ตอนที่แล้วระบบย่อยสลายขั้นเทพ บทที่ 9 ฝีมือเทพเจ้าโรงครัวเป็นที่ประจักษ์
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไประบบย่อยสลายขั้นเทพ บทที่ 11 หากเลือกที่จะแก้แค้นก็จะไม่ใช่พระผู้ช่วย

ระบบย่อยสลายขั้นเทพ บทที่ 10 เพียงแค่พ่อของเขาได้กินซุป เรื่องราวก็แพร่ไปอย่างกับไฟลามทุ่ง


บทที่ 10 เพียงแค่พ่อของเขาได้กินซุป เรื่องราวก็แพร่ไปอย่างกับไฟลามทุ่ง

เจียงฮ่าวได้หันไปพูดกับแม่ของตนว่า

“แม่ มีซุปอีกถ้วยอยู่ในกล่องนะ แม่ก็ลองกินดูด้วยแล้วกัน”

“เยี่ยมมมม ดีเลย” “แม่ต้องกินแน่นอน”

“.......”

ทันทีที่เห็นพ่อของเขากำลังดื่มซุปที่มีเศษเสี้ยวแก่นแห่งชีวิตเข้าไป ฉากนี้ทำให้เจียงฮ่าวอดที่จะประหม่าไม่ได้

“พ่อ รู้สึกเป็นยังไงบ้าง”

เจียงฮ่าวเองก็รู้สึกถึงอะไรบางอย่างจนต้องพึมพำออกมา

“เป็นยังไงเหรอ อืมมม....”

หลังจากนิ่งคิดไปสักพัก พ่อของเจียงฮ่าวก็ได้พูดออกมาว่า

“หลังจากดื่มไปแล้วข้างในมันก็รู้สึกอุ่นๆแล้วก็สบายอย่างบอกไม่ถูกนะ ถึงแม้มันจะฟังดูน่าอายไปหน่อยแต่พ่อก็รู้สึกว่าทั่วทั้งร่างมีกำลังวังชายังไงก็ไม่รู้”

เมื่อพูดจบ พ่อของเจียงฮ่าวก็ได้ลองเอามือแตะๆกดๆไปยังซี่โครงที่หักดู ราวกับจะทดสอบว่ามันหักอยู่จริงๆรึเปล่าเพราะเขาไม่ได้รู้สึกเจ็บอะไรเลยแม้แต่น้อย

เมื่อได้ยินดังนั้น เจียงฮ่าวก็ได้ยิ้มแช่งในทันที

-เป็นผลจากเศษเสี้ยวแก่นแห่งชีวิตสินะ-

ในตอนนั้นเอง หลังจากที่พ่อของเจียงฮ่าวกดไปที่ซี่โครงที่น่าจะหักไปแล้วแต่ก็ไม่ได้รู้สึกอะไรเลยต่อให้กดแรงแค่ไหนก็ตาม

“พ่อว่าพ่อดีขึ้นแล้วนะ...”

“อืมมม...ไม่น่านะ...แต่ก็ไม่รู้สึกอะไรแล้วนี่นา ลองดูหน่อยแล้วกัน”

เมื่อพูดจบ พ่อของเจียงฮ่าวเขาก็ได้ซิทอัพไปสองสามทีและทำท่าทางอย่างอื่น

แม่ของเจียงฮ่าวที่เห็นสิ่งที่ผู้เป็นสามีกำลังกระทำอยู่ก็แทบจะเขวี้ยงชามทิ้งในทันที ก่อนที่จะรีบวางชามซุปไก่จนน้ำกระชอก และได้จับสามีของตนให้อยู่นิ่งๆ เมื่อจับตัวให้อยู่นิ่งได้แล้วแม่ของเขาก็ได้บ่นออกมาว่า

“นี่คุณ คุณไม่ใช่เด็กแล้วนะ ทำตัวไม่ได้ดูสภาพตัวเองเลย”

“ทำอย่างกับว่าซุปไก่ที่ลูกชายตัวเองทำมานั้นสามารถรักษากระดูกหักได้จริงๆอย่างนั้นแหล่ะ”

เมื่อได้ยินดังนั้น เจียงไซหยวนได้มองไปยังเจียงฮ่าวพร้อมกับยิ้มเยาะออกมาเมื่อได้ยินและพูดออกมา

“พ่อ ต่อให้ลูกชายพ่อทำซุปไก่ถ้วยนั้นจะรสชาติดีแค่ไหนก็เหอะ พ่อคิดจริงๆเหรอว่าพ่อจะหายกับอีแค่กินซุปไก่น่ะ พ่อรีบๆนอนพักบนเตียงไปดีๆจะดีกว่านะ”

ในตอนนี้ แม้แต่คนไข้คนอื่นที่อยู่ข้างๆเขาทั้งสองฝากฝั่งก็ได้พูดออกมาด้วยอารมณ์ดีว่า

“แค่เห็นว่าลูกชายของตัวเองทำซุปไก่อร่อยๆให้กินถึงกับดีใจจนออกนอกหน้าเลยเหรอ” “ฮ่าฮ่า...เห้ออออ”

“นั่นสินะ นายนี่มีอภิชาตบุตรจริงๆ”

“เฮ้ออออ” “ดีกว่าฉันนะ ฉันป่วยขนาดนี้แต่ลูกชายฉันยุ่งมากจนให้เมียฉันมาคอยเฝ้าฉันคนเดียวเอง”

“.....”

เมื่อพ่อของเจียงฮ่าวได้ยินผู้ป่วยคนอื่นแทนที่จะล้อเขาเล่นในตอนแรกแต่กลับกล่าวชมลูกของเขาในภายหลังแบบนี้อดที่จะมีความสุขไม่ได้ในทันที คนไข้ทุกคนในตอนนี้รู้สึกอยากให้ลูกชายของตนมาดูแลแบบนี้บ้างจริงๆ

แต่ในตอนนี้ พ่อของเจียงฮ่าวเองก็ไม่ได้กล่าวอะไรออกมา นั่นก็เพราะเขารู้ดีว่าหากเขาพูดอะไรออกไปก็ล้วนแต่เป็นการทำร้ายจิตใจของพวกเขา

“ไม่นอนแล้ว พ่อรู้สึกดีจริงๆนะ พ่อรู้สึกได้เลยว่าทั่วทั้งร่างเต็มเปี่ยมไปด้วยพลัง”

“ถ้าไม่เชื่อเดี๋ยวพ่อลุกจากเตียงให้ดู”

เมื่อพูดจบ พ่อของเจียงฮ่าวก็ได้ลุกขึ้นมาจากเตียง

ในทันทีที่เห็น เจียงฮ่าวและแม่ของเขาได้รีบเข้าไปประคอง ให้พ่อของตนค่อยๆลุกจากเตียงจนลุกจากเตียงได้ในที่สุด

หลังจากลุกขึ้นจากเตียงแล้ว พ่อของเจียงฮ่าวได้ลองเดินดูทีละน้อยก่อนที่จะมีสีหน้าอรามประหลาดใจและยิ้มแฉ่งออกมา

หลังจากนั้น เขา ก็ได้ค่อยๆผลักเจียงฮ่าวออกไป ตามด้วยแม่ของเจียงฮ่าว

ภายใต้สายตาของทุกคนในห้อง เขาได้เดินวนไปในห้องราวกับไม่ใช่คนป่วย แถมยังคอยกดไปตรงซี่โครงที่หักตลอดเวลา

เขาไม่รู้สึกเจ็บปวดแม้แต่น้อย

ทุกคนที่เห็นได้แต่นิ่งอึ้งไป

“โกหกน่า” “แม่...เอ๊ย ไม่จริงน่า แค่แกล้งทำใช่ไหมนั่น”

“แต่เขาก็ดูปกติดีนะ”

“โอ้...พระ...คุณ...เจ้า....นี่...นี่ไม่ใช่ว่าแค่กินซุปไก่ชามนั้นไปแล้วหายจริงๆหรอกนะ”

“..............”

ทุกๆคนในตอนนี้ต่างก็ตกตะลึงและสับสนไปหมด

แม้แต่แม่ของเจียงฮ่าว ในตอนนี้เธอผู้ซึ่งกำลังยืนดูสามีของเธอเดินเล่นรอบห้องนั้นก็ได้ร้องไห้ออกมาด้วยน้ำตาแห่งความสุข

“อาฮ่าว ลูกได้ใส่อะไรลงไปเป็นพิเศษรึเปล่า”

พ่อของเจียงฮ่าวถามออกมาเพราะก่อนหน้านี้เขาก็ได้สงสัยในสิ่งที่เจียงฮ่าวถามออกมาหลังจากเขาได้ดื่มซุปลงไป แต่เจียงฮ่าวก็ได้รีบปฏิเสธทันควัน

“ไม่มี้... โถ่วพ่อ แม้แต่โสมพันปียังทำไม่ได้ขนาดนี้เลยนะแล้วผมจะไปหาอะไรมาใส่จนได้ผลดีขนาดนี้กันล่ะ”

ในตอนนี้เอง ผู้ป่วยที่อยู่ข้างหลังเจียงฮ่าวผู้ซึ่งตกตะลึงไปกับฉากที่เห็นนี้ได้พูดออกมา

“พ่อหนุ่ม พ่อหนุ่มยังพอมีซุปแบบนี้เหลืออีกรึเปล่า ฉันยอมจ่ายเงินให้พ่อหนุ่มร้อยหยวนเลยนา”

“ใช่...ใช่แล้ว” “ฉันเองก็อยากได้สักชามนะ แล้วฉันก็ยินดีที่จะจ่ายด้วยเหมือนกัน”

“เฮ้ จะมาแย่งฉันรึไงกัน ฉันถามก่อนนะเว้ย ฉันคนนี้เป็นคนถามก่อนก็ต้องได้ก่อนสิ”

“ถามก่อนแล้วไง มีแต่นายรึไงที่มีปัญญาจ่ายน่ะ ฉันยอมจ่ายสามร้อยหยวนเลยเอ้า”

“.....”

ก่อนที่เจียงฮ่าวจะได้พูดอะไรออกมา คนไข้ทั้งสองก็ได้ก่อสงครามราคากันเรียบร้อยไปแล้ว

การจ่ายเงินหนึ่งถึงสองร้อยหยวนเพื่อแลกกับสุขภาพที่ดี ต่อให้คนที่ไม่ป่วยก็ยังรู้เลยว่าระหว่างเงินกับสุขภาพควรเลือกอะไร