ตอนที่แล้วEp.917 - รับผลแห่งปัญญา
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปEp.919 สู้กับฝูงสัตว์ร้าย

Ep.918 - ความน่ากลัวของเกาะมังกร


2/4

Ep.918 - ความน่ากลัวของเกาะมังกร

แก่นสัตว์เทวะเลเวล A ล้ำค่ามากๆ ในคลังสินค้าของเหอเทียนสิงมีเพียงสามชิ้นเท่านั้น แต่ในส่วนของแก่นจักรพรรดิ , แก่นราชันย์ มีมหาศาลเป็นกองพะเนิน ไม่เว้นกระทั่งแก่นราชันย์เลเวล S ก็ยังมี!

ด้วยเจ้าพวกนี้ น่าจะช่วยให้ไป๋หลีปีนป่ายสู่เลเวล S ได้เร็วขึ้น

ฉินเฟิงหยิบแก่นสัตว์เทวะออกมา มอบให้ไป๋หลี ไป๋หลีมองแก่นอบิลิตี้เหล่านี้ ขบคิดสักพักแล้วกล่าวว่า “ถ้าให้ฉันดูดซับพวกมันทั้งหมด น่ากลัวว่าคงต้องใช้เวลาเป็นร้อยปี!”

“ซึ่งในมิติลับของเธอ มันเท่ากับสามเดือนในโลกจริง ด้วยเวลาแค่นั้นถือว่าไม่เลว!”

“แต่ไม่ใช่คุณบอกว่ากำลังจะไปมิติของพระเจ้าหรอกหรอ? ได้ยินกันอยู่ว่าเหอเทียนสิงได้รับบาดเจ็บจากที่นั่น ฟังยังไงมันก็ดูอันตราย คุณจะไปคนเดียวได้หรอ?”

ไป๋หลีมองฉินเฟิงด้วยแววตาซับซ้อน “คุณจะทำอะไรได้ถ้าไม่มีฉัน”

“จิ้งจอกน้อย เธอมุ่งความสนใจไปกับการยกระดับตัวเองก็พอ ลูกผู้ชายถ้าตัดสินใจแล้ว นั่นหมายความว่าเขาทำได้!”

ฉินเฟิงเคาะเบาๆลงจมูกน้อยๆของไป๋หลี

ไป๋หลีหน้ามุ่ย ทำปากเจ่อ “แต่ตั้งสามเดือน มันนานมาก คุณไม่คิดถึงฉันหรอ?”

ฉินเฟิงสบสายตาอีกฝ่าย ตั้งแต่เขามีจิ้งจอกน้อย เขาไม่เคยปฏิบัติต่ออีกฝ่ายในฐานะสัตว์เลี้ยงเลย อย่างเมื่อครู่ ทั้งๆที่เธอแข็งแกร่งมาก แต่ฉินเฟิงก็ยังกอดเธอไว้ในอ้อมแขนดั่งสมบัติล้ำค่า ทุกครั้งที่เขาก้าวหน้า ล้วนมีเธอคอยเคียงข้าง

ขณะเดียวกัน ภูมิปัญญาและอารมณ์ความรู้สึกของไป๋หลี ยิ่งนานยิ่งค่อยๆสมบูรณ์แบบขึ้นเรื่อยๆ จนเธอกลายเป็นคนเดียวที่มีอิทธิพลต่อฉินเฟิง

ฉินเฟิงถอนหายใจยาว สวมกอดไป๋หลี

“งั้นช่างเถอะ เธอไม่ต้องวิวัฒนาการแล้วก็ได้ ต่อให้เธออยู่ในสภาพจิ้งจอกน้อย ฉันก็จะปกป้องเธอเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนแปลง”

“ฉันไม่ต้องการได้รับการปกป้องจากคุณ คุณอ่อนแอจะตาย ฉะนั้นเป็นฉันต่างหากที่ต้องปกป้องคุณ ขอเวลาสามเดือน คุณอย่าเพิ่งไปมิติของพระเจ้า เอาไว้รอฉันกลับมา แล้วพวกเราค่อยไปด้วยกัน!”

ฉินเฟิงยิ้ม “ตกลง ฉันจะรอเธอ”

ไป๋หลีพอได้ฟังก็สบายใจ กลืนกินแก่นเทวะทั้งหมดลงในปากเธอ เก็บไว้ในพื้นที่มิติของตัวเอง จากนั้นก้าวเข้าสู่มิติลับที่การไหลของกระแสเวลาเป็นไปอย่างรวดเร็ว

ฉินเฟิงกุมศิลามิติของมิติลับแห่งนี้ มันช่วยให้เขาสามารถมองเห็นไป๋หลีได้ตลอดเวลา และช่วยให้ไป๋หลีสามารถปรากฏตัวขึ้นข้างกายฉินเฟิง เมื่อเธอออกจากมิติลับได้เช่นกัน

พอเห็นไป๋หลีเข้าไปในมิติลับ และตกอยู่ในสภาวะจำศีล ฉินเฟิงกลับไม่รอตามคำที่เคยสัญญาไว้กับไป๋หลี

“ถ้าเป็นอย่างอื่นสามารถรอได้ แต่ในเรื่องความแข็งแกร่งไม่สามารถรอได้ จะให้ฉันน้อยหน้าตอนเธอกลับมาได้อย่างไร?”

วันรุ่งขึ้น ฟีนิกซ์เพลิงมารับฉินเฟิง นำทางสู่เกาะร้างต่างแดน ที่นี่ถูกติดตั้งเขตแดนเอาไว้ เพื่อป้องกันไม่ให้คนอื่นสังเกตเห็นรอยแยกมิติ

เพราะท้ายที่สุดแล้ว สถานที่แห่งนี้มีความสำคัญต่อเหอเทียนสิงมาก

ฟีนิกซ์เพลิงเปิดช่องว่างเขตแดน นำฉินเฟิงเข้าไปข้างใน แต่เพียงก้าวเข้ามา ฉินเฟิงสัมผัสได้ถึงพลังงานกวาดปะทะใส่ใบหน้าเขา

ฟีนิกซ์เพลิงเริ่มอธิบาย “สาเหตุที่รอยแยกมิตินี้ดึงดูดความสนใจของพวกเรา เป็นเพราะพลังงานมหาศาลเมื่อครู่ และมันสามารถดึงดูดสัตว์ร้ายมากมายให้เข้ามาเช่นกัน มากจนอาจก่อให้เกิดกระแสกองทัพสัตว์ทะเล  ดังนั้นเมื่อพวกเราเข้ามาตรจสอบมัน จึงพบถึงความผิดปกติของมัน”

“การที่สามารถกักเก็บพลังงานมหาศาลเช่นนี้ได้ หมายความว่าสิ่งมีชีวิตในมิติแห่งนั้นย่อมมีความแข็งแกร่งไม่ธรรมดา!”

อย่างมิติที่ฉินเฟิงและมนุษย์คนอื่นๆอาศัยอยู่ ก็มีการกักเก็บพลังงานไว้เช่นกัน และนั่นคือสาเหตุที่พลังของผู้ใช้พลังถูกปลุกขึ้น

ฉะนั้นหากเปรียบเทียบกันระหว่างสองมิติ อีกมิติหนึ่งที่สามารถกักเก็บพลังงานได้มากกว่า ย่อมมีสิ่งมีชีวิตที่แข็งแกร่งกว่าอาศัยอยู่เป็นธรรมดา

สรุปง่ายๆว่าความสามารถในการกักเก็บพลังงาน คือตัวแปรสำคัญของพลังงานฟ้าดิน

ไม่นานทั้งสองก็มาถึงเบื้องหน้ารอยแยกมิติ จากฝั่งนี้ไม่สามารถมองเห็นอะไร

“ฉันจะลองเข้าไปดูข้างใน คุณกลับเมืองหลวงแห่งความมืดก่อนได้เลย” ฉันเฟิงแสดงท่าทีสนอกสนใจ ซึ่งเอาจริงๆ เขาก็กำลังสนใจอยู่จริงๆ!

เพราะยังไงซะ ในชีวิตที่แล้ว ฉินเฟิงไม่เคยย่างกรายเข้าไปในมิตินี้มาก่อน

“ตกลง ท่านผู้ใหญ่โปรดระวังตัว” แม้ฟีนิกซ์เพลิงไม่ต้องการให้ฉินเฟิงเข้าไปตอนนี้ แต่พอลองย้อนนึกไปถึงฉากที่ฉินเฟิงสังหารเลเวล A ห้าคน จนพวกที่เหลือไม่กล้าอวดดีอีก เธอก็ไม่คิดกล่าวอะไรออกมา

ประเด็นสำคัญที่สุดก็คือ ฟีนิกซ์เพลิงไม่กล้าหยุดฉินเฟิง

ความผิดพลาดที่ทำให้เลเวล S ขุ่นเคือง การเชือดไก่ให้ลิงดูของฉินเฟิงเมื่อวาน ยังไม่พอที่จะเป็นบทเรียนให้พวกเธออีกหรือ?

ฟีนิกซ์เพลิงจากไปอย่างนอบน้อม ฉินเฟิงพอเห็นอีกฝ่ายออกไปแล้ว เขาก็ก้าวเข้าสู่รอยแยกมิติอย่างไม่ลังเล

ชั่วพริบตาคล้ายผ่านไปเนิ่นนาน พลังของมิติรอบตัวเขาค่อยๆถดถอย ฉินเฟิงสามารถเรียกคืนการรับรู้กลับมาได้อีกครั้ง

สิ่งที่เขาเห็นเบื้องหน้า คือแผ่นน้ำแข็งสีฟ้าเรืองรอง

ดูเหมือนที่นี่จะเป็นถ้ำแต่มีน้ำแข็งเกาะตัวอยู่รอบๆ แต่พอสังเกตดีๆ อาจพูดว่าเป็นน้ำแข็งที่เกาะตัวเป็นถ้ำซะมากกว่า ทอดสายตามองออกไป จะพบว่าชั้นน้ำแข็งเป็นสีโปร่งใส ภายนอกเป็นโลกที่เต็มไปด้วยหิมะและน้ำแข็ง

“ที่แท้ปลายทางของรอยแยกมิตินี้ ก็คือภูเขาน้ำแข็ง”

สิ่งนี้ไม่เหนือความคาดหมายของฉินเฟิง เพราะเมื่อเลเวล S คนอื่นๆก้าวเข้าสู่มิติของพระเจ้า ไม่ว่าจะเข้ามาจากทางไหน พวกเขาล้วนมาโผล่ในดินแดนเยือกแข็งแห่งนี้

และสถานที่ดังกล่าว อุดมไปด้วยสิ่งมีชีวิตสายพันธ์มังกร นั่นเองเป็นเหตุผลให้มันถูกเรียกว่าเกาะมังกร

ฉินเฟิงยับยั้งกลิ่นอายของตัวเอง เพื่อไม่ให้สิ่งมีชวิตใดตรวจจับเขาได้ เริ่มก้าวเดิน หาทางออกจากถ้ำ เนื่องจากเหอเทียนสิงเคยมาเข้ามาหลายครั้ง เลยปรากฏร่องรอยเล็กๆน้อยๆที่นี่

ฉินเฟิงเดินตามรอยที่เหอเทียนสิงทำไว้ ไม่ช้าก็สามารถออกจากถ้ำน้ำแข็งได้

สายลมกรรโชกแรงส่งเสียงหวีดหวิว พลังงานอันรุนแรงบ้าคลั่ง ปะทะเข้าใส่ใบหน้าของฉินเฟิง ก่อให้เกิดความเจ็บปวดอย่างไม่ทันตั้งตัว

สภาพแวดล้อมที่นี่เลวร้ายมาก มันน่ากลัวยิ่งกว่ามิติลาวาเดือดหลายสิบเท่า

“เกาะมังกรช่างน่ากลัวจริงๆ”

นอกจากนี้ ฉินเฟิงเพียงสัมผัสลมหน้าทางเข้าถ้ำ ก็รู้สึกว่าปลายนิ้วเริ่มด้านชา ซึ่งนับแต่เขากลายเป็นผู้ใช้พลัง ความรู้สึกนี้ไม่เคยเกิดขึ้นอีกเลย

ฉินเฟิงก้าวถอยกลับเข้ามาในถ้ำ ขบคิดสักพัก สุดท้ายตัดสินใจเปลี่ยนชุดอุปกรณ์รูน

เขาถอดเสื้อคลุมดำและเกราะทมิฬออก สลับไปสวมเสื้อคลุมราชวงศ์เพลิงศักดิ์สิทธิ์แทน

ทั้งคนทั้งร่างของฉินเฟิงลุกไหม้ด้วยเปลวเพลิง ก้าวออกจากถ้ำ พายุหิมะยังคงโหมกระหน่ำ ลมหนาวพัดผ่าน เปลวเพลิงบนเสื้อคลุมราชวงศ์หดเล็ก กลายเป็นแสงริบหรี่ แต่ฉินเฟิงยังรู้สึกว่าร่างกายของเขาสามารถรักษาความอบอุ่นเอาไว้ได้ แค่เท่านี้ก็เพียงพอแล้ว

ฉินเฟิงก้าวออกไปท่ามกลางพายุหิมะ พลังสมาธิถูกรบกวนภายใต้พลังงานพายุ ระยะการรับรู้ลดลง สามารถสำรวจได้แค่ในรัศมี 100 เมตรเท่านั้น

แรงกดดันนี้ทรงพลังเกินไป ร้ายกาจจริงๆ

ฉินเฟิงเดินไปไม่ถึง 500 เมตร ก็ได้ยินเสียงคำรามบางอย่างไหลผ่านมาตามพายุหิมะ ภายใต้สภาพแวดล้อมที่ทับถมไปด้วยหิมะ สิ่งมีชีวิตสีเขียวเข้มปรากฏตัวขึ้น

สิ่งมีชีวิตนี้ไม่ใหญ่โตนัก มีขนาดแค่รถบรรทุก อย่างไรก็ตาม กลิ่นอายของมันน่าสะพรึงไม่ธรรมดา

“ระดับราชันย์สัตว์ร้ายเลเวล A ?”

ยังไงก็ตาม นั่นไม่ใช่สิ่งที่น่ากลัวที่สุด หลังจากฉินเฟิงค้นพบการดำรงอยู่สีเขียมเข้มตัวนี้แล้ว ราวกับประตูสมรภูมิถูกเปิดออก เสียงฝีเท้าหนักๆเริ่มดังใกล้เข้ามา โดยมันมาจากทิศทางเบื้งหลังของสิ่งมีชีวิตสีเขียว สัตว์ร้ายอีกตัวหนึ่งเผยโฉมออกมาท่ามกลางสายลมและหิมะ

ตามมาติดๆด้วยตัวที่สาม ห้า และเจ็ด …

กว่าจะดาหน้าออกมาครบจำนวน ก็พบว่าเป็นจักรพรรดิสัตว์ร้ายทั้งสิ้น 13 ตัว!

นี่มันการรวมพลของหายนะชัดๆ!

ยังไม่พอ เบื้องหลังพวกมัน  ปรากฏสัตว์ร้ายที่สูงเทียบเท่ากับตึกสองชั้น กลิ่นอายจากทั่วทั้งร่างที่ปลดปล่อยออกมา คือระดับเทวะ

สิ่งมีชีวิตตนนั้น จะเป็นใดอื่นไปได้อีก หากไม่ใช่เจ้าของภูเขาหิมะ

--มังกรเกล็ดปีศาจ!

“ออกมาต้อนรับกันซะเอิกเกริกขนาดนี้ ต่อให้เป็นฉันก็คงสู้ตรงๆไม่ไหว ..”

ฉินเฟิงสรุปสถานการณ์ได้ในเสี้ยววินาทีเดียว

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด