ตอนที่แล้วบทที่ 72 อีวาน (3)
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 74 ไฮเอล์ฟ (1)

บทที่ 73 อีวาน (4)


“ถ้าหากคุณฆ่าอัครสาวกมันจะบังคับให้เดมิก็อดที่ผูกพันกับพวกเขาเข้าสู่โหมดจำศีลและในเวลานั้นพวกเขาจะไร้การป้องกัน ตัวอย่างเช่น”

จุ๊

มีดปอกผลไม้ขนาดเล็กปรากฏขึ้นในมือของริกิ

มันมาจากไหนกัน?

ริกิพูดต่อราวกับว่ามันไม่มีอะไรพิเศษ

“คุณสามารถฆ่าพวกเขาได้ด้วยมีดปอกผลไม้โง่ๆอันนี่ เพียงแค่แทงเข้าที่ท้ายทอย”

“…”

ทั้งห้องตกอยู่ในความเงียบ

นั่นเป็นเพราะเฟรย์และอีวานจ้องมองริกิด้วยสีหน้าตกใจ

เขาแค่บอกว่าพวกเขาสามารถฆ่าเดมิก็อดที่สามารถทำลายล้างเมืองได้ด้วยมีดปอกผลไม้นี้นะ?

นั่นหมายความว่าเดมิก็อดที่จำศีลนั้นอ่อนแอและไม่เป็นอันตรายเหมือนกับเด็กทารก

มันยากที่จะเชื่อแต่ถ้ามันเป็นความจริงมันก็เป็นข้อมูลที่พวกเขาอาจจะไม่มีทางได้รับรู้แม้จะต้องใช้ความพยายามทั้งหมดที่มีอยู่ก็ตาม

ปัญหาคือทัศนคติของริกิ

ในขณะที่เขาพูดอย่างไม่ไยดีมันก็ยากที่พวกเขาจะแน่ใจว่าสิ่งที่เขาพูดนั้นความจริงหรือไม่

อีวานอดไม่ได้ที่จะถาม

“มันฟังดูไม่น่าเชื่อ ถ้าหากมันเป็นเช่นนี้ทำไมเดมิก็อดถึงได้สร้างอัครสาวกขึ้นมาตั้งแต่แรกละ?”

“มันมีปัญหาหรือเปล่า?”

"ก็…"

เฟรย์ตัดสินใจพูดต่อจากอีวานที่สะดุดหลังจากถามคำถามที่ไม่คาดคิด

“แน่นอนว่ามันต้องเป็นปัญหา พลังที่เหล่าอัครสาวกมีหากเทียบกับเดมิก็อดก็เป็นเหมือนหยดน้ำเมื่อเทียบกับมหาสมุทร มันดูไม่เสี่ยงเกินไปหรอที่จะสร้างผู้ใต้บังคับบัญชาที่สามารถใช้พลังได้เพียงเล็กน้อยเท่านั้น”

คำถามของเฟรย์มีเหตุผล

แม้ว่าเขาจะไม่แน่ใจเกี่ยวกับพลังเฉลี่ยในแต่ละอัครสาวก แต่เขาก็ยังสามารถจัดการอดีตรองหัวหน้าหอคอยเวทมนตร์ที่ 3 ได้ไม่นานหลังจากที่เขาไปถึงระดับ 7 ดาว

ถ้าอัครสาวกทุกคนอยู่ในระดับใกล้เคียงกัน ขอเพียงเขาไปถึงระดับ 8 ดาวเท่านั้นเขาก็สามารถกำจัดอัครสาวกทั้งหมดในโลกได้อย่างง่ายดาย

ดังนั้นมันจึงไม่คุ้มค่าที่เดมิก็อดจะเสี่ยงต่อการจำศีลสำหรับการมีลูกน้องที่อ่อนแอเช่นนี้

นั่นเหมือนกับการขุดหลุมฝังศพให้กับตัวเอง

เฟรย์รู้ดีว่าเดมิก็อดจะไม่มีวันตัดสินใจทำอะไรที่มีความเสี่ยงสูงและให้ผลตอบแทนต่ำเช่นนั้น

พวกเขาหยิ่งและเอาแต่ใจแน่นอนแต่พวกเขาไม่ได้โง่

ริกิตอบด้วยน้ำเสียงสบายๆเหมือนเดิม

“พวกเราไม่มีทางเลือก หากพวกเราไม่ทำเช่นนั้นพวกเราอาจจะถูกลบตัวตนออกไปตลอดกาล”

“ลบตัวตนของเดมิก็อดเหรอ? มีใครบ้างในโลกนี้ที่สามารถทำสิ่งนั้นได้จริงๆ”

ริกิมองใบหน้าของอีวานและเฟรย์ครู่หนึ่งก่อนจะตอบ

"พระเจ้ายังไงละ"

“…”

“…”

ความเงียบนั้นหนักกว่าเดิมหลายเท่า

เฟรย์มองไปที่ริกิด้วยสีหน้าเคร่งขรึมขณะที่อีวานถามคำถามอื่นจากคำตอบที่ว่างเปล่า

“…ฉันไม่คิดว่าคุณจะเสียเวลาเล่าเรื่องไร้สาระให้เราฟัง คุณจริงจังอยู่ใช่ไหม?”

"แน่นอน"

"โอ้พระเจ้า ฉันเป็นคนที่ไม่เชื่อในเรื่องของพระเจ้า ฉันหวังว่าอุณหภูมิของไฟนรกจะอบอุ่น…”

“มันไม่สำคัญหรอก มันเป็นหน้าของสิ่งอื่นในการตัดสินวิญญาณหลังความตาย สิ่งที่ฉันหมายถึงแทนที่จะเป็นพระเจ้า…มันอาจจะถูกต้องกว่าที่จะเรียกมันว่า ‘กฎอันยิ่งใหญ่’”

“คุณหมายถึงอะไร?”

“มันเป็นมวลพลังงานที่รักษาสมดุลของโลก เป็นพลังงานที่สร้างปรากฏการณ์เหนือธรรมชาติทั้งในการสร้างและการทำลายล้างตราบใดที่เงื่อนไขบางประการยังคงอยู่ เดมิก็อดเป็นชิ้นส่วนที่หลุดออกมาจากพลังงานจำนวนมากนั้นและได้รับการตระหนักในตัวตนของตัวเอง”

เฟรย์ไม่เคยคิดมาก่อนว่าเขาจะได้เรียนรู้ต้นกำเนิดของเดมิก็อดในกระท่อมซอมซ่อแห่งนี้

มีอยู่ครั้งหนึ่งที่เขาได้พิจารณาถึงการมีอยู่ของพระเจ้า นี่เป็นเรื่องธรรมดาเนื่องจากชื่อของศัตรูที่เขาต่อสู้มาทั้งชีวิตคือเดมิ ‘ก็อด’

อย่างไรก็ตามแม้แต่มังกรที่เป็นเผ่าที่เก่าแก่ที่สุดในโลกก็ยังไม่รู้คำตอบสำหรับคำถามนั้น

ริกิมองการแสดงออกที่ซับซ้อนของเฟรย์สักพักก่อนจะพูดต่อ

“พวกเราเดมิก็อดได้พรากชีวิตมานับไม่ถ้วนในช่วงหลายพันปีที่ผ่านมา ลอร์ดไม่เคยคิดอย่างนั้น แต่ฉันเชื่อว่าพวกเรากำลังถูกลงโทษสำหรับการกระทำของเรา”

“การลงโทษ? คุณหมายความว่าเดมิก็อดทั้งหมดได้ตายไปแล้วใช่ไหม?”

“ไม่”

เขาคร่ำครวญถึงข้อเท็จจริงนั้น คงจะดีมากถ้าหากจำนวนของเดมิก็อดนั้นลดลงแม้แต่คนเดียวก็ตาม

อย่างไรก็ตามคำพูดต่อไปของริกิทำให้อีวานตกใจมาก

“ครั้งสุดท้ายที่ฉันตรวจสอบจำนวนของเดมิก็อดทั้งหมดที่ถูกลบหายไปคือยี่สิบคน”

“…!”

“หลังจากนั้นลอร์ดไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องกลับมาสนใจสิ่งนี้ เพื่อหยุดไม่ให้พวกเราหายไปอีก สำหรับเราความตายหมายถึงการทำลายวิญญาณของเราและจุดจบของทุกสิ่งนั่นคือเหตุผลที่พวกเขาหมดหวัง”

อีวานตกตะลึง

ทุกสิ่งที่เขาเคยได้ยินมาจนถึงตอนนี้เป็นความลับที่เซอร์เคิลยินดีที่จะทำทุกอย่างเพื่อให้ได้มา

นอกเหนือจากนั้น

ทำไมจู่ๆริกิถึงได้บอกข้อมูลทั้งหมดนี้กับให้เฟรย์ที่เพิ่งเคยพบกันราวกับว่าริกิกำลังรอการมาถึงของเขาอยู่แล้ว?

ริกิเกาหัวของเขา

“อืม ฉันบอกพวกคุณมากกว่าที่ฉันตั้งใจเอาไว้ แต่ไม่เป็นไร”

“… ริกิ ฉันขอถามได้ไหมว่าทำไมคุณถึงทรยศต่อเหล่าเดมิก็อด?”

“ฉันไม่ได้ตั้งใจที่จะพูดถึงเรื่องนี้ คุณควรพอใจกับข้อมูลที่คุณเพิ่งได้รู้”

“…”

มันเป็นการปฏิเสธอย่างหนักแน่น

เฟรย์มองไปที่ริกิและแน่ใจว่าไม่ว่าเขาจะกดดันมากแค่ไหนเขาก็จะไม่ได้รับคำตอบสำหรับคำถามนั้น

“ฉันขอจัดระเบียบความคิด…สักครู่”

“ได้สิ ส่วนอีวานรายงานเกี่ยวกับอันเดดให้ฉันหน่อย”

“เวลานายขอร้องใครก็พูดดีๆหน่อยสิ”

แม้ว่าอีวานจะพูดด้วยน้ำเสียงที่ค่อนข้างหยาบคายแต่เขาก็ยังเข้าไปหาริกิโดยไม่ลังเล บันไดทางสังคมระหว่างพวกเขาถูกสร้างขึ้นมานานแล้ว

เฟรย์ใช้เวลาในการรวบรวมความคิดของเขา

แต่ละสิ่งที่ริกิพูดอย่างเมินเฉยนั้นเป็นข้อมูลที่ละเอียดอ่อนและมีค่าอย่างเหลือเชื่อ

แน่นอนเขาไม่เชื่ออย่างสนิทใจ อย่างไรก็ตามการมองข้ามสิ่งเหล่านี้ไปทั้งหมดเหมือนก็เป็นเรื่องโง่เขลาอย่างไม่น่าเชื่อ

ดังนั้นเขาจึงค่อยๆสำรวจทุกๆอย่างเพื่อดูว่ามีอะไรแปลกไปเกี่ยวกับสิ่งที่เขาบอก

ก่อนอื่นถ้าอัครสาวกถูกสังหารเดมิก็อดของพวกเขาจะถูกบังคับให้อยู่ในสถานะจำศีลและไร้การป้องกัน

สิ่งนี้สอดคล้องกับสิ่งที่เขาได้เรียนรู้จากมิเคลในขณะที่พวกเขาต่อสู้กับลุคส์

เขาบอกว่าการฆ่าอัครสาวกส่งผลกระทบต่อเดมิก็อดไม่ทางใดก็ทางหนึ่งและตอนนี้ตามที่ริกิได้บอกคือการถูกบังคับให้จำศีล

‘มันมีความน่าเชื่อถืออยู่ในคำพูดนั้น…’

เขาไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากยอมรับว่าข้อเท็จจริงทั้งสองสอดคล้องกันโดยธรรมชาติ

ปัญหาเดียวคือเขาไม่รู้ว่าพวกเขาจำศีลนานแค่ไหน

ถ้าเขาถาม ริกิจะบอกเขาไหม

อย่างไรก็ตามเขาเชื่อว่าเวลานั้นยาวนานกว่าที่เขาคาดไว้ในตอนแรกมาก

มิฉะนั้นเซอร์เคิลจะสังเกตเห็นว่าเดมิก็อดจะสร้างอัครสาวกขึ้นมาใหม่หลังจากที่พวกเขาตื่นขึ้นมาอีกครั้ง

‘น่าจะเป็นเวลาอย่างน้อยหลายสิบปี หรืออาจจะมากกว่านั้น '

ต่อไปคือข้อมูลเกี่ยวกับพระเจ้า

เฟรย์ยังเป็นผู้ที่ไม่เชื่อในพระเจ้าและหลังจากเรียนรู้เกี่ยวกับการดำรงอยู่ของเดมิก็อดเขาก็ได้พัฒนามุมมองที่เป็นปฏิปักษ์ต่อพระเจ้ามากขึ้น

อย่างไรก็ตามเนื่องจากเขาไม่เชื่อในพระเจ้าคำพูดของริกิจึงดูมีเหตุผล

พระเจ้าที่ดำรงอยู่นั้นไม่ได้มีจิตสำนึกของตัวเองแต่กลับเป็นสิ่งมีชีวิตที่เรียบง่ายซึ่งประกอบไปด้วยกฎเกณฑ์ของโลก

ถ้าเป็นเช่นนั้นก็เข้าใจได้ว่าทำไมพระเจ้าถึงไม่ตอบสนองเมื่อเผ่าพันธุ์นับร้อยนับพันต้องทนทุกข์ทรมานจากเงื้อมมือของเดมิก็อด

พวกเขาต้องมีความเข้าใจอย่างถ่องแท้เกี่ยวกับกฎและความสมดุลของโลกและทำให้มันง่ายสำหรับพวกเขาที่จะใช้จุดบอดของกฏตามความต้องการของพวกเขา

บางทีนั่นอาจเป็นเหตุผลที่พวกเขาสร้างอัครสาวก

การสังหารเผ่าต่างๆที่พวกอัครสาวกทำจะไม่ส่งผลใดๆต่อเดมิก็อด สิ่งเดียวที่สำคัญสำหรับพวกเขาคือการลงมือทำโดยตรงที่ทำลายระบบให้เสียสมดุล

‘ถ้ามีการลงโทษจากพระเจ้าจริงๆมันก็จะอธิบายได้เช่นกันว่าทำไมเหล่าเดมิก็อดถึงไม่สามารถควบคุมทวีปได้อย่างสมบูรณ์’

ในความเป็นจริงถ้าหากเหล่าเดมิก็อดต้องการควบคุมทวีปจริงๆ พวกเขาสามารถควบคุมทั้งทวีปได้อย่างง่ายดายและแม้ว่าทุกการเผ่าจะรวมกันก็ไม่สามารถหยุดได้

เฟรย์ไม่ได้เรียกพวกเดมิก็อดว่าเป็นสิ่งเหนือธรรมชาติเฉยๆ

อย่างไรก็ตามเดมิก็อดแทบไม่เปิดเผยพลังของพวกเขา

เมื่อ 4,000 ปีก่อนและตอนนี้ก็เหมือนเดิม

และการลงโทษจากพระเจ้าดูเหมือนเป็นข้อแก้ตัวที่สมเหตุสมผล

หลังจากที่เขาคิดเช่นนี้แล้วเขาก็ได้ข้อสรุป

ริกิอาจเป็นคนที่โกหกได้อย่างยอดเยี่ยมหรือไม่เขาก็แค่พูดความจริง

…และในขณะนั้นเฟรย์ก็รู้สึกว่าเขาน่าจะพูดความจริงมากกว่า

“คุณได้ข้อสรุปแล้วใช่ไหม?”

เฟรย์พยักหน้าตามคำพูดของริกิ

“แต่ทำไมคุณถึงเลือกมาบอกฉันทั้งหมดนี้ละ?”

“เพราะฉันไม่สามารถกำจัดเดมิก็อดทั้งหมดได้ด้วยตัวเองยังไงละ”

เขาต้องการพลังของมนุษย์สองคนนี่จริงๆหรือ?

เฟรย์เอียงศีรษะเล็กน้อยขณะที่เขามองริกิด้วยความสับสน

“ฉันถามคำถามผิด คุณคาดหวังให้ฉันเชื่อคุณไหม ฉันอาจจะมองว่าสิ่งที่คุณพูดนั้นเป็นเรื่องไร้สาระ”

“สายตาของฉันไม่ได้แย่ขนาดนั้น และไม่สำคัญว่าคุณเลือกที่จะเชื่อหรือไม่เชื่อก็ตาม”

“…”

ริกิไม่ได้ให้เหตุผลสำหรับเรื่องนี้และเฟรย์รู้สึกว่ามันอาจจะปลอดภัยกว่าที่จะไม่ถามว่าทำไม

อีวานเกาหัวด้วยความหงุดหงิดอยู่ครู่หนึ่ง

“เอาละพอได้แล้ว ตอนนี้ฉันควรทำอะไรดี? ฉันตามล่าพวกอันเดดทั้งหมดในป่านี้แล้วนะ”

“ฉันว่ามันยังไม่ใช่นะอีวาน คำขอของฉันคือการนำศีรษะของอัครสาวกกลับมาให้ฉันไม่ใช่เล่นกับพวกอันเดดกระจอกๆ”

“…หืม”

อีวานทำท่าไม่พอใจ

อัครสาวก?

อีวานยังคงพูดต่อไป

“คำขอนั้นไม่สมเหตุสมผลตั้งแต่แรกแล้วละ”

“ทำไมมันถึงไม่สมเหตุสมผลละ?”

“ฉันไม่สามารถเข้าไปในป่าได้แม้ว่าฉันจะพยายามแค่ไหนก็ตาม ไม่มีมนต์สะกดหรือกำแพง แต่มันเหมือนกับว่าป่ากำลังขับไล่คนนอกอย่างฉันออกไป”

อีวานยิงสายตาสกปรกใส่ริกิ

“ฉันว่าจะหักทุบไม้สักสองสามต้นเพื่อที่จะเข้าไป แต่แล้วฉันก็จำได้ว่านายบอกว่าอย่าทำอย่างนั้น”

“ก็ถ้านายต้องการที่จะเป็นศัตรูกับเหล่าเอลฟ์และวิญญาณทั้งหมดในป่าใหญ่ฉันจะไม่ห้ามนาย”

“… ชิ”

ดูเหมือนว่าอัครสาวกจะหายตัวไปในป่าใหญ่

โดยส่วนตัวแล้วเฟรย์หวังกับผลลัพธ์นี้มากที่สุด เขารู้สึกว่ามันจะง่ายกว่านั้นมาก

เฟรย์รู้ดีในเรื่องการปฏิบัติต่อพันธมิตรอย่างมีอัธยาศัยดีและมีหลายเซอร์เคิลในหมู่ของพวกเอลฟ์

ดังนั้นหากเขาเปิดเผยตัวตนในฐานะสมาชิกของเซอร์เคิลและขอความร่วมมือ สิ่งต่างๆก็น่าจะเป็นไปอย่างราบรื่น

อย่างไรก็ตามปัญหาในครั้งนี้ไม่ง่ายนัก

ชิก

ริกิหยิบกระดาษแผ่นหนึ่งออกจากกระเป๋าและกางออกให้พวกเขาดู

มันเป็นภาพของใครบางคน

มันเป็นผู้ชายที่หล่อเหลาอย่างไม่น่าเชื่อ

ในบรรดาผู้ชายที่เฟรย์เคยพบมาตั้งแต่เขากลับมานั้นเพเรียนถือได้ว่าหน้าตาดีที่สุดและผู้ชายในภาพคนนี้ก็ดูดีพอๆกัน

นอกจากนี้เขายังมีหูที่ยาว ชายคนนี้เป็นเอลฟ์

“ชายคนนี้คือโอดินพรีดิกวูด เขาเป็นไฮเอลฟ์และในขณะเดียวกันเป็น…อัครสาวก”

สิ่งนี้ทำให้สถานการณ์มีความซับซ้อนมาก

ไฮเอลฟ์ถือได้ว่าเป็นเชื่อสายราชวงศ์ในเผ่าพันธุ์ของเอลฟ์ หากพวกเขาโจมตีโดยไม่มีหลักฐานแน่ชัดพวกเขาจะกลายเป็นศัตรูของเผ่าพันธุ์เอลฟ์ทั้งหมด

เฟรย์ถอนหายใจ

“ไม่มีสมาชิกเซอร์เคิลท่ามกลางเอลฟ์เหรอ? พวกเขาจะสามารถสัมผัสถึงพลังอันศักดิ์สิทธิ์ได้ ชายคนนี้ซ่อนตัวได้อย่างไร?”

“ มีใครบางคนปกปิดพลังศักดิ์สิทธิ์ของอัครสาวก เขาเป็นหนึ่งในเดมิก็อดที่ทรงพลังที่สุดและได้รับการยกย่องว่าอยู่ภายใต้ลอร์ด สิ่งมีชีวิตที่เซอร์เคิลเรียกว่า ‘อะโพคาลิปส์’

“…แปลว่าผู้ชายคนนั้นที่ชื่อโอดิน”

ริกิพยักหน้า

“เขาเป็นอัครสาวกของนอซด็อก เดมิก็อดผู้ควบคุมพลังแห่งความตาย”

มันแย่กว่าที่เขาคาดไว้

จากนั้นริกิก็ถอนหายใจและเผยความรู้สึกออกมาเป็นครั้งแรก

“โอกาสสุดท้ายของเราคือเมื่อสองเดือนที่แล้ว มีช่วงเวลาหนึ่งที่เขาออกจากป่าใหญ่โดยไม่มีผู้คุ้มกันแต่เราพลาดเพราะอีวานนอนหลับ”

เมื่อเฟรย์เหลือบไปมองเขาก็เห็นอีวานพูดออกมาอย่างไร้ยางอาย

“…คืนนั้นฉันรู้สึกว่าแสงจันทร์สวยงามมากและเหมาะกับการดื่มเหล้า ฉันจะบอกนายไว้เลยตอนนี้ว่าฉันไม่เสียใจเลยสักนิด ไม่ว่าในกรณีใดอะไรที่ทำไปแล้วก็ย้อนกลับมาไม่ได้”

“คุณฆ่าอัครสาวกด้วยตัวคุณเองไม่ได้หรือ?”

“ถ้าหากเป็นไปได้ฉันคงฆ่าอัครสาวกทั้งหมดด้วยมือของฉันเองแล้วจัดการกับเดมิก็อดทันที ถ้าฉันลงมือมันก็จะทิ้งร่องรอยไว้เนื่องจากจิตของอัครสาวกเชื่อมต่อกับเดมิก็อด การทรยศของฉันจะถูกเปิดเผยในทันที”

มันเป็นเรื่องจริง

หากอัครสาวกสามารถมองเห็นร่างหรือออร่าของริกิได้เพียงเล็กน้อยก่อนที่พวกเขาจะเสียชีวิตข้อมูลนั้นก็จะถูกส่งไปยังเดมิก็อดของพวกเขาโดยตรง

“…คุณจะไม่ลังเลที่จะฆ่าเดมิก็อดเลยหรือ?”

"ถูกตัอง"

เฟรย์คิดสักครู่ก่อนที่จะพูด

“เมื่อไม่นานมานี้ฉันฆ่าอัครสาวกที่ใช้สายฟ้า ถ้าเป็นอย่างที่คุณพูดเดมิก็อดที่ว่าก็ควรอยู่ในสภาพจำศีล”

ดวงตาของริกิส่องไปที่คำพูดเหล่านั้น

“…สายฟ้า อืม....เป็นอินดราหรือเปล่า? หากคำพูดของคุณเป็นความจริง…นั่นจะเป็นข้อมูลที่มีประโยชน์มาก”

หลังจากครุ่นคิดสักพักริกิก็พูดอีกครั้ง

“คุณพิสูจน์ได้มั้ยว่าคุณฆ่าอัครสาวกของอินดรา?”

“ไม่ ฉันใช้หินคริส.…”

ในขณะนั้นเฟรย์ก็นึกถึงน้ำอมฤตสายฟ้าที่อเดเลียมอบให้เขาพร้อมกับน้ำยามานา

เขาหยิบมันออกจากกระเป๋าทันทีและแสดงให้ริกิดู

“สิ่งนี้เพียงพอหรือไม่? มันมีพลังงานสายฟ้าที่อยู่ในคริสตัล ...”

“…นั่นน่าจะเป็นสายฟ้าของอินดรา พลังงานนั้นจะได้รับก็ต่อเมื่อสังหารอัครสาวกของเขาเท่านั้น แค่นั้นก็เพียงพอแล้ว”

รอยยิ้มเย็นยะเยือกเบ่งบานบนใบหน้าของริกิ

"ขอเวลาฉันสักครู่"

ชุก

ริกิคว้าดาบที่อยู่ข้างๆก่อนจะหายตัวไป

เฟรย์สงสัยอีกครั้งว่าริกิมีพลังในการเดินข้ามมิติอวกาศหรือไม่ในขณะที่อีวานบ่น

“ฉันเจอแบบนี่มาแล้วหลายครั้งแล้ว แต่เมื่อใดก็ตามที่เขาปรากฏตัวหรือหายตัวไปมันก็ทำให้ฉันประหลาดใจทุกครั้งเช่นกัน และฉันไม่เคยแปลกใจเลยที่เขามักหายตัวมาตบฉันที่ด้านหลังศีรษะ”

“…”

ชิ้ง

ในขณะนั้นร่างของริกกี้ก็ปรากฏขึ้นอีกครั้ง การปรากฏตัวของเขาทำให้อีวานและเฟรย์ถึงกับหรี่ตา

ริกิถูกปกคลุมไปด้วยเลือด แต่เขาไม่มีบาดแผลให้เห็น

เขาถือดาบเปื้อนเลือดไว้ในมือขวาและมีอย่างอื่นในมือซ้ายซึ่งทั้งสองอย่างนี้เขาวางไว้บนโต๊ะตรงหน้าเขาด้วยความเมินเฉย

ตุ๊ก…ตุ๊ก…

เป็นหัวของใครบางคน

ศีรษะของผู้ชายผมบลอนด์และมีหนวดเครา

มีเพียงสิ่งเดียวที่อีวานและเฟรย์สงสัย

"คนๆนี่คือใคร?"

ริกิให้คำตอบแบบสบายๆ

“เดมิก็อดอินดรา”

ขากรรไกรของอีวานลดลง

"…อะไรนะ?"

"คุณเข้าใจไหม? เราจะทำงานแบบนี้ร่วมกันในอนาคต”

ริกิปลดดาบด้วยสีหน้าเคร่งขรึม

ชุก

“พวกคุณคอยฆ่าเหล่าอัครสาวก ส่วนฉันจะคอยกำจัดเหล่าเดมิก็อดที่จำศีลเอง”

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด