ตอนที่แล้วบทที่ 347
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 349

บทที่ 348


รุ่งเช้าเนี่ยฟงแยกตัวออกมาเดินทางผู้เดียว ลมปราณถูกแผ่ออกมาจากร่างเขาตรวจพบมีชายฉกรรจ์สองคนแอบติดตาม จึงล่อคนทั้งสองมายังหน้าผา เมื่อมาถึงชายฉกรรจ์สองคนก็ปรากฏตัวออกมา ไม่มีคำกล่าวใดๆจากชายฉกรรจ์ทั้งสอง เสียงสะบัดมือดังแว่วดาบสองเล่มปรากฏทั้งสองพุ่งทะยานโจมตีชายหนุ่มตาบอดด้านหน้าทันที เนี่ยฟงตื่นตกใจพุ่งหลบไปมาชั่วน้ำเดือดชายฉกรรจ์ผู้หนึ่งพุ่งเข้าประชิดด้านหลังซัดฝ่ามือซ้ายไปที่หัวไหล่ขวา เปรี้ยง ชายหนุ่มตาบอดกระเด็นร่วงลงไปยังหน้าผาด้านล่างได้ยินเพียงเสียงร้อยโหยหวน ชายฉกรรจ์ทั้งสองหาได้ตรวจสอบพุ่งทะยานหลบออกไป เนี่ยฟงที่ร่วงลงไปด้านล่างเหยียบเกราะสายฟ้าพุ่งทะยานขึ้นมายังจุดที่เป็นปากถ้ำ

“หวังว่าข่าวการตายของข้าจะไม่มีผู้ใดรบกวนตระกูลหลิวอีก”

ประกายสายฟ้าพุ่งออกมาจากมือขวาวงอักขระศักดิ์สิทธิ์สีฟ้าปรากฏไม่นานก็มองเห็นทางเข้าด้านหน้า ลมปราณถูกแผ่ออกจากร่างเพื่อตรวจสอบเนี่ยฟงถีบเท้าพุ่งเข้าไปด้านในไม่ถึงยี่สิบลมหายใจเขาก็พบกับโครงกระดูกมนุษย์จำนวนมากวางอยู่เกลื่อนพื้น

“คนพวกนี้ตายเพราะพิษ”

สิ้นเสียงกล่าวของลุ่ยกงเนี่ยฟงก้มลงตรวจสอบโครงกระดูกพบเห็นพิษร้ายสีดำกัดกินไปจนถึงด้านในของกระดูก

“พิษที่คนพวกนี้ได้รับรุนแรงไม่น้อยขอรับ”

หลังจากตรวจสอบอยู่นานเขาก็เดินทางต่อ กลิ่นเหม็นของพิษร้ายโชยออกมาจากด้านหน้า ชั่วน้ำเดือดเขาก็พบห้องโถงขนาดใหญ่มีโครงกระดูกสัตว์อสูรตัวใหญ่ตั้งอยู่กลางห้องโถง รอบด้านมีโครงกระดูกมนุษย์เกลื่อนพื้นเช่นเดียวกับอาวุธมากมาย เนี่ยฟงรีบพุ่งทะยานไปตรงบริเวณโครงกระดูกสัตว์อสูรก็พบแก่นพลังปราณหนึ่งก้อนต้นตอของกลิ่นเหม็นที่โชยออกมา

“หากหยางเวยอยู่ที่นี่คงดีใจไม่น้อย”

เนี่ยฟงสะบัดมือขวาเก็บแก่นพลังปราณหลังจากนั้นเขาก็เดินไปตรวจสอบอาวุธและแหวนที่เกลื่อนพื้น สมุนไพรหลายพันชนิดแก่นพลังปราณระดับสีดำนับร้อยก้อน คัมภีร์วิทยายุทธ์ คัมภีร์ปรุงยาและดาบอีกสามเล่มรวมไปถึงก้อนทองอีกหลายแสนก้อน เนี่ยฟงรีบจัดการประทับวงอักขระศักดิ์สิทธิ์ไปที่ดาบทั้งสามเล่ม เมื่อทุกอย่างเสร็จสิ้นเขารีบเปลี่ยนเสื้อผ้าใหม่สวมชุดสีดำขลิบขาวปลอมตัวเป็นชายชราเมื่อออกมาด้านนอกอีกครั้งก็พบว่าตอนนี้แสงอาทิตย์ลาลับขอบฟ้าไปแล้ว วงอักขระศักดิ์สิทธิ์สีฟ้าปรากฏออกมาบดบังปากถ้ำเอาไว้เช่นเดิม ไม่นานเนี่ยฟงก็เหยียบเกราะสายฟ้าพุ่งทะยานขึ้นไปบนหน้าผา

การเดินทางเป็นไปอย่างราบรื่นหาได้มีชาวยุทธ์ผู้ใดสนใจชายชราตาบอด กลุ่มคนมากมายต่างเดินทางมายังเขาอู่ไถ ผ่านไปสองวันเนี่ยฟงก็พบกับพื้นที่ราบขนาดใหญ่กลุ่มชาวยุทธ์มากมายแล้วแต่ตั้งค่ายกระโจมพักแรมเพื่อรอดาบดับอสูรปรากฏ มีหลายกลุ่มเช่นกันเพียงก่อไฟทำอาหารเท่านั้น ตรงกลางมีกระถางเหล็กขนาดใหญ่ตั้งอยู่สามใบ เนี่ยฟงที่ปลอมเป็นชายชราเดินลัดเลาะออกไปด้านข้างนั่งโคจรลมปราณใต้ต้นไม้ ช่วงเวลายามจื่อท้องฟ้ายังคงสว่างไสวจากแสงสีทองจากยอดเขาอู่ไถ ชาวยุทธ์มากมายต่างตื่นตัวเตรียมพร้อม ชั่วน้ำเดือดมีชายฉกรรจ์ทั้งสองคนพันด้วยผ้าพันแผลทั่วร่างสวมชุดสีดำมือทั้งสองแบกเกี้ยวพุ่งทะยานไปยังกระถางเหล็กขนาดใหญ่ มีชายฉกรรจ์ผู้หนึ่งตาบอดเดินลงมาจากเกี้ยวเขามุ่งหน้าไปที่กระถางเหล็ก เสียงสะบัดมือดังแว่วโต๊ะไม้ขนาดเล็กปรากฏด้านหน้าพร้อมกับเครื่องเซ่นไหว้

ธูปขนาดใหญ่สามดอกถูกจุดชายฉกรรจ์ตาบอดร่ายรำอยู่ด้านหน้าในมือถือกระบี่ไม้ ไม่ถึงสิบลมหายใจสายลมโหมกระหน่ำกระบี่ไม้ในมือถูกซัดขึ้นบนท้องฟ้าเหนือกระถางเหล็กทั้งสาม สายฟ้าขนาดใหญ่ผ่าลงมาที่กระบี่ไม้ลงไปยังกระถางเหล็กทั้งสาม เปรี้ยง กระถางเหล็กแตกละเอียด แสงสีทองที่สาดส่องสว่างจ้ายิ่งกว่าเดิมเสียงสัตว์อสูรร้องคำรามเสียงดังสนั่น ชายฉกรรจ์ตาบอดกระอักเลือดออกมาเขาชี้มือขวาไปที่พื้นดินใต้กระถางทั้งสาม ชายฉกรรจ์สองคนที่ติดตามพุ่งทะยานเข้าไปช่วยเหลือ ชายผู้หนึ่งก็เอ่ยวาจาออกมาเสียงดัง

“อีกเจ็ดวันดาบดับอสูรจะปรากฏขึ้นบนยอดเขาอู่ไถ”

หลังจากนั้นพวกเขาทั้งสามก็จากไปอย่างรวดเร็ว มีชาวยุทธ์มากมายพุ่งทะยานเข้าไปตรวจสอบที่พื้นดินใต้กระถาง ไม่ถึงสองเค่อพื้นดินโดยรอบสั่นสะเทือน เงาดำจำนวนมากพุ่งลงมาจากเขาอู่ไถเสียงร้องคำรามของสัตว์อสูรดังลั่น สัตว์อสูรนับร้อยดวงตาแดงก่ำพุ่งเข้าโจมตี เสียงการปะทะดังสนั่นไปทั่วบริเวณ ปราณดาบ ปราณกระบี่ปลิวว่อน ต้นไม้น้อยใหญ่หักโค่นจากแรงปะทะ ไม่ถึงชั่วยามสัตว์อสูรก็ถูกสังหารจนหมดมาหลายคนได้รับบาดเจ็บแก่นพลังปราณถูกแจกจ่าย บางกลุ่มนำเนื้อสัตว์อสูรมาย่างกินอย่างหิวกระหาย รุ่งเช้าชาวยุทธ์มากมายต่างจับกลุ่มรวมกันเพื่อขึ้นไปบนยอดเขา

“เจ้ายังไม่ขึ้นไปอีกรึไอ้หนู”

“ชายผู้นั้นกล่าวอีกเจ็ดวันดาบจะปรากฏ พวกที่ขึ้่นไปมีเพียงผู้ชมเท่านั้นขอรับ กลุ่มคนที่คิดชิงดาบต่างไม่มีผู้ใดเคลื่อนไหวอีกอย่างเผ่าต่างๆยังไม่ปรากฏตัว”

สิ้นเสียงกล่าวของเนี่ยฟง เผ่าคนยักษ์นับร้อยก็เดินเท้าเข้ามายังพื้นที่ราบมุ่งหน้าขึ้นเขา กลุ่มชาวยุทธ์ที่เหลือต่างมุ่งหน้าขึ้นเขาติดตาม วันที่สองเผ่าต่างๆเริ่มทยอยขึ้นไปบนเขาแล้วเช่นกัน วันที่สามเผ่าอสูรนับร้อยก็ปรากฏกายขึ้นในพื้นที่ราบทั้งหมดพุ่งทะยานขึ้นไปบนเขา รุ่งเช้าวันที่สี่เนี่ยฟงจึงออกเดินทางขึ้นเขา ไม่ถึงสองชั่วยามซากศพมากมายทั้งมนุษย์ สัตว์อสูร และเผ่าต่างๆที่ขึ้นมาก่อนเกลื่อนเต็มพื้นส่งกลิ่นเหม็นไปทั่วบริเวณ ชั่วน้ำเดือดเขาก็สัมผัสบางอย่างซากศพโดยรอบเริ่มมีการเคลื่อนไหวพุ่งเข้ามาโจมตีอย่างหิวกระหาย เกราะสายฟ้าหกอันปรากฏหมุนวนรอบกายผู้เป็นนายสกัดกั้นการโจมตี เนี่ยฟงเร่งโคจรลมปราณถีบเท้าพุ่งทะยานไปด้านหน้าอย่างรวดเร็ว เกือบชั่วยามก็หลุดพ้นจากซากศพ

หมอกควันหนาทึบบดบังด้านหน้าแต่ไม่เป็นปัญหาต่อเนี่ยฟงเท่าไร เขาแผ่ลมปราณรอบด้านเดินไปตามรอยเท้าเกือบครึ่งชั่วยามเขาก็สัมผัสบางอย่างด้านหน้าเป็นผนังหินขนาดใหญ่ส่องแสงสีทองออกมา ประกายสายฟ้าพุ่งออกจากมือขวา ไม่นานได้มีตัวอักษรปรากฏที่หนังหิน

“แปลกประหลาดนักเหตุใดถึงมีค่ายกลปรากฏขึ้นที่นี่”

เนี่ยฟงยืนมือขวาไปที่ผนังหิน วูบ เขาเดินทะลุเข้าไปด้านในพบว่ามันกลายเป็นอีกสถานที่หนึ่งเหมือนประตูมิติ กำแพงหินล้อมรอบทั้งสี่ด้านไม่ถึงสองลมหายใจกำแพงหินด้านหน้าก็เปิดออกมีเสาหินขนาดใหญ่อักษรทองคำสลักอยู่ตรงกลาง รอบด้านมีก้อนทอง ก้อนเงินวางเกลื่อนพื้นรวมไปถึงสมบัติมากมายกองเป็นภูเขา บริเวณพื้นมีซากศพนอนเกลื่อนพื้นด้วยเช่นกัน เลือดสีแดงฉานไหลนองเต็มพื้น เนี่ยฟงยกยิ้มก้าวเดินผ่านไปอย่างช้าๆ ไม่นานก็เดินผ่านด่านทองคำ เขาพบกับป่าไม้ขนาดใหญ่ ด้านหน้ามีเสาไม้ขนาดใหญ่ตั้งอยู่มีอักษรไม้สลักตรงกลาง กลิ่นสมุนไพรโชยมาตามสายลมเนี่ยฟงถึงกับกลืนน้ำลายลงคอ ใต้ต้นไม้มีสมุนไพร ยาทิพย์ เม็ดยา เขาค่อยๆเดินไปตามทางไม่ถึงสิบลมหายใจก็พบกับเศษซากชิ้นส่วนมนุษย์กระจายไปทั่วบริเวณ มีบางกลุ่มนอนแน่นิ่งใต้ต้นไม้ในมือถือเห็ดและสมุนไพร บางกลุ่มมองเห็นเพียงก้อนเนื้อ

เมื่อผ่านด่านไม้เขาก็พบกับไอเย็นพัดเข้ามาจากด้านหน้า มีเสาน้ำแข็งขนาดใหญ่ตั้งอยู่มีอักษรน้ำสลักอยู่ตรงกลาง รอบด้านมีแท่งน้ำแข็งตั้งอยู่โดยรอบด้านล่างมีผู้คนมากมายนอนแน่นิ่งในมือถือไหสุรา เนี่ยฟงแผ่ลมปราณตรวจสอบไปที่แท่งน้ำแข็งก็พบว่าด้านในมีหญิงสาวเปลือยกายยืนอยู่ในท่วงท่าต่างๆ เมื่อเร่งฝีเท้าก้าวเดินเข้าไปด้านในก็พบกับพื้นหินสีดำมีเสาหินขนาดใหญ่สีแดงฉานตั้งอยู่มีอักษรไฟสลักอยู่ตรงกลาง ทันทีที่เดินผ่านเสาหินความร้อนประดุจอยู่ในเตาหลอมแผ่กระจายออกมา กลุ่มคนมากมายนั่งปรุงยาอยู่ทางขวามือ ส่วนอีกกลุ่มกำลังเข้าปะทะกันเสียงดังสนั่น ปราณดาบและกระบี่ปลิวว่อน เนี่ยฟงรีบก้าวเดินมาทางขวามือเป็นกลุ่มของตระกูลหลิวที่กำลังนั่งปรุงยาจากสูตรยาบนแท่นหินขนาดเท่าครึ่งคน

เนี่ยฟงเร่งโคจรลมปราณไปที่มือขวาประกายสายฟ้าพุ่งออกมาจากปลายนิ้วเขาเข้าไปจึ้สกัดจุดตรงหว่างคิ้วและกลางศีรษะคนตระกูลหลิวทั้งหมด ไม่ถึงสามลมหายใจทั้งหมดก็เริ่มรู้สึกตัว เนี่ยฟงยกยิ้มเอ่ยวาจาออกมา

“พวกท่านยังสามารถเดินทางต่อได้หรือไม่”

หลิวหยูฟางหันไปมองชายชราตาบอดผู้หนึ่งที่ยืนอยู่ด้านข้าง

“คุณชายเข้ามาด้านในเมื่อไหร่กัน”

“ข้าขึ้นเขามาหลังจากผ่านไปสี่วันขอรับ ผู้คนมากมายล้มตายเพราะกิเลสของตนไม่ว่าจะเป็นเงินทอง สมุนไพร สตรีเพศ วรยุทธ์อันทรงพลังถึงแม้แต่การปรุงยา ด่านต่อไปคงจะอันตรายมากกว่านี้”

หลิวหยูฟางก้มหน้านิ่งครุ่นคิดอยู่นาน

“เช่นนั้นพวกข้าคงต้องออกไปรอคุณชายที่ด้านนอก ข้าต้องขอบคุณคุณชายมากที่ช่วยเหลือเมื่อครู่หาไม่เช่นนั้นแล้วพวกข้าคงติดอยู่ในด่านนี้เป็นแน่”

เนี่ยฟงพยักหน้าสะบัดมือขวานำคัมภีร์หนึ่งเล่มยื่นให้แก่หลิวหยูฟาง

“เมื่อออกไปถึงด้านนอกท่านค่อยเปิดอ่าน”

หลิวหยูฟางพยักหน้าตอบรับเก็บคัมภีร์ไว้ที่แหวนในมือขวา ไม่นานนางก็นำคนตระกูลหลิวออกไปด้านนอก เนี่ยฟงหันหลังก้าวเดินเข้าไปด้านใน

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด