ตอนที่แล้วบทที่ 60 โทร์วแมนริงส์ (5)
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 62 โทร์วแมนริงส์ (7)

บทที่ 61 โทร์วแมนริงส์ (6)


“เมื่อคืนเฟรย์ออกจากหมู่บ้านไปหรือเปล่า?”

"ใช่ ผมเดาว่าเขาไปทันทีหลังจากที่พูดกับมาสเตอร์เบเนียง ผมคิดว่าคุณรู้แล้วเสียอีก…”

"…ฉันเข้าใจละ"

เบเนียงถอนหายใจด้วยสีหน้าเศร้าหมองบนใบหน้าของเธอ

เขาจากไปโดยไม่พูดอะไรจริงๆเหรอ?

ดูเหมือนเขาจะไม่ใช่คนประเภทนั้น แต่เธอก็ปฏิเสธไม่ได้กับสิ่งที่เกิดขึ้น

มีตาข่ายเวทย์มนตร์อยู่ทั่วในป่า แต่สำหรับพ่อมดระดับเฟรย์เขาคงผ่านมันไปได้ไม่ยาก

“ช่วงเวลามันไม่ดีเอาซะเลย”

เบเนียงเห็นด้วยกับจิเซลลัน

ทันทีที่เขามาถึงเฟรย์ก็ได้มาเห็นตอนที่สิ่งประดิษฐ์ของพวกเขาถูกบาซิลิสก์เทลยึดไป

พวกเขาได้แสดงลักษณะที่เลวร้ายที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ต่อแขกที่เตรียมที่จะได้เห็นสิ่งที่ดีที่สุดที่พวกเขาจะเสนอ

เบเนียงฝืนยิ้มเพื่อลบล้างบรรยากาศอันแสนเปรี้ยว

หลังจากประสบปัญหามากมายมันกลายเป็นธรรมชาติสำหรับเธอที่จะแสดงออกเช่นนี้

“เฮ้ อย่ายอมแพ้สิ! จนถึงตอนนี้พวกเราก็ทำได้ดีมมาด้วยตัวของเราเอง”

"คุณพูดถูก"

จิเซลลันและเฟอานน์ก้มหน้า

ทั้งคู่สังเกตเห็นรอยยิ้มฝืนๆของเบเนียง แต่พวกเขาไม่ได้แสดงความคิดเห็น

ตอนนั้นเอง

“มาสเตอร์เบเนียง”

"อา..."

เสียงฉับพลันทำให้เบเนียงหันกลับมา

เฟรย์ยืนอยู่ที่นั่น

จิเซลลันซึ่งเป็นนักรบเวทย์มนต์ยังรู้สึกประหลาดใจเป็นพิเศษ

นี่เป็นเพราะแม้ประสาทสัมผัสของเขาจะเหนือกว่าคนทั่วไป เขากลับไม่สังเกตเห็นการปรากฏตัวของเฟรย์จนเขาพูดออกมา

“เฟรย์? คุณไม่ได้ไปแล้วหรอ?”

เฟรย์เอียงศีรษะราวกับว่าเขาได้ยินอะไรแปลกๆ

“ผมจะไม่จากไปไหนโดยไม่กล่าวลาหรอก พอดีผมมีธุระที่ต้องดูแล”

“…ธุระ?”

จิเซลลันงงงวย

ธุระ?

เขามีธุระแถวนี้ด้วยหรือ?

สิ่งเดียวที่ควรทราบในภูมิภาคนี้คือสำนักงานใหญ่ของเซอร์เคิลเพียงไม่กี่แห่ง

“ผมเพิ่งคิดได้ตอนนี้ว่าผมลืมแจ้งให้พวกคุณทราบก่อนที่ผมจะออกไป ต้องขออภัยด้วยผมรีบมากเกินไป”

“ไม่เป็นไร.... ตามสบาย!”

เฟรย์มองไปที่เบเนียงก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงนิ่ง ๆ

“…ผมอยากจะคุยกับมาสเตอร์เบเนียงสักครู่ โอเคไหม?”

"ใช่ ไม่เป็นไรพวกเราไปคุยที่บ้านของฉันดีกว่า "

"ใช่และผมหวังว่าออเนอเฟอานน์และออเนอจิเซลลันจะเข้าร่วมการสนทนากับเราได้”

พวกเขาพยักหน้าพร้อมกัน

“พวกเราขอรบกวนด้วย”

เมื่อพวกเขามาถึงบ้านของเบเนียงเฟรย์นั่งที่ปลายด้านหนึ่งของโต๊ะตัวใหญ่และหันหน้าไปทางพวกเขาและเขามองพวกเขาด้วยสายตาสงบ

จิเซลลันกลืนน้ำลายของเขา

เขาไม่รู้ว่าทำไมแต่เมื่อใดก็ตามที่เขามองเข้าไปในดวงตาของเฟรย์มันให้ความรู้สึกเหมือนกับว่าเขากำลังมองไปที่เซอร์เคิลมาสเตอร์คนก่อนอย่างโอเซลอาร์เจนโต้

ไม่ไม่ใช่แค่โอเซล

ใบหน้าของมาสเตอร์ของสามเซอร์เคิลผู้ยิ่งใหญ่ฉายแววในความคิดของเขา

“ออเนอเฟอานน์เรื่องราวของคุณช่างน่าประทับใจจริงๆ”

"อย่างงั้นหรือ? อาใช่"

เมื่อนึกถึงบทสนทนาที่พวกเขาคุยกันต่อหน้ารูปปั้น เฟอานน์ก็พยักหน้าอย่างงุนงง

"ผม-"

เฟรย์เริ่มมองไปที่ทั้งสามก่อนหน้าเขา

“ตั้งใจที่จะปราบเดมิก็อดออกไปจากโลกนี้”

“อะไร - อะไร…”

มันเป็นคำพูดที่ไม่คาดคิด

เบเนียงเริ่มประหลาดใจแต่เมื่อเธอสบตาเฟรย์เธอก็ปิดปากโดยไม่รู้ตัวอีกครั้ง

เฟรย์พูดต่อช้าๆ

“มันเป็นไปไม่ได้ที่จะทำด้วยตัวผมเพียงคนเดียว ดังนั้นผมต้องการพันธมิตร แต่ผมพึ่งพาเซอร์เคิลไม่ได้”

“คุณหมายความว่ายังไงที่คุณพึ่งพาไม่ได้”

“ด้วยวิธีที่เซอร์เคิลถูกแบ่งออกและความจริงที่ว่าเซอร์เคิลพยายามควบคุมซึ่งกันและกันอยู่เสมอไม่มีทางเลยที่มันจะประสบความสำเร็จ”

เพื่อร่วมเป็นหนึ่งเดียว

ขั้นตอนแรกในการเอาชนะเดมิก็อดจะเกิดขึ้นได้หลังจากทำสิ่งนั้นสำเร็จ

อย่างไรก็ตามการแสดงออกของเบเนียงและผู้บริหารคนอื่นๆนั้นแข็งกระด้าง

นี่เป็นเพราะพวกเขารู้ดีว่าคำพูดของเฟรย์เป็นไปไม่ได้เพียงใด

มันเป็นไปไม่ได้ที่จะบอกว่าเซอร์เคิลนั้นเป็นแบบนี่กี่มาหลายปีแล้ว

อย่างน้อยที่สุดในบันทึกที่บรรพบุรุษของพวกเขาทิ้งไว้ก็ไม่มีการกล่าวถึงเซอร์เคิลที่เคยเป็นน้ำหนึงใจเดียว

"มันจะเป็นเรื่องที่ยากเอาการ"

เบเนียงยังพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง

มันยากที่จะบอกว่ามันเป็นไปได้แต่มันก็มากเกินไปที่จะเรียกมันว่าเป็นไปไม่ได้จริงๆ

ในความเป็นจริงถ้าเป็นคนอื่นในเซอร์เคิลที่ไม่ใช่เบเนียงพวกเขาอาจจะคิดว่าเฟรย์นั่นบ้าไปแล้ว

เฟรย์รับทราบเรื่องนั้นดี

แม้ว่าเขาจะพูดเรื่องไร้สาระแบบนั้นแต่เบเนียงก็ยังคงจริงจังกับคำพูดของเขา

สิ่งนี้สำคัญมากเนื่องจากมันอาจกลายเป็นข้อได้เปรียบในอนาคต

"ฉันรู้"

“คุณจะไม่เปลียนใจแน่นะ”

“เป้าหมายของฉันจะไม่มีวันเปลี่ยนแปลง”

“…!”

ความรู้สึกแปลกๆดูเหมือนจะหมุนวนอยู่ภายในเบเนียงจีเซลลันและเฟอานน์เมื่อพวกเขาได้ยินคำพูดเหล่านั้น

ไม่ว่าพวกเขาจะมองมันอย่างไรคำพูดเหล่านั้นไม่ใช่สิ่งที่พวกเขาคาดหวังว่าจะได้ยินจากชายหนุ่มอายุเพียงยี่สิบปี

อย่างไรก็ตามแทนที่จะรู้สึกอึดอัดใจพวกเขากลับรู้สึกเป็นธรรมชาติ

"โทร์วแมนริงส์ ผมกำลังพิจารณาให้เซอร์เคิลนี้เป็นศูนย์กลาง”

“ศูนย์กลาง…?”

"ถูกตัอง ศูนย์กลางของเซอร์เคิล การที่จะยืนอยู่เหนือไม่เพียงแต่เซอร์เคิลขนาดเล็กและขนาดกลางเท่านั้น แต่ยังรวมไปถึงบิ๊กทรีด้วย”

“นั่น…”

จิเซลลันตกอยู่ในสภาพไม่เชื่อ

สิ่งที่เขาพูดนั้นเป็นไปไม่ได้แม้ว่าโทร์วแมนริงส์จะเคยอยู่ที่จุดสูงสุดมาแล้วก็ตาม

แม้แต่ตอนที่เซอร์เคิลมาสเตอร์โอเซลยังมีชีวิตอยู่พวกเขาก็มีความสามารถพอๆหรือน้อยกว่าบิ๊กทรีเล็กน้อยเท่านั่น

ก้าวข้ามพวกเขาและยืนอยู่บนสุดของเซอร์เคิล?

นั่นไม่ใช่อะไรมากไปกว่าความฝันที่เพ้อฝันในตอนนี้!

“มันยากที่จะอธิบายว่าการเปลียนแปลงจะต้องโหดเหมือนนรกต่อจากนี่ เราจะต้องทำงานจนกว่ากระดูกจะทรุดโทรม มันจะเป็นงานที่น่าสังเวชอย่างแท้จริง แต่พวกคุณต้องเตรียมพร้อมสำหรับมัน”

เฟรย์หยิบกระเป๋าของเขาออกมาและเทของลงบนโต๊ะ

“…!”

“นี่…!”

“ฉันไม่เชื่อเลย…”

พวกเขาไม่สามารถซ่อนความประหลาดใจได้

สิ่งของที่เฟรย์เพิ่งเทออกจากกระเป๋าล้วนเป็นสิ่งประดิษฐ์ที่พวกเขาสูญเสียให้กับเซอร์เคิลอื่นๆ

ไม่...มันไม่ได้มีเพียงสิ่งประดิษฐ์ของพวกเขา

นอกจากนี้ยังมีสิ่งที่พวกเขาไม่เคยเห็นมาก่อน

“ผมจะดูแลส่วนนั้นเอง”

“เหตุผลที่คุณจากไปเมื่อคืน…”

เฟรย์พยักหน้า

“ผมปราบเซอร์เคิลขนาดกลางและเล็กหกเซอร์เคิลในพื้นที่หมดแล้ว พวกเขาจะไม่ลอบกัดหรือเป็นศัตรูกับโทร์วแมนริงส์อีกต่อไป”

จากนั้นเขาก็หันไปที่สิ่งประดิษฐ์

“ผมจะคืนสิ่งประดิษฐ์เหล่านี้ให้พวกคุณ”

“…มีเงื่อนไขสำหรับความช่วยเหลือของคุณหรือไม่?”

เฟรย์ส่ายหัว

“ไม่ นี่เป็นเพียงการชดใช้หนี้คืนเล็กน้อย”

“การชดใช้…พวกเรายังไม่ได้ทำอะไรเพื่อคุณเลยนะ?”

“ถ้าอย่างนั้นก็ถือว่ามันเป็นของขวัญก็แล้วกัน”

"ฮะ?"

“ผมขอพูดให้ชัดเจนอีกครั้ง ผมไม่อยากให้คุณรู้สึกกดดัน มันไม่ใช่เรื่องยากสำหรับผมที่จะทำสิ่งนี้และผมก็ไม่ได้ประโยชน์อะไรมากมายจากสิ่งประดิษฐ์เหล่านี้เช่นกัน”

มันเป็นคำพูดที่หยิ่งผยอง

มีกี่คนในเซอร์เคิลที่สามารถพูดคำเช่นนั้นออกมาได้โดยไม่ลังเล

กระนั้นเฟรย์ยังคงสงบนิ่งเนื่องจากเขาพูดความจริง

ไม่ใช่ว่าเขาโอ้อวดหลังจากภารกิจที่ยากหรือกำลังโกหก

นี่คือความคิดที่แท้จริงของเขา

“…”

เฟรย์พูดอีกครั้งอย่างใจเย็น

“ผมจะให้เวลาพวกคุณคิดเรื่องนี้สักวันหนึ่ง ผมไม่มีเวลาให้เสียไปมากกว่านี้”

“เดี๋ยวก่อน”

เบเนียงหยุดเฟรย์ขณะที่เขากำลังจะลุกขึ้นจากที่นั่งและถามด้วยสีหน้าจริงจัง

“…เฟรย์คุณเข้าใจดีว่าสิ่งที่คุณเพิ่งพูดนั้นยากที่จะเชื่อใช่ไหม?”

"แน่นอน นั่นคือเหตุผลที่ผมให้เวลาพวกคุณจัดการกับความคิดของคุณ”

“…ฉันไม่ต้องการเวลาคิดมากนักหรอกเพียงแค่ตอบคำถามหนึ่งข้อก็พอ”

เบเนียงหายใจเข้าลึกๆก่อนจะมองไปที่เฟรย์ด้วยความมุ่งมั่นในดวงตาของเธอ

“มันจะทำได้จริงหรือ?”

คำถามนั้นดูเหมือนจะมีอารมณ์ทั้งหมดของเธอร่วมเข้าไปด้วย

จากผู้คนทั้งหมดในเซอร์เคิลนี้มีกี่คนที่เชื่อว่าพวกเขาสามารถเอาชนะเดมิก็อดได้อย่างแท้จริง

เบเนียงจำได้ว่าแม้แต่โอเซลพ่อของเธอก็ยังมีสีหน้าวิตกกังวลเล็กน้อยเมื่อใดก็ตามที่เขาพูดถึงพวกเขา

ไม่ใช่แค่โอเซล

แม้แต่ผู้บริหารในเซอร์เคิลก็ต้องมีการแสดงออกที่แย่ลงทุกครั้งที่มีการกล่าวถึงเดมิก็อดรวมถึงเซอร์เคิล

นี่เป็นครั้งแรกที่เธอได้พบกับคนที่สามารถพูดเกี่ยวกับเดมิก็อดด้วยความมุ่งมั่นเช่นนี้

พ่อมดระดับ 7 ที่ยังไปไม่ถึงจุดสูงสุดของเขาเลย

แม้ว่าพวกเขาอาจดูเหมือนเป็นสัตว์ประหลาดในเซอร์เคิลขนาดเล็กและขนาดกลาง แต่พวกเขาเป็นได้แค่ผู้บริหารในเซอร์เคิลใหญ่เท่านั้น

อย่างไรก็ตามมันไม่ได้รู้สึกว่าเฟรย์เป็นกบในกะลาที่ประเมินพลังของตัวเองสูงเกินไป

ใช่ เบเนียงอาจคิดว่าเขาบ้าแต่เธอรู้สึกทึ่งกับสิ่งที่เฟรย์พูดออกมาจริงๆ

เธออยากจะเดินเส้นเดียวกันนั้นกับเขาจริงๆ

มันเหมือนกันสำหรับจิเซลลันและเฟอานน์

ถ้ามันเป็นกลลวงพวกเขาจะสามารถสังเกตเห็นได้ทันที

แต่จะเป็นกลลวงได้อย่างไรในเมื่อแววตาและน้ำเสียงของเขาเต็มไปด้วยความมุ่งมั่นที่ไม่ยอมใครอย่างชัดเจน

“ฉันจะเดิมพันทุกอย่างเพื่อบรรลุเป้าหมาย”

เบเนียงตัดสินใจแล้ว

วันที่การต่อสู้เพื่ออิสรภาพของโทร์วแมนริงส์ได้เริ่มต้นขึ้นอย่างแท้จริง

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด