ตอนที่แล้วตอนที่ 163 ยึดชานเมืองตะวันออก
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 165 หนึ่งต่อหนึ่ง

ตอนที่ 164 มาเล่นกันเถอะ


ตอนที่ 164 มาเล่นกันเถอะ

เมืองย่อย 33 รัฐบาลกลางไทกีล่า

ภายในห้องของรักษาการนายกรัฐมนตรี อาบิเกลนั่งอยู่หลังโต๊ะทำงานที่กองไว้ด้วยเอกสาร ด้านข้างยังมีคนของเขาอยู่อีกสองสามคน เบื้องหน้าของชายหนุ่มคือรัฐมนตรีอาวุโสซามูเอลผู้ที่พึ่งได้รับการเสนอชื่อเข้ามาในตำแหน่งนี้ และซามูลยังพึ่งจะเดินทางกลับมาจากการเจรจากับสมาพันธ์นักล่า หรือจะพูดให้ถูกก็คือ เจรจากับไนเรล

“ตกลงว่าเขายอมเข้าร่วมกับพวกเราหรือไม่” อาบิเกลถามไปตรง ๆ

ซึ่งซามูเอก้ตอบกลับไปตรง ๆ เช่นกัน “ไม่”

“เพราะอะไร?” อาบิเกลกัดฟันพูด้วยความโกรธ

ซามูเอลไม่ได้ตอบคำถามของอาบิเกล ถึงยังไงมันก็ไม่มีประโยชน์อีกอย่าง อาบิเกลนิ่งเงียบไปไม่ได้ถามอีกแม้เขาจะโกรธมาก แต่ก็ไม่อาจจะเสียมารยาทกับซามูเอลได้ ที่เมื่อย่อย 33 นี้อิทธิพลของซามูเอลอาจจะมากกว่ารัฐบาลที่เขาควบคุมอยู่ด้วยซ้ำ ตอนนี้เขาต้องการให้ซามูเอลอยู่ข้างตัวเองจนกว่าจะรวบรวมรากฐานของรัฐบาลไทกีล่ากลับมาได้ก่อน ถึงจะไม่จำเป็นต้องใช้อิทธิพลของซามูเอล

“อันที่จริงก็ไม่เชิงว่าเจรจาล้มเหลว” ซามูเอลกล่าวออกมา

“หมายความว่ายังไง”

“ไนเรลไม่เห็นด้วยที่พวกเราจะยึดเมืองหลวงคืน เขาบอกมันไร้ประโยชน์ เพราะตอนนี้จีนาสกำลังจะย้ายมาที่เมืองหลวงใหม่”

“เรื่องนั้นพวกเรารู้อยู่แล้ว ดังนั้นคนไทกีล่าทั้งหมดควรจะรวมตัวกันยึดเมืองหลวงใหม่คืนและขับไล่จีนาสออกไปไม่ใช่หรือไง”

“มันไม่ง่ายแค่นั้น ยังมีอามิวกัสที่ตอนนี้ประเทศล่มสลายไปแล้วได้เลือกถอนกำลังมาที่เมืองหลวงใหม่ ยังมีสิ่งที่เรียกว่า เผ่าเจ้าสมุทร (อสูร) ตามพวกอามิวกัสมาด้วย” ซามูเอลอธิบาย

“ใครให้ข้อมูลพวกนี้กับคุณ” อามิวกัสถาม

“ไนเรล”

“คุณเชื่อ?” อาบิเกลถามจี้ซามูเอลจนทำให้ชายชรารู้สึกไม่พอใจ แต่ชายราก็ตอบกลับไป

“มันไม่สำคัญตอนนี้นายคือรักษาการนายกรัฐมนตรี ดังนั้นการตัดสินใจเชื่อไม่เชื่อขึ้นอยู่กับนาย แต่ถ้านายจะฟังตาแก่คนนี้สักหน่อยก็จะดีมาก”

“ผมยินดีฟังคุณพูดมาเถอะ” อาบิเกลพูดด้วยความจริงใจ แต่ภายใต้ใบหน้าจริงใจนี้ไม่มีใครรู้ว่าซ่อนอะไรไว้อยู่

“ฉันหวังว่านายจะยังไม่โจมตีเมืองหลวงใหม่ในตอนนี้”

สีหน้าของอาบิเกลมืดมนมากเมื่อได้ยินคำพูดนี้ “คุณกำลังบอกให้ผมอยู่เฉย ๆ”

“ไม่ แค่รอ”

“รออะไร”

“รอเวลาที่เหมาะสม ตอนนี้สิ่งที่เราต้องกังวลไม่ใช่แค่จีนาส แต่คือซอมบี้ตอนนี้ในเมื่อเราเสียเมืองหลวงใหม่ไปแล้วก็ควรจะปล่อยมันไปก่อน ควรจะหันกลับมาดูแลประชาชนที่เหลือรอด ตอนนี้มีคนจำนวนมากที่อดอยาก และมีโรคระบาดหลายแห่งควรที่จะไปช่วยพวกเขาก่อน”

“เรื่องนั้นฝากท่านรัฐมนตรีอาวุโสจัดการด้วยก็แล้วกัน ขอบคุณมากสำหรับคำแนะนำ” อาบิเกลพูดออกมาอย่างชัดเจนนั้นคือ เขาไม่มีเรื่องที่จะพูดอะไรอีก เชิญซามูเอลออกไปได้แล้ว

ซามูเอลเข้าใจความหมายของอาบิเกล แต่ก็อดส่ายหัวไม่ได้ ดูเหมือนอาบิเกลจะเลือกไว้อยู่แล้วว่าจะทำอะไร

......

หลังจากที่ซามูเอลออกมาจากก็ตรงไปหาพลเอกมาราคอฟ ซึ่งสร้างคาวมแปลกใจให้กับมาราคอฟเป็นอย่างมาก

“ไวสหายเก่า นายมีอะไรถึงมาหาฉันได้” มาราคอฟทักทายซามูเอล

“ฉันต้องมีเรื่องอะไรหรือไงถึงมาหานายได้”

“หรือว่าไม่มี?”

“เปล่า ที่จริงมีคนฝากข้อความมาให้นาย”

“ข้อความ จากใคร? ไอ้หนูอาบิเกลหรือ”

“ไม่ใช่ มาจากประธานสมาพันธ์นักล่า”

“ไอ้หนูตระกูลอาโรเดีย”

ซามูเอลพยักหน้าว่าใช่ ทำเอามาราคอฟแปลกใจ แต่ที่แปลกใจมากกว่านั้นคือที่ซามูเอลยอมรับฝากข้อความของไนเรล

“ช่างน่าแปลกที่ตาแก่หัวรั้นแบบนายเลือกจะเป็นคนส่งข่าวให้คนตระกูลอาโรเดีย ช่างเปลี่ยนไปเร็วจริง ๆ”

“บางทีอาจจะเปลี่ยนไป ตั้งแต่ที่นายเสนอชื่อของฉันให้เข้ารับตำแหน่งรัฐมนตรีแล้ว ฉันไม่ได้ทำเพื่อตระกูลอาโรเดีย แต่ทำเพื่อหลานสาวคนเดียวของฉัน หรือนายไม่คิดว่าไทกีล่าที่เน่าตั้งแต่ภายในควรจะถูกทำลายลงและสร้างขึ้นมาใหม่ได้แล้ว” ซามูเอลยื่นมือไปหยิบถ้วยน้ำชายกขึ้นดื่ม

“ตายในกองไฟถือกำเนิดในกองขี้เถ้า นายจะพูดแบบนั้นใช่ไหม”

“คนแก่อย่างพวกเราอยู่มานานมากแล้ว ยุคของพวกเราใต้ไปตั้งแต่วันที่ซอมบี้ถือกำเนิดและโลกที่เปลี่ยนไปแล้ว ตอนนี้มันคือโลกของคนหนุ่มพวกนั้น”

“ถ้างั้นนายคิดว่าใครกันที่จะเป็นผู้นำหลังจากไทกีล่าถือกำเนิดใหม่ อาบิเกล? หรือไนเรล?” มาราคอฟหยิบบุหรี่ราคาถูกมาสูบ

“ไนเรลนำหน้าอาบิเกลไปมาก”

“แต่อาบิเกลมีขุมพลังของรัฐบาลที่เหลืออยู่ซึ่งไม่อาจจะดูถูกได้” มาราคอฟส่วนขึ้นมา

“ดังนั้นอาบิเกลต้องมอดไหม้อย่างแน่นอน เพราะถ้าเขายังคงยึดเอาไทกีล่าเป็นที่ตั้ง”

มาราคอฟถึงกับนิ่งเงียบไปทันที อาบิเกลยึดประเทศเป็นที่ตั้งถึงมอดไหม้ แล้วไนเรลยึดอะไรเป็นที่ตั้งถึงถือกำเนิดในโลกนี้ได้ มาราคอฟไม่สามารถตัดสิ้นได้ว่าใครถูกใครผิด มีแต่เวลาที่กำลังมาถึงเท่านั้นเป็นเครื่องพิสูจน์ได้

“เด็กนั้นไปที่เมืองหลวงไทกีล่าจริง ๆ ใช่ไหม”

“ตอนฉันไปถึงเจ้าเด็กนั้นนำกองทัพเกือบทั้งหมดออกไปที่เมืองหลวงไทกีล่าจริง ๆ ตอนนี้คงจะเปิดฉากสู้กับซอมบี้ที่นั่นแล้ว”

“เรื่องที่เด็กนั้นฝากมาคืออะไร” พลเอกมาราคอฟกลับมาที่หัวข้อที่ทั้งสองคุยค้างไว้

“เด็กนั้นบอกว่า สงครามกำลังมา มนุษย์ก็คือมนุษย์เหมือนกัน พวกที่ต้องการฆ่าเผ่าพันธุ์มนุษย์คิดแค่นี้ ส่วนซอมบี้พวกเราคืออาหารแค่นั้นดังนั้นเมื่อถึงเวลานายควรจะตัดสินใจได้ถูกต้อง” ซามูอลพูดคำพูดของไนเรลไปตรง ๆ

“เด็กนี้ช่างน่ากลัว” มาราคอฟพูดออกมาด้วยเสียงที่เบา แต่ซามูเอลได้ยิน เขาพยักหน้าอย่างเห็นด้วย ซึ่งคงจะมีแค่ทั้งสองคนเท่านั้นที่รู้ว่า “น่ากลัว” หมายถึงอะไร

......

ขณะที่ทั้งซามูเอลและมาราคอฟพูดคุยกัน เขาไม่รู้เลยว่าตอนนี้การสนทนาของทั้งคู่ถูกแอบฟังโดยอาบิเกล ซึ่งมีหญิงสาวมนุษย์ชั้นสูงระดับสีเขียวผู้มีความสามารถลึกลับ [นิมิตไร้ระยะ A] สามารถเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นในสถานที่ ซึ่งแม้ห่างไกลหลายร้อยหลายพันกิโลเมตรได้

อีกทั้งยังสามารถฉายภาพที่เห็นผ่านดวงตาทั้งสองออกมาได้ แม้พลังต่อสู้ของเธอจะเป็นศูนย์ แต่พลังในการสอดแนมนับว่าเต็มร้อย

“ท่านอาบิเกล ตาแก่สองคนนี้คิดไม่ซื่อกับท่าน เราควรจะสงคนไปเก็บพวกมันเลยไหม” เคเดนที่ยืนอยู่ข้าง ๆ อาบิเกลพูดด้วยความโมโหกับการกระทำของทั้งสองคน

“นายอย่าได้ไปยุ่งกับทั้งสองคนเป็นอันเด็ดขาด แม้พวกเขาจะไม่ใช้ระดับสีน้ำ แต่พลังและอิทธิพลที่พวกเขาถืออยู่ไม่ใช่สิ่งที่พวกเราในตอนนี้จะเสี่ยงได้...แต่แค่ตอนนี้ละนะ” อาบิเกลพูดออกมาพร้อมกับยิ้มอย่างมีเลสนัย

“ท่านอาบิเกล ถ้าเรื่องที่ตาแก่นั้นบอกว่าสมาพันธ์นักล่าพากองกำลังทั้งหมดไปที่เมืองหลวงเก่าแล้ว เราอาศัยจังหวะนี้ยึดเมืองซานติเกียดีไหม”

อาบิเกลส่ายหัว “มันเสี่ยงเกินไป รอให้ไนเรลสู้กลับซอมบี้จนเละกันไปข้าง ถึงตอนนั้นจะเป็นเวลาที่ดีมากกว่า เพราะถ้าไนเรลและซอมบี้แพ้ก็เข้าโจมตี แต่ถ้าซอมบี้ชนะ เราก็แค่ปล่อยพวกมันไป และหันไปจัดการกับจีนาสแย่งเมืองหลวงใหม่คืนมา ถึงตอนนั้นผู้คนก็จะตาสว่างเองว่าไม่ใช่สมาพันธ์นักล่าที่เป็นผู้กอบกู้แต่เป็นข้า อาบิเกลผู้นี้”

น้ำเสียงของอาบิเกลเต็มไปด้วยความมั่นใจ เขาไม่ได้พูดถึงในกรณีที่ไนเรลชนะเลยแม้แต่น้อย เคเดนและคนรอบ ๆ หลังจากที่ได้ฟังที่อาบิเกลพูดก็ยอมรับคำพูดของเขาอย่างไร้ข้อกังขา โดยที่ไม่รู้สึกตัวเลยว่าภายในคำพูดเหล่านั้นมีความสามารถประเภทจิตใจของอาบิเกลชี้นำอยู่ด้วย

“เลิกสนใจเรื่องพวกนี้ก่อน ไปรวบรวมกองทัพมนุษย์ชั้นสูง และทหารไทกีล่าที่เหลือมาพวกเราจะไปโจมตีพาราซัสกัน ไม่สิต้องบอกไปฆ่าจีนาสกัน”

“รับทราบ”

หลังทุกคนออกไปอาบิเกลก็พึมพำออกมา “พวกท่านทั้งสองคิดผิดแล้วฉันไม่ได้เอาไทกีล่าเป็นที่ตั้ง แต่เป็นตัวเองตั้งหาก”

ดวงตาของอาบิเกลเปลี่ยนกลับไปกลับมาอย่างต่อเนื่อง มันมีทั้งความดำมืดจากภายในที่สามารถดึงให้ความตายมาฆ่าชีวิตได้ และยังมีทั้งความส่องสว่างที่บริสุทธิ์จนอาจจะทำให้ผู้คนศรัทธาไร้ข้อกังขา

......

เมืองหลวงไทกีล่าเก่า เหนือกำแพงเขตชานเมืองที่ประจันหน้ากับสะพานและแม่น้ำของเมืองหลวงไทกีล่าที่ห่างไปไม่กี่กิโลเมตร

เบื้องหลังกองทัพสมาพันธ์จำนวน 60,000 นายจัดขบวนรบตามความสามารถของมนุษย์ชั้นสูงเป็นหลัก ถัดมาก็คือเหล่ากองทัพนักล่ามากกว่า 50,000 คนที่เลือกจะสู้กับกองทัพแห่งความตายเพื่อโลกใบใหม่ที่พวกเขาเฝ้ารอ

มนุษย์ทั้งแสนกว่ารู้ว่าในวันนี้พวกเขาอาจจะตายกันหมดเลยก็ได้ แต่ก็ไม่มีใครคิดจะถอยหนี พวกเขาไม่ใช่ว่าถอยไม่ได้ แต่เลือกที่เลิกถอยแล้ว

ไนเรลหันไปมองพวกผู้คนทั้งคนธรรมดา มนุษย์ชั้นสูง นักล่า ทหาร ช่าง คนทำอาหาร คนงานทุก ๆ คนเท่าที่เขาจะรับรู้ได้ ไนเรลพูดผ่านด้วยน้ำเสียงที่ทรงพลังผ่านเกล็ดหิมะที่ตกลงมาอย่างรุนแรงท่ามกลางความมืดมิดยามราตรี

“เมื่อวันสิ้นโลกมาถึงพวกเราหนีด้วยความสิ้นหวัง เมื่อฝูงซอมบี้มาพวกเราหนีเข้าไปหลบหลังกำแพง เมื่อพวกมันยึดเมืองหลวงของพวกเรา พวกเราทำได้แค่มองดู เมื่อพวกมันจับมนุษย์เราเป็นอาหารพวกเราได้แต่สั่นกลัว พวกเรามนุษย์อ่อนแอใช่หรือไม่ เปล่าเลย พวกเราไม่ได้อ่อนแอ แล้วทำไมพวกเราถึงสู้พวกมันไม่ได้ เพราะพวกมันไม่กลัวตาย เพราะพวกมันตายอยู่แล้ว แต่พวกเรากลัว”

“แต่เพราะเรากลัว! เราจึงมีชีวิต! มีความหวัง! มีความรัก! ดังนั้นพวกเราจึงจะชนะ แม้จะตายแต่พ่อแม่ปู่ย่าตายายลูกหลานเราจะชนะ! เพื่อนพี่น้องเราจะชนะ! เผ่ามนุษย์จะดำรงอยู่ต่อไป พวกเขาจะอยู่ต่อไป...เพราะการต่อสู้ของพวกเรา”

เสียง “เพราะการต่อสู้ของพวกเรา” ดังก้องไปในอากาศทุกคนต่างตะโกนออกมาพร้อมกัน แม้แต่เกล็ดหิมะก็ยังสั่นไหว

“เพราะการต่อสู้ของพวกเรา”

“เพราะการต่อสู้ของพวกเรา”

“เพราะการต่อสู้ของพวกเรา”

ตอนนี้ความหวาดกลัวที่เคยซ่อนอยู่ในส่วนลึกของจิตใจกลับหายไปหมดแล้ว มันมีเพียงอย่างเดียวเท่านั้นคือ การต่อสู้นี้พวกเขาจะชนะไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม แม้ตายพวกเขาก็จะชนะ

กองกำลังหมาป่า กองกำลังพยัคฆ์ ขึ้นหลังม้ายักษ์ล้มหายใจของมนุษย์ชั้นสูงและม้ายักษ์สอดผสานเป็นหนึ่งเดียวเฝ้าคอยการต่อสู้ที่กำลังมาถึง

ดันใดนั้นอากาศรอบ ๆ ก็เหมือนจะหนักขึ้นห่างออกไปทางฝั่งของเมืองหลวงไทกีล่า กองทัพซอมบี้สติปัญญาระดับ 5 นับ 50 ตนเดินออกมาจากเงาหมอกของหิมะที่ตกหนัก ทุกตนต่างเดินเท้าเปล่า แต่มีอยู่สองตนที่แตกต่างและต้องเป็นทั้งสองเท่านั้นที่สามารถอยู่เหนือซอมบี้สติปัญญาระดับ 5 พวกนี้ได้

“ฮี่ ๆ ๆ พี่ชายมาเล่นกันเถอะ” เสียงที่ทรงพลังที่ผ่านกันของสองเสียง ดังไปทั่วทั้งเมืองหลวงไทกีล่าและชานเมือง คนธรรมดาหลายคนถึงกลับเจ็บปวดเลือดไหลออกตามช่อวงว่างของร่างกาย บางคนทนไม่ได้ตกตายไปทันที

มนุษย์ชั้นสูงที่ต่ำกว่าระดับสีน้ำเงินได้รับผลกระทบแตกต่างกันออกไป

“แน่นอน ครั้งนี้มาเล่นกันเถอะ”

แต่ทันใดนั้นเสียงของไนเรลก็ดังขึ้นช่วยให้การโจมตีของซอมบี้แฝดลดลงไปมากจนแทบไม่มีผลกระทบ

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด