ตอนที่แล้วร้อยเอ็น เล่นรัก ... เรื่องที่ 7 ... ตอนที่ 2. พี่ชายไซต์งานก่อสร้างสอนบทเรียนเสียว
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปร้อยเอ็น เล่นรัก ... เรื่องที่ 1: ตอนที่ 3. เมียป่วย ผัวเลยต้องจีบยาให้หายขาด (จบเรื่องที่ 1)

ร้อยเอ็น เล่นรัก ... เรื่องที่ 14 หนุ่มหล่อตกงานเซ่นพิษโควิดต้องยอมตกเป็นเด็กเสี่ย ... ตอนที่ 1. ประมูล


ร้อยเอ็น เล่นรัก - ร้อยเรียงเรื่องเล่า....

เรื่องที่ 14 หนุ่มหล่อตกงานเซ่นพิษโควิดต้องยอมตกเป็นเด็กเสี่ย

ตอนที่ 1. ประมูล

สวัสดีครับ ผมชื่อ เข้ม อายุ 34 ปี แต่งงานมา 1 ครั้งและเพิ่งหย่าไปเมื่อปลายปีที่แล้วเพราะภรรยาทนสภาพอดๆอยากๆเนื่องจากผมตกงานไม่ไหว เธอหอบหิ้วลูกน้อยอายุเพิ่งได้สามขวบไปอยู่บ้านพ่อแม่ที่ค่อนข้างมีฐานะ ซึ่งเป็นคนที่คอยยุแยงให้เธอหาเรื่องเลิกกับผม เมื่อมันสุดยื้อจริงๆ ศักดิ์ศรีมันกินไม่ได้ก็ต้องยอมใส่คอนเวิร์สทางใครทางมัน

หลังจากตกงานผมก็พยายามหางานมาโดยตลอด แต่ด้วยความที่มีวุฒิการศึกษาแค่ระดับ ปวส.ไปสมัครที่ไหนก็โดนกดเงินเดือน พอทำงานได้ 1-2 เดือนก็ถูกเลิกจ้างแบบไม่ได้เงินชดเชยเพราะยังอยู่ในช่วงทดลองงาน เจอแบบนี้มาติดๆกันผมก็ท้อแท้ เพราะไหนจะต้องส่งเงินไปให้พ่อแม่ที่บ้านนอกยังต้องรับผิดชอบค่าใช้จ่ายของลูกที่ตกลงกับภรรยาเก่าไว้อีกเดือนละหลายพัน ความจนมันชวนให้เครียด พอเครียดผมก็ดื่ม จากดื่มนิดหน่อยก็เริ่มมากขึ้นจนไม่เป็นอันทำงานจนต้องไปกูเงินนอกระบบมาเพื่อประคับประคองสถานะของความเป็นพ่อและลูกที่ดี

จนกระทั่งเมื่อเดือนที่แล้วนี้เองที่มีโควิดระบาดอีกระลอก งานที่ผมเพิ่งตกลงเซ็นสัญญาก็โทรมาแจ้งว่าต้องระงับการจ้างงานไว้ก่อน ผมเคว้งจนหน้าคว่ำเพราะหนี้สินที่มีอยู่มันก็พอกพูนเป็นดินพอกหางหมู เจ้าหนี้ก็ส่งพวกนักเลงมาเคาะห้องทวงหนี้ไม่เว้นแต่ละวันจนผมเริ่มอยู่ไม่ไหวต้องหนีไปพึ่งวัด แต่ก็อยู่ได้ไม่นานเพราะเกรงใจพระจึงต้องระเห็จมาอยู่กับเพื่อนสนิทสมัยเรียนที่ตอนนี้ชีวิตมันอู้ฟู่อย่างน่าอิจฉา มันยอมให้ผมยืมเงินไปใช้หนี้ก่อนส่วนหนึ่ง แต่ยังเหลือเงินต้นอีกมากพอสมควร ยิ่งเก็บมาคิดก็ยิ่งหนักใจ

“ไอ้เกม กูถามมึงจริงๆเถอะ มึงทำงานอะไรวะ ถึงได้เงินเป็นกอบเป็นกำขนาดนี้” งานของเพื่อนผมเริ่มตอนกลางคืน และจะกลับมาตอนเช้า หรือไม่ก็ไปทีสามสี่วันแล้วก็กลับมาพร้อมกับเงินอู้ฟู่

“มึงอยากรู้ไปทำไมวะ หรือมึงอยากทำบ้าง” มันปาถั่วลิสงใส่หน้าผมแล้วยิ้มยั่ว “กูเคยบอกมึงแล้วแต่มึงก็ไม่เชื่อ”

“ที่ว่ามึงเป็นเด็กอ๊อฟน่ะเหรอ” ผมว่ามันต้องล้อเล่นแน่ๆ ด้วยสภาพอย่างมันไม่น่าจะไปทางนั้นได้ สมัยก่อนพวกเราแมนๆเตะบอลแถมควงหญิงไม่ว่างเว้น “แถมกับลูกค้าผู้ชายด้วย”

“เออดิวะ แรกๆกูก็ไปเป็นเด็กนั่งดริ๊งในบาร์สาวแก่แม่ม่าย แต่พวกนั้นคู่แข่งเยอะ ไหนจะพวกเด็กมหา’ลัยหล่อๆกล้ามแน่น”

“แล้วมาเป็นเด็กอ๊อฟเสี่ยๆเนี่ยได้ดีกว่ายังไงวะ ไม่มีคู่แข่งเหรอ”

“มี แต่กูเด็ดไง ตอนแรกก็ไม่มีคนติดหรอก แต่พออ๊อฟกูแล้วติดใจบอกต่อปากต่อปาก ตอนนี้ลูกค้าติดตรึม” มันเล่าอย่างไม่ปกปิด

“แล้ว มึงต้องทำอย่างว่า....” ผมคิดภาพแล้วสยอง

“ทำหมดแหละ ลูกค้าอยากได้แบบไหนท่าไหน กูจัดให้หมด”

“ละ แล้ว มึงไม่เจ็บ...”

“เจ็บสิวะ ครั้งแรกเจ็บตายห่า แต่พอนานไปก็ชิน มันเจ็บปนเสียวแถมได้เงินดี กูเลยอดทน มึงถามขนาดนี้ อย่าบอกนะว่ามึงอยากลอง อย่าดีกว่ามึง กูว่าอย่ามาทางนี้เลย ถ้าโชคร้ายเสียตัวฟรี ไปหางานแบบคนธรรมดาเถอะว่ะ”

“ขอบใจที่เป็นห่วง แต่กูหมดหนทางจริงๆแล้ว ไหนจะหนี้เงินกู้ ไหนจะที่ยืมมึงอีก เงินเก็บก็ไม่มี ต้องหนีเจ้าหนี้หัวซุกหัวซุน ไม่รู้ว่าวันไหนจะโดนรุมซ้อม ยังไงกูก็อยากรอดตายไปจนกว่าจะได้เห็นลูกกูโตนะ” ผมยกกระป๋องเบียร์มากระดก ความขมเฝื่อนกลายเป็นหวานหอมเมื่อเทียบกับชะตาชีวิตของตัวเอง

“มึงคิดดีแล้วแน่นะ” มันตบไหล่ ผมพยักหน้า “งั้นมึงต้องแปลงโฉมก่อน”

“แปลงโฉม ทำไมวะ” ไอ้เกมมองผมตั้งแต่หัวจรดเท้า

“มึงดูหน้ามึงสิ ทั้งดำ มีแต่รอยเหี่ยวย่น ไหนจะหนวดเครารกรุงรังอีก เสื้อผ้าก็มอมแมมมอซอ ไปสมัครงานสภาพนี้ใครเค้าจะรับมึ๊ง”

“แต่กูไม่มีเงินนี่หว่า” ผมสารภาพตามตรง เพราะไอ้ที่ต้องทำเนี่ยมันต้องใช้เงินทั้งนั้น

“มึงไม่ต้องห่วง กูช่วยมึงเอง ส่วนเสื้อผ้า ไม่ต้องกังวล มึงกับกูตัวเท่ากัน ใช้ของกูได้ แต่กูขอแค่อย่างเดียว ว่ามึงสมัครใจทำจริงๆ งานนี้มันไม่ได้ง่ายนะ ไม่ได้นอนเฉยๆแล้วจะได้เงินนะเว้ย” มันพูดเชิงขู่

“กูไม่มีทางเลือกแล้วว่ะ จะให้กูไปสมัครเป็นเด็กล้างจานตามร้านอาหารเหรอ เงินมันไม่พอกับค่าใช้จ่ายกูเลยนะเว้ย แถมไม่รู้ว่าโควิดห่านี่จะลงอีกวันไหน เกิดทำๆไปแล้วร้านปิดหรือเจ๊ง สุดท้ายกูก็ต้องตกงานอีกอยู่ดี” ไอ้เกมนั่งฟังอย่างเงียบเชียบเพราะเข้าใจหัวอกคนจนตรอกเป็นอย่างดี ที่มันต้องมาทำงานนี้เพราะเจอหนี้นอกระบบเหมือนกัน แต่ต่างกับผมที่มันเลือกไม่ได้เพราะเจ้าหนี้มันพาไปขายให้กับบาร์โฮสเพื่อล้างหนี้ ทุกวันนี้มันยังมีหนี้สินอยู่พอสมควรเลยทำให้ผมยืมไปโปะเงินต้นได้แค่ส่วนเดียว แต่แค่นี้ก็ถือว่ามันมีน้ำใจกับผมมากเหลือเกินแล้ว

หลังจากนั้นสามวัน ไอ้เกมก็พาผมไปแปลงโฉมใหม่ ทรงผมใหม่ และพาไปสมัครฟิตเนสเพื่ออัพกล้าม(ที่ไม่รู้ว่าจะเล่นได้อีกนานแค่ไหน ถ้ารัฐบาลประกาศให้ปิดก็อดมาใช้งาน) แต่โชคดีที่ผมเป็นคนมีกล้ามเนื้ออยู่แล้ว ด้วยความที่เป็นหนุ่มหน้าคมเข้ม เลยทำให้ทรงผมใหม่ที่ช่างเนรมิตให้รับกับใบหน้าจนโดนชมว่าหล่อแบบไม่ขาดปาก พอผลตรวจโควิดออกมาเป็นลบมันก็ให้ผมซ้อมโรลเพลย์กับมันเรื่องดูแลแขก

“เพราะหน้ามึงหล่อนะเนี่ย เจ้านายกูเลยตกลงรับมึงทำงานเลย” ไอ้เกมบอกอย่างอารมณ์ดีเพราะช่วงนี้ต้องงดเว้นการเข้าใกล้ งดการไปสัมภาษณ์ตัวต่อตัว แถมการแนะนำเพื่อนให้ไปทำงานด้วย ถ้าผ่านทดลองงานไอ้เกมจะได้เงินพิเศษอีก 10% ของรายได้ผมในเดือนที่บรรจุ

“แล้วพวกลูกค้าล่ะวะ ไม่เสี่ยงเหรอ”

“เสี่ยง แต่มึงจะนอนเฉยๆให้อดตาย หรือจะไปตายเพราะออกไปหาเงิน” มันกูพูดไม่ถูกนะที่ให้ออกไปไหนมาไหน แต่ส่วนที่พูดถูกก็มี ถ้าไม่ทำอะไรเลย นอกจากจะอดตายแล้วอาจถูกเจ้าหนี้ไล่ฆ่าด้วย ดีที่ไอ้เกมให้ยืมมาโปะส่วนหนึ่ง พวกนักเลงที่คุ้นหน้าคุ้นตาเลยหายไปสักพักใหญ่ แต่อีกไม่นานก็คงจะกลับมาวนเวียนใกล้ตัวอีกรอบ

ผมได้แต่อ้าปากค้างเมื่อลงจากรถแท็กซี่ เพราะเบื้องหน้าคืออาคารตกแต่งสวยงาม ดูภายนอกไม่รู้เลยว่าเป็นบาร์อย่างว่าสำหรับพวกเสี่ยๆหนีเมียมาหาความสุขกับหนุ่มๆ ก่อนออกจากบ้านก็ลองสูทไอ้เกมไปหลายชุด ถึงตัวเราจะเท่ากัน แต่ผมสูงกว่ามันนิดหน่อยพอแตะ 180 เซ็นติเมตร กางเกงสแล็กที่ใส่มาเลยเต่อยาวไม่ถึงตาตุ่ม แต่ไอ้เกมกลับบอกว่าโคตรเท่ห์ เนื่องจากช่วงนี้กำลังฮิตสวมกางเกงแบบนี้กัน พอโดนมันตบหลังก็ได้สติและเดินตามเข้าไปด้านในทางประตูหลังที่เป็นทางเข้าเฉพาะพนักงาน เสียงเพลงในบาร์ดังแว่วมาอย่างคึกคัก

“มึงรอตรงนี้บอสตรงนี้ก่อนนะ เค้าอยากคุยกับมึงเรื่องการทำงานที่นี่ ส่วนพวกเรื่องอื่นๆกูเคยเล่าแล้วมึงจำได้มั้ย” ผมพยักหน้าแทนการพูดว่าจำได้ เพราะไอ้เกมอธิบายงานต่างๆพร้อมบอกว่าจุดไหนชั้นไหนคืออะไรแถมวาดแผนที่ให้อีก ตึกนี้อาจจะดูไม่สูงนัก แต่มีทั้งหมด 4 ชั้น ชั้นหนึ่งเป็นบาร์ทั่วไปสำหรับนักท่องเที่ยวชายหญิง ตั้งแต่ชั้น 2 เริ่มเป็นคลับสำหรับพวกสมาชิกที่ต้องการมาหาเด็กๆให้มาเอาใจ ชั้นนี้ห้ามอ๊อฟหรือมีอะไรกัน แค่เชียร์ให้ดื่ม หรือพะเน้าพะนอเอาทิปให้มากที่สุด ชั้นสาม สำหรับแขกระดับแพล็ตตินั่ม ที่สามารถนั่งจิ้มแคตาล็อกเด็กหนุ่มได้ว่าต้องการคนไหน เป็นห้องเดี่ยวแยกกันเด็ดขาด จึงไม่ต้องห่วงว่าจะมีใครมาพบเห็น แต่ถ้าชอบความตื่นเต้นจะมีห้องมืดไว้รองรับอีกด้วยโดยจะต้องเสียค่าเข้าพิเศษเป็นหลักหมื่น แต่จะทำอะไรกับใครก็ได้ที่อยู่ในนั้น ส่วนชั้น 4 คือห้อง VVIP สำหรับคนมีชื่อเสียง มีทางเข้าออกส่วนตัว เด็กที่จะอยู่ชั้นนี้ได้ต้องเป็นระดับพรีเมี่ยม เช่น หุ่นดี หน้าตาดี เป็นนักศึกษา หรืออาจจะมีชื่อเสียงเล็กน้อยจากพวกนายแบบหรือดาราตัวประกอบ และกลุ่มสุดท้ายคือ คนหน้าตาดีมากและยังซิง เพราะพวกที่ไม่เป็นงานคือสวรรค์สำหรับขาหื่นทั้งหลายที่พร้อมใจกันประมูลเพื่อมอบประสบการณ์ครั้งแรกให้

“ตะ แต่ ทำไมต้องชั้นสี่ด้วยวะ กูจะถูกประมูลเหรอ” ผมถามเพื่อนรักด้วยน้ำเสียงหวาดหวั่น

“คงงั้นแหละ บอกแล้วไงว่ามึงหล่อ หุ่นก็ดี สูงอีกต่างหาก มาถึงตรงนี้กูช่วยอะไรมึงไม่ได้แล้วนะ มึงก็สวดมนต์เอาละกันว่าขอให้คนที่ประมูลได้เป็นรับ จะได้ไม่ต้องเสียตูดตั้งแต่คืนแรก” ผมเสียวหูรูดวาบเมื่อถูกขู่ ก่อนตกลงมาทำงานที่นี่ ไอ้เกมมันจำแนกเพศภาพทั้งหมดให้ฟังแล้ว แถมยังเปิดหนังโป๊เกย์ให้ศึกษาอยู่หลายวัน

“เอ้า ไอ้พวกพี่เลี่ยง ออกไปให้หมด” เสียงตบมือหนักๆดังขึ้นพร้อมกับเสียงเข้มของใครคนหนึ่งที่ผมพอจะเดาได้ว่าเป็นเจ้าของที่นี่ ถึงแม้จะดูมีอายุแล้วแต่ก็ยังดูดีไม่น้อย รอบตัวมีบอดี้การ์ดอีกสี่คนยืนคุมเชิง พอไอ้เกมออกไปผมก็เพิ่งสังเกตได้ว่าในห้องนี้ไม่ได้มีแค่ผมที่จะถูกประมูล แต่ละคนหน้าตาดูดี หลายคนเหมือนยังเรียนอยู่ด้วยซ้ำ แต่ละคนก็ดูหวาดหวั่นไม่ต่างกัน

เวลาผ่านไปเกือบชั่วโมงแล้ว หลังจากบอสเข้ามาชี้แจงรายละเอียดว่าจะต้องทำอะไร และเป็นจริงดังคาดที่พวกเราทุกคนจะถูกประมูงเพื่อเปิดซิงที่ชั้น 4 กับแขก VVIP พอพูดจบพวกเราก็ถูกให้ยืนเข้าแถวเรียงหนึ่งออกไปหน้าเวทีแคบๆที่เบื้องหน้าเป็นเหมือนห้องมืดไม่เห็นหน้าตาคนรอประมูล โดยเราต้องเดินสองรอบ รอบแรกเดินในชุดที่ใส่มา อีกชุดคือต้องถอดท่อนบนออกเพื่อโชว์กล้าม แล้วหลังจากนั้นผู้ประมูลจะกดให้คะแนนว่าชอบใครมากที่สุด และคนนั้นจะถูกประมูลเป็นคนสุดท้าย วันนี้มีเด็กมาใหม่ 11 คน พอผลออกมา ผมได้ลำดับที่ 10 ซึ่งก็เกือบจะท้ายสุด

เสียงการประมูลดังเข้ามาในห้องเป็นระยะ เพราะระบบประมูลยังเป็นการออกเสียงขานชื่อ จากคนแรกที่ถูกประมูลไปในราคา 45,000 บาท ผมก็กำหมัดแน่นเนื่องจากรู้สึกสิ้นหวังที่ต้องมายืนให้ผู้ชายที่ไหนก็ไม่รู้มาประมูล คนที่สองโดนเคาะราคาแค่ 5,000 บาททำเอาผมใจหายวาบ เพราะเงินจากการประมูลจะถูกแบ่ง 50% ให้กับบอส เท่ากับว่านอกจากจะเสียตัวครั้งแรกโดยไม่รู้ว่าจะโดนอะไรแล้ว ยังเหลือเงินแค่ 2,500 บาทเท่านั้น ...

“คนต่อไป เขมชาติ อายุ 34 ปี สูง 181 เซ็นติเมตร น้ำหนัก 77 กิโลกรัม หนุ่มหล่อคมเข้มจากกำแพงเพชร เป็นชายแท้ เคยแต่งงานมาแล้ว ตอนนี้โสดสนิท ใครชอบดาร์ก ทอล แฮนด์ซั่มเตรียมตัวให้ดีนะครับ” ผมล่ะอยากจะบ้าตาย ทำไมต้องบรรยายสรรพคุณกันขนาดนี้ด้วย พอก้าวขาออกมาหน้าเวทีด้วยความประหม่า ผมก็รีบกลั้นหายใจก่อนพ่นลมเฮือกยาวออกมาปลอบใจตัวเอง

“เอาวะ มาถึงขั้นนี้แล้ว พ่อแก้วแม่แก้วช่วยลูกด้วยเถอะ”

“สำหรับหนุ่มลำดับที่ 10 คนนี้ ผลโหวตออกมาได้ที่สองนะครับ งานดีพรีเมี่ยมเราจะไม่เริ่มแค่ 5,000 เหมือนเบอร์ต้นๆ เราจะตั้งราคาไว้ที่ 50,000 บาท” สิ้นเสียงประกาศผมก็ตาโต คนก่อนหน้าผมเริ่มต้นแค่ 20,000 เอง แต่ถูกประมูลไป 120,000 บาท แต่ตัวผมที่เพิ่งลอกคราบ ราคาตั้งต้นเป็นอะไรที่คาดไม่ถึงเลยจริงๆ

“หนึ่งแสน” เสี่ยคนแรกส่งเสียงมา แม้จะไม่เห็นหน้า แต่เดาได้ว่าคงแก่มากแล้ว

“แสนสอง” คนที่สองตามมาติดๆ

“แสนห้า” ผมได้แต่ยืนอึ้ง กูจะเสียตัวกับผู้ชายครั้งแรกที่ราคาเท่าไหร่วะ

“สองแสน” เสียงนี้คุ้นๆ ฟังแล้วยังเด็กอยู่เลย สงสัยเป็นบอดี้การ์ดของใครสักคนประมูลแทน

“สองแสนห้า” เสี่ยคนแรกเกทับ

“สี่แสน” เสียงเด็กเมื่อกี้สู้ไม่ถอย

“ห้าแสน” เสี่ยคนที่สองเพิ่มจากแสนห้ามาเป็นห้าแสน

“เจ็ดแสน” คนนี้เป็นใครไม่รู้ แต่เสียงคุ้นหูมาก ผมจำได้ว่าเป็นเสียงบอส เขาตั้งใจมาปั่นราคาผมแน่ๆ

“เจ็ดแสนแล้วนะครับ มีใครให้มากกว่านี้อีกมั้ย เจ็ดแสนนับหนึ่ง...”

“แปดแสน” เชี่ย.... เสียงบอดี้การ์ดหนุ่มยังสู้ไม่ถอย

“แปดแสนแล้วครับ มีใครให้มากกว่านี้มั้ยครับ แปดแสนครั้งที่หนึ่ง” พิธีกรประกาศเหมือนกูเป็นภาพโมนาลิซ่างั้นแหละ

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด