ตอนที่แล้วChapter 45: เจ้าชายกำลังกลับบ้าน – 2 (ส่วนที่1)
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปChapter 47: เจ้าชายกำลังกลับบ้าน – 3 (ส่วนที่1)

Chapter 46: เจ้าชายกำลังกลับบ้าน – 2 (ส่วนที่2)


กริลก้าวข้ามความหงุดหงิดและตกใจแทน “ท่านหมายความว่า พระราชวัง ‘แห่งนั้น’ เหรอครับ?!

“ฉันได้รับการแจ้งมาว่าเจ้าได้เป็นตัวช่วยที่สำคัญต่อเจ้าชายเมื่อตอนที่เขาล่าเคานต์แวมไพร์ลง รวมทั้งในเหตุการณ์แม่มดมอร์กาน่าก่อนหน้านี้ก็ด้วยเช่นกัน เมื่อเจ้าเป็นตัวแทนของประชาชนของจักรวรรดิ มันจึงเป็นเรื่องที่ถูกต้องที่ความสำเร็จของเจ้าจะได้รับการยอมรับ”

“นั่นไม่ใช่เลยครับ! ผมไม่ได้ทำอะไรยิ่งใหญ่แบบนั้นเลย!”

การปฏิเสธของกริลทำให้ฮาร์แมนส่ายหัว

เขาพูดได้ยังไงว่าเขาไม่ได้ทำอะไรเลย

เมื่อตัดสินถึงเหตุการณ์ก่อนหน้านี้ ชาวนาไปต่อสู้กับซอมบี้กว่าสามสิบตัว รวมทั้งราชาแห่งความตะกละ เขายังจัดการทำให้แม่มดมอร์กาน่าจนมุมอีกด้วย และจากคำกล่าวของเจ้าชายแล้ว ชาวนาคนนี้ได้ป้องกันต่อลมหายใจของแวมไพร์ด้วยโล่โลหะธรรมดาอีกด้วย

เรื่องราวที่เกิดขึ้นมันดูดีเกินกว่าจะเป็นเรื่องจริง

‘ไม่เพียงแค่นั้น ลูกสาวของเขายังพิเศษอีกด้วย’

ชาร์ลอตต์เธอนั้นรู้วิชาดาบราชวงศ์ ไม่ต้องสงสัยเลยว่ากริลคืออัศวินผู้คุมครองที่ถูกส่งมาโดยขุนนางที่ยังยืนยันตัวไม่ได้ เพื่อปกป้องเจ้าชาย

ถ้ามันเป็นการทำด้วยเจตนาที่ดีแล้ว มันคงจะเป็นเรื่องที่ดีอยู่แล้วละ ถ้ามันไม่ได้เป็นแบบนั้นแล้วมันเป็นหน้าที่ของฮาร์แมนที่จะต้องคอยหยุดเขาไว้ ยังไงก็ตาม กริลจะต้องถูกพาไปยังพระราชวัง

ชาร์ลอตต์เหลือบตามองระหว่างฮาร์แมนและกริล มันมีท่าทางที่อึดอัดใจปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเธอ เธอบอกได้เลยว่ากริลคงรู้สึกลำบากใจกับเรื่องที่เกิดขึ้น

“...ขอโทษนะคะ ลุงกริล? ฉันถามหน่อยได้ไหม?”

ดังนั้นเธอจึงตัดสินใจที่จะพูดขัดขึ้นมา หวังว่าเธอจะช่วยเขาได้สักอย่าง

“อื้ม อ๋า นั่นมัน...?” กริลเกาหัวเบาๆหลังจากที่เห็นเอกสารเก่าแก่ที่เธอถืออยู่ “เจ้าสิ่งนี้ปรากฏขึ้น ในตอนที่พวกเราจัดการกับศพที่อยู่ในปราสาทโรเนีย คุณฮานส์ได้มอบมันมาให้กับฉันและฉันพบว่ามันสามารถที่จะทำเงินกับฉันได้บ้าง ฉันจึงเอามันกลับมาที่บ้าน ถึงแม้ว่าฉันจะไม่รู้รายละเอียดเกี่ยวกับมันก็ตาม”

“...ท่านไม่ควรทำแบบนั้นนะลุงกริล ถ้าลุงใช้ของที่มาจากอันเดทที่ลุงจัดการได้อย่างไม่ระมัดระวังแล้ว มันสามารถที่จะทำให้ลุงโดนคำสาปอันทรงพลังได้”

ฮ่าๆๆ ท่านคิดแบบนั้นหรอกเหรอ? คุณก็รู้ว่าฉันไม่รู้ว่ามันคืออะไร ฉันเลยตัดสินใจที่จะเอามันไปแสดงให้เจ้าชายดูและให้เขาตรวจสอบมันทีหลัง”

สิ่งที่ชาร์ลอตต์พูดก็เกิดขึ้นอย่างบ่อยครั้ง ไอเทมที่ซอมบี้หรือโครงกระดูกเคยใช้ตอนยังมีชีวิตอยู่นั้นหล่นลงมาบนพื้นอยู่บ่อยครั้ง หลังจากที่พวกมันถูกจัดการ และพวกมันส่วนใหญ่จะถูกชาวบ้านหรือนักเดินทางหยิบพวกมันขึ้นมา

ยังไงก็ตาม ส่วนใหญ่แล้วของที่หล่นลงมาต่างเป็นของธรรมดาสามัญทั่วไป แต่ในบางกรณีแล้ว ของที่หล่นลงมาเหล่านั้นก็อาจจะต้องคำสาปบ้าง

ชาร์ลอตต์ขมวดคิ้วเมื่อเธอจ้องไปที่กระดาษอีกครั้งหนึ่ง โชคยังดีที่มันดูไม่เหมือนไอเทมต้องคำสาป เธออ่านตัวอักษรขนาดใหญ่ที่ยังพออ่านได้บนกระดาษ “เคานต์ เฮ...เฮรา...เฮราย...?”

คิ้วของฮาร์แมนขมวดแน่น เมื่อเขาได้ยินเสียงของชาร์ลอตต์ เขารีบเดินไปหาเธอและมองกระดาษในมือของเธอ

เจ้ากระดาษแผ่นนี้มันเหมือนจะถูกทิ้งลืมไว้เป็นเวลานานแล้ว มันยังเป็นกระดาษที่มีเครื่องหมายยืนยันอีก ซึ่งมันเป็นตราประทับทางการขององค์จักรพรรดิ ซึ่งมันแสดงให้เห็นว่าคนที่เป็นเจ้าของกระดาษแผ่นนี้คือขุนนาง

และการยืนยันนี้ มันเป็นของ…

“ฮ่าๆๆ มันไม่มีอะไรต้องกังวลไปหรอก เดี๋ยวนะ …ท่านอาจจะต้องหิวแล้วใช่ไหม ท่านฮาร์แมน เพื่อนบ้านของผมให้ขนมปังสดใหม่มาละ พวกเราไปกินกันไหมครับ...?”

กริลพยายามอย่างมากในการเอากระดาษแผ่นนั้นไปซ่อน

‘อุ๊ปส์ ฉันไม่ควรที่จะอวดของที่ฉันได้มาจากศพต่อหน้าพาลาดินเลย’

ฮาร์แมนมองภาพที่เกิดขึ้น ในขณะที่ยังคงยืนอยู่อย่างมึนงง สีหน้าของเขาดูงุนงง

‘ตระกูล….เฮรายส์?’

มันเป็นตระกูลขุนนางที่มีชื่อในการใช้ดาบ พวกเขาต่างเป็นผู้รับใช้ที่ซื่อสัตย์ต่อจักรวรรดิทีโอเครติค

ตระกูลนี้มีหน้าที่รับผิดชอบดินแดนวิญญาณแห่งความตายเมื่อห้าสิบปีที่แล้วอีกด้วยเช่นกัน แต่เป็นเรื่องที่น่าเศร้าที่ตระกูลของเขาทั้งตระกูลถูกสังหารอย่างโหดเหี้ยมในยามที่ต่อสู้กันกับราชาเนโครแมนเซอร์เอม่อน พวกเขาเกือบจะกลายเป็นตระกูลที่ถูกหลงลืมไปตามประวัติศาสตร์

ฮาร์แมนจ้องไปที่ชาร์ลอตต์และกริลอย่างสับสน

“มีอะไรเหรอ...?”

“...?”

ชาวนาและ ‘แม่ชี’ ต่างเอียงคออย่างสงสัย

‘ฉันเข้าใจแล้ว...มันเป็นแบบนี้สินะ’

ฮาร์แมนนวดไปที่ใบหน้าของตัวเอง

ทั้งสองคน....พวกเขาไม่ได้เป็นใครอื่นนอกจากผู้รอดชีวิตที่เหลือรอดของสายเลือดเฮรายส์ พวกเขาต่างเป็นลูกหลานที่แท้จริง พวกเขาคือตระกูลชนชั้นสูงที่เป็นที่ลึกลับที่คอยสนับสนุนองค์ชายที่เจ็ดอย่างงั้นสินะ?

ทุกสิ่งทุกอย่างดูสมเหตุสมผลแล้ว

กริลได้ซ่อนตัวตนที่แท้จริงของเขาไว้แล้วและในขณะที่อาศัยอยู่ในดินแดนวิญญาณแห่งความตาย เขาได้ยึดมั่นในหน้าที่และปกป้องดินแดนทางเหนือ ในเวลาเดียวกันลูกสาวของเขาได้คอยสนับสนุนและรับใช้เจ้าชายอยู่เคียงข้าง

แม้ว่าจะถูกหลงลืมไปและเวลากว่าห้าสิบปีก็ได้ผ่านไป ความภักดีของพวกเขาต่อองค์จักรพรรดิและครอบครัวของเขายังคงดีจนถึงตอนนี้

‘องค์จักรพรรดิจะมีความสุขขนาดไหนถ้าเขาพบเจอกับลูกหลานของตระกูลเฮรายส์’

ไม่ต้องสงสัยเลยว่าองค์จักรพรรดิคงจะมอบรางวัลชั้นยอดให้กับพวกเขา

ยังไงก็ตาม นี่ไม่ใช่การตัดสินใจที่ฮาร์แมนจะสามารถตัดสินได้ด้วยตัวของเขาเอง

‘มันจะต้องมีเหตุผลสำหรับพวกเขาที่ซ่อนตัวตนที่แท้จริงไว้’

มันคงจะเป็นเรื่องที่เปล่าประโยชน์มากเกินไปที่จะทำให้โลกนี้ลืมเกี่ยวกับครอบครัวนี้ไป

ยังไงก็ตาม กริลได้ซ่อนตัวตนที่แท้จริงของเขาไว้เป็นความลับ มันอาจจะมีโอกาสที่ว่าทำไมเขาถึงไม่ได้แสดงตัวคอยสนับสนุนองค์ชายที่เจ็ดอย่างเปิดเผย เมื่อเขาต้องการที่จะทำตามหน้าที่ของตระกูลเขาในช่วงของเขา

แม้ว่าจะเป็นแบบนั้นก็ตาม…

สายตาของฮาร์แมนเหลือบไปมองชาร์ลอตต์

…เธอยังคงปรารถนาที่จะสนับสนุนเจ้าชายอยู่ดี

เพียงแค่ความจริงนี้มันก็มากพอที่จะทำให้ตระกูลนี้เป็นที่รู้จักแล้ว

ฮาร์แมนทำลายความเงียบนี้ลง “ผมจะเขียนจดหมายแนะนำครับ”

“หือ?”

“ผมว่าท่านส่งลูกสาวไปยังพระราชวังดีไหม?”

กริลอ้าปากค้าง “โอ้...พระเจ้า! ให้เธอเป็นสาวรับใช้ที่ทำงานในพระราชวังงั้นเหรอครับ?”

ฮาร์แมนส่ายหัว “ไม่ครับ ผมต้องการให้เธอเข้าร่วมกับพวกเรา เป็นอัศวิน... ไม่สิ เป็นพาลาดินต่างหาก”

“เดี๋ยวนะ?!”

“ผมจะไปแจ้งองค์จักรพรรดิและให้เขามอบตำแหน่งที่เหมาะสมกับเธอ ถ้าท่านปรารถนาอย่างอื่นแล้ว ผมสามารถที่จะเขียนจดหมายแนะนำไปยังสถาบันการเรียนได้อีกด้วย”

มันไม่น่าจะมีข้อติดขัดอะไร พวกเขาต่างมาจากตระกูลขุนนางที่ล่มสลายไป สุดท้ายแล้วพวกเขาก็ไม่ได้เป็นแค่ประชาชนธรรมดาทั่วไปตั้งแต่ต้น ขุนนางคนอื่นคงจะไม่มีข้อขัดแย้งอะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้

ฮาร์แมนพูดต่อ “เป็นยังไงครับ?”

กริลลืมไปเลยว่าเขาต้องการที่จะพูดอะไร เขาจ้องไปที่ชาร์ลอตต์ ปากของเขาเผยอขึ้นลง ซึ่งมันเป็นผลมาจากความตกใจ แต่จากมุมมองของฮาร์แมนแล้ว ‘ชาวนา’ คนนี้กำลังรอคอยความเห็นจากลูกสาวของเขาต่างหาก

ด้วยความคิดในหัวนี้ เขามองไปที่ชาร์ลอตต์และถามเธอ “เจ้าคิดว่ายังไง? ถ้าเจ้าปรารถนาแล้ว วิชาดาบราชวงศ์จะถูกสอนที่เจ้าอย่างถูกวิธี มันหมายความว่าเจ้าจะกลายเป็นคนที่คอยสนับสนุนเจ้าชายได้เป็นอย่างดี”

“...!”

คำพูดของเขาทำให้ตาของเธอโตขึ้น “ฉันจะสามารถช่วยเจ้าชายได้ดีหรอคะ?”

“แน่นอน เจ้าจะได้รับมอบตำแหน่งพาลาดิน อีกอย่างหนึ่ง ถ้าเจ้าต้องการ….” ฮาร์แมนหยีตา “...ฉันสามารถที่จะซ่อนตัวตนที่แท้จริงของเจ้าและแสร้งให้เจ้ากลายเป็นแค่แม่ชีธรรมดาทั่วไปหรืออาจจะเป็นสาวรับใช้ ฉันจะช่วยสนับสนุนเจ้าเอง ดังนั้นเจ้าสามารถที่จะสนับสนุนและปกป้องเจ้าชายเคียงข้างเขาได้”

คำพูดเหล่านั้นทำให้ความลังเลของชาร์ลอตต์หมดลง เธอพยักหน้าและตอบกลับ “อย่างไรก็ตาม ฉันต้องการที่จะอยู่เคียงข้างเจ้าชายค่ะ”

มันเหมือนกับว่าเธอไม่ยินยอมที่จะไปยังพระราชวังโดยไม่มีเจ้าชายไปเคียงข้างกับเธอ

ฮาร์แมนตอบกลับ “แน่นอน ผมวางแผนที่จะคุ้มกันเจ้าชายกลับไปยังปราสาท ไม่ว่าจะยังไงก็ตาม ดังนั้นเจ้าไม่ต้องกลัวเลย”

ชาร์ลอตต์มีสีหน้าที่ลำบากใจเล็กน้อย เมื่อเธอได้ยินที่ฮาร์แมนพูด บทสนทนาของพวกเธอทำไมมันถึงจบแบบนี้กัน?

ฮาร์แมนพยักหน้า เขาดูมุ่งมั่นมากยิ่งกว่าเดิม เขามีเหตุผลเพิ่มอีกหนึ่งเหตุผล สำหรับการคุ้มกันเจ้าชายไปยังเมืองหลวง

ในคืนนั้น เขาได้เขียนจดหมายและส่งมันไปยังจักรวรรดิทีโอเครติค

**

(มุมมองอัลเลน)

มันเป็นเวลากว่าสองเดือนแล้วตั้งแต่เหตุการณ์แวมไพร์

อากาศตอนนี้ก็ยังคงหนาวเย็นอยู่ดี

ในตอนนี้ ฉันได้จ้องไปที่ชั้นวางของอย่างสิ้นหวัง

“...ฉันไม่มีทางเลือกแล้วสินะ”

มันไม่มีหนังสืออยู่ตรงนี้มากพอ คัมภีร์ที่เขาพบในโบสถ์มันมีจำกัดเกินกว่าที่จะต้านทานความกระหายในความรู้ของฉัน

“ยังไงก็ตาม เจ้านี้...เขาดูเหมือนจะเป็นคนรอบรู้มากเลยนะ”

ฉันหยุดอ่านหนังสือที่เกี่ยวกับวิชารักษาและมองไปที่ชื่อผู้เขียน

[ผู้แต่ง : ราฟาเอล แอสโทเรีย]

ฉันเคยเห็นชื่อนี้มาก่อน หลังจากครุ่นคิดอยู่สักครู่หนึ่ง ฉันได้เริ่มค้นหาหนังสือที่เกี่ยวกับประวัติศาสตร์ขึ้นมา

ในที่สุดฉันก็หาเจอ

เขาเป็นหนึ่งในบุคคลสำคัญที่ยืนอยู่เคียงข้างองค์จักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์ เคลต์ ออโฟเซ่ เขาได้ร่วมต่อสู้กับราชาเนโครแมนเซอร์เอม่อนด้วยเช่นกัน เขายังเป็นหนึ่งในห้าหัวหน้าบาทหลวงแห่งจักรวรรดิอีกด้วย

ราฟาเอล แอสโทเรีย – เขาเป็นที่รู้จักกันในนามคนที่มีความสามารถในการรักษาและควบคุมพลังศักดิ์สิทธิ์ที่เก่งที่สุดในจักรวรรดิ

ชายคนนี้อาจจะตอบข้อสงสัยเกี่ยวกับวิธีการควบคุมพลังศักดิ์สิทธิ์จำนวนมากโดยไม่โดนผลสะท้อนกลับ ฉันหมายถึง เขาคงจะเขียนหนังสือเล่มอื่นนอกจากเล่มที่อยู่ที่นี่ ไม่สิ ฉันควรจะไปคุยกับเขาด้วยตัวเองจะดีกว่านะ

ก๊อก ก๊อก

ทันใดนั้นเสียงเคาะก็ดังขึ้นออกมาจากนอกห้อง ในขณะที่ถือหนังสืออยู่นั้นเอง ฉันก็ลุกขึ้นยืนและเดินเปิดประตู

“...ผมมาพาท่านไปครับ ฝ่าบาท”

“..”

เป็นไปตามคาด ฮาร์แมนพูดคำเดิมออกมา

อย่างไรก็ตามมันมีข้อแตกต่างที่ยิ่งใหญ่จากเดิมไปในครั้งนี้ พาลาดินและนักบวชจำนวนมากต่างยืนอยู่ต่อหน้าฉัน แถมมันยังมีรถม้าขนาดใหญ่อยู่ด้านข้างด้วยเช่นกัน

ชาร์ลอตต์ที่สวมชุดนางรับใช้ก็ดูกังวลเล็กน้อย ในขณะที่มองมาที่ฉันอย่างกังวลใจ

ฮาร์แมนยืนอยู่ตรงกลางฝูงชนและโค้งตัวให้กับฉัน

“ไปกันเถอะ ฝ่าบาท”

มันเหมือนว่าเจ้าคนนี้มันทำมันลงไปโดยไม่ได้ถามหาความคิดเห็นจากฉันก่อน

ฉันยืนงงพร้อมกับก้มมองลงไป หนังสือที่ถูกเขียนโดยราฟาเอลยังอยู่ในมือของฉัน

“เอาละ งั้นก็ไปกันก็ได้”

คำตอบสั้นๆของเขาทำให้ใบหน้าของฮาร์แมนและชาร์ลอตต์ต่างตกตะลึง ริมฝีปากของฉันยกขึ้น เมื่อฉันเห็นท่าทางของพวกเขา

เอาเถอะ ฉันเดาว่าการกลับไปยังพระราชวังเป็นโชคชะตาที่ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ของฉัน มันน่าจะเป็นเรื่องที่น่าจะเป็นไปได้มากที่สุดที่คนอย่างราฟาเอล แอสโทเรียจะรู้วิธีการควบคุมหัวกะโหลกเอม่อนละนะ

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด