ตอนที่แล้วตอนที่ 24 เขาใจร้ายและบ้าคลั่ง
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 26 ภรรยาของฉันเก่งเรื่องบนเตียงที่สุด

ตอนที่ 25 ฉันอยากให้คุณตายซะที่นี่


เมื่อนึกถึงเรื่องนี้ ฉีโย่วยังคงรับประทานอาหารได้อย่างมีความสุข หลังจากเคลิบเคลิ้มมาตลอดทั้งคืน เธอไม่มีเวลาทานอาหารเช้า และตอนนี้กำลังหิวโหยเป็นอย่างมาก

คนบางคนสังเกตเห็นฉีโย่วในกลุ่มเพื่อนร่วมงาน

“สวัสดีฉีโย่ว คุณจะไปไหน”

ฉีโย่วและหบี่ซือเฉิงอยู่ด้วยกันมาเป็นเวลานานและทำงานในบริษัทเดียวกัน ดังนั้นความสัมพันธ์ของพวกเขาจึงเป็นที่รู้กันในหมู่เพื่อนร่วมงานไม่มากก็น้อย

ฉีโย่วตัวแข็งไปชั่วขณะและในไม่ช้าสีหน้าเย็นชาของเธอกลับคืนมา

“ฉันขอให้พวกคุณรักกันตลอดไปและมีลูกเต็มบ้านหลานเต็มเมือง” ฉีโย่วลุกขึ้นยืนและเดินออกจากโรงอาหาร

“ช่างเป็นวันที่โชคไม่ดีเอาเสียเลย”

ฉีโย่วเข้าไปในห้องน้ำ เพียงไม่นานที่ได้เห็นใบหน้าที่อ่อนล้าแต่อ่อนเยาว์และสวยงามปรากฏในกระจก ทำให้เธอมีกำลังใจขึ้น

เมื่อเช้านี้ออกมาด้วยความรีบร้อน ฉีโย่วหยิบกระเป๋าของเธอออกมา เติมเครื่องสำอางบนใบหน้า สาวมั่นต้องสวยตลอดเวลา!

“โย่วโย่ว”

ทันใดนั้นจีหมานชิงได้ปรากฏตัวขึ้นข้างหลังเธอ และเข้ามาข้าง ๆ เธอ

“เธอจะมางานแต่งงานของฉันในเดือนหน้าด้วยใช่ไหม?”

จีหมานาชิงยิ้มอย่างอ่อนโยนราวกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นระหว่างพวกเขา

ฉีโย่วมองไปที่จีหมานชิงด้วยความรังเกียจ หวังว่าจะหนีไปจากเธอให้ได้เร็วที่สุด

“ใช่สิ. แฟนเก่าจะแต่งงานทั้งที จะไม่มีได้ยังไง ใช่ไหม?”

ฉีโย่วหยิบสิปสติกขึ้นมา ทาลงบนริมฝีปากของเธออย่างชำนาญ

สมบูรณ์แบบ!

“ฉีโย่ว เกินไปแล้วนะ!” จีหมานชิงรู้สึกหงุดหงิดกับความเย่อหยิ่งของฉีโย่ว

“ฉันเคารพเธอเหมือนพี่น้องของตัวเอง อย่าทำตัวไร้ยางอายไปหน่อยเลย”

“พัฟ!” ฉีโย่วอดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา

“ใครกันแน่ที่หน้าด้าน? ฉันไม่มีพี่น้องที่ไร้ยางอายเหมือนเธอ แย่งแฟนของคนอื่นและมีความสุขกับเขา โดยไม่รู้สึกผิดอะไรเลย”

ฉีโย่วปั้นหน้าได้อย่างสวยงามโดยไม่ได้รับผลกระทบจากคำพูดของจีหมานชิงเลย

“ฉันรู้ว่าเธอยังโกรธฉันอยู่ แต่หลี่ซือเฉิงกับฉัน เรารักกันจริง ๆ ทำไมเธอถึงไม่ปล่อยพวกเราไป”

จู่ ๆ จีหมานชิงก็เปลี่ยนลุคอีกครั้ง

แต่ไม่ว่าเธอจะหน้าตาเป็นอย่างไร ฉีโย่วก็ไม่ได้รู้สึกแย่กับเธอในตอนนี้

“ไม่ ฉันเหรอที่ไม่ปล่อย พวกผีเน่าโรงผุ”

ฉีโย่วเลิกคิ้วอย่างภาคภูมิใจที่จีหมานชิง จู่ ๆ เปลี่ยนสีหน้าแย่ลง

“ฉีโย่ว เธอ..อา!”

ขระที่เธอสวมรองเท้าส้นสูงถึงแปดเซนติเมตร จีหมานชิงเสียการทรงตัวและล้มลง

ปัง.

ฉีโย่วรู้สึกเหมือนมีลางร้ายผุดขึ้นในความคิดของเธอ

“เฮ้ เธอโอเคไหม?”

แม้ว่าจะเกลียดจีหมานชิงสักเพียงใด ทว่าฉีโย่วอดไม่ได้ที่จะช่วยดึงเธอขึ้นมา เมื่อเห็นสีหน้าอันเจ็บปวดของเธอ

“โย่วโย่ว เธอผลักฉันทำไม”

จีหมานชิงอ้าปากค้าง ผมเปียกไปด้วยเหงื่อเย็น ใบหน้าของเธอบิดเบี้ยวด้วยความเจ็บปวดดูแล้วน่ากลัวมาก

ฉีโย่วหยุดกึก พร้อมกับจ้องมองไปที่จีหมานชิงที่หอบอยู่บนพื้น

“น่าสนใจดีนี่! ฉันเหรอที่ผลักเธอ?” ฉีโย่วหดมือกลับอย่างช้า ๆ ‘ผู้หญิงอะไร หน้าด้านเสียจริง! เธอพยายามใส่ร้ายฉัน ในสถานการณ์อย่างนี้น่ะนะ’

“งั้นก็ตายอยู่ที่นี่เถอะ!” ฉีโย่วหยิบกระเป๋าแล้วเดินออกจากห้องน้ำ โดยทิ้งจีหมานชิงนอนกองอยู่บนพื้น

“หืม! หยุดเลยนะ คนที่เขาล้ม ก็แค่ลุกขึ้นมาก็ได้แล้ว”

ฉีโย่วกลอกตาและปรับตัวให้พร้อมสำหรับการทำงานต่อไป

“ปัง!” ราวกับกระแทกเข้ากับกำแพง ทำเอาฉีโย่วรู้สึกปวดหัว

“อุ๊ย ใครกัน? ตาบอดหรือไง”

ฉีโย่วลูบหัวด้วยความมันงง ตั้งใจจะต่อว่าต่อไป

วันนี้เธอได้พบกับสิ่งที่สร้างแต่ความไม่พอใจมากมาย ดีล่ะจะได้ระบายความโกรธออกไปสักที

“ฉันเอง.”

ฉีโย่วรู้สึกประทับใจในเสียงทุ้ม

เธอเงยหน้าขึ้นและเห็นชายที่สง่างาม กำลังมองมาที่เธอพร้อมกับผู้จัดการที่ยืนอยู่ข้าง ๆ เขา ผู้จัดการดึงเธอออกมาในทันที

“ทำไมเธอถึงไม่ระวังอย่างนี้ แล้วยังจะชนเจ้านานอีก? ขอโทษเดี๋ยวนี้!”

“ขอ-ขอโทษค่ะ”

ฉีโย่วก้มหัวขอโทษแทบจะใกล้จะพื้น

หลังจากเงียบไปสักพัก ฉีโย่วแอบมองขึ้นไป พบว่าเหยาซื่อจากไปแล้ว

“ฟู่! บ้าอะไรเนี้ย! เขาจากไปโดยไม่พูดอะไรสักคำได้ยังไง?”

ฉีโย่วกล่าวอย่างเศร้าใจ เธอนึกไม่ออกเลยว่าเหยาซื่อจะลงโทษเธออย่างไร

*

เป็นเวลาเกือบเที่ยงก่อนที่ชายที่นอนบนเตียงใหญ่จะค่อย ๆ ลืมตาขึ้น

ผู้หญิงที่นอนอยู่ข้าง ๆ เขาไม่อยู่แล้ว เหยาซื่อยกมือกุมขมับ “ฉันเป็นโฮสต์ของผู้หญิงคนนั้นใช่ไหมเนี้ย ตื่นมาเมื่อไหร่เธอก็หนีไปตลอดเลย”

ในอีกความคิดหนึ่ง เขาต้องหาเวลาสอนเธอให้มากกว่านี้ เขามั่นใจว่าสักวันเธอจะเรียกเขาว่า สามี.

*

ฉีโย่วใช้เวลาตลอดทั้งบ่ายบนเครื่องบินอย่างมีความสุข ทิ้งความหดหู่ใจในตอนเช้าและไม่เคยคิดมาก่อนว่าจะมีเรื่องอีกมากมายรอเธออยู่

........

เวลา 1ทุ่ม ฉีโย่วถอดเครื่องแบบและเตรียมตัวกลับบ้าน

เธอคิดว่าจะบินเที่ยวบินพิเศษในตอนเย็น เพื่อชดเชยในตอนเช้า ไม่คาดคิดว่าแม่ของเธอจะโทรมาในเวลาที่เธอเลิกงานและขอให้เธอกลับบ้านไปทานข้าวเย็นกับเจียงเฟิงอี้

“นี่เป็นวันแรกที่แกแต่งงาน แกจะละเลยได้ยังไง รีบกลับเดี๋ยวนี้!”

เมื่อมองไปรอบ ๆ บ้านเต็มไปด้วยของขวัญสำหรับเจ้าสาวที่ได้รับในตอนกลางวัน แม่ของฉีโย่วยิ้มกว้างปากเกือบจะจรดถึงใบหู ‘ครอบครัวคนรวยนี่ช่างมีน้ำใจจริง ๆ’

เธอตัดสินใจที่จะเก็บทุกอย่างไว้เอง ตอนนี้ลูกสาวของเธอได้แต่งงานกับครอบครัวเศรษฐีไปแล้ว แต่เธอต้องอยู่อย่างโดดเดี่ยว

“จะให้ฉันไปไหนอีกล่ะแม่? ให้ฉันได้พักบ้างเถอะ”

ฉีโย่วนั่งบนม้านั่งอย่างเหนื่อยล้า รู้สึกปวดหัว

“แกนี่ ฉันส่งของของแกไปหมดแล้ว แกไม่ต้องกลับมาแล้วนะ”

“อะไรนะ!”

ฉีโย่วนั่งลงอย่างหัวเสีย เป็นครั้งแรกที่เธอสงสัยว่านี่คือแม่ของเธอจริง ๆ หรือเปล่า แม่ที่กระตือรือร้นผลักดันให้ลูกสาวของตัวเองออกไปจากบ้าน

“อย่าเล่นตุกติกล่ะ ไปอยู่ที่บ้านคุณย่าซะ ฉันจะไม่ยกโทษให้แก ถ้าแกทำให้เธอโกรธอีก”

แม่ใช้ทั้งไม้อ่อนและไม้แข็งกับเธอก่อนจะวางสาย ฉีโย่วนั่งตัวสั่นเมื่อนึกถึงดวงตาที่เย็นชาของเหยาซื่อในตอนเที่ยง

ปวดหัวเหลือเกิน เธอลูบขมับไปมา เมื่อคิดถึงสุขภาพของเฟิงอี้ เธอไม่กล้าที่คัดค้านใด ๆ ได้

“ขึ้นรถ” เสียงทุ้มต่ำน่าดึงดูดใจดังขึ้น เมื่อรถโรดสเตอร์สีแดงหยุดอยู่ข้าง ๆ ฉีโย่ว

ขณะที่หน้าต่างเลื่อนลง เหยาซื่อสวมแว่นกันแดด วางมือไว้บนพวงมาลัย รูปลักษณ์ที่หล่อเหลาของเขาทำให้ฉีโย่วหน้าแดงระเรื่อขึ้น

“โอ้ว! เป็นคนรวยนี่มันดีจริง ๆ มีรถขับไม่ซ้ำในแต่ละวัน”

เมื่อเห็นว่าไม่มีใครอยู่รอบ ๆ ฉีโย่วรีบเข้าไปในรถ

เสียงของเธอเบา ทว่าเหยาซื่อได้ยินชัดเจน รอยยิ้มจาง ๆ ปรากฏในดวงตาใต้แว่นกันแดดของเขา

“สำหรับการเฉลิมฉลอง”

ฉีโย่วกระตุกมุมปากอย่างช่วยไม่ได้ แต่ไม่ได้พูดอะไรออกไป เมื่อเทียบกับคำพูดอันแหลมคมของเขา เธอไม่มีอะไรจะพูดเลยจริง ๆ

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด