ตอนที่แล้วEp.910 - ให้ประสบการณ์สอน
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปEp.912 - สังหารพรายทารกครวญ

Ep.911 - ศัตรูวิวัฒนาการ


3/4

Ep.911 - ศัตรูวิวัฒนาการ

ด้ายแสงสีเงินแตกกระจายไปข้างหน้า เห็นได้ชัดว่าเต่าขุนเขาไม่คิดว่าร่างสีขาวเล็กจ้อยนี้จะหยุดพวกมันได้ จึงแหวกว่ายต่อ

ด้ายสีเงินวาบผ่านเต่าขุนเขา แม้ฉากนี้จะไม่ปรากฏเสียงหรือรอยแยกมิติใดๆ ทว่าเมื่อมันจมเข้าเนื้อหนังเป้าหมาย ร่างของเต่าขุนเขากลับมลายหายไป

เอาจริงๆตอนแรกเฮ่อเหลียนหมิงเจี่ยก็คิดเช่นเดียวกับเต่าขุนเขา ด้ายสีเงินพวกนี้ย่อมไม่สามารถทำอันตรายใดๆ แต่พอกระทบถูกตัว มันกลับสามารถกระชากร่างของเต่าขุนเขาออกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย กระทั่งกระดองเต่าหนาก็ไม่ละเว้น

นับแต่เริ่มการต่อสู้จนถึงจุดสิ้นสุด มันใช้เวลาเพียงไม่กี่สิบวินาทีเท่านั้น ระหว่างนี้ในวิดีโอ ไป๋หลีได้หายตัวไปแล้ว เกรงว่าช่วงเวลานั้น เธอคงย้อนกลับมาในเรือ และหยุดยืนอยู่ข้างหลังเฮ่อเหลียนหมิงเจี่ย

ช่วงเวลานี้ ใบหน้าของเฮ่อเหลียนหมิงเจี่ยแปรเปลี่ยนเป็นสีเขียวอมฟ้า

“ผู้ตรวจสอบทั้งสองคิดว่า วิดีโอนี้พอจะอนุมัติให้ผ่านเกณฑ์การประเมินหรือไม่?” ตงหยางกล่าว

“ผ่าน!” หลินเฉียวพยักหน้า

“นี่ … แน่นอนอยู่แล้วว่าต้องผ่าน!” หากขนาดนี้แล้วยังไม่ผ่าน ในชีวิตนี้ของเขาคงไม่มีใครสามารถผ่านการทดสอบเลเวล A ได้อีกแล้ว

สายตาที่เฮ่อเหลียนมองไป๋หลี ในเวลานี้เต็มไปด้วยความหวาดกลัว ยิ่งย้อนนึกถึงสิ่งที่เขาเพิ่งพูดไป ก็ยิ่งรู้สึกว่าเขาล่วงเกินไป๋หลี แต่ไม่มั่นใจว่าไป๋หลีจะเก็บมาคิดมากหรือไม่

ถ้าเธอเก็บมาคิดมาก เฮ่อเหลียนรู้สึกว่า เขาคงไม่สามารถต้านทานด้ายสีเงินของไป๋หลีได้ กระทั่งในวิดีโอ เขาก็ยังไม่เข้าใจ ว่าความสามารถนี้คืออะไร

หลังจากเฮ่อเหลียนหมิงเจี่ยกับหลินเฉียวอนุมัติแล้ว ตงหยางก็ทำการตรวจสอบ และอนุมัติภารกิจของไป๋หลี จากนั้นหยิบกล่องใบหนึ่งขึ้นมา

“ฉันได้เตรียมเอาไว้ก่อนแล้ว มิสไป๋เชิญชม”

“ขอบคุณนะ!”

“รบกวนจ้าวพรมแดนตงแล้ว” ฉินเฟิงกล่าว

“เป็นหน้าที่ฉันอยู่แล้ว ไม่เป็นไร ไม่เป็นไร”

ตงหยางยิ้มแย้มแจ่มใส ในความเป็นจริงเมื่อเทียบกับการที่ฉินเฟิงยอมมาเยือนทะเลนรกอีกครั้ง การเตรียมตราผู้ใช้พลังเอาไว้ล่วงหน้านิดๆหน่อยๆนี้  ไม่นับว่าลำบากอะไรเลย แถมอย่างน้อยมันยังช่วยพิสูจน์ว่า ตงหยางให้ความสำคัญกับฉินเฟิง ไม่อย่างนั้นกว่าไป๋หลีจะได้รับตรา คงเป็นตอนที่พวกเขาเดินทางกลับเมืองตงไห่

ไป๋หลีถอดตราเลเวล B ออก ติดตราเลเวล A ที่เพิ่งได้มาใหม่เข้าแทนที่ ก่อนมองไปยังตราของฉินเฟิง แล้วสลับมองตัวเองอีกครั้ง กล่าวว่า “ตราจอมพลดูดีกว่า เอาไว้ฉันจะขอร่วมสนุก ไปรับตราจอมพลในภายหลัง”

ประโยคนี้ ไป๋หลีพูดออกมาจากใจจริง แต่เฮ่อเหลียนหมิงเจี่ยราวกับถูกเธอทิ่มแทงตลอดเวลา ไม่ต้องโต้แย้งอะไร เพราะตอนนี้ต่อให้เป็นตัวเขาก็ยังเชื่อ เชื่อว่าหากไป๋หลีคิดเป็นจอมพล มันก็แค่เรื่องง่ายดาย

‘คนแข็งแกร่งขนาดนี้ ทำไมฉันถึงไม่เคยได้ยินชื่อมาก่อนเลย’ เฮ่อเหลียนหมิงเจี่ยพยายามทบทวนความคิด แต่ยิ่งทบทวนมากเท่าไหร่ เขากลับพบว่า ร่างของไป๋หลีในใจตน มันเริ่มจางลง จืดจางลงเรื่อยๆในความคิดเขา เห็นอยู่ชัดๆว่าไป๋หลียืนอยู่ด้านข้าง แต่เขากลับไม่สามารถจดจำไป๋หลีได้อีกต่อไป

‘ไม่! เดี๋ยวก่อน! นี่มันไม่ถูกต้อง!’

การแสดงออกทางสีหน้าของเฮ่อเหลียนหมิงเจี่ยแสดงออกถึงความตกตะลึง

ช่วงเวลานี้ ในที่สุดเขาก็รู้สึกตัวแล้ว ถึงพลังที่แท้จริงของไป๋หลี

“สถานการณ์แบบนี้คือผลพวงจากการกระตุ้นพลังสมาธิอันทรงประสิทธิภาพ แต่ไม่นึกเลยว่ามันจะถึงขั้นสามารถเปลี่ยนความทรงจำฉันได้ ร้ายมาก … ผู้หญิงคนนี้จะน่าหวาดกลัวเกินไปแล้ว!”

ถึงจุดนี้ เฮ่อเหลียนหมิงเจี่ยไม่กล้ามองหน้าไป๋หลีอีกต่อไป เขาไม่อยากเห็น ไม่อยากไปคิดถึงมัน ความทรงจำเกี่ยวกับไป๋หลี ถึงค่อยชัดเจนขึ้นเล็กน้อย แต่ใบหน้าของเธอ เขากลับจดจำมันไม่ได้แล้ว

ผลกระทบนี้ ทำให้เขาหวาดกลัวจนไม่กล้าพูดอะไร

ฉินเฟิงมองท่าทีหวาดระแวงของเฮ่อเหลียนหมิงจู่ มุมปากเขาผุดรอยยิ้มเยาะหยัน คนหยิ่งผยองก็แบบนี้ พอพบเจอกันการดำรงอยู่ที่น่าสะพรึงกลัว ก็กลายเป็นนอบน้อม ไม่กล้าต่อต้านใดๆอีก

ตงหยางไม่อยากทำร้ายเฮ่อเหลียนหมิงเจี่ย แต่ฉินเฟิงต้องการบอกให้อีกฝ่ายรู้ ว่าภายในกะลา ไม่ใช่ทุกสิ่งทุกอย่าง และเหนือฟ้ายังมีฟ้า

อิทธิพลจากพลังสมาธิของไป๋หลี แม้ทรงพลังมาก แต่มันก็ยังไม่ทรงพลังจนเกินกว่าสุดสายตาจะมองเห็น นี่คือสิ่งที่ฉินเฟิงขอให้ไป๋หลีทำ เพื่อเป็นการสอนสั่งเฮ่อเหลียนหมิงเจี่ยให้รู้สึกถึงอำนาจที่แท้จริง

แล้วมันก็ได้ผลจริงๆ หลังจากเหตุการณ์นี้ เฮ่อเหลียนหมิงเจี่ยเจียมเนื้อเจียมตัวลงมาก

การเดินทางยังคงดำเนินต่อไป ระหว่างทางได้พบกับสัตว์ยักษ์เป็นจำนวนมาก แต่สุดท้ายถูกฉินเฟิงควบคุมเขมือบฟ้าและกลืนลงกระเพาะ ส่วนตัวที่ตึงมือหน่อยก็ฝากให้ไป๋หลีจัดการ ด้วยเหตุนี้เอง สถานที่ที่พวกเขาสำรวจ เลยดูเล็กขึ้นถนัดตา

“ตอนนี้ฉันเริ่มรู้สึกว่ามันจะอันตรายเกินไปหน่อยแล้ว นี่คือตำแหน่งที่พวกเขาไม่เคยเดินทางมาก่อน บางทีเราอาจโชคร้าย ได้เจอสัตว์ทะเลเลเวล S” หลินเฉียวให้คำแนะนำ

เมื่อคุณมาถึงสถานที่ไม่คุ้นเคย หากไม่มีความแข็งแกร่งที่สัมพันธ์กัน เป็นเรื่องปกติที่จะทำให้ทุกคนรู้สึกไม่สบายใจ

ตอนนี้อย่าว่าแต่หลินเฉียว เฮ่อเหลียนหมิงเจี่ยยิ่งนานความหวาดกลัวยิ่งขึ้นสมอง แต่เขาไม่กล้าโต้แย้ง ได้แต่กลั้นหายใจ ตัวเกร็งตลอดเวลา

ขณะเดียวกัน ผู้ใช้พลังเลเวล B คนอื่นๆ ต่างไม่มีใครกล้าปริปาก ทั้งลำเรือเขมือบฟ้าตกอยู่ในบรรยากาศเงียบงัน

ในที่สุดตงหยางก็เข้าใจ ว่าทำไมฉินเฟิงถึงบอกว่าไม่ต้องก้าวก่าย

“เป็นอย่างที่คุณบอกไว้จริงๆ ในสถานการณ์อันตราย พวกเราช่วยอะไรคุณไม่ได้เลย แถมยังกลายเป็นตัวถ่วงคุณอีก” ตงหยางกล่าว

“ไม่เป็นไรหรอกครับ พวกเราหันหัวเรือกลับเถอะ ถึงร้อยกรงเล็บจะเป็นสัตว์ร้ายที่แข็งแกร่งที่สุดในทะเลนรก แต่พื้นที่ของทะเลนรกกว้างใหญ่เกินไป เป็นเรื่องปกติที่จะไม่พบมันในทันที”

“ตกลง พวกเราจะออกจากที่นี่ เอาไว้ให้คนอื่นๆสำรวจในภายหลัง แล้วแจ้งให้เราทราบหากพบสัตว์ร้ายร้อยกรงเล็บ”

หรืออาจเป็นเพราะ บางทีเพราะการมาเยือนของฉินเฟิง เลยทำให้ร้อยกรงเล็บหลบหนีไปซ่อนตัวก็เป็นได้

ยังไงก็ช่าง วันนี้มันช่วยไม่ได้จริงๆ ท้องทะเลกว้างกว้างใหญ่ คิดหาสิ่งใดใช่ว่าจะพานพบกันได้ง่ายๆ อย่างไรก็ตาม ร้อยกรงเล็บออกอาละวาดทุกวัน ฉินเฟิงไม่เชื่อว่าจะหาตัวมันไม่เจอ

แต่ในเวลานั้นเอง ภายในตัวเขมือบฟ้า เสียงติ๊ดๆๆของประกาศฉุกเฉินพลันดังขึ้น

“สัญญาณเตือนภัยแบบนี้ .. ไม่ได้การ! เป็นพรายทารกครวญ!”

ภายในห้องควบคุมหลัก ภาพจากอุปกรณ์เฝ้าระวังฉายออกมา ปรากฏทารกตัวใหญ่สูงกว่าสิบเมตรฉายขึ้นบนหน้าจอ

“ไม่ต้องตกใจไป เขมือบฟ้าสามารถปิดกั้นการโจมตีทางจิตวิญญาณของพรายทารกครวญได้ ส่วนพลังทำลายทางกายภาพของมันไม่รุนแรงพอที่จะทำลายการป้องกันของเขมือบฟ้า”

ฉินเฟิงไม่คาดคิดว่าจะได้พบกับพรายทารกครวญที่นี่ ระหว่างใช้เขมือบฟ้าสำรวจอาณาเขตทะเลโดยรอบ ฉินเฟิงไม่ได้ปลดปล่อยพลังสมาธิ เลยเป็นเหตุให้เขาไม่ทันสังเกตเห็นพรายทารกครวญ

อย่างไรก็ตาม เมื่อพบกันแล้วฉินเฟิงย่อมไม่มีความคิดจะปล่อยมันหลุดมือไป

“พรายทารกครวญเองก็วิวัฒนาการขึ้นเป็นระดับเทวะด้วยอย่างงั้นหรือนี่? ได้จังหวะพอดี ถือโอกาสนี้เก็บแก่นอบิลิตี้เทวะให้ไป๋หลีซะเลย!!” ฉินเฟิงลูบคาง สีหน้ายามมองพรายทารกครวญราวกับเขากำลังมองอาหารอันโอชะ

พลังสมาธิเชื่อมต่อกับเขมือบฟ้า วินาทีต่อมา ร่างอันใหญ่โตของเขมือบฟ้าเริ่มเคลื่อนไหว แหวกว่ายเข้ากัดร่างพรายทารกครวญ

พรายทารกครวญกรีดร้องด้วยความตกใจ พยายามถอยหนี แต่ขณะเดียวกัน การจู่โจมนี้ทำให้มันโกรธ!

“แอ๊!!”

เสียงร้องแหลมแผ่กระจายไปทั่วใต้พื้นทะเล กวาดออกเป็นระลอกคลื่น แต่น่าเสียดายที่การโจมตีนี้ มันไร้ประโยชน์! ไม่ส่งผลใดๆต่อเขมือบฟ้าที่ตายแล้ว คนที่อยู่ข้างใน ถูกจับแยกจากคลื่นเสียงนี้โดยโล่พลังงานของเขมือบฟ้า แม้พวกเขาจะได้ยินเสียงร้องของพรายทารกครวญ แต่ไม่ได้รับผลกระทบจากการโจมตีจิตสำนึก

“ไม่มีผลจริงๆงั้นหรือ?”

“เขมือบฟ้าตัวนี้ สมแล้วที่เป็นจ้าวแห่งท้องทะเล!”

“จอมพลฉิน คุณสนใจจะฆ่าพรายทารกครวญอยู่รึเปล่า? คุณสามารถฆ่ามันได้จริงๆใช่ไหม? เพราะอย่างไรเสีย ความเร็วของพรายทารกครวญ ถือว่ารวดเร็วมาก!”

ระหว่างที่คนเหล่านี้กำลังตั้งตารอ บนเรดาร์ในห้องควบคุม พลันระเบิดเสียงแจ้งเตือนอย่างบ้าคลั่ง

ปรากฏจุดสีแดงจากทุกทิศทาง กำลังมุ่งตรงมายังทิศทางนี้

และจุดสีแดงทั้งหมด ล้วนแสดงถึงสัตว์ร้าย!

เมื่อพวกมันเข้าสู่ระยะตรวจจับ ฉินเฟิงก็สามารถมองเห็น ว่าดวงตาของพวกมันทุกตนล้วนแดงก่ำ ทว่าพวกมันมิได้ฆ่ากันเอง แต่ทั้งหมดจิกมองมายังเขมือบฟ้าอย่างดุร้าย คล้ายลืมเลือนสัญชาตญาณความหวาดกลัว ในสมองคิดหมายเพียงฉีกเขมือบฟ้าเป็นชิ้นๆ

“ดูเหมือนว่าความสามารถของวิญญาณพรายทารกครวญเอง ก็พัฒนาขึ้นด้วยเหมือนกัน!”

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด