่ที่ไหน?

ดังนั้น ไม่ทราบเหมือนกันว่าเป็นดาวยักษ์ดวงใดที่เปล่งแสงออกมา หรือในที่ไกลแสนไกลจากบาฮามุทอาจมีดาวเคราะห์ที่เกิดจากการจบชีวิตลงของจ้าวเหนือหัวธาตุแสงก็ได้

บาฮามุทหมุนรอบตัวเอง หันหลังให้แสงสว่าง ความมืดมาเยือน และมันน่ากลัวเป็นอย่างยิ่ง

เพราะปัจจุบัน มันได้กลายเป็นโลกแห่งความมืดมิดอย่างแท้จริง

อย่างไรก็ตาม ฉินเฟิงไม่มีความตั้งใจจะกลับไปยังวาฬกระสวยของซอร์ นั่นไม่ต่างจากลูกแกะกระโจนเข้าปากเสือ เกรงว่านี่คงเป็นแผนที่เช่าไท่วางไว้!

“ฮี่ฮี่ ฮี่ฮี่ ….”

ความมืดมิดมาเยือน ท่ามกลางทุ่งล่า เงาแห่งความตายลอยล่องอยู่ข้างนอก ไม่อยู่ในสภาวะไร้ตัวตนที่ไม่ให้ใครเห็นอีกต่อไป

หากเป็นตอนกลางวัน เงาแห่งความตายนั้นยากที่จะรับมือ พอตอนนี้แม้ให้เห็นตัว แต่ก็ยังชวนให้ผู้คนรู้สึกเสียวซ่าน หวาดกลัวไปถึงขั้วหัวใจอยู่ดี

อย่างไรก็ตาม ฉินเฟิงเมื่อเห็นฉากนี้ ในดวงตากลับเปล่งประกายสดใส

“ยอดเยี่ยม!”

เงาแห่งความตายเหล่านี้ ตราบใดที่สังหารพวกมัน พลังสมาธิของฉินเฟิงก็จะสามารถตัดผ่านไปอีกขั้นได้อย่างแน่นอน

ฉินเฟิงปลดปล่อยพลังสมาธิทันใด

“เทคนิคยุคเยือกแข็ง!”

ในพริบตาเดียว อักษรรูนสีขาวราวหิมะอันน่าสะพรึง แพร่กระจายรอบกายฉินเฟิง ปกคลุมผืนดินเอาไว้

เงาแห่งความตายมากกว่าสิบตัวเบื้องหน้าฉินเฟิง ถูกขังอยู่ในพายุหิมะทันที พวกมันราวกับคนหลงทาง เคลื่อนไหวลังเลสเปะสะปะ

แต่ไม่นานพวกมันก็สามารถมองเห็นฉินเฟิง พยายามสลัดหลุดจากน้ำแข็ง หมายโจมตีเขา

ฉินเฟิงชักมีดกษัตริย์ครามออกมาอีกครั้ง สังหารฝูงเงาแห่งความตาย

สิ่งมีชีวิตชนิดนี้คือพลังสมาธิรูปแบบหนึ่งที่จ้าวเหนือหัวทิ้งเอาไว้เบื้องหลัง คล้ายๆกับอะไรจำพวกผี ดังนั้นภายใต้คุณสมบัติของศิลาตรึงวิญญาณในมีดกษัตริย์คราม ราวกับโชคชะตาเล่นตลกร้ายกับพวกมัน ตัวใดถูกฟาดฟันล้วนกรีดร้องน่าสมเพช สุดท้ายถูกทำลายลง

อย่างไรก็ตาม พวกมันไม่มีความนึกคิด แม้ตกอยู่ภายใต้การสกัดกั้นของพายุหิมะ ทุกการขยับเป็นไปอย่างยากลำบาก แต่ตัวที่เหลือยังคงพยายามโจมตีฉินเฟิงอย่างไม่ลดละ

เงาแห่งความตายแม้ถูกน้ำแข็งเกาะกิน แต่ความแข็งแกร่งของมันยังคงยอดเยี่ยมอย่างน้อยเทียบเท่ากับเลเวล S ทั่วๆไป ในกรณีที่ตกอยู่ในสถานการณ์เช่นนี้ ตามปกติหากมีหลายตัวยังไงก็สู้ไหว แต่โชคไม่ดีจริงๆ เพราะศัตรูที่พวกมันพบพาน ดันเป็นปีศาจร้าย!

ในสายตาของฉินเฟิง ความเร็วของเงาแห่งความตายเหล่านี้ ช่างเชื่องช้า!

“ลงนรกไปซะ!”

ฉินเฟิงสับเงาแห่งความตายแยกเป็นสองส่วน อักษรรูนมืดและพลังงานลอยฟุ้งในอากาศ พวกมันยังไม่ทันได้กลับไปรวมตัวกัน ก็ถูกดึงดูดโดยอำนาจบางอย่าง ไหลเข้าสู่โลกแห่งจิตสำนึกของฉินเฟิง

ท่ามกลางเทคนิคยุคเยือกแข็ง ฉินเฟิงเข่นฆ่าต่อเนื่อง สภาพแวดล้อมโดยรอบที่ปกคลุมไปด้วยหมอกดำ ค่อยๆถูกดูดซึม

พลังสมาธิของฉินเฟิง ถูกเติมเต็มมากขึ้น มากขึ้น ที่สูญเสียไปในการต่อสู้ก่อนหน้านี้ และที่เพิ่งใช้ปลดปล่อยเทคนิคยุคเยือกแข็ง ได้รับการฟื้นฟูสู่ระดับสมบูรณ์ ทั้งยังทวีปริมาณมากขึ้นเรื่อยๆ

ฉินเฟิงไล่สังหารไม่หยุดยั้ง จนพลังสมาธิที่สูบกลืน ในที่สุดแตะถึงขีดจำกัด เติมเต็มเงื่อนไขในขั้นถัดไป

แก่นพลังของเงาแห่งความตายก็คือทั้งทวีป ดังนั้นพลังสมาธิของพวกมันแต่ละตัว ในความเป็นจริงแล้วไม่มากเท่าผู้ใช้พลังเลเวล S คนอื่นๆ แต่สามารถเสาะหาและดูดกลืนได้ง่ายผู้ใช้พลังที่ต้องใช้เวลาสู้นาน บวกกับที่มันมีอักษรรูนมืดในตัว ทำให้ในโลกแห่งจิตสำนึกของฉินเฟิง ดาวเคราะห์สีดำที่ใหญ่ที่สุด ค่อยๆเข้มขึ้น ลึกล้ำขึ้นเรื่อยๆ

ตูมมมมมมมม!

เพียงพริบตา จิตสำนึกของฉินเฟิงพลันกระจ่างแจ้ง ขีดจำกัดพลังสมาธิขยายขอบเขตทันที ก้าวขึ้นสู่ในระดับใหม่

ยกระดับขึ้นสู่เลเวล A7 !

ถึงจุดนี้ ฉินเฟิงหยุดทุกการกระทำของเขา ณ เส้นขอบฟ้าสาดแสงรำไร ปรากฏว่าเขาต่อสู้มาตลอดทั้งคืน เพื่อยกระดับพลังสมาธิขึ้นสู่เลเวล A7 แต่ฉินเฟิงพอใจกับผลลัพธ์นี้มากๆ

“พักผ่อนก่อนเถอะ” ไป๋หลีก้าวออกมาจากพื้นที่มิติขนาดย่อม

“ก็ดีเหมือนกัน”

ฉินเฟิงพยักหน้า แต่การพักผ่อนของเขา มิใช่การพักผ่อนในสถานที่นี้

ไป๋หลีเปิดประตูสู่มิติกระแสเวลาไหลเร็ว ฉินเฟิงก้าวเข้าไปข้างใน พักผ่อนเป็นเวลาหนึ่งวันเต็ม ขณะที่ภายนอกราวกับเพียงชั่วพริบตาเดียว

ฉินเฟิงปรากฏตัวขึ้นอีกครั้งในทวีปบาฮามุท ไม่ว่าจะเป็นพลังสมาธิหรือพละกำลังของเขา ถูกฟื้นฟูจนเต็ม

“ลองมุ่งหน้าขึ้นเหนือดูแล้วกัน”

จุดประสงค์ของเขา ยังคงเป็นการเฟ้นหาศิลานรก

ดาวเคราะห์น้ำแข็งในจักรวาลแห่งจิตสำนึกของฉินเฟิงเพิ่งถูกสร้างขึ้นได้ไม่นาน แต่เนื่องจากมีศิลาศักดิ์สิทธิ์กว่า 3,000 ก้อนคอยสนับสนุน ทำให้อบิลิตี้น้ำแข็งที่ฉินเฟิงปลดปล่อยออกมา ร้ายแรงจนน่าหวาดกลัว กลายเป็นอำนาจคงกระพันในเลเวลเดียวกัน

เช่นนั้นหากฉินเฟิงได้ครอบครองศิลานรกหลายพันก้อนเล่า? เขาเชื่อสุดใจว่ามันจะต้องทรงพลังยิ่งกว่านี้ ชนิดมิอาจคาดคำนวณได้

เมื่อได้ข้อสรุปเช่นนี้ ฉินเฟิงก็ตั้งใจที่จะเสี่ยงดู เข้าใกล้ทิศเหนือมากขึ้น

กิจกรรมของฉินเฟิง ตอนเช้าเก็บรวบรวมแร่บนแผ่นดินใหญ่ มุ่งหน้าสู่ทิศเหนือ ตอนกลางคืนออกล่าเงาแห่งความตาย เพิ่มพูนพลังสมาธิของตน

พริบตาเดียว เวลาก็ผ่านไปกว่าเจ็ดวัน

ณ ทางใต้ของทวีปบาฮามุท ซอร์นำวาฬกระสวยออกจากพื้นที่มิติ

ในตอนแรก มีผู้ใช้พลังร่วมเดินทางมาด้วยกันทั้งสิ้นเก้าคน ปัจจุบันเหลือหก

เทพวูดูกับเช่าไท่ ก็อยู่ในหมู่พวกเขา

แม้ทั้งสองจะไม่มีความสามารถมากนัก แต่เทพวูดูครอบครองพิษร้าย ขณะเดียวกันความแข็งแกร่งของเช่าไท่ก็ใช่ว่าจะอ่อนแอ หากพวกเขาไม่โลภมาก ก็สามารถมีชีวิตรอดและเก็บเกี่ยวผลกำไรมาได้

ยังไงก็ตาม จอมมารซวนเฟิงที่พวกเขาคิดหมายจัดการ กลับหายตัวไป เรื่องนี้ทำให้พวกเขาอารมณ์เสียมาก

ซอร์นำหลายคนเข้ามาในวาฬกระสวย เอ่ยปากว่า “พรุ่งนี้ฉันจะไม่มา เพราะหุบเขาไขกระดูกมังกรกำลังจะปรากฏขึ้น ฉันมีแผนจะเข้าไป ถ้าใครอยากกลับก็จงจ่ายสมบัติก้อนโต แล้วฉันจะส่งตัวกลับทันที แต่ถ้าไม่กลับ จะเป็นหรือตายก็ช่างหัวพวกแก!”

“ท่านผู้ใหญ่ พวกเราจะกลับ!”

“ใช่! หุบเขาไขกระดูกมังกรไม่ใช่สิ่งที่พวกเราสามารถสำรวจได้”

คนอื่นๆเอ่ยเป็นเสียงเดียวกัน กระทั่งใบหน้ายังเปลี่ยนสีเมื่อเอ่ยถึงเรื่องนี้ แต่ละคนเอ่ยเจตจำนงว่าต้องการย้อนกลับ

นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เทพวูดูกับเช่าไท่มา แน่นอนพวกเขาย่อมรู้ถึงความน่ากลัวของหุบเขาไขกระดูกมังกรดี

ทั้งสองกำลังเอ่ยปากว่าจะขอกลับด้วย แต่จู่ๆสายตาของซอร์ก็เบนมาตกลงบนร่างพวกเขา

“ร่างมนุษย์สดใหม่ที่พวกแกพูดถึงก่อนหน้านี้มันไปอยู่ที่ไหน? ทำไมยังไม่มาเสียที? แต่ก็ไม่เป็นไร ใช้พวกแกแทนก็ได้! ตามมากับฉัน พวกเราจะไปหุบเขาไขกระดูกมังกร!”

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด