ตอนที่แล้วChapter 33: การเดินทางที่เต็มไปด้วยความยากลำบากและอันตราย
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปChapter 35: หมดเวลาเล่นกับพวกเจ้าแล้ว

Chapter 34: คิดซะว่าเป็นน้ำอมฤตหมดอายุ


พอเห็นเป้าหมายที่ผุดขึ้นมาในหัว เฉินเฉินก็เรียกความมั่นใจกลับมาได้ในทันที และสีหน้าที่เคร่งเครียดและหดหู่ก็เริ่มผ่อนคลายตามไปด้วย

“น้องชาย ข้ารู้สึกได้ว่ามีบางสิ่งที่ยิ่งใหญ่อยู่แถวนี้ เจ้าอยากจะไปผจญภัยกับข้าไหม?”

เฉินเฉินมองจางจีด้วยรอยยิ้ม ตอนแรกเขากลัวว่าพวกเขาจะไม่เจออะไรหลังจากที่ค้นหา ซึ่งแบบนั้นคงจะน่าอึดอัดจริง ๆ แต่โชคดีที่เรื่องแบบนั้นไม่เกิดขึ้น

“แน่นอนอยู่แล้วครับ!” จางจีเห็นด้วยในทันที และมีสีหน้าที่มุ่งมั่น

เขาคงจะไม่มีความไม่พอใจเลยสักนิด ต่อให้เขาต้องไปลุยทะเลเพลิงหรือคลื่นลูกยักษ์เพื่อเฉินเฉิน ดังนั้นไม่ต้องพูดถึงการล่าสมบัติเลย

“เยี่ยมเลย! ถ้างั้นก็ตามข้ามา!”

หลังจากที่พูดจบ เฉินเฉินก็ขี่ม้าไปยังทิศทางนึง ในขณะที่จางจีตามหลังเขาไปติด ๆ

หลังจากแจ้งคนที่เหลือในกลุ่ม พวกเขาทั้งสองคนก็หายเข้าไปในป่า

ครู่ต่อมา

เฉินเฉินก็มาถึงพุ่มไม้พุ่มหนึ่ง แล้วโดยไม่พูดอะไร เขาก็เริ่มขุดหน้าดินโดยใช้พลั่วเหล็กที่เขาเตรียมมาล่วงหน้า หลังจากที่ขุดลึกลงไปได้หนึ่งเมตร ในที่สุดเขาก็เห็นสิ่งที่เรียกว่า ‘ชิ้นส่วนสมบัติ’

“พี่เฉิน นี่คือสมบัติที่พี่พูดถึงหรอครับ?” จางจีถามด้วยสีหน้าตกตะลึงกับปลายดาบสนิมเขรอะที่เฉินเฉินถืออยู่ในมือ

“ใช่ ข้าสัมผัสได้ถึงพลังปราณจากเจ้าสิ่งนี้มาตั้งแต่ไกลแล้ว นี่เป็นของที่โดดเด่นเลยหล่ะ!”

เฉินเฉินแสดงสีหน้าจริงจัง แต่ลึกในใจนั้น เขาไม่มีความมั่นใจเลย เจ้าสิ่งที่อยู่ในมือนี้ไม่ต่างอะไรจากเศษเหล็ก และมันก็ไม่ตอบสนองอะไรเลยหลังจากที่เขาถ่ายพลังปราณเข้าไป

เจ้าสิ่งนี้สามารถยับยั้งอสูรและความชั่วร้ายได้จริง ๆหรอ?”

แม้จะมีความสงสัยอยู่ แต่เขาก็ต้องทำเป็นเหมือนกับว่าเขาเจอสมบัติที่มีค่ากับจางจีที่กำลังตกตะลึง ซึ่งคอยมองอยู่ข้าง ๆ

“ไปกันเถอะ พวกเราจะไปยังจุดหมายต่อไป”

หลังจากเก็บชิ้นส่วนเรียบร้อยแล้ว เฉินเฉินก็รีบไปยังจุดหมายต่อไปด้วยกันกับจางจี ครั้งนี้ พวกเขาเดินทางเป็นเวลาครึ่งชั่วโมงก่อนที่จะมาถึงจุดหมาย

ที่นี่ในตอนที่เฉินเฉินกำลังจะเริ่มขุด จางจีก็คว้าพลั่วจากมือเขา

“พี่เฉิน ปล่อยงานใช้แรงงานแบบนี้ให้ข้าจัดการเองเถอะครับ!”

พอได้ฟังคำพูดของจางจี เฉินเฉินก็ไม่ได้ปฏิเสธ จากนั้นเขาก็ตอบด้วยท่าทีจริงจัง “น้องเล็ก ครั้งนี้พวกเราต้องขุดลึกลงไปหกเมตร!”

ในตอนที่เขาได้ยินคำว่า ‘หกเมตร’ สีหน้าของจางจีก็ดูกระอักกระอ่วน จากนั้นเขาก็ส่งพลั่วคืนให้เฉินเฉิน

เขาเป็นแค่คนธรรมดา เขาต้องใช้เวลาทั้งวันในการขุดดินลึกลงไปหกเมตร

“พี่เฉิน ข้าคงจะไร้ประโยชน์สินะครับ?”

ในขณะที่เขามองเฉินเฉินขุดดินเหมือนกับตัวมาร์มอต จางจีก็ถามออกมาด้วยความรู้สึกดูถูกดูแคลนตัวเอง

ไม่นานนัก เสียงของเฉินเฉินก็ดังมาจากใต้ดิน

“จางจี เมื่อเจ้าเข้าสู่หนทางแห่งการฝึกตนเจ้าจะสามารถช่วยข้าได้อย่างแน่นอน! แล้วก็ ข้าไม่อยากเรียกเจ้าว่าน้องชายอีกแล้ว มันห่างเหินเกินไป เจ้าเองก็ควรหยุดเรียกข้าว่าพี่เฉินเหมือนกัน แค่เฉินเฉินก็พอแล้ว”

“เฉินเฉิน....” จางจีพึมพำเบา ๆ แต่เขาก็ส่ายหัวในทันที

เขาจะกล้าเรียกพี่ใหญ่ด้วยชื่อเฉย ๆได้ยังไงกัน! แบบนั้นมันดูไม่มีความเคารพเอาซะเลย!

หลังจากครุ่นคิดอยู่พักนึง จางจีก็ตะโกนเรียกเฉินเฉินที่อยู่ในหลุม “พี่เฉิน ถ้าพี่รู้สึกว่ามันห่างเหิน นับจากนี้ไปข้าเรียกท่านว่าพี่ใหญ่เป็นยังไงครับ?”

“ตามใจเถอะ!”

ในตอนที่เฉินเฉินพูดจบ เขาก็ปีนขึ้นมาจากหลุม ครั้งนี้ ตัวเขาเปื้อนดินไปหมด และไม่มีภาพลักษณ์ของผู้ดีอีกแล้ว อย่างไรก็ตาม มีชิ้นไม้ยาวหนึ่งเมตรอยู่ในมือของเขา ซึ่งกำลังเปล่งแสงสลัวออกมา

“พี่เฉิน....พี่ใหญ่ นี่มันคือสมบัติอะไรหรอครับ?” จางจีถามอย่างสงสัย

เมื่อเทียบกับเศษเหล็กสนิมเขรอะก่อนหน้านี้ที่เขาขุดขึ้นมา ไม้ชิ้นนี้ดูเหมือนกับสมบัติอย่างเห็นได้ชัดเพราะมันเปล่งแสงที่ไม่เหมือนกับไม้ธรรมดาออกมา

เฉินเฉินรู้สึกตื่นเต้นในขณะที่เขามองไม้ควบคุมมังกรในมือของเขา ไม้วิเศษชิ้นนี้คือสมบัติแห่งการฝึกตนอย่างแท้จริง นอกจากผลไม้ที่เขากินเข้าไปที่ผาลมทมิฬ ไม้ควบคุมมังกรชิ้นนี้น่าจะเป็นของมีค่ามากที่สุดที่เขาได้รับตั้งแต่อยู่มาจนถึงตอนนี้

“เจ้าสิ่งนี้เรียกว่าไม้ควบคุมมังกร มันคือสมบัติโลกที่ได้รับการหล่อเลี้ยงจากแก่นแท้ของสายเลือดมังกรที่อยู่ใต้ดิน ถ้าเซียนที่แข็งแกร่งมาเจอสิ่งนี้ พวกเขาก็น่าจะอยากยึดมันมาใช้เอง”

เฉินเฉินอธิบายของชิ้นนี้ อย่างไรก็ตาม มันคือระบบต่างหากหล่ะที่ให้ข้อมูลกับเขาเกี่ยวกับไม้ควบคุมมังกร แม้ว่าเขาจะไม่ค่อยเข้าใจ แต่เขารู้ว่ามันเป็นของที่ยอดเยี่ยม

“พี่ใหญ่ พี่กำลังบอกคุณค่าของสมบัติชิ้นนี้ให้ข้าฟัง แต่พี่ไม่กลัวว่าข้าจะเอาไปบอกคนอื่นหรอครับ?”

ในตอนที่เขาฟังคำอธิบายจบ สีหน้าของจางจีก็ดูซับซ้อนขึ้นมา

พอได้ฟังการตอบสนองของจางจี เฉินเฉินก็ตบไหล่ของเขาแล้วพูด “พวกเราเป็นพี่น้องกัน พวกเราก็ต้องเชื่อใจกันสิ”

“พี่ใหญ่! พี่จะเป็นพี่ใหญ่ของข้าไปชั่วนิรันดร์!”

“เอาเถอะ ข้ามเรื่องไร้สาระไปซะ แล้วตามข้าไปยังจุดหมายต่อไปกันได้แล้ว”

สามชั่วโมงต่อมา

เฉินเฉินกับจางจีได้มาถึงจุดหมายสุดท้าย

มันคือถ้ำที่ทั้งเงียบและลึกมาก แค่ลักษณะภายนอกของมันอย่างเดียว ก็คงไม่มีใครมองเห็นร่องรอยกิจกรรมที่คนอื่นเคยทิ้งไว้ในอดีตแล้ว

อย่างไรก็ตาม เฉินเฉินมองเห็นประโยคที่เขียนเอาไว้ลาง ๆบนกำแพงหินของถ้ำที่เต็มไปด้วยตะไคร่สีเขียว

“ถ้ำสวรรค์ใบไม้ผลิร่วงโรย”

เห็นได้ชัดเลยว่ามันเคยเป็นถ้ำของเซียนมาก่อน แต่มีบางอย่างเกิดขึ้นและมันก็ถูกทิ้งล้างไปในที่สุด

แค่จากลักษณะของมันเพียงอย่างเดียว มันคงจะถูกทิ้งล้างมาหลายพันปีแล้ว ถ้าเฉินเฉินไม่มาเจอมัน ถ้ำสวรรค์นี้ก็อาจจะถูกทิ้งร้างจนสิ้นเวลาของมันไปก็ได้

“พี่ใหญ่ สัมผัสพลังปราณของพี่เฉียบคมถึงขนาดที่ตรวจหาสมบัติได้ไกลถึงเพียงนี้ เซียนทุกคนยอดเยี่ยมเหมือนกับพี่รึเปล่าครับ?”

การได้เห็นพลังของเฉินเฉินนั้น จางจีก็ยิ่งอิจฉาเขา

เมื่อไหร่เขาจะได้ทักษะที่ทำให้เขาออกล่าสมบัติได้ทุกที่นะ?

พอได้ฟังความคิดเห็นจากจางจี เฉินเฉินก็ยิ้มเจื่อน ๆแล้วตอบกลับ “ไม่ใช่แบบนั้นหรอก มันก็แค่เพราะพรสวรรค์บางอย่างที่ข้าได้มาหลังจากที่เริ่มฝึกตน ซึ่งทำให้สัมผัสถึงแรงสั่นสะเทือนของสมบัติได้ดีเป็นพิเศษ แต่ไม่จำเป็นที่เจ้าจะต้องท้อแท้หรอกนะ เมื่อเจ้าเข้าสู่หนทางแห่งการฝึกตน เจ้าก็น่าจะได้พรสวรรค์พิเศษบางอย่างเหมือนกัน”

หรือว่าจริง ๆแล้วมันจะไม่มีพรสวรรค์พิเศษอะไรเลย? ถ้าไม่มีอะไรจริง ๆ เฉินเฉินก็ยังคงสรรหาพรสวรรค์มามอบให้เขาได้

จางจีตามเฉินเฉินเข้าไปในถ้ำด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความคาดหวัง

ตอนนี้ข้างในถ้ำนั้นถูกปกคลุมด้วยเถาวัลย์และไม้เลื้อย ประวัติศาสตร์ในอดีตของมันไม่มีอยู่ให้พบเห็นเลย

ในตอนที่พวกเขาไปถึงตำแหน่งที่ระบบบอก ในที่สุดเฉินเฉินก็สามารถมองโครงร่างของโถงถ้ำที่อยู่รอบ ๆได้

ตามกำแพงของโถงถ้ำคือชั้นหนังสือที่พังไปครึ่งนึง ซึ่งมีหนังสือจัดเรียงเอาไว้อยู่ค่อนข้างมาก หนังสือบางเล่มตกลงมากองอยู่บนพื้นและมีบางส่วนที่โดนตะไคร่กิน

“จางจี ลองไปค้นหาดูรอบๆ แล้วดูว่ามีหนังสือที่มีประโยชน์ไหม”

โถงถ้ำแห่งนี้มีหนังสือเก็บเอาไว้เกือบหนึ่งร้อยเล่ม ดังนั้นเฉินเฉินจึงไม่ลังเลที่จะขอความช่วยเหลือจากจางจี

หนังสือที่กระจัดกระจายอยู่อาจไม่มีความสำคัญกับเจ้าของถ้ำคนก่อน แต่สำหรับผู้ฝึกตนมือใหม่อย่างเขาพวกมันเต็มไปด้วยความรู้ที่มีคุณค่ามาก ๆ

“ได้เลยครับ! พี่ใหญ่!” เมื่อเห็นว่าในที่สุดเขาก็มีประโยชน์ จางจีจึงเริ่มไล่ดูหนังสือด้วยความตั้งใจในทันที

“พี่ใหญ่ มันคือชุดคู่มือการทำน้ำอมฤตระดับต่ำ พี่อยากได้ไหมครับ?”

“อา เก็บมาเลย!”

“แล้วเกี่ยวกับวิชาดาบเกงจินหล่ะครับ?”

“เอาสิ!”

“แล้วการแปลงน้ำสวรรค์เป็นสายฝนหล่ะครับ?”

“เอา!”

“บันทึกเรื่องราวความรักของเซียนหลิงหลัวหล่ะครับ?”

“...ช่างมันเถอะ เอามาให้หมดนั่นแหล่ะ”

ในที่สุดหลังจากค้นหาหนังสือมามากมาย เฉินเฉินก็ได้เจอ ‘การไถ่โทษอสูรขั้นพื้นฐาน’ ที่เขาตามหามานาน และหมดความสนใจในการค้นหาหนังสือเล่มอื่น ๆ ในทันที

พูดตามตรง หนังสือแต่ละเล่มนั้นมีความล้ำค่าในตัวของมันเอง มันไม่สำคัญว่าจะมีพวกมันเกือบร้อยเล่ม ถึงยังไงเขาก็เป็นผู้ฝึกตน เขาจะไม่สามารถจดจำพวกมันทั้งหมดได้เลยหรอ?

“เรียบร้อย” ในขณะที่จางจีพูด เขาก็ถอดฮู้ดคลุมที่เขาสวมออกแล้วจัดเก็บหนังสือทั้งหมด

ในตอนนั้นเอง สายตาของเขาก็เลื่อนไปเห็นอะไรบางอย่างบนชั้นหนังสือ

“พี่ใหญ่มาดูนี่สิครับ มันคืออะไรหรอ?”

เฉินเฉินมองตามแล้วได้เห็นกล่องไม้หรูหรากล่องนึงวางเอาไว้บนสุดของชั้นหนังสือ แม้ว่าจะผ่านเวลามาเนิ่นนานขนาดนี้ มันก็ไม่มีร่องรอยบุบสลายเลยนอกจากเปื้อนฝุ่นนิดหน่อย

“นั่นมันของดีนี่”

ความคิดนึงผุดขึ้นมาในหัวของเฉินเฉิน เขาออกแรงกระโดดเล็กน้อยแล้วคว้ากล่องไม้มา

จากนั้นเขาก็เปิดมันแล้วเจอน้ำอมฤตขนาดเท่าลำไยสองขวด แม้จะอยู่มาจนถึงวันนี้ พวกมันก็ยังเต็มไปด้วยกลิ่นอายของพลังเซียนอย่างหนาแน่น

“ระบบ อะไรคือของที่มีค่าที่สุดในระยะยี่สิบเมตร? นอกจากตัวเจ้า!”

“ท่านเจ้าของ มีน้ำอมฤตขั้นสร้างรากฐานที่หมดอายุแล้วสองขวดค่ะ แม้ว่าพวกมันจะไม่ได้มีคุณภาพดังเดิม แต่คนทั่วไปและเซียนที่อยู่ขั้นฝึกพลังปราณสามารถเสริมพลังเซียนได้เล็กน้อยด้วยการดื่มพวกมัน”

“ชิ หมดอายุรึเปล่าไม่สำคัญหรอก ข้าไม่สน” พอได้ฟังคำอธิบายของระบบ เฉินเฉินก็หยิบขึ้นมาขวดนึงแล้วดื่มเข้าไป

ทันใดนั้นเอง คลื่นพลังเซียนหน้าแน่นก็กระจายไปทั่วแขนขาและกระดูกของเขา

“พี่ใหญ่ นี่มันคืออะไรหรอครับ? มันมีพิษรึเปล่า?” จางจีถามด้วยความงุนงง

“คิดซะว่ามันคืออาหารหมดอายุก็แล้วกัน!” เฉินเฉินตอบกลับ แต่ก่อนที่จางจีจะได้ตอบสนอง เขาก็กรอกอีกขวดเข้าไปในปากของจางจี

ในระหว่างนั้น กลับไปที่ทางเดิม คนหลายสิบคนที่ขี่ม้าตัวสูงสง่ากำลังล้อมรถม้าที่พวกเขาจอดอยู่

ในส่วนของคนขี่ม้าสามคนและคนคุ้มกันสองคนของจางจี พวกเขากำลังตัวสั่นด้วยความกลัวอยู่ท่ามกลางฝูงชน

“ในที่สุดพวกข้าก็ตามพวกเจ้าท่าน! ข้าถามหน่อย พวกเจ้าเป็นคนฆ่านายน้อยของพวกข้าไปใช่ไหม!” คนที่น่าจะเป็นหัวหน้าถามด้วยน้ำเสียงกระโชกโฮกฮาก สายตาของเขาเต็มไปด้วยจิตสังหาร

นายน้อยที่พวกเขามีหน้าที่คุ้มกันได้ตายไปอย่างกะทันหัน ถ้าพวกเขาไม่สามารถหาตัวฆาตรกรได้ พวกเขาจะกลับไปรายงานภารกิจได้ยังไง?

ก่อนหน้านี้ กลุ่มของเฉินเฉินได้รีบออกไปด้วยความเร่งรีบก่อนที่ดวงอาทิตย์จะขึ้นเต็มที่ซะอีก ดังนั้นในมุมมองของกลุ่มคนที่ตามมานั้น รถม้าพวกนี้จึงน่าสงสัยมากที่สุด

ด้วยความสงสัย พวกเขาจึงไล่ตามรถม้ามาเรื่อย ๆ จนพึ่งจะไล่ตามทัน

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด