ตอนที่แล้วEp.874 - ดวงดาวศักดิ์สิทธิ์
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปEp.876 - เกราะทมิฬ

Ep.875 - มุ่งสู่ดวงดาวศักดิ์สิทธิ์


5/5

Ep.875 - มุ่งสู่ดวงดาวศักดิ์สิทธิ์

สำหรับดาวศักดิ์สิทธิ์ มันคือสิ่งที่มักปรากฏขึ้นทุกครั้งในวันสุดท้ายก่อนประตูสู่ดินแดนล่มสลายของเผ่าวิญญาณจะปิดลง ดาวศักดิ์สิทธิ์จะปลดปล่อยพลังงานอันเป็นประโยชน์ต่อจิตวิญญาณลงมา

อย่างไรก็ตาม ตอนนี้ฉินเฟิงได้เห็นความทรงจำของหมาจักรกลแล้ว ทำให้เขาได้รู้ข้อมูลใหม่ ว่าดาวศักดิ์สิทธิ์ที่แท้เป็นดาวเทียมขนาดใหญ่

มันคือดาวเทียมบริวารของมิตินี้ หรือก็คือถูกสร้างขึ้นโดยเผ่าวิญญาณ

“นี่น่ะหรือตัวตนที่แท้จริงของดาวศักดิ์สิทธิ์?” ดวงตาของฉินเฟิงเปล่งประกายสดใส หากมีดาวเทียมที่พิเศษเช่นนี้ ฉินเฟิงจะนำมันกลับไป แล้วติดตั้งไว้เหนือใจกลางเมืองเฟิงหลี ด้วยอานุภาพของมัน จะช่วยยกระดับให้แก่ผู้ใช้อบิลิตี้ได้เป็นอย่างมาก

แต่น่าเสียดาย แม้ดวงดาวศักดิ์สิททธิ์จะเป็นดาวเทียมประดิษฐ์ แต่ข้อมูลตามความทรงจำบอกว่ามันอยู่ห่างออกไปกว่า 30 กิโลเมตร นอกจากนี้ยังมีความจริงอันน่าเศร้า  นั่นคือฉินเฟิงไม่สามารถยัดมันลงในอุปกรณ์รูนมิติของตัวเองได้

อุปกรณ์รูนมิติที่เขานำมามีขนาดใหญ่ก็จริง แต่มันไม่ใหญ่ถึงขนาดยัดดาวเทียมลงไปได้

ฉินเฟิงเอ่ยถาม “ว่าแต่ที่นี่มียานอวกาศรึเปล่า? พวกเราสามารถใช้มันเดินทางไปยังดาวศักดิ์สิทธิ์ได้ไหม?”

หมาจักรกลไม่คาดคิดว่าฉินเฟิงจะค้นความทรงจำมันถึงเรื่องดวงศักดิ์สิทธิ์ แต่สุดท้ายส่ายหัว “แม้จะมีเครื่องจักรที่สามารถพาไปถึงได้ แม้จะมีพลังงานเพียงพอ แต่รอบๆดาวศักดิ์สิทธิ์ปกคลุมไปด้วยสนามแม่เหล็ก ดังนั้นเป็นไปไม่ได้ที่จะเข้าใกล้ ประเด็นสำคัญก็คือ ยังมีหุ่นยนต์รบบนดาวศักดิ์สิทธิ์คอยเฝ้าอยู่ และเกราะที่มันสวมใส่ ทรงพลังยิ่งกว่าชุดเกราะศักดิ์สิทธิ์อย่างเทียบไม่ติด!”

นี่คือคำเตือนชัดๆ แต่ดวงตาของฉินเฟิงดันเปล่งประกายสดใส

ถึงชุดเกราะศักดิ์สิทธิ์จะแข็งแกร่ง แต่มันก็ยังเป็นแค่เกราะเทวะที่สำแดงอานุภาพได้สุดๆแค่เลเวล B  ไม่เหมาะให้ฉินเฟิงใช้งานอีกต่อไป ดังนั้นหากมีการดำรงอยู่ที่ทรงพลังยิ่งกว่าเกราะศักดิ์สิทธิ์ ฉินเฟิงจะไม่รู้สึกสนใจได้อย่างไร!

“มันคือเกราะอะไร?”

“ชุดเกราะรบนั่น ถูกเรียกกันว่าเกราะทมิฬของเผ่าวิญญาณ ฉันไม่รู้หรอกนะว่ามันสร้างจากวัสดุอะไรบ้าง แต่สิ่งสำคัญที่สุดก็คือ มันสามารถดูดซับพลังงานจากสิ่งรอบตัว โดยไม่จำเป็นต้องให้เผ่าวิญญาณคอยเติมพลัง ด้วยเหตุผลข้อนี้เอง ทำให้ชุดเกราะทมิฬนี้ กลายเป็นสิ่งต้องห้าม!”

ฉินเฟิงขมวดคิ้วไม่เข้าใจ แต่พอฉุกคิดถึงลำแสงจากดาวศักดิ์สิทธิ์ที่เคยปรากฏขึ้นครั้งก่อน ที่เหมือนจะเป็นประโยชน์ต่อวิญญาณต่างมิติ ก็เริ่มเข้าใจ

“สรุปก็คือ หมายความว่าแท้จริงแล้วไม่ใช่ดวงดาวศักดิ์สิทธิ์ที่ดูดซับพลังงาน แต่เป็นเกราะทมิฬต่างหากที่ดูดซับมัน?”

หมาจักรกลพยักหน้า แต่สุดท้ายส่ายหัวและกล่าวว่า “เกราะทมิฬมีความสามารถในการดูดซับก็จริง แต่ดาวศักดิ์สิทธิ์ถือเป็นพาหะขนาดใหญ่ที่มีแรงโน้มถ่วง หากปราศจากการดำรงอยู่ของดาวศักดิ์สิทธิ์ ชุดเกราะทมิฬจะไม่สามารถลอยล่องอยู่ท่ามกลางจักรวาลได้”

ฉินเฟิงเอ่ยถามว่า “ฟังจากคุณสมบัติของชุดเกราะทมิฬ มันเป็นสมบัติล้ำค่าแน่นอน แต่ทำไมถึงถูกเรียกว่าเป็นของต้องห้าม?”

หมาจักรกลกล่าว “คำตอบนั้นง่ายดายมาก เพราะชุดเกราะทมิฬสามารถดูดซับพลังงานได้อย่างอิสระ และนั่นรวมไปถึงจิตวิญญาณเช่นกัน หากให้แปรเป็นศัพท์มนุษย์ ก็หมายความว่าวิญญาณทั้งมวลไม่อาจอยู่ใกล้มัน ด้วยกรณีนี้เอง มันจึงเป็นภัยคุกคามต่อพวกเรา!”

“ที่แท้ก็เป็นแบบนี้!” ฉินเฟิงพยักหน้า เข้าใจเหตุผลอย่างถ่องแท้

หมาจักรกลขัดจังหวะอีกครั้ง “ดังนั้น หุ่นยนต์ที่สวมใส่ชุดเกราะทมิฬ เลยไม่ได้เชื่อมต่อกับจิตวิญญาณต่างมิติ แม้ไร้ภูมิปัญญา แต่มันมีพรสวรรค์ในการต่อสู้มาก ถ้าคุณคิดไปยังดาวศักดิ์สิทธิ์ ก็เหมือนกับการแส่หาที่ตาย”

ฉินเฟิงสามารถกำจัดหุ่นยนต์ในเมืองได้ เหตุผลหลักๆเป็นเพราะเอฟเฟคของศิลาตรึงวิญญาณ หมาจักรกลเลยไม่ค่อยวางใจในความแข็งแกร่งของฉินเฟิง

ฉินเฟิงผุดยิ้มบาง “แกยิ่งพูดแบบนี้ ฉันก็ยิ่งรู้สึกสนใจมากขึ้น!”

หมาจักรกลยังคงพยายามเกลี้ยกล่อม ไม่ต้องการให้เจ้านายคนใหม่ที่เพิ่งพบพานแส่หาที่ตาย แถมยังมีแววว่าจะลากมันลงน้ำไปด้วย สารภาพตามตรงมันไม่อยากมีปัญหากับเกราะทมิฬจริงๆ

อย่างไรก็ตาม การเกลี้ยกล่อมนี้ ถูกขัดจังหวะโดยฉินเฟิง

“ลืมเรื่องดาวศักดิ์สิทธิ์ไปก่อน อันดับแรกต้องเก็บกวาดทรัพย์สินที่นี่ มาเถอะ!”

ว่าจบ ฉินเฟิงก็เริ่มกวาดล้างเมือง เผ่าวิญญาณคือเผ่าพันธุ์ทรงภูมิปัญญา ดังนั้นมีตึกรามเป็นของตัวเอง มีสถานที่อำนวยความสะดวกเพรียบพร้อม

ไม่ว่าจะเป็นร้านขายรถ , ร้านขายอาวุธ , ร้านขายหุ่นยนต์ ทั้งหมดล้วนถูกฉินเฟิงปล้นชิง

กระทั่งโรงพยาบาล ฉินเฟิงก็ยังไม่ยอมละเว้น แม้ความรู้เหล่านี้จะมีไว้สำหรับรักษาเผ่าวิญญาณก็ตาม

ไล่ตั้งแต่โคมไฟเล็กๆตามริมถนน ไปจนถึงจอแสดงผลขนาดใหญ่ ฉินเฟิงกวาดเรียบ นำพวกมันไปทดแทนเทคโนโลยีล้าสมัยในมิติของเขา

แม้ฉินเฟิงจะใช้วิชาตัวเบาเก็บกวาดอย่างเร่งรีบ แต่กระบวนการยังคงเป็นไปอย่างเชื่องช้า

ด้วยเหตุนี้เอง หลังจากสาละวนเป็นสิบวัน ฉินเฟิงถึงค่อยเก็บข้าวของในเมืองได้จนหมดสิ้น

จากนั้นก็ใช้เวลาอีกสองวัน เคลื่อนย้ายเครื่องจักรทั้งหมดที่ติดตั้งอยู่ตามโรงงานโดยรอบ ไม่เหลือทิ้งไว้สักชิ้นเดียว

นับตั้งแต่วันแรกที่เขาเข้ามา ฉินเฟิงท่องอยู่ในเมืองใต้ดินของดินแดนล่มสลายเผ่าวิญญาณมาเป็นเวลากว่า 13 วันแล้ว เหลืออีก 2 วัน มิติแห่งนี้ก็จะถูกปิดลง เมื่อถึงเวลานั้นต่อให้คุณคิดอยากจะหนีออกไป ก็คงไม่สามารถทำได้

“เอาล่ะ เตรียมตัวพร้อมแล้ว”

ฉินเฟิงแบกเป้สนามไว้บนหลังเขา อุปกรณ์รูนมิติที่อยู่ข้างในมีจำนวนเท่าเดิม แต่หมาจักรกลที่ติดตามฉินเฟิงตลอดมาตระหนักดี ว่าข้างในนั้น สิ่งที่ถูกยัดลงไป มีจำนวนมหาศาล

บนเครื่องจักรที่มีลักษณะคล้ายกับเรือเหาะขนาดย่อส่วน ฉินเฟิงนั่งลงบนเบาะหลัง หมาจักรกลนั่งหน้าแผงควบคุม

“ฉันสามารถส่งคุณไปยังตำแหน่งที่ใกล้กับดาวเทียมได้สุดๆแค่ 10 กิโลเมตรเท่านั้น จริงๆแล้วดาวศักดิ์สิทธิ์ยังคงเคลื่อนไหวตลอดเวลา เมื่อเข้าใกล้ดาวศักดิ์สิทธิ์ที่สุด คุณต้องระวังชุดเกราะทมิฬระเบิดพลังงานออกมา สรุปคือถ้าจะให้ดีที่สุด ต้องไม่ให้เกราะทมิฬระเบิดพลังงาน!” หมาจักรกลแนะนำ

“ตกลง” ฉินเฟิงรับคำ แต่ในใจเขา ได้สรุปแผนการเอาไว้เรียบร้อยแล้ว ด้วยความแข็งแกร่งในปัจจุบันของตน ต่อให้ไม่สามารถสู้กับเกราะทมิฬได้ แต่หากคิดหลบหนี ถือว่าง่ายดายยิ่ง

เรือเหาะแล่นไปตามเส้นทางใต้ดินอย่างรวดเร็ว ก่อนโผล่มายังทางออกหนึ่ง มันคือเส้นทางยาวบนพื้นในเมืองปรักหักพังที่อยู่ห่างไกล แม้พวกเขาจะบินขึ้นไปบนท้องฟ้า แต่เผ่าพันธุ์ต่างๆที่กระจายอยู่ในเมืองไม่น่าจะสังเกตเห็น

ไม่นาน เรือเหาะก็บินออกจากชั้นบรรยากาศของดาววิญญาณ มุ่งหน้าสู่อวกาศ

เนื่องจากรอยแยกมิติครั้งใหญ่ ทำให้ความรู้ในรั้วโรงเรียนในปัจจุบัน ไม่ค่อยมีการสอนเกี่ยวกับชั้นบรรยากาศนอกโลก เพราะพลังงานภายนอกมันปั่นป่วนและยุ่งเหยิงเกินไป ทั้งยังไม่สามารถดูดซึมเข้าสู่ร่างกายมนุษย์ได้ ต่อให้ดูดซึมได้ ก็มีแต่ผลเสียตามมา ไม่มีประโยชน์ใดๆ

ดังนั้น จึงมีน้อยคนนัก ที่ทราบว่าบรรยากาศนอกโลกเป็นอย่างไร หรือจะให้พูดว่า ความรู้ของมนุษย์เกี่ยวกับจักรวาล คับแคบลง มันถูกแทนที่ด้วยข้อมูลของปัจจัยอื่นๆในมิติแทน

ท่ามกลางบรรดามิตินับไม่ถ้วนกับมิติของฉินเฟิง บางทีอาจระนาบกัน หรือมีโอกาสทับซ้อนกัน และพลังงานจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น อาจทำให้เกิดความขัดแย้งผิดปกติขึ้นได้ เมื่อพลังงานเพิ่มสูงขึ้นในสถานที่หนึ่ง มันจะก่อให้เกิดการสั่นสะเทือนของอักษรรูนมิติ และอาจเกิดเหตุการณ์มิติซ้อนทับกันได้

นี่คล้ายคลึงกับในกรณีเดียวกันของสุสานเทพสงคราม

และยังมีอีกหลายสถานการณ์ มนุษย์ยุคนี้ศึกษาและทำความเข้าใจเกี่ยวกับมัน แต่เกรงว่าหากผ่านไปอีกสักร้อยปี สิ่งเหล่านี้คงไม่จำเป็นต้องศึกษาอีกต่อไป เพราะมันจะกลายเป็น ‘กฏ’ ขั้นพื้นฐาน เป็นบรรทัดฐานที่ทุกคนต้องรู้อยู่แล้ว

หมาจักรกลรับหน้าที่ขับเคลื่อนเรือเหาะ  เครื่องจักรลำนี้ทรงพลังยิ่งกว่ายานรบดัดแปลงของฉินเฟิงซะอีก หลังทะลุสู่อวกาศ รังสีและพลังงานที่ไม่รู้จักนับไม่ถ้วน ปะทะเข้ากับเรือเหาะ

เรือเหาะกางโล่พลังงานทรงกลมออกมา ปิดกั้นการรุกล้ำของสิ่งนี้

เมื่อไร้ซึ่งแรงโน้มถ่วง เพียงขยับเปลี่ยนทิศทางก็สามารถมุ่งไปข้างหน้าได้ และสามารถเดินเครื่องโดยใช้พลังงานที่คล้ายกับการดำรงอยู่ของเหรียญพลังงานได้ตลอดเวลา

ณ จุดนี้ ฉินเฟิงได้กลายเป็นมนุษย์เพียงไม่กี่คนในยุคโลกาวินาศที่เดินทางสู่อวกาศ

ท่ามกลางจักรวาลอันมืดมิด ระยิบระยับไม่ด้วยแสงสว่างจากทางช้างเผือก และพลังงานจากดาวเคราะห์บางดวง ดาวที่แม้จะอยู่ห่างไกลออกไปร้อยล้านปีแสง ก็ยังสามารถทอประกายมาถึงที่นี่ได้ ...

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด