ตอนที่แล้วEp.963 - เหมือนกับคนๆนั้น
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปEp.965 - สถานีอวกาศ

Ep.964 - รถไฟสู่บาฮามุท


Ep.964 - รถไฟสู่บาฮามุท

ผู้ใช้พลังต่างแหงนหน้ามองดูศพที่ถูกแขวนไว้ สีหน้าแสดงออกถึงความหวาดกลัว

“ได้ยินว่าเทพไร้ลักษณ์คือนักฆ่าอันดับต้นๆของเครือข่ายนักฆ่าใช่ไหม? เธอสามารถยกระดับขึ้นสู่เลเวล S เมื่อสิบปีที่แล้ว หลังจากนั้นข่าวคราวก็เงียบหายไปเลย”

“ถูกต้อง นั่นแหละเธอ!”

“ไม่นึกฝันเลย ว่าคนเก่งกาจขนาดนั้นจะถูกฆ่า! จอมมารซวนเฟิงผู้นี้ แข็งแกร่งมากแค่ไหนกัน?”

ช่วงเวลานี้ หลายคนจินตนาการเลยเถิดไปถึงขั้นที่ว่าซวนเฟิงอาจเป็นเลเวล SS ยิ่งคิดก็ยิ่งรู้สึกหวาดกลัว!

“ในเมื่อจอมมารซวนเฟิงรับช่วงต่อเมืองหลวงแห่งความมืด ถ้างั้นแล้วเหอเทียนสิงล่ะ? อย่าบอกนะว่าเขาก็ถูกฆ่าไปแล้วด้วย?”

ข้อมูลนี้เริ่มถูกยกขึ้นมาซุบซิบ ทำให้เหล่าผู้ใช้พลังตกใจเกินกว่าจะทำใจเชื่อ

โดยเฉพาะอย่างยิ่งสมาชิกของพันธมิตรมนุษย์ การแสดงออกภายใต้หน้ากากของพวกเขาเผยถึงความกังวลใจ ไม่ต้องกล่าวถึงเรื่องที่ค้นพบว่าเมืองหลวงแห่งความมืดถูกเปลี่ยนมือ แต่ยังมีตัวตนทรงอำนาจคนใหม่ปรากฏขึ้น ทั้งเป็นไปได้ว่าอีกฝ่ายคือเลเวล SS แล้วแบบนี้จะให้พวกเขาสบายใจได้อย่างไร?

บุคคลผู้นี้จะบุกเข้ามาวุ่นวายประเทศตนหรือไม่? มันจะก่อให้เกิดการต่อสู้ระหว่างพันธมิตรมนุษย์กับพันธมิตรองค์กรมืดรึเปล่า?

แต่สิ่งเหล่านี้ สำหรับพวกเขาแล้วต่อให้กังวลไปก็เท่านั้น ตนเป็นแค่มดจะให้แบกผืนฟ้าก็ใช่ที่ ดังนั้นส่งข้อมูลกลับไปยังพันธมิตรมนุษย์ บอกต่อแก่ผู้คนในเมืองหลวงมังกรให้นำไปวิเคราะห์กันเอง

ภายในเมืองหลวงแห่งความมืด ฉินเฟิงพาเทพวูดูกับเช่าไท่เดินเที่ยวรอบๆ ทว่าอีกสองคนไม่มีสมาธิมองดูสิ่งใดเลย ในใจพวกเขาฟุ้งซ่านเหม่อลอย

ก่อนหน้านี้พวกเขายังดื่มด่ำไปกับจินตนาการถึงอนาคตที่จะได้ครองเมืองอยู่เลย มาตอนนี้เลยอดรู้สึกแปลกๆไม่ได้ หากเมืองหลวงแห่งความมืดยังมีจอมมารซวนเฟิงครอบครอง ต่อให้คิดฉกฉวยผลประโยชน์ คงเป็นไปไม่ได้

ฉินเฟิงสังเกตเห็นสีหน้าของทั้งสองเช่นกัน ลอบหัวร่อในใจ จากนั้นกล่าวว่า “ดูเหมือนเมืองหลวงแห่งความมืดจะไม่น่าดึงดูดพอให้พวกคุณสนใจ ฉะนั้นพวกเรามาเข้าเรื่อง พูดถึงประเด็นที่น่าสนใจกันเลยดีกว่า! ฉันเพิ่งออกจากการปิดด่านฝึกตนจริงๆ บอกตามตรงฉันคือคนพเนจร ยังไม่ใช่สมาชิกของพันธมิตรองค์กรมืด แน่นอนว่าไม่ใช่สมาชิกของพันธมิตรมนุษย์ด้วยเช่นกัน ในเมื่อพวกคุณจากองค์กรมืดได้เชื้อเชิญฉัน ฉันเลยคิดว่าจะลองไปดู!”

คนพเนจร หรือเรียกอีกอย่างว่าคนกลาง พวกเขาจะไม่ใช่คนที่อยู่ในกลุ่มพันธมิตรมนุษย์ และไม่มีความตั้งใจที่จะเข้าร่วมกับกลุ่มพันธมิตรมนุษย์อย่างเป็นทางการ เพียงเดินทางจากที่หนึ่งไปยังอีกที่หนึ่ง บางครั้งอาจช่วยทำภารกิจใจดินแดนของพันธมิตรมนุษย์ แต่วันรุ่งขึ้นอาจไปยังดินแดนขององค์กรมืด ร่วมมือกับเหล่าอาชญากรก็ได้

กล่าวได้ว่าที่ฉินเฟิงใช้สถานะนี้เป็นโล่กำบัง จะช่วยให้หลายเรื่องที่ค้างคาและน่าสงสัย กลายเป็นสมเหตุสมผล

เวลานี้ เทพวูดูกับเช่าไท่ เกิดความรู้สึกว่าฉินเฟิงลึกล้ำยากจะคาดหยั่ง และสิ่งที่ฉินเฟิงพูด พวกเขาไม่สงสัยเลยแม้แต่น้อย ตรงกันข้าม ยังรู้สึกยอมรับมัน

เพราะการดำรงอยู่ที่ทรงพลังเช่นนี้ หากปรากฏขึ้นในพันธมิตรมนุษย์ พวกเขาจะไม่ทราบข่าวได้อย่างไร!

“ฮ่า ฮ่า ฮ่า นับเป็นเกียรติอย่างยิ่ง พันธมิตรองค์กรมืดของเราไม่ได้มีข้อผูกมัดอะไรมากมาย หลากหลายเผ่าพันธุ์หรือเชื้อชาติล้วนสามารถเข้าร่วม คุณเองก็เช่นกัน หากจอมมารซวนเฟิงยังไม่มีธุระใด พวกเราสามารถไปยังบาฮามุทกันได้เลย!”

อย่างไรก็ตาม ฉินเฟิงยังไม่มีแผนที่จะเดินทางในทันที “จะไม่มีธุระเลยได้อย่างไร ไม่ใช่ว่างานประมูลของคลับมังกรดำฉันต้องเป็นเจ้าภาพหรอกหรือ? ถ้าฉันไม่อยู่ ระหว่างนี้ดันมีหมาแมวมาสร้างปัญหา ในฐานะเจ้าเมือง จะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน? ฉันจะเฝ้าเมืองก่อน แล้วทุบตีพวกมันให้รู้สำนึก!”

เหงื่อเย็นเริ่มผุดขึ้นตามแผ่นหลังของผู้เข้ามาสร้างปัญหาอย่างเทพวูดูกับเช่าไท่ แม้พวกเขาจะโกรธที่ฉินเฟิงด่าทอว่าพวกตนเป็นหมาแมว แต่ก็ทราบเช่นกัน ว่านี่รวมถึงผู้อื่นด้วยไม่ใช่แค่ตน

ฉินเฟิงเห็นสีหน้าของทั้งสอง ต้องลอบยิ้มเยาะในใจ แต่ลมหายใจภายใต้หน้ากากสม่ำเสมอ ไม่เผยพิรุธใด

“หนึ่งสัปดาห์จากนี้ พวกเราค่อยนัดเจอกันอีกครั้ง คุณสองคนอาจหาที่พักที่นี่ รับชมทิวทัศน์ระหว่างรอ เพลิดเพลินไปกับทัศนียภาพชายหาดใกล้เส้นศูนย์สูตร และในงานประมูลคลับมังกรดำของเรา ยังมีของดีอีกเพียบพร้อมขาย!”

เทพวูดูกับเช่าไท่เดิมต้องการจากไปอย่างสุดแสน แต่ในใจพวกเขารู้สึกได้ ว่าที่ฉินเฟิงเอ่ยปากชวน เป็นเพราะอีกฝ่ายจงใจคอยจับตาดูพวกตนใช่หรือไม่?

ในสมองปั่นความคิดโต้แย้งกันไปกันมาพักหนึ่ง สุดท้ายทั้งสองไม่กล้าหักหาญน้ำใจฉินเฟิง ตัดสินใจว่าจะอยู่ต่อ

ฉินเฟิงไม่สนใจสองคนนี้ ตลอดทั้งสัปดาห์ถือเป็นเวลาพักผ่อน ในงานประมูลสามารถขายทรัพยากรได้เป็นจำนวนมาก ไม่ว่าจะเป็นสมบัติที่ล่าจากเกาะมังกร หรือวัตถุดิบสัตว์ร้ายต่างมิติจากในพันธมิตรวู้ดแลนด์ ก็ยังถูกนำออกมาประมูล จากนั้นนำกำไรที่ได้ไปแลกเปลี่ยนกับทรัพยากรใหม่ จัดหามาให้ฉินเฟิงกับไป๋หลีทำการฝึกฝน

โดยเฉพาะอย่างยิ่งไป๋หลี ตอนนี้เธอได้กลายเป็นสัตว์เทวะเลเวล S แล้ว หากต้องการยกระดับไปอีกขั้น จำเป็นต้องลงทุนมหาศาล!

งานประมูลของคลับมังกรดำจบลงอย่างราบรื่น ในระหว่างช่วงเวลานี้ ฉินเฟิงรับรู้ได้ว่ามีเลเวล S มากกว่าสิบคนเข้ามาเยือน ทั้งหมดนี้เป็นเพราะสถานะของ ‘จอมมารซวนเฟิง’

หลังจากข่าวลือแพร่สะพัด หลายคนคาดเดาว่าเขาคือตัวตนทรงอำนาจเลเวล SS และชายผู้แข็งแกร่งเช่นนี้ ย่อมมีของดีอยู่ในมือ ดังนั้นเลเวล S หลายคนจึงมาที่นี่ และพวกเขาไม่ได้มาเปล่า ทั้งหมดต่างได้รับสิ่งที่ตนต้องการกลับไป

ด้วยเหตุนี้ งานประมูลในเมืองหลวงแห่งความมืด เลยยิ่งมีชื่อเสียงโด่งดังกว่าเดิม

หลังจากนั้น ภายในเกาะต้นไม้ปัญญานิรันดร์ ยังมีผู้ใช้พลังมากมายสนใจเข้าร่วม แต่เมื่อคนพวกนี้เข้าไป ต้องใช้เวลากว่าอีก 1 เดือนถึงจะกลับมา ฉินเฟิงไม่จำเป็นต้องให้ความกังวล

หนึ่งสัปดาห์ให้หลัง ฉินเฟิงอุ้มไป๋หลีในสภาพสัตว์ร้ายไว้ใต้เสื้อคลุมเขา จากนั้นเข้ามาสมทบกับเทพวูดู

ครั้งนี้เขาจำเป็นต้องนำไป๋หลีมาด้วย เพราะไป๋หลีสามารถเดินทางข้ามมิติใดๆก็ได้ เมื่อตระหนักว่ามีบางอย่างผิดปกติ ฉินเฟิงสามารถหลบหนีได้ทัน

“ครั้งนี้ก่อนอื่นพวกเราจะเดินทางไปยังมิติที่สามารถผ่านไปยังรอยแยกของทวีปบาฮามุทได้ ที่นั่นมีฐานที่มั่นชั่วคราวของพันธมิตรองค์กรมืดตั้งอยู่!”

เช่าไท่อธิบายถึงสถานการณ์ ฉินเฟิงคอยรับฟัง พยักหน้าเป็นระยะ ถึงจุดนี้เขาได้ค้นพบถึงความแตกต่างระหว่างพันธมิตรองค์กรมืดกับพันธมิตรมนุษย์

สำหรับพันธมิตรมนุษย์ พวกเขาจะสร้างตราประจำตัวด้วยเลือด การตรวจสอบยืนยันตัวตนเป็นอะไรที่เข้มงวดมาก แต่พันธมิตรมนุษย์ไม่เหมือนกัน ฝ่ายหลังไม่จำเป็นต้องมีหลักฐานยืนยันตัวตนแต่อย่างใด

แม้สะดวกสบาย แต่นั่นก็ทำให้ฝั่งพันธมิตรองค์กรมืดสับสนวุ่นวายเช่นกัน เพราะมันประกอบไปด้วยเผ่าพันธุ์ทรงภูมิปัญญามากมาย ในหมู่พวกเขา นอกจากนี้ยังมีเผ่าปีศาจเสพวิญญาณ , เผ่ามังกร ที่ถือว่ามนุษย์เป็นอาหารรวมอยู่ด้วย

สิ่งที่โชคดีก็คือ พันธมิตรของโลกมนุษย์ ไม่ว่าจะฝั่งดีหรือร้าย ทั้งหมดเห็นพ้องต้องกัน ไม่คิดเปิดเผยข้อมูลฝั่งตน ปกป้องดินแดนถิ่นเกิดมิให้ผู้ใดรุกราน

“งั้นก็ไปกันเถิด”

เช่าไท่กับเทพวูดูยิ้มพลางพยักหน้า แต่ในหัวใจซ่อนเจตนาชั่วร้าย หลังจากทั้งสามเดินทางผ่านประตูมิติ พวกเขาก็ปรากฏตัวขึ้นในดินแดนแห่งอื่น

ทิวทัศน์โดยรอบกลับคืนสู่สายตา วินาทีแรก ฉินเฟิงรู้สึกราวกับว่าตนได้ก้าวเท้าเข้าสู่เมืองลอยฟ้า บริเวณโดยรอบเต็มไปด้วยอุปกรณ์ทันสมัย ตึกระฟ้าฉายจอโฆษณา

ฉินเฟิงปลดปล่อยพลังสมาธิปกคลุมทั้งเมือง และมันช่วยยืนยันให้เขาได้ ว่านี่คือเมืองลอยฟ้าจริงๆ

ไม่คาดคิดเลย ว่ามิติที่ตนเข้ามา เทคโนโลยีจะได้รับการพัฒนาเป็นอย่างดี

ฉินเฟิงสวมใส่อุปกรณ์สื่อสารที่เทพวูดูจัดหามาให้ ใช้เวลาสักพัก เขาก็สามารถเชื่อมต่อช่องสื่อสารระดับภูมิภาค จากนั้นข้อความก็ถูกส่งเข้ามา

【ติ๊ด ติ๊ด ติ๊ด! ประกาศ! ยานอวกาศ D214 ใกล้ถึงเวลาจั๊มป์ไปยังพื้นที่อันตรายในอีกครึ่งชั่วโมง ผู้ใดต้องการเดินทางสู่บาฮามุท กรุณาขึ้นเครื่องโดยเร็วที่สุด!】

ข้อความนี้ ดูเหมือนจะไม่ใช่คำเชิญให้เข้าสำรวจดินแดนใหม่ แต่กลับฟังดูเหมือนเป็นคำชวนให้ขึ้นรถไฟไปออกท่องเที่ยวนอกบ้าน

สถานที่ที่เดิมถูกอธิบายว่าอันตรายและน่ากลัวมากโดยมารกระดูก กลับมีวิธีเดินทางสะดวกบายเช่นนี้

“ฮ่าฮ่าฮ่า พวกเรามาได้จังหวะพอดี รีบไปกันเถิด!” เทพวูดูกล่าวอย่างเร่งร้อน ในแววตาเขาสะท้อนร่องรอยของความตื่นเต้น

ฉินเฟิงหรี่ตาแคบลง สัญชาตญาณบ่งบอกว่ามีอะไรไม่ชอบมาพากลอยู่ในนั้น แต่เขาไม่คิดเปิดโปงมัน ในเมื่ออีกฝ่ายคิดไม่ซื่อ ตนก็พร้อมใช้กลเม็ด 兵来将挡 水来土掩! (ทหารมาใช้ขุนพลต้านรับ น้ำมาใช้ดินต้าน)

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด