ตอนที่แล้วEp.850 - ผู้มาเยือนจากตระกูลใหญ่
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปEp.852 - ถ้าไม่ตายจะยอมปล่อยไป

Ep.851 - การต่อสู้ของเลเวล S


3/5

Ep.851 - การต่อสู้ของเลเวล S

ลาวาเริ่มม้วนตัวเป็นคลื่นอีกครั้ง

สีหน้าของหลงเยว่หมองลง ดาบเล่มใหญ่สีดำสนิทปรากฏขึ้นในมือเขา ตัดกวาดไปเบื้องหน้าอย่างโหดเหี้ยม

กระบวนท่าวรยุทธ : ตัดขุนเขาแยกแม่น้ำ!

ด้วยการเชือดเฉือนนี้ แผ่นดินแข็งถูกผ่าเป็นรอยแยกลึกลงไปกว่า 20 เมตร กินระยะทางยาวไกลกว่า 1,000 เมตร กวาดตรงไปยังตำแหน่งของไอซาน

ร่างของไอซานที่ไม่เคยขยับเลยตั้งแต่เผยโฉมออกมา ในที่สุดคราวนี้ยอมยกเท้าขึ้น ฉีกหลบไปอีกทาง

--การโจมตีของผู้ใช้วรยุทธโบราณเลเวล S อาจทำร้ายร่างกายเขาจนบาดเจ็บได้

อย่างไรก็ตาม ไอซานมีหรือจะยอมโดนฝ่ายเดียว ปลดปล่อยการโจมตีสวนกลับไปติดๆ อานุภาพการต่อสู้ของทั้งสอง พลิกโฉมพื้นดินบนสมรภูมิธารโลหิตจนไม่เหลือเค้าเดิม ทุกอย่างแปรเปลี่ยนไปทันที

นี่แหละคือเลเวล S !

ด้วยอำนาจที่มี หากคิดย้ายขุนเขาถมทะเล ย่อมไม่ใช่ปัญหา!

ขณะนี้ หลงหยุนอี้ไม่ได้ลงมือ แต่เขาเลือกถอยออกมาก้าวหนึ่ง ปล่อยให้ทั้งสองต่อสู้กัน ติดต่อกับฉินเฟิงผ่านพลังสมาธิ

“สวัสดีฉินเฟิง และเจ้าเพื่อนตัวน้อย”

“สวัสดีปรมาจารย์หลง”

“สวัสดีปรมาจารย์หลง”

ฉินเฟิงไป๋หลี ทั้งคู่เอ่ยทักทายอีกฝ่าย

หลงหยุนอี้สำรวจมองฉินเฟิงขึ้นๆลงๆ ประกายแสงวาบผ่านในดวงตาของเขา กล่าวอย่างยิ้มแย้มว่า “ไม่ได้เจอกันพักเดียว ฉินเฟิง คุณก้าวหน้าไปมากจริงๆ สามารถรับมือกับไอซานได้ว่าน่าทึ่งแล้ว แต่ที่น่าเหลือเชื่อยิ่งกว่าก็คือ ในตอนนั้นคุณสามารถ ‘ถอด’ แขนข้างหนึ่งของเหอเทียนสิงได้จริงๆ!”

เรื่องของเหอเทียนสิง แม้อีกฝ่ายจะซ่อนตัวอย่างมิดชิด แต่ก็ยังมีคนเห็นว่าเขาได้รับบาดเจ็บ ถึงจะฟื้นฟูกลับมาได้ แต่เหมือนถูกถอดเขี้ยวเล็บไปข้างหนึ่ง ข่าวนี้เพียงพอแล้วที่จะทำให้ตระกูลหลงเข้าใจ ว่าเหอเทียนสิงได้รับบาดเจ็บร้ายแรงเพียงใด

ฉินเฟิงได้ยินหลงหยุนอี้พูดแบบนี้ เขาก็ทราบว่ามันเป็นคำชมแบบหนึ่ง แต่ฉินเฟิงกลัวว่าเหอเทียนสิงจะมาฆ่าเขา ดังนั้นไม่คิดโอ้อวดเรื่องนี้ให้ใหญ่เกินไป ได้แต่ปฏิเสธเล็กๆน้อยๆ

“ตอนนั้นแค่เรื่องบังเอิญน่ะครับ ผมโชคดีมีไพ่ตายอยู่ในมือ ส่วนตอนนี้ ผมแค่ถูกบังคับให้ต้องสู้!”

ฉินเฟิงเฉลยพร้อมเปลี่ยนหัวข้อในเวลาเดียวกัน เนื่องจากหูซานเป็นสมาชิกพันธมิตรมนุษย์ ฉะนั้นเขาเชื่อว่าหลงหยุนอี้ก็น่าจะรู้จักอีกฝ่ายเช่นกัน

“ผมได้พบกับท่านผู้ใหญ่หูซานก่อนหน้านี้ ตอนนี้เขาอยู่ในช่วงเวลาสำคัญ แต่จู่ๆไอซานกลับปรากฏตัวขึ้น อีกฝ่ายแสดงเจตนาไม่ดีอย่างเห็นได้ชัด ผมเลยปล่อยให้เขารบกวนท่านผู้ใหญ่หูซานไม่ได้”

หลงหยุนอี้ได้ยินคำพูดของฉินเฟิง สีหน้าเขาเปลี่ยนไปเล็กน้อย แน่นอนว่าเขาเห็นกระท่อมหิมะแห่งนี้มาสักพักแล้ว แต่การที่ฉินเฟิงกับไป๋หลีสามารถต่อสู้มาจนถึงตอนนี้ กลิ่นอายของหูซานที่ทิ้งไว้เบื้องหลังถูกอักษรรูนทำลายไปหมดแล้วระหว่างการต่อสู้ แม้หลงหยุนอี้ยังคงสงสัยอยู่บ้าง แต่ก็ไม่คิดฟันธง ขณะนี้ เมื่อได้ยินคำของฉินเฟิง ก็อดรู้สึกตื้นตันขึ้นมาไม่ได้

ไม่เพียงแค่นั้น ดวงตาเขายังเปิดขึ้นเล็กน้อย ในหัวใจเกิดการคาดเดาบางอย่างขึ้นเช่นกัน

ใบหน้าของหลงหยุนอี้เผยรอยยิ้มสามส่วน ให้ความรู้สึกค่อนข้างสบาย ทำให้ผู้คนรู้สึกเหมือนกำลังแช่น้ำพุร้อนท่ามกลางสายลมโชยในฤดูใบไม้ผลิ หากอีกฝ่ายไม่ใช่เลเวล S ผู้คนที่พบเห็นเขา จะต้องเกิดความคิดขึ้นมาอย่างแน่นอน ว่าหลงหยุนอี้เป็นเพียงนักธุรกิจที่สง่างาม

“หูซานกำลังปิดด่านฝึกตนอยู่งั้นหรือ? อ้อ คงเป็นเพราะเขาได้พบผลึกโลหิตตามข่าวลือแล้วใช่ไหม ถ้าถึงขั้นทำให้เขาจมอยู่กับสมาธิได้แบบนี้ แสดงว่ามันต้องเป็นของดีจริงๆ”

ฉินเฟิงได้ยินคำพูดที่ฟังก็รู้ว่ากำลังลอบสอบถามของหลงหยุนอี้ ก็ไม่คิดปิดซ่อนความลับ กล่าวว่า “ข่าวลือนั้นเป็นเรื่องจริง!”

หลงหยุนอี้พยักหน้า “เช่นนั้นคุณยังพอมีพวกมันเก็บเอาไว้ไหม? ถ้าคุณไม่ต้องการ สนใจขายให้คนแก่อย่างฉันรึเปล่า?”

หากไม่ใช่เพราะหลงหยุนอี้เป็นอาวุโสของตระกูลหลง บวกกับความผันผวนอันลึกล้ำที่สะท้อนในแววตาเขา ฉินเฟิงคงสงสัยว่าเมื่อครู่หลงหยุนอี้กล่าวล้อเล่นกับตน

ฉินเฟิงกำลังตอบคำ แต่ในตอนนั้นเอง ในชั้นอากาศ กลิ่นอายของเลเวล S อีกคนหนึ่งปะทุออกมาอีกครั้ง

ผู้มาเยือนคนใหม่อยู่ไม่ไกลจากพวกเขา น่าจะห่างไปเพียงไม่กี่พันเมตร คาดว่าก่อนหน้านี้คงกลบซ่อนตัวตนเอาไว้

แต่ตอนนี้ กลิ่นอายของอีกฝ่ายระเบิดออกมา ฟุ้งไปด้วยความโกรธอย่างหาที่เปรียบมิได้

“หลงเยว่!! ไอ้หัวขโมย ในมือนั่นมันดาบอสูรฟ้าของฉัน!!”

พูดถึงโจโฉ โจโฉก็มา!

ไม่คาดคิดเลย ว่าผู้มาเยือนคนใหม่จะเป็นเจ้าเมืองหลวงแห่งความมืด เหอเทียนสิง!

เหอเทียนสิงได้รับบาดเจ็บครั้งก่อน แม้เขาจะรักษาหายได้อย่างรวดเร็ว แต่กลับทิ้งเชื้อร้ายไว้ในร่างกายเขา สำหรับผู้แข็งแกร่ง เชื้อโรคไม่นับเป็นสิ่งใด แต่ในระหว่างต่อสู้กันจริงๆ มันจะส่งผลเสียเล็กๆน้อยๆ ซึ่งมันอาจทำให้เขาพลาดพลั้งได้ทุกเมื่อ และความพลาดพลั้ง มันหมายถึงวิกฤต!

เมื่อได้ข้อสรุปเช่นนี้ เหอเทียนสิงเลยตัดสินใจมาที่นี่เพื่อหาผลึกโลหิตรักษาตัวเช่นกัน แต่ผลที่ได้คือเขาบังเอิญเห็นการต่อสู้ระหว่างหลงเยว่กับไอซาน แม้ดาบในมือของหลงเยว่จะเปลี่ยนรูปลักษณ์ไปแล้วโดยรูบิควิเศษ แต่แก่นแท้ของกลิ่นอายมันยังคงใกล้เคียงกันอยู่

หากไม่เห็นก็คงไม่เป็นอะไร แต่ปัจจุบัน เหอเทียนสิงค้นพบมันแล้ว และเขาสามารถจดจำมันได้ทันที อาวุธคู่กายของเขาถูกสารเลวน้อยขโมยไปก็ว่าแย่แล้ว แต่ตอนนี้ยังไปตกอยู่ในมือศัตรูอีก นี่ทำให้เหอเทียนสิงโกรธมาก

โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลงเยว่กำลังต่อสู้กับไอซานในตอนนี้

โอกาสทองเช่นนี้ หากเขาไม่ลงมือแก้แค้น แล้วเมื่อไหร่จะกลับมาเชิดหน้าชูตาได้?

“ไอซาน ฉันจะช่วยแกเอง!”

ผู้ใช้พลังเลเวล S ต่างรู้จักคุ้นหน้าคุ้นตากันดี แต่ยากนักที่จะต่อสู้กัน ที่สู้ซะเต็มเหนี่ยวแบบนี้เพราะปัจจุบันทั้งหมดอยู่ในต่างมิติ หากเป็นในมิติของโลกมนุษย์ พวกเขาจะไม่ค่อยทะเลาะกันแบบนี้ เพราะเกรงว่าอาจสร้างความเสียหายมากเกินไป และอาจทำให้มิติเกิดการสั่นสะเทือน

แต่ตอนนี้ พวกเขาไม่จำเป็นต้องกังวลเรื่องนั้น!

ปัจจุบัน จากการต่อสู้ที่อยู่ในสภาวะก้ำกึ่ง เริ่มเอนเอียงไม่สมดุล ช่องว่างระหว่างเลเวล S ด้วยกันไม่ใหญ่มาก ดังนั้นเป็นเรื่องยากหากคิดโค่นฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง แต่ตอนนี้สถานการณ์กลายเป็นสองรุมหนึ่งแล้ว หลงเยว่ตกอยู่ในสถานการณ์ยากลำบากแค่ไหนก็ลองจินตนาการดู

หลงหยุนอี้ไม่สนใจคุยกับฉินเฟิงอีกต่อไป เร่งเข้าไปหยุดเหอเทียนสิงทันที

“เหอเทียนสิง เป็นแกเองมิใช่หรือที่อ่อนแอ ทำอาวุธของตัวเองหาย แล้วยังมาตำหนิรุ่นหลานของฉันได้อย่างไร? เข้ามา! ฉันจะเป็นคู่ต่อสู้ให้เอง!”

เหอเทียนสิงเห็นหลงหยุนอี้ สีหน้าแปรเปลี่ยนไปเล็กน้อย ชัดเจนว่า หากเป็นหลงหยุนอี้ ลึกๆแล้วในใจเขายังคงรู้สึกหวาดกลัว

อย่างไรก็ตาม หลงหยุนอี้ลงมือโจมตีแล้ว เหอเทียนสิงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากทานรับมัน

เพียงช่วงระยะเวลาสั้นๆ การโจมตีของตัวตนทรงอำนาจเลเวล S ทั้งสี่ปะทะเข้าใส่กัน

เปรี้ยงงงงง!!!

คล้ายกับว่าบางอย่างระหว่างสวรรค์และปฐพีจะถูกทั้งสี่ทำลายแตกเป็นเสี่ยงๆ การโจมตีของพวกเขา ก่อให้เกิดบอลสีดำสนิทปรากฏขึ้น บอลที่ว่าขยายตัวด้วยความเร็วสูง

มันคือรอยแยกมิติ

ยิ่งไปกว่านั้น ตอนนี้มิติธารโลหิต โดยเนื้อแท้มันไม่มีความเสถียรอยู่แล้ว ตอนนี้ยิ่งไม่สมดุลเข้าไปใหญ่

รอยแยกแตกขยายออกไปเรื่อยๆ ลุกลามมาถึงตำแหน่งที่ทั้งสี่กำลังต่อสู้ ราวกับจะกลืนกินพวกเขา เลเวล S ทั้งฝ่ายดีและร้ายถอยกลับอย่างรวดเร็ว ปลีกตัวแยกออกจากใจกลางสนามรบ

รอยแยกแตกแขนง ทอดยาวออกไปนับ 1,000 เมตร กลืนลงบนพื้นดินของสมรภูมิธารโลหิต กัดฉีกพื้นดินเป็นชิ้นๆ

ทั้งสี่เหินขึ้นไปบนท้องฟ้า ก้มลงมองสิ่งที่เกิดขึ้นในอากาศ จิตวิญญาณแห่งการต่อสู้ค่อยๆสลายไป

เป็นเพราะการโจมตีของพวกเขา ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงรุนแรงเกินไป การต่อสู้เช่นนี้ ไม่เหมาะที่จะดำเนินอีกต่อไป

เมื่อเรื่องราวดำเนินมาถึงจุดนี้ ใจกลางรอยแยกมิติ สัตว์ร้ายฝูงหนึ่งกรูกันออกมา

เมื่อฝูงสัตว์ร้ายเหล่านี้ปรากฏตัว  พบว่ามันมีความแข็งแกร่งอยู่ในเลเวล C สูงสองเมตร รูปร่างเหมือนกบ ตามลำตัวถูกปกคลุมไปด้วยหนังสีดำและสีเขียวเข้ม ดูน่าหวาดกลัวขยะแขยง

กงเก๋อที่ซ่อนตัวอยู่ห่างออกไป 1,000 เมตร สีหน้าซีดเผือดลงทันใด

“ต้องหนีแล้ว นั่น … นั่นคือสัตว์ร้ายจากป่าวูดู!”

“นี่- ถ้ารอยแยกมิติแห่งนี้เชื่อมต่อกับป่าวูดู … พวกเราคงไม่มีโอกาสรอดแล้ว!”

ผู้รอดชีวิตกลุ่มเดียวที่เหลืออยู่จากมิติล่มสลาย ทั้งหมดต่างสิ้นหวัง

ป่าวูดูเป็นพื้นที่อันตรายที่น่ากลัวที่สุดในมิติของพวกเขา มันไม่ใช่สิ่งที่มนุษย์สามารถเข้าไปสำรวจได้ ว่ากันว่าที่นั่นมีสิ่งมีชีวิตติดพิษอย่างน้อยสิบล้านตัว เดิมทีการเอาตัวรอดบนมิติธารโลหิตก็เป็นเรื่องยากอยู่แล้ว ตอนนี้มีฝูงสัตว์พิษหลุดออกมาอีก ไม่อยากจินตนาการเลยว่าสถานการณ์มันย่ำแย่ขนาดไหน

อย่างไรก็ตาม มนุษย์ทุกคนน่ะปรารถนาที่จะมีชีวิตรอด แม้พวกเขาจะสิ้นหวังกับอนาคตขนาดไหนก็ตาม ทั้งหมดตัดสินใจวิ่งหนีทันที ฉินเฟิงกับไป๋หลีเอง ก็ล่าถอยอย่างรวดเร็ว

ทว่าเพียงเริ่มเปิดใช้งานรูนมิติ เหอเทียนสิงในอากาศ ก็ค้นพบฉินเฟิงเสียก่อน

“แกมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง!” ดวงตาของเหอเทียนสิงวาวโรจน์ ระเบิดเจตนาฆ่าอย่างไม่เคยปรากฏมาก่อน

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด