ตอนที่แล้วตอนที่ 157 อาบิเกลผู้รักษาการนายกรัฐมนตรีไทกีล่า
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 159 ซอมบี้สองล้านตัว

ตอนที่ 158 สถานการณ์ของจีนาส


ตอนที่ 158 สถานการณ์ของจีนาส

ประเทศจีนาส ทางภูมิภาคเหนือ บริเวณเนินเขาแดนเหนืออันเรื่องชื่อที่เต็มไปด้วยทรัพยากรทางธรรมชาติที่หลากหลาย แม้หลังจากวันสิ้นโลกล่มสลาย ซอมบี้อุบัติขึ้นเข่นฆ่าล้างมนุษย์ ทุกอย่างกลายพันธุ์ไม่เว้นแม้แต่เนินเขาแดนเหนือที่กินพื้นที่นับหมื่นกิโลเมตรของประเทศจีนาส

แต่ตอนนี้มันกลับกลายเป็นพื้นที่สนามรบที่เต็มไปด้วยหลุม บ่อ และซากของต้นไม้ที่ไหม้ตาย บ้างหักโค่นลงสภาพไม่เหลือชิ้นดี สัตว์กลายพันธุ์ส่วนใหญ่ตาย จะเหลือแต่สัตว์กลายพันธุ์ที่นิยมกินซาก แต่บางครั้งกินเลือดในสนามรบก็จะดึงดูดฝูงสัตว์นักล่าเข้ามาได้เช่นกัน

เสียงสัญญาณดังขึ้นทหารจีนาสนับพัน ๆ นายเข้าประจำป้อมปืนใหญ่พลังงานแต่ละจุดของตนเอง ปืนใหญ่พลังงานที่ว่านี้ไม่ใช่รุ่น E1 และ E2 แต่มันคือรุ่น E3 ทั้งกระบอกเป็นสีดำเงา ความยาวลำกล้องมากกว่า 10 เมตร

นอกจากทหารที่ประจำที่ปืนใหญ่พลังงานแล้วยังมีทหารราบที่มีอาวุธหนักพร้อมด้วยชุดสูท เกราะรบ M2 นับแสนนายที่คอยนำหน้าทหารอีกกลุ่มที่ติดอาวุธรองลงมือเพราะชุดสูทเกราะรบมีการผลิตที่น้อยเกินไป

แม้จะไม่ใช่ปืนเรียวกันแบบสมาพันธ์นักล่า แต่เป็นปืนที่ใช้กระสุนเจาะเกราะขนาด 300 มม. มันถือว่าเป็นกระสุนขนาดใหญ่ที่เอาไว้จัดการถล่มรถถังโดยเฉพาะ และการที่มันสามารถจัดการรถถังได้พวกเขาจึงใช้มัน เพราะตอนนี้ศัตรูของพวกเขาก็ไม่ต่างจากรถมีชีวิต

ทหารจีนาสที่สวมชุดสูทเกราะรบอยู่สายตาจับจ้องไปด้านหน้ารอคำสั่งการรบขากศูนย์บัญชากลางกองทัพเหนือที่ตั้งอยู่เนินด้านหลังไปประมาณ 20 กิโลเมตร

“กองทัพยักษ์เถื่อนจำนวนสามหมื่นตนเข้ามาในระยะยิงปืนใหญ่ในอีก 1 นาที”

“กำลังเข้ามาในระยะปืนใหญ่อีก 30 วินาที”

“เข้ามาในระยะปืนใหญ่แล้ว สั่งการลงไปยิงได้”

เสียงปืนใหญ่พลังงาน E3 ยิงข้ามหัวทหารทั้งหมดไปตกลงไปหลังเนินที่ห่างไกล แม้พวกทหารที่ยืนจ้องหลังเนินตาไม่กะพริบจะยังมองไม่เห็นยักษ์เถื่อน แต่ก็ได้ยินเสียงร้องคำรามราวกับสัตว์ป่าของพวกมันดังออกมา

ปืนใหญ่พลังงานยังคงยิงอย่างต่อเนื่อง แต่ก็ยังมีช่วงที่เว้นระยะการชาร์จพลังงานอยู่บ้างเป็นบางครั้ง ทำให้มียักษ์เถื่อนที่ฝ่าแนวกระสุนปืนใหญ่ออกมาได้

กองทัพยักษ์เถื่อนทั้งสามหมื่นนายรู้ว่ามันอาจจะต้องตาย แต่อย่างน้อยก็ต้องฆ่ามนุษย์ที่พวกมันเกลียดชังให้หมดสิ้นเผ่าพันธุ์ไปจากโลกใบนี้

“กำลังจะเข้าแนวปะทะส่งพวกเชลยออกไป” เสียงสั่งการดังขึ้น กลุ่มคนนับหมื่นที่ถูกล่ามโซ่ไว้ และที่มือก็มีดาบคนละเล่มถูกทหารที่อยู่ด้านหลังใช้ปืนจี้อยู่และสั่งให้เดินหน้าไป

และนี้ก็คือกองทัพเชลยที่พูดถึงพวกเขาคือคนประเทศอื่น ๆ ที่จับตัวมาได้ บางคนก็อาจจะเป็นคนจีนาสที่ทรยศต่อประเทศตัวเอง พวกเขาคือหน่วยกล้าตาย เป็นตัวล่อที่สมบูรณ์แบบที่ทหารจีนาสมักใช้ในช่วงที่ผ่านมานี้ในการรับมือกับทั้งซอมบี้และยักษ์เถื่อน

กองทัพเชลยรู้ดีว่าถ้าพวกมันวิ่งเข้าหายักษ์เถื่อนที่มัพลังระดับ 3 เป็นอย่างต่ำก็อาจจะตายได้ แต่ถ้าพวกมันไม่ยอมทำตามคำสั่งของทหารจีนาสคือต้องตายอย่างแต่นอน

ไปข้างหน้าอาจจะตาย แต่อยู่ตรงนี้ต้องตายอย่างแน่นอน ดังนั้นเชลยทุกคนต่างพากินวิ่งเข้าหากองทัพยักษ์เถื่อนอย่างไม่คิดชีวิตบางคนถึงกับสวดอธิษฐานไปวิ่งไปด้วย หวังว่าตัวเองจะโชคดีรอดมาได้

แต่แน่นอนว่าพวกเขาก็เป็นเหมือนกับไข่ที่ไปกะเทาะกับหิน ทหารจีนาสมองดูกองเชลยที่ตายไป เหมือนมดที่โดนบี้แบน ยักษ์เถื่อนเองก็ฆ่าไม่สนเช่นกัน แต่ทั้งหมดกลับเข้าแผนการของผู้บัญชาการทัพเหนือของจีนาสสั่งให้ทิ้งระเบิดไฮโดรเจนขนาด 0.5 เมกะตัน เผากองทัพยักษ์เถื่อนทั้งหมดไปพร้อมกับกองกำลังเชลย

บึ้ม!!! เสียงระเบิดดังขึ้นจากนั้นก็ตามด้วยเปลวเพลิงที่ลุกท่วมฟ้ากินพื้นที่ประมาณ 20 กิโลเมตรของสนามรบ ทหารจีนาสต่างพากันถอยกลับมาตั้งหลักหลีกหนีจากเปลวไป

การกระทำของผู้บัญชาการทัพเหนือของจีนาสในครั้งนี้สังหารกองทัพเชลยไปทั้งหมดและยังมีทหารจีนาสที่โดนไปด้วยบางส่วน แต่ที่มากไปกว่านั้นคือยักษ์เถื่อนอีกนับหมื่นตัว

สำหรับพวกเขาแล้ว แลกคนธรรมดานับหมื่นกับยักษ์เถื่อนหนึ่งหมื่นตนถือว่าคุ้มค่ามาก

ทางด้านของฝั่งยักษ์เถื่อนต่างส่งสัญญาณให้ถอนกำลังกลับ อันที่จริงแล้ว การโจมตีครั้งนี้เป็นแค่การหยั่งเชิงของยักเถื่อนเท่านั้น ยักษ์เถื่อนต่างพากันถอนกำลังกลับไปที่อุโมงค์หลักหมายเลข 4 รอบปากหลุมเต็มไปด้วยค่ายของยักษ์เถื่อนที่ขยายตัวออกไปอย่างต่อเนื่อง มียักษ์เถื่อนที่ออกมาจากหลุมอยู่ตลอดเวลา ราวกับว่าสงครามใหญ่กำลังจะเริ่มขึ้น

แต่นี่ยังจัดว่าเป็นส่วนน้อยเมื่อเทียบกับยักษ์เถื่อนที่ทำสงครามกับฝูงซอมบี้ที่ขยายอาณาเขตอยู่ที่ด้านบนสุดอยู่ประเทศมิสทาล

ขณะเดียวกันที่อาคารบัญชาการหลังเนินเขาแดนเหนือ เจ้าหน้าที่นายทหารระดับสูงกำลังประชุมถึงเรื่องสงครามที่เกิดขึ้นในวันนี้

“พวกเราคงจะป้องกันเนินเขาแดนเหนือไปได้อีกไม่นานแล้ว ระเบิดไฮโดรเจนขนาดเล็กที่พวกเราใช้ไปก็เป็นลูกสุดท้ายที่มีอยู่ในคลังแล้ว”

“แล้วลูกอื่น ๆ ก็ไม่สามารถกู้มาได้ส่วนใหญ่ถูกสัตว์กลายพันธุ์ขนาดยักษ์ไม่ทราบชนิดกลืนลงไปจนหมด”

“แจ้งทางเมืองหลวงหรือยัง”

“แจ้งแล้ว พวกทางนั้นบอกให้เราต้านไว้ให้ได้อีกสักสามเดือน ตอนนี้เห็นว่าสามารถยึดไทกีล่าได้แล้ว นั้นจะเป็นทางหนีของเรา”

“บัดซบหนีอีกแล้ว”

“แล้วจะให้ทำไงหรืออยู่รอความตายอยู่ที่นี่ ตอนนี้มีข่าวมาว่าอามิวกัสเองก็ใกล้จะล่มสลายเต็มทีแล้ว ที่นั่นแทบจะกลายเป็นสวนสนุกของสัตว์กลายพันธุ์ มีแม้กระทั่งสัตว์ระดับ 6 ปรากฏออกมา ทางด้านเราซอมบี้จากอามิวกัสกับภาคใต้ของจีนาสก็รวมตัวกันพวกมันมีนับร้อยนับพันล้านตัว ทางด้านตะวันออกก็เป็นทะเลมันคือนรกดี ๆ นี่เอง ดังนั้นทางรอดเดียวก็คือไทกีล่า”

“แล้วจะยังไงต่อเมื่อหนีไปที่นั่นแล้ว”

“ไปที่ไทกีล่าก็แค่เรื่องชั่วคราว เรายังมีของสิ่งนั้นอยู่ขอแค่ได้กุญแจจากเนโคมาเราก็จะสามารถเข้าไปที่นั้นได้ สถานที่นั้นจะต้องมีของที่สามารถทำให้ทุกอย่างกลับมาเป็นเหมือนเดิมได้อย่างแน่นอน พวกเราจีนาสคือประเทศที่เป็นความหวังของมนุษย์”

ทุกคนในที่นี้พอได้ฟังก็พยักหน้าอย่างเห็นด้วยไม่มีใครสงสัยในคำพูดที่จีนาสคือความหวังของมนุษย์ที่จะนำพาทุกคนรอดพ้นการสูญสิ้นเผ่าพันธุ์

“มีอีกเรื่องหนึ่งที่ทางเมืองหลวงจีนาสฝากให้พวกเราจัดการ”

“เรื่องอะไร?”

“เรื่องของกองกำลังก่อการร้ายเนโค เป้าหมายคือพาราพลังงานบริษัทบังหน้าที่รัฐบาลจีนาสเราสนับสนุนอยู่ ตอนนี้มันไล่เก็บคนระดับสูงของพาราซัสไปหลายคนแล้ว ยังมีบุกค่ายแห่งหนึ่งของเราช่วยเชลยไทกีล่าออกไปประมาณร้อยกว่าคน” "แค่ร้อยกว่าคน" "ใช่..แต่ทั้งหมดคือมนุษย์ชั้นสูง"

“ถ้าอย่างนั้นนี่ก็คือโอกาสในการจับตัวเนโคงั้นก็รับปากทางนั้นไปว่าเราจะจัดการให้”

“อืม...ฉันก็หวังว่าเราจะทำสำเร็จ”

หลังจากคุยเรื่องกลยุทธ์กันอยู่อีกสักพักเจ้าหน้าที่ระดับสูงก็แยกย้ายกันไปออกไป

......

ทางด้านไนเรลหลังจากที่แถลงการณ์ก็ผ่านมา 15 วันแล้ว ตอนนี้เขาอยู่ในระหว่างเดินทางกลับมาจากไปเอาต้นผลยกระดับสองสามแห่ง แล้วก็ถือโอกาสออกล่าสัตว์กลายพันธุ์ระดับ 5 ไปด้วย

ที่สำคัญคือเขาได้รับความสามารถใหม่มาอีกอย่างคือความสามารถประเภทกลายร่าง [ปรับเปลี่ยนกลิ่น B] หลังจากรองมันหลายครั้งเขาก็พอสรุปได้ว่ามันคือความสามารถเปลี่ยนแปลงกลิ่นของร่างกาย

“ความสามารถ [ปรับเปลี่ยนกลิ่น B] คงมีประโยชน์ในตอนที่เข้าไปในอาณาเขตของสัตว์กลายพันธุ์ที่ไวต่อกลิ่นเป็นพิเศษ”

ไนเรลก้มลงไปดูเครื่องวัดระดับพลังงานหลังจากกินแก่นพลังงานไปเมื่อสักครู่ ตัวเลขของมันเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องจนกระทั่งหยุดลงที่ 70,960 หน่วย เขายังขาดอีกเกือบสองหมื่นเพื่อข้ามระดับกลางไปที่ขั้นสูง

แต่ในตอนนี้ระดับพลังของเขาถือว่าเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วมาก “แต่มันยังเร็วไม่พอ เพราะตอนนี้ดูเหมือนสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในชีวิตก่อนทุกอย่างเหมือนถูกเร่งให้เร็วขึ้น ราวกับมีใครกำลังเร่งความเร็วของโลกใบนี้”

ไนเรลมองขึ้นไปบนท้องฟ้าที่ตอนนี้ยังคงมืดอยู่ แม้จะมีเมฆที่บดบังและหิมะที่โปรยปรายลงมา แต่เขากับเหมือนยืนอยู่ข้างหน้ามัน สิ่งที่ปกคลุมโลกใบนี้จริง ๆ ระบบนั้นที่เกือบฆ่าเขา

หลังจากออกล่าในตอนกลางคืนจนเช้าเขาก็กลับไปที่เมืองซานติเกีย ภาพที่เห็นตรงหน้าของเขาทุกอย่างกลายเป็นโลกของน้ำแข็ง แม่น้ำแข็งตัวเป็นแผ่นน้ำแข็งหนาแล้ว

มีนักล่าบางส่วนยังคงใช้ชีวิตต่อไปออกล่าสัตว์กลายพันธุ์ระดับต่ำในแม่น้ำโดยพวกเขาเจาะรูบนแผ่นน้ำแข็งจากนั้นก็ใช้เนื้อสัตว์กลายพันธุ์ล่อสัตว์น้ำกลายพันธุ์ขึ้นมาและถึงตอนนั้นก็แค่ช่วยกันฆ่าพวกมัน

ในกลุ่มนักล่ามีหลายคนที่เป็นมนุษย์ชั้นสูง ที่ถึงจะแค่ระดับสีเทาแต่ก็ใจกล้าไม่น้อยที่สู้หนึ่งต่อหนึ่งกับสัตว์กลายพันธุ์ระดับ 2 ดูเหมือนจะเป็นพวกที่ซื้อผลคริสตัลวิวัฒนาการจากสมาพันธ์นักล่า

ต้องบอกว่าตอนนี้สมาพันธ์นักล่าแข็งแกร่งขึ้นมากหลังจากที่มีเมืองย่อยจำนวน 5 เมืองเข้าร่วมด้วย โดยเฉพาะด้านทรัพยากรและจำนวนคน

ภายในเมืองซานติเกียมีคนถึง 3 ล้านคนกลายเป็นเมืองขนาดใหญ่รองจากเมืองหลวงใหม่ของไทกีล่าที่ตอนนี้ผู้คนต่างเรียกมันว่าเมืองของผู้ทรยศที่มีจำนวนประชากรอยู่ที่ 10 ล้านคน แต่จำนวนของคนในเมืองกำลังจะลดลงเรื่อย ๆ

ส่วนหนึ่งก็คือเกิดสงครามกลางเมือง อีกส่วนคือคนไทกีล่าที่ยอมรับการปกครองของพาราซัสไม่ได้เลือกจะหนีออกมาและเดินทางมาที่เมืองซานติเกีย และบางส่วนเลือกจะไปที่เมืองของยักษ์ซึ่งตอนนี้ก็ได้มีชื่ออย่างเป็นทางการว่า “เมืองไทกีล่า”

ไม่รู้คนของรัฐบาลกลางคิดอะไรอยู่ถึงตั้งชื่อนี้ แต่บางทีอาจจะเพราะกลัว สมาพันธ์นักล่ากลายเป็นศูนย์กลางของไทกีล่าไปจริง ๆ พวกเขาจึงคิดจะใช้ชื่อเมืองไทกีล่า สื่อความหมายออกไปตรง ๆ

ไนเรลไม่ได้คิดมากกับเรื่องนี้ แต่คนในสมาพันธ์นักล่าส่วนใหญ่จะมีทั้งขำขันกลับความกลัวของรัฐบาลกลาง แต่ก็มีบางส่วนดูหมินเช่นกัน

หลังจากเรื่องที่มีคนจำนวนมากย้ายเข้ามาแล้ว อีกเรื่องที่เพิ่มขึ้นมาคือด้านการปกครองของสมาพันธุ์นักล่า เริ่มแรกสมาพันธุ์นักล่ามีแค่ไนเรลเป็นประธานสมาพันธ์นักล่า และฝ่ายบริหารที่ช่วยจัดการงานด้านอื่น ๆ ไม่กี่คน แต่เพราะการรวมเข้ามาของ 5 เมืองย่อย ดังนั้นไคโรพ่อของเขาจึงเสนอให้มีการปรับโครงสร้างใหม่ที่ต้องแบ่งกันอย่างชัดเจน

แน่นอนว่าไนเรลก็ไม่ได้คัดค้านอะไร เพราะการทำแบบนี้ก็ช่วยให้เขามีเวลาทำอย่างอื่นมากขึ้น

โดยไนเรลยังคงเป็นประธานสมาพันธ์นักล่าเหมือนเดิมไม่มีใครคิดจะครอบครองตำแหน่งของเขาอย่างแน่นอน ส่วนเอวา ไคโรยังคงเป็นรองประธาน ซึ่งจะช่วยดูภาพรวมทั้งหมดให้แทนไนเรล แต่แม่ของเขา คาร่าเลือกปฏิเสธตำแหน่งในสมาพันธ์นักล่าไป

ทางด้านของเมสันตอนนี้ต้องดูแลทางด้านของฝ่ายผลิตอาวุธและเครื่องจักร ชารอนดูแลเรื่องยาและทุกอย่างที่เกี่ยวข้อง โดยตอนนี้มีคนที่อยู่ภายในศูนย์วิจัยทั้งสองมากกว่า 2000 ชีวิต ซึ่งในนี้ยังรวมจูเรียเข้าไปด้วยแต่เพราะเธอชอบทำอะไรคนเดียวจึงไม่คิดจะต้องการให้ใครช่วย ยกเว้นก็แต่งานที่ต้องให้เธอไปร่วมมือกับเมสัน หรือบางครั้งก็ชารอนที่เธอจะไปเข้าร่วมด้วย

ซึ่งทำให้ด้านเทคโนโลยี ยา อาวุธของสมาพันธ์ก้าวหน้าตามแบบที่ชายหนุ่มหวังไว้มาก โดยเฉพาะปืนใหญ่พลังงานที่ส่วนหนึ่งเขามาจากเมืองย่อยอื่น ๆ และบากส่วนที่ผลิตขึ้นมาทีหลัง แต่ที่ยังช้าอยู่คือปืนเรียวกันวัสดุอย่างโลหะพิภพมีจำกัด เมสันบอกเขาเรื่องนี้หลายครั้งแล้ว ปืนเรียวกันชุดนี้ที่ผลิตได้มีแค่ 2500 กระบอกเท่านั้น จึงได้แต่หยุดการผลิตลงไปก่อน

ส่วนด้านประชากรได้รัฐมนตรีทั้ง 5 ที่มาจาก 5 เมืองย่อยเข้ามาช่วยจัดการเพราะพวกเขามีประสบการณ์อยู่แล้ว แต่ไนเรลก็ไม่ได้ไว้วางใจพวกเขามากนักจึงเสนอให้ดามินและเอียนทั้งสองเข้าไปร่วมด้วย

ในตอนแรกรัฐมนตรีทั้ง 5 ดูจะไม่ชอบการที่ไนเรลส่งเด็กสองคนมาร่วมทีมกับพวกเขา แต่เมื่อเห็นความสามารถของดามินทุกคนจึงได้แต่ยิ้มรับเท่านั้น

ขณะเดียวกันไนเรลก็มาถึงที่สวนหวงห้ามแห่งใหม่อยู่ด้านหลังเมืองซานติเกียและด้านหน้าที่เป็นศูนย์วิจัยขนาดใหญ่ที่รวมสามหัวกะทิของสมาพันธ์ไว้ โดยมีการสร้างกำแพงขนาดกว่า 30 ไร่ มีต้นคริสตัลวิวัฒนาการอยู่ตรงกลางซึ่งก็คือต้นที่เขาถอนมาจากเมืองย่อย 101 และยังมีอีกสองต้นที่ได้มาโดยบังเอิญจากเมืองย่อยแห่งอื่น ๆ

ในตอนแรกไนเรลคิดว่าควรไปบุกปล้นที่เมืองหลวงใหม่เลยหรือไม่ แต่ก็คิดว่าคนของรัฐบาลกลางตอนหนีออกมาคงขนพวกมันมาด้วยหมดแล้วจึงไม่คิดจะไปให้เสียเวลา เพราะตอนนี้ยังไม่ใช่การแก้แค้น เขาต้องรีบเสริมสร้างเมืองซานติเกียให้พร้อมชนกับซอมบี้ที่เมืองหลวงไทกีล่าก่อน

ที่สวนหวงห้ามนี้ไนเรลได้จับสัตว์กลายพันธุ์ระดับ 2-3 ถูกจับมาปล่อยไว้บางส่วน ส่วนหนึ่งเพื่อให้ชารอนวิจัยและอีกส่วนเพื่อเป็นอาหาร เช่นกระต่ายกลายพันธุ์ที่ขยายพันธุ์ได้อย่างรวดเร็ว ซึ่งเป็นพันธุ์เดียวกับที่ไนเรลเคยล่าสมัยค่ายลี้ภัย 101

ไนเรลลงไปที่ด้านล่างมองดูธีโอที่ยังคงกินใบของต้นคริสตัลวิวัฒนาการอย่างสบายใจ ‘มะลิไม่อยู่คงจะไปอยู่กับจูเรียสินะ’

ชารอนที่กำลังสั่งให้เจ้าหนี้ที่เก็บผลคริสตัลวิวัฒนาการและผลยกระดับจากต้นหลักของต้นผลยกระดับ อย่างระมัดระวังก็หันมากล่าวทักทายเขา

“ท่านไนเรล”

………………………………………………….

WITTERRY : ตอนนี้จะมีรายละเอียดเยอะหน่อยนะครับ เดียวใกล้จะถล่มกันเละแล้วครับ คราวนี้ไม่ใช่แค่ฝั่งสมาพันธ์นักล่าแล้ว แต่จะเป็นหลายฝ่ายมาก ๆ เตรียมรับแรงกระแทกกันด้วยการหัวใจให้ไรท์หน่อยครับ

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด