ตอนที่แล้ว01 BABY
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไป03 WORRIED

02 UNDERSTAND


02

UNDERSTAND

บ้านไม้สองชั้นกับบรรยากาศสุดแสนจะร่มลื่น ล้อมรอบไปด้วยต้นไม้หลากหลายชนิด มีกลิ่นหอมอ่อนจากดอกจำปาที่แบ่งบานในยามเช้า

ก๊อกๆ

"คุณท่านเรียกให้ไปพบค่ะ คุณหนู"

"ครับนมแย้ม" เสียงหวานเอ่ยตอบผู้ที่เลี้ยงมาตั้งแต่เด็กผ่านประตูไม้บานใหญ่ ก่อนจะลุกขึ้นจากเตียงนอนเพื่อชำระล้างร่างกาย

'เบบี๋' หรือ 'สุทธิรัก สหัสสวัฒ' เดินลงมาจากชั้นสองของบ้านเรือนไทย ส่งยิ้มหวานให้กับผู้เป็นพี่อย่าง 'นายสิบ' หรือ 'สิบทิศ สหัสสวัฒ' ก่อนที่ร่างบางแสนสวยราวกับผู้หญิงจะเดินเข้าไปนั่งลงข้างกายกำยำของพี่ชาย

"เรียกที่รักมามีอะไรหรอ?"

"พี่จะอยากเจอน้องบ้างมันผิดหรือไง"

"ป่าวนะ ผมก็แค่ถามดู" ที่รักตอบออกไปทำหน้ายู่ชนกันเหมือนทุกครั้งที่ชอบทำ มือหนาเอื้อมบีบจมูกเชิดรั่นของน้องอย่างหมั่นเขี้ยว "งื้อ เจ็บนะ!!"

"น้องดื้อพี่ก็ต้องทำโทษ"

"น้องดื้อยังไง?"

"คิดว่าพี่ไม่รู้หรอที่รักว่าเราแอบไปทำงานร้านอาหาร หึม?" คนตัวเล็กทำหน้าตาเลิ่กลั่กเหมือนเด็กถูกพ่อแม่จับได้ว่าแอบกินขนม

"ว่าไงครับคุณที่รัก"

"ก็..." คนทำผิดรู้ตัวว่าทำผิดรีบเขยิบร่างบางเข้าไปเกาะแขนแกร่งของพี่ชายกระพริบตาปริบๆออดอ้อนสุดความสามารถที่มี "ที่รักทำเป็นเพื่อนปอนด์กับอ้อมใจนิครับ"

"พี่บอกน้องว่าไม่อยากให้ทำงานไง พี่ส่งน้องเรียนจนจบได้น้องจะทำทำไม"

"ที่รักอยากช่วยพี่บ้างไง"

"แค่เรามีความสุขก็ช่วยพี่ได้เยอะแล้วที่รัก"

"แต่ที่รักอยากหาเงินบ้างนิ"

"พี่ห้ามน้องไม่ได้สินะ"

ที่รักพยักหน้าหงึกๆก่อนจะยิ้มกว้างจนเจ้าลักษณ์ยิ้มข้างแก้มขึ้นมาเด่นชัด

"เฮ้อ! เด็กดื้อ"

"ที่รักไม่ดื้อสักหน่อย แค่ช่วยแบ่งเบาภาระพี่ชายเท่านั้น"

"ตามใจน้องเถอะพี่ห้ามไม่ได้อยู่แล้ว แต่ถ้าน้องเป็นอันตรายพี่จะย้ายน้องมาอยู่ที่นี้แล้วน้องจะไม่ได้กลับอีกเลย"

"พี่สิบทำไมเผด็จการ!"

"ถ้าไม่เผด็จการแล้วน้องจะฟังพี่ไหม เข้าใจที่พี่พูดนะ"

"ก็ได้ๆ เข้าใจแล้ว"

แม้จะไม่ค่อยโอเคกับคำสั่งของพี่ชายมากนักแต่ก็ต้องทำตาม จริงๆแล้วเขาอยู่ได้โดยที่ไม่ต้องทำงาน แต่เขาอยากมีชีวิตเหมือนเด็กวัยรุ่นปกติที่ทำงานพาร์ทไทม์กับเพื่อนๆบ้าง นี้ถือว่าพี่ชายลดหย่อนลงไปเยอะมากแล้วแต่ก่อนเขาไปเรียนในเมืองแรกๆจะต้องมีคนตามไปดูแลจนเพื่อนๆพากันกลัว สุดท้ายก็เลยต้องขอให้พี่สิบพาคนพวกนั้นกลับเพราะไม่เช่นนั้นเขาคงไม่มีเพื่อน

นี้คือเหตุผลที่เขาจะต้องขับรถจากหอพักกลับมาที่บ้านทุกๆวันหยุดเพื่อแรกกับการที่ไม่ให้คนตามติดเขา

และทุกครั้งที่กลับบ้าน ที่รักมักจะทำขนมไปฝากเพื่อนๆเป็นประจำอย่างเช่นตอนนี้ มือสวยกำลังกรองไข่แดงเพื่อนำไปทำทองหยิบ ทองหยอด และฝอยทองไปฝากเพื่อนๆในวันพรุ่งนี้

สิบทิศยืนมองน้องชายอยู่ไม่ไกลพลางนึกคิดถึงอนาคตในวันข้างหน้าของน้อง หากเขามีครอบครัวแล้วน้องตัวดีคนนี้จะอยู่อย่างไรในความเป็นจริงเขาควรปล่อยวางเรื่องนี้เพราะที่รักนั้นโตมากแล้ว ถ้าหากน้องเป็นผู้ชายร่างใหญ่ยักษ์เหมือนอย่างเขา เขาคงไม่สนใจ แต่น้องชายคนนี้ดันร่างผมบางสวยสง่าราวกับหญิงสาว แถมงานบ้านงานเรืองยังทำได้อย่างไม่มีขาดตกบกพร่องแล้วเช่นนี้เขาจะกล้าปล่อยน้องได้อย่างไร

ทั้งเสือ สิงห์ กระทิง ควาย มีมากมายเต็มไปหมด

คิดแล้วก็นึกห่วง หากวันนึงน้องมีความรักแน่นนอนว่าคนคนนั้นคงไม่ใช่หญิงสาวหากแต่จะเป็นผู้ชาย แล้วถ้าวันนั้นผู้ชายคนนั้นทำให้น้องเขาเสียใจ เสียน้ำตา เขาคงเจ็บปวดไม่ต่างจากน้อง

"พี่สิบเดี๋ยวที่รักจะกลับแล้วนะครับ" เสียงเรียกของน้องชายทำให้เขาหลุดจากความคิด "น้องจะกลับยังไง พี่ไปส่งไหม"

"เดี๋ยวน้องขับรถกลับ พี่สิบอยู่ทำงานเถอะครับ" ที่รักเดินเข้าไปกอดพี่ชายก่อนจะผละออกส่งยิ้มบางๆมาให้ สิบทิศยกมือขึ้นลูบหัวน้องด้วยความรัก "เดินทางดีๆถึงแล้วโทรหาพี่ด้วย"

"ครับ ถ้าอย่างนั้นที่รักกลับก่อนนะ อย่าลืมทานข้าว ห้ามทำงานหักโหมด้วยถ้าป่วยที่รักจะไม่กลับมาดูแล"

"ขู่กันแบบนี้พี่คงไม่กล้าป่วย"

"555 ที่รักไปก่อนนะครับ พี่แบร์ฝากดูแลพี่สิบด้วยนะครับ" ที่รักหันไปฝากฝังพี่ชายกับเพื่อนคนสนิทแสนจะเรียบร้อยของพี่ชาย จะเรียกว่าเพื่อนถูกหรือป่าวนะเพราะสายตาพี่ชายเวลามองพี่แบร์นี้ช่างหวานหยดย่อยกว่าขนมหวานในมือเขาเสียอีก

"ครับ น้องที่รัก"

"บ๊ายๆนะครับทุกคน"

คนตัวเล็กเดินออกจากบ้านพร้อมรอยยิ้มสดใสตรงมาที่รถญี่ปุ่นคันเล็กน่ารัก เจ้าตัวขนของขึ้นรถโดยมีนมแย้มมาช่วยด้วยอีกคน เมื่อร่ำลากันเสร็จที่รักก็รีบขับรถออกจากบ้าน เพราะว่าจะถึงคงกินเวลาไปอีกเกือบครึ่งวัน ไหนจะต้องฝ่ารถติดแถวหอพักของเขาอีก

แม้จะเป็นวันหยุดแต่เขานั้นไม่ได้หยุดตาม ดินยืนมองผู้คนมากมายที่มาดูการแข่งขับรถยนตร์รุ่นแบบจับเวลา สายตาคมจ้องมองและตรวจตราความเรียบร้อยต่างๆอยู่บนห้องทำงานกระจก เสียงเชียร์ของกองเชียร์ดังสนั่นลั่นไปทั่ว นี้ถ้าเป็นคนปกติเปิดสนามแข่งแบบนี้คงโดนร้องเรียนไปแล้ว แต่นี้คือสนามของตระกูลไตรวิทย์สกุล ใครที่ร้องเรียนคงไม่ได้อยู่รอดถึงวันพรุ่งนี้

ดินใช้เวลาทั้งวันกับการดูแลความเรียบร้อยของสนาม จนถึงเวลาที่เขานั้นควรจะได้พักผ่อน รถจักรยานยนต์ราคาเกือบสองล้านยี่ห้อดังขับออกจากสนามด้วยความเร็วที่ค่อนข้างเฉียดตายอยู่พอสมควร ตามถนนหนทางในเวลานี้ไม่ค่อยมีรถสัญจรมากมาย เขาเลยขับได้เหมือนกับว่าตนเองเป็นเจ้าของถนนไหวพริบของเขาในการขับรถนั้นมีมากพอและเหมาะสมกับถ้วยรางวัลที่ได้รับ

ระหว่างที่ขับรถรับลมเย็นๆกับบรรยากาศยามค่ำคืน สายตามองเห็นรถญี่ปุ่นคนเล็กจอดอยู่ข้างทางเปิดสัญญาณไฟฉุกเฉิน สัญชาตญาณความเป็นมนุษย์บอกให้เขาแวะจอดดู ดินเปิดไฟเลี้ยวเข้าข้างทางจอดรถอยู่ด้านหลัง ก่อนจะก้าวขาลงจากรถเดินไปดูเจ้าของรถญี่ปุ่นคันเล็กนี้ แต่แล้วก็ต้องเผ่ยยิ้มเล็กๆออกมาเมื่อเห็นว่าเจ้าของนั้นเป็นใคร

เบบี๋...

มาให้แกล้งถึงที่โดยไม่ต้องตามหา จะว่าไปเขาก็กำลังคิดถึงคนตัวเล็กคนนี้อยู่พอดี ไม่ได้เจอตั้งแต่วันที่เจ้าตัวเดินหนีไป เจอกันรอบนี้ถือโอกาสแก้ตัวที่ปากเสียใส่วันนั้นหน่อยก็แล้วกัน

"คุณ!!" ยังไม่ทันจะเดินเข้าไปหาเจ้าตัวก็ส่งเสียงโวยวายจมูกย่นติดกันสะแล้ว

"รถเป็นอะไร"

"ไม่ต้องมายุ่ง!" ถึงใจจะอยากให้ช่วยใจจะขาดแต่เพราะไม่ชอบหน้ายังไงก็ไม่ยอมพูดดีด้วยหรอก "ถ้าเธออยากนั่งตากยุงตรงนี้ก็ตามใจ ทางเปลี่ยวมีโจรหรือป่าวก็ไม่รู้ ระวังหน่อยก็แล้วกันระวังโดนฆ่าหมกป่า"

"คุณ! หยุดพูดเดี๋ยวนี้เลยนะ"

"ฉันถามว่ารถเป็นอะไร"

"ไม่รู้..." เบบี๋จำใจต้องผ่อนเสียงลงเพื่อให้อีกคนนั้นช่วยทำให้รถติดสะที

ไอ้คนบ้า! ใครใช้ให้พูดจาน่ากลัวแบบนั้น

ดินมาหน้าคนตัวเล็กแล้วนึกขำในใจ กลัวแล้วยังจะหยิ่ง คนตัวใหญ่ร่างหมีเดินไปหน้ารถเปิดฝากระโปร่งหน้ารถขึ้น ควันไอร้อนจากรถโขมงโฉงเฉงจนเขาต้องเขยินถอยหลังออกมาสามก้าว ใจนึกคิดว่าคนตัวเล็กขับรถยังไงถึงได้ปล่อยให้หม้อน้ำแห้งจนเครื่องน็อคไปแบบนี้

เบบี๋ยืนมองอยู่ไกลๆลุ้นระทึกเล็กน้อย สายตาคมหันมองมาที่เขาพร้อมกับร่างใหญ่เดินมาหา

"ขับรถยังไงให้หม้อน้ำแห้ง?" คำถามชวนกวนประสาท คนตัวเล็กคิ้วขมวดมองหน้าคนตัวโตตาเขม็ง บุคคลนี้โตมาแบบไหนทำไมชอบพูดจาปากไม่ดีแบบนี้ "ถามไม่ได้ยินหรือไง"

"ไม่รู้อย่าดุได้ไหม" แค่รถเสียก็อยากงอแงมากพออยู่แล้วยังจะเจอคนปากเสียอีกอะไรจะซวยขนาดนี้นะเบบี๋

ดินคลี่ยิ้มออกมาอีกครั้ง ตลกในท่าทีของอีกฝ่าย คำพูดน่ารักนั้นอีก อย่าดุ? เขาดุตอนไหนกันก็พูดปกติจะต้องให้ลงครับทุกคำเลยมันก็ไม่ใช่ "ยิ้มอะไร"

"ยิ้มให้คนงอแงเป็นเด็ก"

"ไม่เด็กแล้วโตแล้ว"

"โตที่ไหนหึ? เธอสูงแค่อกฉันเอง" ดินเดินเข้าไปใกล้คนตัวเล็กเพื่อวัดส่วนสูงหวังจะแกล้งให้อีกฝ่ายงอแง แต่กลับต้องถ่อยหนีออกมาสะเองเมื่อคนตรงหน้าช้อนตามองทำตาปริบๆสะอย่างนั้น

ตึก ตึก ตึก

หัวใจเต้นแรงจนแทบระเบิด

"เธอจะกลับเลยไหมเดี๋ยวฉันไปส่ง" ดินรีบเปลี่ยนเรื่องก่อนจะเสียอาการจนอีกคนสงสัย

"จอดไว้แบบนี้ไม่หายหรอ?"

"เดี๋ยวฉันโทรตามคนมายกไปซ้อมให้"

"แต่ของเราเยอะมากเลยนะ จะกลับยังไง"

"เธอก็ขนแต่ของจำเป็นต้องใช้ไปก่อนส ิแล้วเดี๋ยวรถเสร็จก็ค่อยมาเอาไปพร้อมรถ"

"จริงสิเนอะเอาแบบนั้นก็ได้"

สรุปแล้วโตจริงหรือแค่เกิดเร็วกันเนี่ย ซื้อบื้อได้โล้เลย

ดินได้แต่บ่นในใจเท่านั้น มือหนารีบกดโทรศัพท์หาเบอร์ลูกน้องให้มารับรถคันเล็กนี้ไปซ้อมที่อู่ คุยกันอยู่สักพักก็ได้เรื่อง

"เราต้องรอช่างก่อนไหมอ่ะ"

"ไม่ต้อง เธอแค่ล็อกรถเอาไว้แล้วก็ทิ้งเบอร์มือถือไว้ด้วย" เบบี๋ทำตามคำสั่งอย่างว่าง่าย เขียนเบอร์มือถือแล้วล็อกรถเอาไว้อย่างดี และเดินมาที่รอคันใหญ่คนตัวเล็กยืนฉงนใจเล็กน้อย ว่าจะพูดสิ่งที่อยู่ในใจดีหรือป่าว หากพูดไปเจ้าคนปากเสียตรงหน้าจะล้อเขาไหมนะ "ขึ้นไม่ได้?"

"รู้ได้ไง" เบบี๋ตาโตเป็นไข่ห่านทำท่าทางตกใจ "ดูจากส่วนสูงมั้ง"

"อย่ามาล้อ!"

"หึๆ ใครล้อกัน"

"ช่างเถอะ! ช่วยดึงหน่อยขึ้นไม่ได้"

แรงอย่างเขาถ้าให้ดึงคงแขนหลุดเลยเปลี่ยนจากดึงเป็นอุ้มอีกคนขึ้นนั่งบนเบาะแทน ก่อนจะคร่อมตัวตามขึ้นไป มือหน้าจับมือคนข้างหน้าให้โอบเอวกันไม่ให้อีกคนตกลงจากรถไป ไม่มีคำต่อว่าหรือเอ่ยห้ามใดๆมีเพียงเสียงลมที่พัดเท่านั้น

"นายชื่ออะไร" เสียงหวานเอ่ยถามต้านกันลมแรงๆ แม้จะเบาแต่เขากลับได้ยินมันชัด "ดิน.." คำตอบห้วนไม่ได้ไพเราะอะไรมากมาย

"ชื่อเหมาะดี"

"หรอ?"

"นายเหมือนไม่เชื่อเลย เราพูดจริงๆ"

"เหมาะยังไง? ดินมันอยู่กับพื้น มีแต่คนเดินเหยียบ"

"แต่ดินคือปัจจัยหลักของทรัพยากรทางธรรมชาติ ถ้าไม่มีดินพืชก็ไม่โต สัตว์โลกก็จะไม่มีอาหารและก็ส่งผลให้มนุษย์ไม่มีอาหารนะ ไม่ใช่แค่นั้นไหนจะข้าว ผลไม้ ถ้าไม่มีดินของพวกนี้ก็เติบโตไม่ได้" คำตอบดูเป็นวิชาการแต่คนฟังกับรู้สึกดี "ฉันจะจำไว้"

"ไม่ต้องจำก็ได้เราแค่บอกว่าดินมันดีและมีประโยชน์มากในตัวของมัน แม้คนจะมองว่าสกปรกแต่เราว่าถ้าไม่มีดินก็จะไม่มีธรรมชาติ เหมือนกับนายที่มีน้ำใจมาช่วยเราแต่กลับปากเสียไปนิดนึงถ้าลดลงได้ก็จะดีมากเลย"

"เธอแอบว่าฉันนะ"

"ป๊าวว! เราป๊าวสักหน่อย อ่ะ! ถึงแล้ว" คนตัวเล็กรีบกระโดลงรถหลังจากแอบว่าคนปากเสียไปนัยๆ "ขอบคุณนะดิน"

"อืม"

"นี้! เราให้" เบบี๋ส่งถุงขนมที่ตัวเองทำมาแบ่งให้ดินไปหนึ่งถุงเป็นการขอบคุณ "ฉันไม่ชอบกินอะไรหวานๆ"

"คนให้ของก็รับไปสิ เอาไป! เราทำเองอร่อย"

"อืม"

"งั้นเราขึ้นหอแล้วนะ ขับรถดีๆล้ะไม่ต้องซิ่ง"

"อืม"

"บ๊ายบาย" มือเล็กๆโบกลาคนมีน้ำใจก่อนเจ้าตัวจะเดินขึ้นหอ

วันนี้เขาเหนื่อยล้ากับการเดินทางมากยังไงคงต้องขอตัวนอนพักผ่อนสะก่อน หัวสมองเลิกคิดอะไรอาบน้ำล้มตัวนอนหลับให้ห้องแอร์เย็นๆ

ผิดกับอีกคนที่นั่งคร่อมรถมองคนร่างเล็กเดินขึ้นหอไป ใบหน้าหล่อคลี่ยิ้มอีกครั้ง

ดินมันดีในตัวของมัน

ไม่รู้ว่าพูดเอาใจหรือคิดจริงแต่ก็ขอบใจที่อุสาห์เข้าใจความหมายของชื่อเขามากกว่าใครหลายๆคน นอกจากพี่น้องและป๊ากับม๊าก็ไม่ค่อยมีใครเข้าใจความหมายของชื่อเขามากนัก

เมทธีระ ไตรวิทย์สกุล

เจอคนที่เข้าใจความหมายของชื่อสักที...

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด