ตอนที่แล้วSign in Buddha's palm 116
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปSign in Buddha's palm 118

Sign in Buddha's palm 117 ความรู้สึกของกองกำลังในโลกหล้า


Sign in Buddha's palm 117 ความรู้สึกของกองกำลังในโลกหล้า

ภายในห้องโถงชีวิตนิรันดร์

เสียงทั้งหมดค่อยๆ จางหายไป

หลังจากที่ซูฉินบรรเลงเพลง 'ชีวิตหลังความตาย' จบ เขาก็พร้อมที่จะกลับไป

ตอนที่เขามาที่นี่เขาก็ต้องการจะมาส่งเสด็จองค์จักรพรรดิถังเป็นครั้งสุดท้ายโดยวิธีการกวาดล้างสังหารเหล่าจอมยุทธที่อยู่นอกพระราชวังนั่น

เมื่อทำตามเป้าหมายเรียบร้อย เขาจึงไม่มีเหตุผลที่จะอยู่ต่อ

“เจ้าเจ้าเจ้า?!”

จ้าวกงกงเบิกตากว้างและมองไปที่ซูฉินด้วยสายตาที่ไม่อยากจะเชื่อ

แม้ตัวเขาจะเป็นเหมือนตะเกียงที่แทบจะไม่เหลือน้ำมันแล้ว พลังทางกายแทบจะไม่หมดสิ้น แต่จิตสัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของเขายังพอจับสัมผัสได้อย่างชัดเจนว่าเสียงของกู่ฉินอันนี้ได้ดับลมหายใจของยอดปรมาจารย์ขั้นสูงสุดไปถึงสองคน และยอดปรมาจารย์ระดับชั้นที่หนึ่งอีกแปดคนที่อยู่ด้านนอกไปอย่างรวดเร็ว

“คาดไม่ถึงเลยว่าองค์รัชทายาทจะได้แต่งงานกับน้องสาวของตำนานยุทธ...”

ในตอนนี้แม้จ้าวกงกงจะไม่ทราบถึงความแข็งแกร่งของซูฉินเท่าไรนัก น้ำเสียงเขาฟังดูซับซ้อน แต่ก็มีบางส่วนที่เผยความโล่งใจออกมา

“ตำนานยุทธ?”

ซูฉินหยุดและมองไปที่จ้าวกงกง

“ฝ่าบาท ท่านจากไปได้อย่างสบายใจแล้วล่ะ...”

จ้าวกงกงหันศีรษะกลับไป พึมพำอยู่กับตนเองเสียงแหบต่ำ ลมหายใจของเขาอ่อนลง อ่อนลง และสุดท้ายก็หมดลมหายใจไปอย่างสมบูรณ์

“สิ้นใจทั้งๆ ที่ยังนั่งอยู่รึ?”

ซูฉินส่ายหัวเล็กน้อย ไม่ได้แปลกใจอะไร

เพื่อที่จะทำให้องค์จักรพรรดิมีชีวิตอยู่ต่อไป เขาคงจะหมดสิ้นพลังชีวิตไปมาก หลังจากการสิ้นพระชนม์ขององค์จักรพรรดิ เท่ากับว่าเขาไม่มีพลังพอที่จะจุนเจืออีกต่อไป เพราะฉะนั้นมันเป็นเรื่องยากมากที่จะขยับเขยื้อนไปไหน ไม่เช่นนั้นเขาจะยอมปล่อยให้ยอดปรมาจารย์ขั้นสูงสุดเข้ามาภายในวังหลวงโดยไม่สนใจได้เยี่ยงไร

จะตายในท่านั่งแบบนี้ก็ไม่ได้ผิดแปลกอะไร

“ช่างมีจิตใจจงรักภักดียิ่งนัก....”

ซูฉินส่ายหัวเล็กน้อยพร้อมทั้งแสดงความคิดเห็นต่อจ้าวกงกง

เหล่าจอมยุทธในโลกนี้ค่อนข้างเป็นคนที่หัวรั้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งยอดปรมาจารย์ระดับชั้นที่หนึ่ง ปกติแล้วพวกเขาจะไม่ออกมาเคลื่อนไหวเพื่ออะไรสักอย่างได้ง่ายๆ พวกเขามักจะทำตามใจตนไปจนถึงวันสุดท้ายของชีวิต ใช้ชีวิตอย่างสุขสันต์นับร้อยปี

แต่จ้าวกงกงนั้นแตกต่าง

สำหรับจ้าวกงกง ชีวิตของจักรพรรดิถังมีความสำคัญมากยิ่งกว่าชีวิตของตนเอง

เห็นได้ชัดว่านี่ค่อนข้างเป็น 'สิ่งที่ไม่เหมือนใคร' ในบรรดาเหล่ายอดปรมาจารย์ขั้นสูงสุด

หนานหมิง

ภายในพระราชวัง

จักรพรรดิหมิงนั่งอยู่บนบัลลังก์มังกร ดวงตาของเขาดูเหมือนกำลังครุ่นคิดบางอย่าง แต่ก็ไม่มีใครทราบว่าเขากำลังคิดเรื่องอะไรอยู่

ในตอนนั้นเองผู้บัญชาการของหน่วยองครักษ์เสื้อแพรเดินเข้ามาด้วยความเคารพ โค้งคำนับ และกล่าวขึ้นว่า “ฝ่าบาท”

“โอ้?”

จักรพรรดิหมิงเงยหน้าขึ้นเล็กน้อยและมองไปที่ผู้บัญชาการหน่วยองครักษ์เสื้อแพรพร้อมทั้งเอ่ยถามอย่างสบายใจ “จักรพรรดิถังนั้นกำลังจะตาย ท่านลุงของข้าก็น่าจะไปถึงพระราชวังถังแล้วกระมัง?”

“รายงานฝ่าบาท เป็นเช่นนั้นพะย่ะค่ะ”

“ข่าวล่าสุดที่ข้าได้รับมาจากราชาหวู่หยางคืออินจิ่วฝูจะร่วมลงมือในการบุกพระราชวังถังเช่นกัน”

ผู้บัญชาการหน่วยองครักษ์เสื้อแพรตอบในทันที

“เยี่ยมมาก”

ด้วยท่านลุงและอินจิ่วฝู แม้ว่าจ้าวกงกงจะอยู่ที่นั่น มันก็ไม่มีประโยชน์อันใด...”

น้ำเสียงของจักรพรรดิหมิงราบเรียบแต่เต็มไปด้วยความมั่นใจ

“ฝ่าบาท...”

ผู้บัญชาการหน่วยองครักษ์เสื้อแพรดูลังเล แต่ก็อดไม่ได้ที่เอ่ยถาม “ฝ่าบาทได้ร้องขอชุดเกราะจำนวนแปดแสนชุดจากองค์ชายเฉิน จำนวนนี้น้อยเกินไปหรือไม่?”

ผู้บัญชาการหน่วยองครักษ์เสื้อแพรมีสีหน้างุนงง

แม้ว่าชุดเกราะรบจำนวนแปดแสนชุดจะทำให้อาณาจักรถังต้องตัดเนื้อเฉือนหนังของตนเองออกมา แต่เมื่อเทียบกับสิ่งที่จะได้มา องค์ชายเฉินมีแต่จะต้องยอมโดยไม่มีทางเลือกใด

ไม่ต้องพูดถึงชุดเกราะรบแปดแสนชุด แม้จะเป็นจำนวนล้านชุด องค์ชายเฉินก็มอบให้ได้

“ชุดเกราะรบแปดแสนชุด?”

จักรพรรดิหมิงยิ้มออกมา สีหน้าเจือไปด้วยความรังเกียจ “ชุดเกราะแปดแสนชุดมันก็แค่ทำให้พวกนั้นตายใจ”

“เป้าหมายของข้าไม่ใช่แค่ชุดเกราะรบแปดแสนชุด แต่เป็นอาณาจักรถังทั้งหมดต่างหาก”

เมื่อจักรพรรดิหมิงกล่าวเช่นนั้น เขาก็ลุกขึ้นทันทีแล้วกล่าวเน้นทีละคำ “เจ้าคิดว่าข้าให้ท่านลุงไปที่พระราชวังถังเพียงเพื่อช่วยให้บุตรชายของจักรพรรดิถังได้ขึ้นครองราชย์เท่านั้นหรือ?”

“ฝ่าบาทหมายความเยี่ยงไรกัน?”

ผู้บัญชาการหน่วยองครักษ์เสื้อแพรตกใจ อดไม่ได้ที่จะเอ่ยถาม

“เจ้าจะได้รู้เมื่อยามที่ข่าวจากราชวังถังถูกส่งกลับมา” จักรพรรดิหมิงก้าวเท้าเดินอย่างช้าๆ ไม่ต้องการจะเผยอะไรให้มากความ

เมื่อตอนที่ผู้บัญชาการหน่วยองครักษ์เสื้อแพรกำลังคาดเดาอยู่นั้น

ราชองครักษ์ก็ตรงปรี่เข้ามา

“ฝ่าบาท มีข้อมูลถูกส่งมาจากพระราชวังถัง...”

ราชองครักษ์คุกเข่าลงข้างหนึ่ง เหงื่อไหลย้อยออกจากหน้าผากอย่างต่อเนื่อง

“โอ้?”

รอยยิ้มปรากฏขึ้นบนใบหน้าของจักรพรรดิหมิง

ผู้บัญชาการหน่วยองครักษ์เสื้อแพรที่อยู่ใกล้ๆ ก็เต็มไปด้วยความอยากรู้อยากเห็น

จากน้ำเสียงของจักรพรรดิหมิงที่ได้กล่าวเอาไว้ก่อนหน้า แสดงให้เห็นถึงแผนการบางอย่าง จึงไม่แปลกที่เมื่อรู้ว่ามีข่าวกลับมา เขาจึงอยากรู้ความนัยนั้นเสียเหลือเกิน

“อ่านมาเถอะ”

จักรพรรดิหมิงเอนตัวเล็กน้อยลงบนบัลลังก์มังกร กล่าวคำสั่งด้วยเสียงอันเบา

“ขอรับ”

ราชองครักษ์กัดฟันแล้วเริ่มอ่านออกมา

“ราชาหวู่หยางและทหารองครักษ์ทั้งแปดถูกกลบฝังที่ด้านนอกพระราชวังถัง ไม่มีผู้รอดชีวิต...”

ทุกคนเงียบกริบ

หลังจากราชองครักษ์ผู้นั้นอ่านจดหมายเหตุจนจบ เขาก็รู้สึกได้ว่ารอบตัวของเขาเงียบกริบไปชั่วขณะ

อึก

ราชองครักษ์ตัวสั่นไปทั้งตัว คุกเข่าลงกับพื้นทั้งสองข้าง ไม่กล้าเงยศีรษะขึ้นมาแม้แต่น้อย

หลังจากผ่านไปเป็นเวลานาน

เสียงของจักรพรรดิหมิงก็ค่อยๆ ดังขึ้น “ได้รับการยืนยันมาจากหน่วยข่าวกรองแล้วใช่หรือไม่?”

ในขณะนั้นเสียงของจักรพรรดิหมิงแหบแห้งลงเล็กน้อย ราวกับว่าเขากำลังระงับอารมณ์ความรู้สึกบางอย่าง

ในความจริง ยามเมื่อเขาเอ่ยถามประโยคนี้ออกไป เขาก็มีคำตอบอยู่ในใจตนเองแล้ว มันเกี่ยวข้องกับความตายของยอดปรมาจารย์ขั้นสูงสุดแห่งหนานหมิง รวมถึงยอดปรมาจารย์ระดับชั้นที่หนึ่งถึงแปดคนเชียวนะ

“รายงานฝ่าบาท เราได้ยืนยันหลายรอบแล้ว...”

ราชองครักษ์กล่าวตอบด้วยเสียงสั่นเครือ

“ออกไปก่อน”

จักรพรรดิหมิงโบกมือออกไป เขาดูเหมือนจะแก่ขึ้นไปอีกสิบปีในทันตาเห็น

ราชาหวู่หยางเป็นดั่งบุคคลที่อยู่เบื้องหลังของอาณาจักรหนานหมิง และตอนนี้เขาก็ได้ไปนอนทอดร่างอยู่ที่พระราชวังถังแล้ว เรื่องเช่นนี้ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนสำหรับหนานหมิง มันไม่ใช่เพียงราชาหวู่หยางเท่านั้น แต่พวกเขายังสูญเสียองครักษ์ประจำอาณาจักรหนานหมิงไปถึงแปดคนอีกด้วย

“เจ้าก็ออกไปด้วย”

จักรพรรดิหมิงเหลือบมองไปที่ผู้บัญชาการหน่วยองครักษ์เสื้อแพรที่คุกเข่าอยู่กับพื้น กล่าวสั่งด้วยเสียงต่ำ

“ขอรับ”

ผู้บัญชาการหน่วยองครักษ์เสื้อแพรรีบออกไปอย่างรวดเร็ว ไม่กล้าที่จะเอ่ยถามถึงแผนการขององค์จักรพรรดิหมิงอีกต่อไป...

ขนาดราชาหวู่หยางยังตายไปแล้ว ไม่ว่าจะวางแผนไว้ดีมากแค่ไหน ตอนนี้มันก็สลายหายไปเหมือนเป็นเพียงเงาจันทร์ในหนองน้ำเท่านั้น

เรื่องราวที่เกิดขึ้นภายในพระราชวังถังนั้นแพร่กระจายออกไปทั่วดินแดนอย่างรวดเร็วราวกับสายฟ้าแลบ

ในข้างต้นคือการสิ้นพระชนม์ขององค์จักรพรรดิถังองค์เก่า และการขึ้นครองราชย์ขององค์รัชทายาทก็ได้ดึงดูดความสนใจของทุกอาณาจักรอยู่แล้ว ไหนจะมีเรื่องที่หนานหมิงยื่นมือเข้ามาแทรกแซงอีกซึ่งเหตุการณ์ในครั้งนี้ส่งผลกระทบต่อสายตาของกองกำลังต่างๆ ที่เฝ้ามองมานับไม่ถ้วน

ทุกคนเฝ้าดูการเปลี่ยนแปลงภายในพระราชวังถังด้วยความรู้สึกราวกับดูละครเรื่องหนึ่ง

มีหลายคนที่ไม่ได้มองโลกในแง่ดีนักในเรื่องราวขององค์รัชทายาทองค์ปัจจุบัน เพราะองค์ชายเฉินนั้นได้รับการสนับสนุนจากหนานหมิงและอินจิ่วฝู มียอดปรมาจารย์ขั้นสูงสุดถึงสองคนที่อยู่เบื้องหลังเขา

องค์รัชทายาทจะไปทำอะไรได้?

แต่หลังจากที่ยอดปรมาจารย์ขั้นสูงสุดทั้งคู่ได้ตายจากโลกนี้ไป ทั่วทั้งโลกก็ถึงกับสั่นสะเทือน

คนเหล่านี้คือยอดปรมาจารย์ขั้นสูงสุด เมื่อไหร่กันที่สามารถจัดการได้ง่ายดายเพียงนี้

ในขณะที่ทั่วทั้งโลกต่างตื่นตะลึงกับเรื่องที่เกิดขึ้น ซูฉินก็กลับไปที่ตำหนักชุนฝั่งขวาเพื่อใช้ชีวิตอันแสนสุขสบายต่อไป

แต่สำหรับองค์รัชทายาทหลี่เชิง การกระทำของซูฉินเปรียบเสมือนการกอบกู้ราชวงศ์ ช่วยเหลือเหล่าขุนนาง ทหารหาญ และผู้คนอีกนับล้านชีวิต

หากองค์ชายเฉินได้ขึ้นครองบัลลังก์ ขุนนางข้าราชบริพารทั้งฝั่งพลเรือนและฝั่งกองทัพจะต้องถูกกวาดล้างอย่างแน่นอน และด้วยการร่วมมือกับอาณาจักรหนานหมิงเช่นนั้นมันจะเผาไหม้อาณาจักรถังให้ตกต่ำลงในไม่ช้า

แต่ในสายตาของซูฉินนั้น มันก็ไม่มีอะไรมากไปกว่าการบรรเลงเพลง 'ชีวิตหลังความตาย'

ตกดึก

ร่างของซูฉินไปปรากฏตัวที่ศาลบรรพชน

“ดูเหมือนว่านานแล้วที่ขาไม่ได้แวะมาลงชื่อเข้าใช้ที่ศาลบรรพชนแห่งนี้เลย”

ซูฉินหยุดฝีเท้าและมองไปที่ศาลบรรพชนของราชวงศ์ถังจากระยะไกล ทันใดนั้นเขาก็คิดบางอย่างขึ้นในใจ

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด