ตอนที่แล้วตอนที่ 8 รีบมาที่สนามเทนนิสเดี๋ยวนี้
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 10 หลีกไป

ตอนที่ 9 ปาร์ตี้ที่ร้านอาหาร


ตอนที่ 9 ปาร์ตี้ที่ร้านอาหาร

ในขณะที่ไป๋หล่านกำลังอารมณ์เสียเรื่องลู่หยวนอยู่นั้นก็มีเบอร์หนึ่งโทรเข้ามาที่โทรศัพท์ของเธอ

หลังจากที่คุยไปได้สักพักเธอก็ถอนหายใจเฮือกใหญ่แล้วพูดว่า

"นี่พี่... เรื่องนี้ฉันช่วยอะไรไม่ได้จริงๆ ฉันเข้าใจพี่ทุกอย่างนะ แต่พวกคนแก่ก็เป็นแบบนี้แหละไม่ต้องคิดมากหรอก เดี๋ยวฉันจะลองช่วยหาทางออกอีกทางก็แล้วกัน" จากนั้นก็วางสายไป

"ประธานคุยกับใครเหรอ?" ชายคนหนึ่งเดินเข้ามาถามพร้อมกับยิ้ม

"ลูกพี่ลูกน้องของฉัน" ไป๋หล่านตอบแล้วกระดกน้ำดื่ม

"ลูกพี่ลูกน้องของประธานใช่คนสวยๆ ที่ขับฟอร์ดสีขาวมาวันนี้หรือเปล่า? คนที่ดูเจ้าอารมณ์ๆ อ่ะนะ?"

"ใช่"

"มีอะไรเหรอ?" ชายคนนั้นถามอย่างอยากรู้อยากเห็น

ไป๋หล่านเหลือบมองเขาด้วยหางตา ในใจเธออยากจะตอบว่าเรื่องบางเรื่องไม่จำเป็นต้องอยากรู้ก็ได้ แต่เธอก็ตอบได้เพียงแค่ว่า "ไม่มีอะไรมากหรอก ทางตระกูลคาดหวังให้เธอมีแฟนสักที แต่เธอดันชอบการอยู่เป็นโสดมากกว่า ลุงกับป้าเริ่มคะยั้นคะยอเรื่องที่ให้เธอพาแฟนไปพบพวกเขาบ่อยมากขึ้น เธอเลยโทรมาบ่นให้ฟัง"

"เฮ้ จริงเหรอ? งั้นก็แนะนำผมให้ลูกพี่ลูกน้องของประธานรู้จักสิ" ชายคนนั้นพูดพร้อมกับยิ้มระริกระรี้

"นายเนี่ยนะ?"

ไป๋หล่านตะคอก "ลูกพี่ลูกน้องของฉันเปรียบดั่งลูกคุณหนู แตกต่างจากนายสิ้นเชิง พ่อของนายเป็นแค่ผู้จัดการบริษัทเท่านั้น พี่สาวของฉันไม่มีทางชอบนายแน่ๆ"

"โอ้โห หากลูกพี่ลูกน้องของประธานมีมาตรฐานที่สูงแบบนี้ ถ้าในอนาคตยังเลือกมากแบบนี้ก็คงไม่พ้นได้พบเจอแต่กับคนที่เหมือนลู่หยวนเท่านั้นแหละ" ชายหนุ่มหัวเราะ

"นี่นาย! อยากตายเหรอ?"

ไป๋หล่านเลิกคิ้วทำหน้าดุ เมื่อเห็นเช่นนั้นชายหนุ่มจึงรีบวิ่งหนีไป

"ลูกพี่ลูกน้องของฉันยอมตายดีกว่าที่ต้องคบกับคนอย่างลู่หยวน ทั้งยากจนทั้งสกปรก" ไป๋หล่านส่ายหัวและยืดเอวของเธอ "ฉันเบื่อที่นี่แล้วล่ะเฟิงหลิง เราไปที่อื่นกันเถอะ"

เฟิงหลิงยังไม่ทันได้ตอบอะไรก็มีเสียงรถดังมาจาก Audi A4 สีดำคนหนึ่งที่ขับมาจากหัวมุมอย่างรวดเร็วและมาหยุดอยู่ที่ทางเข้าสนามเทนนิส

ชายหนุ่มในชุดเสื้อเชิ้ตลายทาง สวมแว่นกันแดดและกางเกงขายาวสีชมพูเดินลงมาจากรถ

"ซุนเจียง ซื้อรถคันใหม่เหรอ!"

เมื่อเห็นชายหนุ่มคนนั้นไป๋หล่านก็รีบวิ่งไปที่รถคันนั้นทันที

คนในชมรมเทนนิสคนอื่นๆ ก็วิ่งมามุงด้วยเช่นกัน

"ประธานซุนคู่ควรกับการเป็นชายหนุ่มที่ร่ำรวยที่สุดในชมรมเทนนิสของเราที่สุดแล้ว รถที่เขาขับล้วนเป็นรถราคาแพง แถมครั้งนี้ยังซื้อ Audi มาขับอีกด้วย สุดยอดจริงๆ เลย"

“ฉันได้ข่าวมาว่ารถคันนี้ราคาเป็นแสนเลยไม่ใช่เหรอ? ถ้าจำไม่ผิดน่าจะราคา 2 แสนหยวน!” หญิงสาวคนหนึ่งกล่าวด้วยความชื่นชม

"ก็จริงที่รถคันนี้มีราคาหลักแสน แต่มันราคา 3 แสนหยวนต่างหากไม่ใช่ 2 แสนหยวน ฉันเพิ่งได้ใบขับขี่มาและที่ฉันซื้อคนนี้มาก็แค่เอาไว้ซ้อมมือเท่านั้น คันนี้แรงมันค่อนข้างลื่นน่ะ" ซุนเจียงพูดพร้อมกับเสยผม

แน่นอนว่าคำพูดของเขายิ่งกระตุ้นคำชมจากสาวๆ ที่อยู่รอบๆ

"เขาคือใครเหรอ?" เมื่อเห็นว่าประธานซุนเป็นที่นิยมมากเฟิงหลิงจึงถามขึ้น

มีเพียงแค่เฟิงหลิงและลู่หยวนเท่านั้นที่ไม่ได้เข้าไปล้อมรอบเขา

"เขาชื่อซุนเจียงเป็นรองประธานชมรมน่ะ ที่บ้านมีฐานะค่อนข้างร่ำรวย" ลู่หยวนพูด

เฟิงหลิงพอจะคาดเดาได้ว่าชายหนุ่มคนนี้ต้องมีฐานะร่ำรวย เพราะการที่จะขับ Audi A4 ในฐานะนักศึกษานั้นต้องอยู่ในตระกูลที่ไม่ธรรมดาเลย

"ฉันรู้สึกเบื่อมากเลยอ่ะ ซุนเจียงพาฉันไปนั่งรถเล่นหน่อยสิ!" ไป๋หล่านพูดพร้อมกับกะพริบตา

"ได้สิ" เข้าทางล่ะ! ที่ซุนเจียงขับรถคันนี้มาก็เพื่อเหตุนี้

ความจริงคือซุนเจียงแอบชอบไป๋หล่านมานานแล้ว แต่เขารู้ดีว่าถึงไป๋หล่านจะชอบคนรวย แต่เธอก็มีมาตรฐานค่อนข้างสูง มันไม่ใช่เรื่องง่ายๆ เลยที่เธอจะยอมเปิดใจให้เขา

ด้วยเห็นนี้เขาจึงเข้าร่วมชมรมเทนนิส เขาพยายามเข้าหาไป๋หล่านจนได้รับตำแหน่งรองประธาน ทำให้เขาได้ใกล้ชิดกับเธอมากขึ้น

แต่ถึงอย่างนั้นเธอก็ไม่เคยมองมาที่เขาเลย

ครั้งนี้ซุนเจียงถึงกับยอมจ่ายเงินจำนวนมากเพื่อซื้อรถคันนี้ เพียงเพื่อต้องการให้ไป๋หล่านหันมาสนใจเขาบ้าง

"เฟิงหลิง เราไปนั่งรถเล่นกันเถอะ ทุกคนล่ะไปด้วยกันมั้ย?"

ไป๋หล่านกวักมือเรียกเฟิงหลิงและหันไปถามคนในชมรมด้วยความตื่นเต้น

"ว่าแต่ พวกเราจะไปที่ไหนกันดีล่ะประธาน?" หวังต้าหลี่ถามขึ้น

อันที่จริงสมาชิกในชมรมเทนนิสล้วนชอบไป๋หล่าน แต่พวกเขารู้ตัวดีว่าไม่ใช่คู่ต่อสู้ของซุนเจียง ถึงแม้ว่าจะทำให้ไป๋หล่านชอบไม่ได้ แต่อย่างน้อยๆ แค่ได้อยู่ใกล้ชิดก็พอแล้ว

"ไปภูเขาหลังมหาลัยกัน เอ...ไม่ดีกว่า ตอนนี้ก็เย็นมากแล้ว เป็นโอกาสดีที่ชมรมเทนนิสของพวกเราจะไปทานอาหารเย็นด้วยกันที่ร้านอาหาร ครั้งนี้ให้พวกหนุ่มๆ เลี้ยงละกันนะ!"

"ตกลง!" หวังต้าหลี่ตะโกนอย่างตื่นเต้น

สมาชิกคนอื่นๆ ก็ตกลงเช่นกัน ถึงพวกเขาไม่ได้ร่ำรวยเหมือนกับซุนเจียง แต่การที่จะเป็นเจ้ามือที่ร้านอาหารสักมื้อมันก็ไม่ได้เกินความสามารถพวกเขา

"ชวนลู่หยวนไปด้วยสิ" เฟิงหลิงเหลือบมองไปที่ลู่หยวน

"เอิ่ม.." ไป๋หล่านส่ายหัว "เขาไม่มีปัญญาจ่ายค่าอาหารหรอก!"

"ผู้ชายคนนั้นมาจากคณะบริหารก็จริง แต่ฉันได้ยินมาว่าครอบครัวของเขายากจนมากเลยล่ะ มีคนเคยเล่าให้ฉันฟังว่าเขาทำงานเป็นแค่พนักงานเสริฟในร้านอาหารเท่านั้น"

"เขาไม่ได้อยู่ในระดับเดียวกับเรา ไม่ต้องชวนมาหรอก อายคนอื่นเขาเปล่าๆ!"

"ใช่ๆ ถ้าไม่ใช่เพราะว่าไม่มีใครเก็บบอลให้ พวกเราไล่เขาออกจากชมรมเทนนิสไปนานแล้ว"

แม้แต่ไป๋หล่านก็ยังดูถูกลู่หยวน ทุกคนเริ่มหันไปมองลู่หยวนที่กำลังนั่งกอดเข่าอยู่คนเดียว

เฟิงหลิงเห็นว่าทุกคนพูดเช่นนั้น เธอจึงไม่กล้าที่จะพูดอะไรต่อ ท้ายที่สุดเธอก็เป็นแค่คนนอกไม่ใช่สมาชิกของชมรมเทนนิส

"ลู่หยวนนายทำความสะอาดสนามเทนนิสแล้วจัดการเก็บลูกเทนนิสให้เป็นระเบียบเอาไปไว้ที่ห้องเก็บของเหมือนเดิม เข้าใจนะ!" ไป๋หล่านตะโกนบอกลู่หยวนและจากนั้นก็ขึ้นรถออกไป

หลังจากที่ลู่หยวนทำความสะอาดสนามเทนนิสเสร็จ โทรศัพท์ของเขาก็แจ้งเตือนข้อความเข้ามา

"นายน้อยครับ งานที่สั่งเรียบร้อยแล้วนะครับ" ข้อความนี้มาจากชายที่ชื่อเหล่าเซี้ยง

ลู่หยวนพยักหน้าเบาๆ ประสิทธิภาพของตระกูลยังดีเหมือนเดิม

หลังจากนั้นไม่นานก็มีสายเรียกเข้าจากเฉินเฟิง

"ลู่หยวนมาที่นี่เร็ว ตอนนี้จิ่วเอ๋อร์กำลังจัดปาร์ตี้" น้ำเสียงของเฉินเฟิงตื่นเต้นมาก มันแตกต่างกับเมื่อเช้าอย่างสิ้นเชิง

"ลู่หยวนเจอกันที่ร้านไป่เชิ่งหยวนนะ"

"พวกเรารออยู่ รีบมานะ" ในสายมีเสียงของซงชุนและจางฮุยตะโกนอยู่ข้างๆ

“ปาร์ตี้อะไรเหรอ?” ลู่หยวนรู้คำตอบอยู่แล้ว แต่เขาก็ยังต้องแกล้งทำเหมือนไม่รู้

แม้ว่าเขาจะเป็นคนช่วยฉินจิ่วเอ๋อร์ไว้ในครั้งนี้ แต่เขาก็ไม่ได้ต้องการที่จะให้เธอรู้

ที่เธอพูดวันนั้นก็ถูกทุกอย่าง เรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นมันเป็นความผิดของเขา ถ้าวันนั้นเขาไม่ไปที่ร้านนั้น เรื่องเลวร้ายทั้งหมดนี่ก็จะไม่เกิดขึ้น

"เรื่องของครอบครัวจิ่วเอ๋อร์ได้รับการแก้ไขแล้ว สถานการณ์ของบริษัทก็กลับมาเป็นปกติ ตอนนี้เชิ่งถังกรุ๊ปไม่เพียงแค่ชดเชยค่าเสียหายให้ทั้งหมดนะ แต่พวกเขายังมาขอโทษด้วยตัวเองอีกด้วย"

เฉินเฟิงกล่าวว่า "ตอนนี้จิ่วเอ๋อร์ดีใจมาก เธอเลยจัดปาร์ตี้เพื่อเลี้ยงฉลองน่ะ นายก็รีบมาที่นี่เร็วเข้า!"

"ขอบคุณนะ แต่ฉันไม่ไปหรอก" ลู่หยวนกล่าว

เขาคิดว่าเขาไม่มีความจำเป็นที่จะต้องไป หลังจากที่เขาแก้ปัญหานี้แล้วก็ไม่มีอะไรที่ติดค้างกับฉินจิ่วเอ๋อร์อีก

"น้องลู่ นายกำลังทำอะไรอยู่รีบมาเถอะ จางฮุยและซงชุนก็อยู่ที่นี่ มาสนุกด้วยกันดีกว่าน่า" เฉินเฟิงพยายามชักชวนอีกครั้ง

"โอเคๆ เดี๋ยวฉันไป"

ลู่หยวนคิดสักพักและบอกกับตัวเองว่า ยังไงนี่ก็เป็นเครดิตของเขาเอง ถ้าจะไปที่นั่นด้วยก็คงจะไม่เป็นอะไร

ที่ชั้นสามของร้านไป่เชิ่งหยวน ในห้องอาหารสำหรับแขก VIP

เมื่อลู่หยวนมาถึงก็เห็นว่ามีคนนั่งอยู่เต็มโต๊ะแล้ว

เฉินเฟิงกวักมือเรียกให้เขาไปนั่งข้างๆ

ที่โต๊ะมีเหอหมิน ฉินจิ่วเอ๋อร์ เฉินเฟิงและพวกเพื่อนของเขา อีกฝั่งมีเด็กผู้หญิงสองสามคนที่เป็นเพื่อนของเหอหมิน ที่โต๊ะมีอีกสองสามคนที่ลู่หยวนไม่รู้จัก น่าจะเป็นเพื่อนของฉินจิ่วเอ๋อร์

ฉินจิ่วเอ๋อร์ดูมีความสุขมากในตอนนี้

"พวกเธออยากกินอะไร สั่งได้ทุกเมนูที่ต้องการเลยนะ!" เธอผายมืออย่างภาคภูมิใจและยื่นเมนูให้ทุกคน

เมื่อฉินจิ่วเอ๋อร์หันมาเห็นลู่หยวน ใบหน้าที่ยิ้มแย้มของเธอก็กลายเป็นบึ้งตึงทันที

วันนี้ฉินจิ่วเอ๋อร์ยู่ในชุดเดรสสั้นสีชมพู ทาริมฝีปากสีแดง ใบหน้าเนียนขาวของเธอเข้าผมยาวประบ่าเป็นอย่างดี

"เฮ้! นายก็มาด้วยเหรอเนี่ย มาที่นี่เพื่อกินฟรีอีกครั้งเหรอ?" ฉินจิ่วเอ๋อร์พูดพร้อมกับมองไปที่ลู่หยวน

เพียงแค่เห็นหน้าลู่หยวน เธอก็พูดดูถูกเขาเหมือนอย่างเคย

เหอหมินรีบดึงแขนฉินจิ่วเอ๋อร์ ก่อนที่เธอจะพูดอะไรมากไปกว่านี้

"อ้อลืมไป! ตอนนี้ฉันกำลังมีความสุข วันนี้นายจะกินมันเท่าไหร่ก็ได้นะ"

"จิ่วเอ๋อร์ คนนี้ใครน่ะ?" เพื่อนของฉินจิ่วเอ๋อร์ถาม

เมื่อเห็นฉินจิ่วเอ๋อร์แสดงท่าทางไม่พอใจลู่หยวน เธอจึงอดไม่ได้ที่จะอยากรู้

ฉินจิ่วเอ๋อร์มองที่ลู่หยวนและหลังจากนั้นเธอก็ปิดปากและกระซิบกระซาบกับเพื่อนของเธอ

หลังจากนั้น ใบหน้าที่สงสัยของหญิงสาวก็กลายเป็นดูถูก

ถึงลู่หยวนจะไม่ได้ยินสิ่งที่ทั้งคู่คุยกัน แต่ก็เดาได้ไม่ยากว่ามันต้องเป็นเรื่องของเขาแน่ๆ

ลู่หยวนส่ายหัวอย่างเบื่อหน่าย ที่เขามาที่นี่ก็เพราะไม่อยากจะให้เฉินเฟิงและเหอหมินเสียน้ำใจ ทั้งสองเป็นคนกลางถ้าเขาไม่มาทั้งเฉินเฟิงและเหอหมินก็จะรู้สึกไม่ดี

พนักงานเริ่มทยอยเสิร์ฟอาหาร

ทุกคนเริ่มกินอาหารและคุยเรื่องต่างๆ นานา

"นี่จิ่วเอ๋อร์ เรื่องเชิ่งถังกรุ๊ปน่ะ ใครเป็นคนจัดการเรื่องทั้งหมดให้กับครอบครัวเธอเหรอ? มันสุดยอดมากเลยที่หยูต้าหยงไปที่บ้านเธอด้วยตัวเองเพื่อไปขอโทษพ่อเธอ แถมยังชดเชยค่าเสียหายทั้งหมดให้กับบริษัทอีกด้วย ฉันเพิ่งรู้นะเนี่ยว่าตระกูลของเธอมีเส้นสายที่แน่นหนามากขนาดนี้" กู่นาพูดเยินยอ

ประโยคนี้ทำให้ทุกคนหันมาสนใจ

"ใช่ๆ จิ่วเอ๋อร์ ฉันไม่รู้ว่ามาก่อนเลยว่าตระกูลของเธอมีคอนเน็คชั่นที่กว้างขวางเช่นนี้!"

"จิ่วเอ๋อร์ หรือว่าพวกเราควรจะเรียกเธอว่าองค์หญิงแห่งตระกูลฉิน!"

"จิ่วเอ๋อร์ บอกฉันทีว่าใครช่วยครอบครัวของเธอจัดการเรื่องนี้"

ทุกคนต่างสงสัยกันมาก เพราะเชิ่งถังกรุ๊ปนั้นมีชื่อเสียงกว้างขวางในเมืองจินหลิง เป็นที่รู้จักกันดีว่าเป็นบริษัทยักษ์ใหญ่

ทุกคนคิดว่า เรื่องที่ฉินจิ่วเอ๋อร์ทำให้คนใหญ่คนโตในบริษัทเชิ่งถังนั้นขุ่นเคือง เรื่องนี้ต้องจบไม่สวยแน่ๆ

ใครจะรู้ว่าสิ่งที่เกิดขึ้นมันไม่ใช่แบบนั้น

"โอเคๆ ฉันจะโทรหาพ่อเพื่อถามเรื่องนี้"

ฉินจิ่วเอ๋อร์กลายเป็นที่สนใจของทุกคน และเธอก็ยินดีมากที่เป็นเช่นนั้น

ใช่แล้ว แม้แต่บริษัทเชิ่งถังที่ยิ่งใหญ่ก็ไม่กล้ายุ่งกับครอบครัวของเธอ นี่มันสุดยอดมาก ครอบครัวของเธอไม่ธรรมดาเลยจริงๆ

"พ่อ หนูอยากรู้ว่าใครเป็นคนช่วยบริษัทของเรา?" ฉินจิ่วเอ๋อร์โทรศัพท์หาพ่อของเธอ

"พ่อก็ไม่รู้แน่ชัดว่าใครเป็นคนจัดการเรื่องนี้" ฉินเฟินตอบ

หลังจากที่ลูกสาวของเขาทำให้ตระกูลหยูขุ่นเคืองและถูกหยูต้าหยงคุกคาม เขาก็รู้สึกสิ้นหวังอย่างมาก บริษัทของเขาเป็นเพียงแค่บริษัทเล็กๆ ถ้าหากจะต้องต่อสู้กับบริษัทยักษ์ใหญ่อย่างเชิ่งถังให้ชนะ มันไม่มีทางเป็นไปได้เลย

ในตอนนั้นเขามีความคิดที่จะส่งฉินจิ่วเอ๋อร์ไปหาลูกชายของหยูต้าหยงแล้วจริงๆ

เขาขอร้องให้คุณปู่ช่วยหวังว่าจะมีเส้นสายที่มีเกียรติและเขาสามารถต่อรองกับหยูต้าหยงได้เพื่อที่เขาจะได้ใช้เงินแทนส่งลูกสาวไปในการจัดการปัญหานี้

แต่หลังจากที่ทุกคนได้ยินว่าตระกูลของฉินเฟินนั้นทำให้หยูต้าหยงขุ่นเคือง คนพวกนั้นที่เขาขอให้ช่วยก็ส่ายหัวทันทีอย่างสั่นกลัว ไม่มีใครกล้าที่จะเสนอตัวเข้าไปยุ่งกับเรื่องนี้

แต่ก็มีเพื่อนสองสามคนที่มีความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นกับตระกูลฉิน แม้ว่าพวกเขาจะออกไปช่วยฉินเฟินไกล่เกลี่ย แต่ก็ไม่มีใครทำสำเร็จ

เมื่อฉินเฟินหมดความหวัง ก็เกิดเรื่องที่ไม่คาดคิดขึ้น จู่ๆ หยูต้าหยงก็เป็นคนที่มาขอโทษเขาด้วยตัวเอง

ใครกันที่ช่วยครอบครัวของเขา?

ฉินเฟินสอบถามคนที่รู้จักทุกช่องทาง เขารู้สึกขอบคุณผู้สูงศักดิ์ท่านนี้มาก สุดท้ายก็ไม่มีใครรู้เบาะแสของคนที่ช่วยเขาเลยสักคน

"อา.. พ่อไม่รู้เหรอว่าใครเป็นคนช่วยเรา?"

"ใช่ พ่อได้ลองสอบถามพวกคนใหญ่คนโตเกี่ยวกับเรื่องนี้ ได้ยินมาว่ามีคนเห็นว่าผู้อำนวยการหวงแห่งสำนักงานจัดเก็บภาษีไปที่บริษัทเชิ่งถังกรุ๊ปเมื่อเช้านี้" ฉินเฟินกล่าว

“ห๊ะ! ผู้อำนวยการสำนักงานจัดเก็บภาษีเลยเหรอ?” ฉินจิ่วเอ๋อร์ตะลึง

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด