ตอนที่แล้วEp.914 - เรื่องจริงคือมีเจตนาร้ายแอบแฝง!
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปEp.916 - ฆ่าไอ้พวกไร้ประโยชน์

Ep.915 - ฟินิกซ์เพลิงไร้ประโยชน์


3/4

Ep.915 - ฟินิกซ์เพลิงไร้ประโยชน์

“เข้าใจแล้ว ฉันจะปฏิเสธพวกเขาทั้งหมด”ซูซิงฝูรับคำ ในใจเริ่มคิดหาเหตุผลในการปฏิเสธเป็น 10 ข้อ ทุกเหตุผลล้วนเป็นประโยคที่ดูสวยหรูและไม่อาจหักล้างได้

“ถ้าคุณจัดการเรื่องนี้ ผมก็สบายใจ แต่ในส่วนของเลเวล B รับสมัครเข้ามาหลายคนเลยก็ได้ ตอนนี้คอกไม่เล็กแล้ว พวกเราต้องการกำลังคนมาเป็นรั้ว!” ฉินเฟิงทิ้งท้าย

“รับทราบ ปล่อยให้เป็นหน้าที่ฉันเอง”

หลังจากฝากฝังสิ่งต่างๆ ฉินเฟิงก็มุ่งหน้าไปทางทิศใต้ของเมืองตงไห่ ปกปิดตัวตน ข้ามสะพานเดินทางสู่เมืองหลวงแห่งความมืด ตรงเข้าไปในเกาะ

จากครั้งก่อนที่จากมา เมืองหลวงแห่งความมืดดูไม่เปลี่ยนไปจากเดิมมากนัก  ปัจจุบันอยู่ในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ งานประมูลยังไม่เริ่มขึ้น แต่ยังคงมีผู้คนเดินทางมายังที่นี่อย่างต่อเนื่อง เพราะอย่างไรเสีย ที่นี่คือฐานหลักของกองกำลังมืด

แม้ว่าเมืองหลวงแห่งความมืดจะเป็นของกองกำลังมืด แต่ไม่ได้หมายความว่ามันต้องตกอยู่ในความโกลาหล โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับกลุ่มใหญ่เช่นนี้ แม้ไม่มีกรอบหรือกฏเกณฑ์แน่ชัด แต่สิ่งสำคัญที่สุดก็คือ หากแข็งแกร่งก็ย่อมสะกดให้ผู้อื่นเชื่อฟังได้

ฟินิกซ์เพลิงอยู่ในห้องทำงานของเธอ ถอนหายใจเฮือกใหญ่

เสียงถอนหายใจนี้ หลังการตายของเหอเทียนสิง มักดังขึ้นบ่อยครั้ง ก่อนหน้านี้ที่เหอเทียนสิงยังอยู่ เธอก็มีหน้าที่เป็นของตัวเอง ดังนั้นต่อให้ไม่ได้ติดต่อกันนานก็ไม่เป็นไร

ในเวลานั้นหัวใจของฟินิกซ์เพลิงไม่ต้องคอยพะว้าพะวงอะไร แต่ตอนนี้ มันให้ความรู้สึกราวกับว่าเธอต้องรอคอยต่อไปเรื่อยๆไม่มีที่สิ้นสุด นี่ทำให้ฟินิกซ์เพลิงกังวลมาก

ยังไม่พอ ยิ่งคิดว่าจะต้องคอยรับมือกับผู้ใช้พลังเลเวล A พวกนั้น ฟินิกซ์เพลิงก็ยิ่งรู้สึกหงุดหงิด

เมื่อครั้งได้เจอจอมมารซวนเฟิง ทุกคนต่างเห็นพ้องต้องกันว่าเขาคือสุดยอดตัวตนทรงอำนาจ ในตอนนั้นเลยยอมสวามิภักดิ์เป็นลูกน้อง แต่หลังจากอีกฝ่ายหายไปเป็นเดือน ทั้งไม่แตะต้องอุตสาหกรรมใด เหมือนไม่สนใจด้วยซ้ำ คนเหล่านี้ก็เริ่มต้องการฉกฉวยผลประโยชน์เข้ากระเป๋าตัวเอง มีกระทั่งคนที่คิดช่วงชิงทรัพย์สิน แล้วหนีหายไปจากเมืองหลวงแห่งความมืด

แต่ฟินิกซ์เพลิงไม่สามารถทำเช่นนั้นได้ เพราะเธอเป็นคนที่เลเวล S เสนอชื่อ ถ่ายทอดคำสั่งให้อยู่ต่อ

“ผู้จัดการ .. การประชุมกำลังจะเริ่มแล้ว ท่านผู้ใหญ่เสือพิภพขอให้รีบมาตาม แต่ตอนนั้นฉัน …” เลขาของฟินิกซ์เพลิงเป็นผู้ใช้พลังเลเวล B ขณะนี้โผล่มาในสภาพมีรอยฝ่ามือบนใบหน้า เห็นได้ชัดว่าเพิ่งถูกตบมา

ฟินิกซ์เพลิงเมื่อเห็นรอยตบบนหน้าเลขา ความโกรธในหัวใจก็ลุกโชน

ตีสุนัขยังต้องรู้จักดูเจ้าของ เสือพิภพรังแกกันเกินไปแล้ว!

“มาเถอะ!” ฟินิกซ์เพลิงตบโต๊ะ พาเลขามุ่งหน้าไปห้องประชุม

โดยไม่ทันสังเกตเลย ว่าตรงมุมหนึ่งของสำนักงาน ชั้นอากาศมันดูบิดเบี้ยวแปลกๆ ต่อมา ชายในชุดคลุมดำพลันปรากฏตัวขึ้น

“ดูเหมือนช่วงที่ผ่านมา ฟินิกซ์เพลิงคงลำบากไม่น้อย” ฉินเฟิงคาดไม่ถึงว่าจะเป็นเช่นนี้ แต่ต่อให้คิดได้แล้วยังไง? ถ้าไม่ใช่เพราะเรื่องทางเข้ามิติของพระเจ้า ฉินเฟิงคงไม่มีทางมาเหยียบที่นี่

เขาไม่มีความคิดช่วยแก้ปัญหาใดๆให้แก่คนของกองกำลังมืดทั้งนั้น อย่างตอนแรกฟินิกซ์เพลิงเป็นคนกระซิบกับเหอเทียนสิง เอ่ยแผนให้สังหารเขาด้วยซ้ำ!

ถ้าไม่ใช่เพราะฟินิกซ์เพลิงยังมีประโยชน์ คนที่คิดร้ายต่อเขาเช่นนี้ ฉินเฟิงคงฆ่าตายไปนานแล้ว

ฉินเฟิงตามหลังฟินิกซ์เพลิง สิ่งที่น่าตกใจก็คือ ผู้คนรอบข้าง ไม่มีใครสังเกตเห็นการมาเยือนของฉินเฟิงเลย

อำนาจอบิลิตี้มืดของฉินเฟิงเพิ่มกว่าเดิมขึ้นมาก นอกจากนี้ยังได้รับการสนับสนุนจากศิลานรก ต่อให้เป็นเลเวล S  ก็ไม่มีทางเห็นเงาของเขา

ไม่นาน ฉินเฟิงก็ติดตามฟินิกซ์เพลิงเข้ามาในห้องประชุม ในห้องประชุมฟุ้งไปด้วยควันบุหรี่ พวกสมาชิกระดับสูงขององค์กรมืดเหล่านี้ ไม่ได้มียาสูบเมิ่งเฉียนเซี่ยน(ฝันนิรันดร์)เหมือนหูซาน แต่ยังพอมียาสูบคุณภาพต่ำเหลืออยู่บ้าง สร้างมลพิษทางอากาศ ชวนให้ผู้คนที่สูดดมรู้สึกคันจมูก

หน้าผากของฟินิกซ์เพลิงยับย่น แต่นี่คือฝั่งกองกำลังมืด ไม่ได้มีข้อบังคับอะไรมากมายนัก

แต่แน่นอน ก่อนหน้านี้ที่เหอเทียนสิงยังอยู่ แม้เขาจะไม่เข้าร่วมประชุมก็ตาม แต่คนพวกนี้ก็ไม่กล้าประพฤติคึกคะนองเช่นนี้

ปัจจุบัน พอไม่มีคนคุม เลยทำตัวเสเพล

ยังไม่พอ เสือพิภพยังนั่งอยู่ในตำแหน่งหลัก ตำแหน่งที่เหอเทียนสิงเคยนั่ง ขนาดฟินิกซ์เพลิง ที่ในอดีตเป็นผู้รับผิดชอบการประชุมแทนเหอเทียนสิง ยังไม่กล้านั่งตำแหน่งนั้นเลย เวลานี้ เขากำลังเอนตัวสนทนากับหลายคนที่นั่งอยู่ทั้งสองฝั่ง

“เสือพิภพ นายไม่คิดว่าที่ทำ มันไร้ยางอายเกินไปหน่อยหรอ?”

“ฉันทำเกินไปยังไง? อีกหน่อยต่อให้เป็นเรื่องไร้ยางอายมากกว่านี้ ฉันก็กล้าทำ! ฮี่ฮี่!” เสือพิภพเบนสายตา กวาดขึ้นๆลงๆ มองเรือนร่างอันน่าภาคภูมิใจของฟินิกซ์เพลิงในสายตาสะท้อนไปด้วยความคิดชั่วร้าย

การล่วงละเมิดทั้งวาจาและสายตาเช่นนี้ ทำให้ฟินิกซ์เพลิงโกรธมาก

“หาเรื่องตาย!”

ฟินิกซ์เพลิงปลดปล่อยอบิลิตี้ไฟ อุณหภูมิร้อนลวกกวาดผ่านเสือพิภพ

บนตัวเสือพิภพผุดโล่ปราณกำลังภายใน ต้านทานกลิ่นอายของฟินิกซ์เพลิง

แน่นอน ต่างฝ่ายต่างยังกริ่นเกรงกันอยู่เล็กน้อย ดังนั้นไม่ถึงขั้นลงมือจริงจัง

“ความสามัคคีก่อให้เกิดความมั่งคั่ง ความสันตินำมาซึ่งความร่ำรวย อย่าทะเลาะกันเลย อย่าทะเลาะกัน!” อีกหนึ่งผู้ใช้พลังเลเวล A รีบเกลี้ยกล่อม

“ฮี่ฮี่ หวูหยวน ฉันก็กำลังพยายามสร้างสันติอยู่นี่ไง แต่ดูเหมือนฟินิกซ์เพลิงจะไม่ยอม” เสือพิภพกล่าว

หวูหยวนเป็นยอดฝีมือขึ้นชื่อของเมืองหลวงแห่งความมืด นามหวูหยวนนี้ไม่ใช่ชื่อจริง ไม่ได้ตั้งขึ้นเพราะต้องการประชดหรืออะไร แต่เขามุ่งมั่นเดินในเส้นทางนักธุรกิจ ดังนั้นไม่คิดมีครอบครัว ไม่คิดให้ใครเข้าใกล้ ด้วยเหตุนี้เจ้าตัวเลยตั้งฉายาให้ตนเองว่าหวูหยวน (无缘 = ไร้วาสนา) เพื่อยืนยันว่าตนไม่มีวาสนากับผู้ใด ไม่คิดกล่าวถึงเรื่องรักๆใคร่ๆ

อย่างไรก็ตาม คนๆนี้แม้หน้ายิ้ม แต่ในจิตใจคิดคด ทำให้ยากที่จะคาดหยั่ง

“สันตินำมาซึ่งความร่ำรวยก็จริง แต่ถ้าเป็นเรื่องการยักยอกสินค้าประมูล ฉันกับนาย อย่าได้หวังว่าจะ ‘สันติ’ กัน!”

“ฟินิกซ์เพลิง อย่าเข้มงวดนักเลย เจ้าของเมืองหลวงแห่งความมืดได้ตายไปแล้ว ถ้าตอนนี้พวกเมืองหลวงมังกรล่วงรู้ ไม่ช้าก็เร็วพวกเขาคงบุกเข้ามา ถึงเวลานั้น สมบัติดีๆคงถูกช่วงชิงไปฟรีๆ งั้นมันจะไม่ดีกว่าหรอ ถ้าพวกเราฉกฉวยผลประโยชน์ให้ตัวเองก่อน!”

“ยังไม่ได้สู้ด้วยซ้ำ พวกนายก็คิดหนีแล้ว? ถ้าอยากไปนักก็ไปเลย แต่ห้ามเอาของที่ไม่ใช่ของตัวเองออกไป!” ดวงตาของฟินิกซืเพลิงลุกโชนไปด้วยความโกรธ

เสือพิภพละทิ้งท่าทีเสเพลก่อนหน้านี้ ใบหน้าของเขาเปลี่ยนเป็นดุร้าย ถลึงมองฟินิกซ์เพลิงอย่างโหดเหีั้ยม

“ฟินิกซ์เพลิง ฉันจะบอกอะไรให้นะ ตอนนี้ที่ฉันยอมคุยกับเธออย่างสันติ เพราะต้องการไว้หน้าเธอ ไม่อย่างนั้น วันนี้พี่น้องของพวกเราคงฆ่าเธอไปแล้ว --พวกเราต้องการได้รับผลตอบแทนที่เคยทนทำงานหนักเหมือนวัวเหมือนม้ามาตลอดหลายปีมานี้!”

“ใช่ ตลอดหลายปีที่ผ่านมา ทุกคนที่ทำงานให้กับเลเวล S ไม่ได้แต้มสงครามแถมต้องทนทรมานทำงานหนัก แต่สุดท้ายก็ยังไม่มีอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน ฉันไม่ต้องการอะไรมาก ขอแค่ทรัพยากรตอนนี้ของเมืองหลวงแห่งความมืดซัก 5% ก็พอ แล้วฉันจะจากไปทันที!” เลเวล A อีกคนกล่าว

“ส่วนฉันก็ไม่มาก ขอแค่เส้นชีพจรธรณีที่ฉันคอยดูแลรับผิดชอบมันมาโดยตลอดก็พอ!”

“ส่วนฉันต้องการ …”

“ฉันสมควรได้รับ …”

ภายในห้องประชุม ผู้ใช้พลังเลเวล A กว่า 13 คน โต้เถียงกันเรื่องตัดแบ่งชิ้นเค้กที่เรียกว่าทรัพยากรของเมืองหลวงแห่งความมืด

ฟินิกซ์เพลิงอ้าปากค้างด้วยความโกรธ แต่ที่มากยิ่งกว่า มันคือความจนใจที่สะท้อนอยู่ในดวงตาของเธอ

แม้พอจะคาดเดาได้ก่อนแล้ว แต่สิ่งสุดท้ายที่เธออยากเห็น ในที่สุดก็เกิดขึ้น

ฟินิกซ์เพลิงไม่สามารถห้ามปรามคนเหล่านี้โดยการยกอ้างชื่อจอมมารซวนเฟิงผู้ไม่ทราบที่มา

ยิ่งไปกว่านั้น ในหมู่พวกเขา ยังมีคนที่เห็นจอมมารซวนเฟิงสังหารเหอเทียนสิงกับตาตัวเองรวมอยู่ด้วย

คนพวกนี้ ที่กล้าเสนอหน้าขอส่วนแบ่ง คงเพราะนึกว่าจอมมารซวนเฟิงจะไม่มาอีกแล้ว และต่อให้เขามา นั่นเป็นเรื่องในอนาคต เมื่อได้รับผลประโยชน์นี้ ก็สามารถโบยบินได้อย่างอิสระ นกน้อยจะออกจากรัง

ถึงเวลาทวงถาม--

--คนพวกนี้ก็จากไปแล้ว

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด