ตอนที่แล้วตอนที่ 150 ศึกที่สะพานข้ามแม่น้ำเมืองซานติเกีย
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 152 ไนเรลปรากฏตัว

ตอนที่ 151 สถานการณ์พลิกผัน


ตอนที่ 151 สถานการณ์พลิกผัน

เอวาและกองกำลังผู้พิทักษ์ที่ถอยกลับมาหลังสุดปีนขึ้นมาจากกองหินและซากกำแพงที่ตาเดียวใช้ปกป้องทุกคนจากการโจมตีของลูกบอลน้ำขนาดใหญ่

ลูกบอลน้ำที่โจมตีทุกคนเหมือนกับกระสุนปืนใหญ่ที่ร่วงหล่นลงมา และคนที่สามารถสร้างมันขึ้นมาโจมตีพวกเขาได้คงเปรียบเหมือนปืนใหญ่ ทุกคนจึงเกิดความกลัว

แต่ถึงจะกลัวพวกเขาก็ไม่ได้ขี้ขลาด ทุกคนต่างช่วยกันพาคนที่บาดเจ็บถอยกลับไปด้านใน ส่วนคนที่สู้ไหวก็มองหามนุษย์ชั้นสูงระดับสีน้ำเงินที่โจมตีพวกเขาพร้อมคิดวิธีในการรับมือไปด้วย

และแล้วคนที่ลงมือกับกองกำลังผู้พิทักษ์ก็เผยตัวออกมา

สายตาของทุกคนมองผ่านกองกำลังทหารไปจนถึงฟรินทันและชายลึกลับข้าง ๆ ที่ยืนอยู่สองคน ทั้งสองสวมชุดคลุมปิดหน้าจนมิดไม่สามารถมองออกได้ ๆ ว่าเป็นใคร แต่ที่น่าแปลกสายฝนกลับไม่ตกในบริเวณรอบ ๆ แต่กลับรวมอยู่รอบตัวของชายลึกลับหนึ่งในสองคน

ชายคนนั้นก้าวเดินออกมามองข้ามผ่านสะพานไปที่ตาเดียวที่ตอนนี้นอนสลบไม่ได้สติอยู่ ไม่รู้เพราะอะไรชายคนนั้นถึงคิดอยากจะฆ่าตาเดียว บางที่อาจจะเพราะกลัวความสามารถของตาเดียวก็ได้

ตาเดียวที่ตอนนี้นอนสลบ ร่างแข็งเป็นหิน ต้องบอกว่าเป็นหินจริง ๆ เพราะร่างของเขาหลอมเข้าไปในหินบางส่วนแล้ว

ผู้พิทักษ์สมาพันธ์สองคนที่อยู่ใกล้โยนโล่ทิ้งจากนั้นก็ช่วยกันโยนหินที่ทับร่างและกำลังรวมกับตาเดียวทิ้งออกไปห่าง ๆ นั้นจึงหยุดการหลอมรวมได้ชั่วคราว บางทีอาจจะต้องให้ตาเดียวตื่นขึ้นมา ไม่งั้นเขาอาจจะกลายเป็นรูปปั้นหินไปจริง ๆ

เอวาหยิบของบางอย่างออกมาจากตัว มันคือโลหิตแห่งชีวิตขวดหนึ่ง เธอส่งให้กับผู้พิทักษ์คนหนึ่งที่ช่วยตาเดียวอยู่

“พาคนเจ็บถอยกลับไปก่อน ใครที่พอสู้ไหวรักษาแนวรบไว้จนกว่ากองกำลังทั้งสามจะกลับมา” เอวาพูดจบคนที่ยังพอสู้ไหวอีกร้อยกว่าคนก็หยิบยกโล่กระแทกที่พื้นดินเบื้องหน้าสร้างเป็นแนวกำแพงโล่ เพราะตอนนี้กำแพงของเมืองซานติเกียของหลังของพวกเขาพังถล่มลงมาแล้ว

ทกคนหลบอยู่หลังกำแพง มองไปที่สะพานข้ามแม่น้ำด้วยสีหน้าเข้มขึง กองทัพทหารและมนุษย์ชั้นสูงของหน่วยดาบและโล่ฝั่งตรงข้ามกำลังเดินหน้าข้ามสะพานมาอย่างง่ายดาย เพราะไม่มีใครขัดขวาง

ฝั่งของเอวาก็จับอาวุธบีบเค้นพลังของตัวเองเตรียมรับศึกเต็มที่ สายตาของทุกคนต่างมองฝั่งตรงข้ามของกันและกัน เลือดที่ไหลผ่านบาดแผลตามร่างกายผสมไปกับน้ำและสายฝนที่กลับมาตกเหมือนเดิมแล้ว

ขณะที่สถานการณ์กำลังตึกเครียดอยู่ ๆ ก็มีเสียงดัง แป๊ะ!!! เหมือนกับสายอะไรบางอย่างขาด เสียงที่เหมือนอะไรขาก็คือเสียงเหล็กที่ยึดตามสะพานขาดออกจากกัน จากนั้นก็ตามมาด้วยเสียง คลื่น!!! ของสะพานที่ถล่มลงมา

ทุกคนที่อยู่บนสะพานพากันถอยออกมาจากระยะถล่ม สะพานช่วง 20 เมตรสุดท้ายขาดออกไม่สามารถไปต่อได้ นั้นจึงทำให้คนของกองกำลังผู้พิทักษ์ผ่อนคลายเล็กน้อย แต่ก็ไม่ใช้ทั้งหมด

“ถ้าชายคนนั้นลงมืออีกครั้งฉันจะคอยต้านพวกมันเองส่วนพวกนายก็จัดการคนอื่น ๆ” เอวามองไปที่ชายลึกลับที่มีกระสุนน้ำหมุนวนรอบกายตอนนี้ชายคนนั้นก้าวเดินออกมาที่สะพานตามหลังทหารและหน่วยของรัฐบาลไทกีล่ามาติด ๆ

“รองประธาน คุณคิดว่าพวกผมจะปล่อยให้คุณสู้คนเดียวหรือไง”

“ใช่ ถ้าทำแบบนั้นท่านประธานฆ่าพวกเราแน่นอน อีกอย่างพวกเราไม่ต้องสู้ตายกับพวกมัน แค่ถ่วงเวลาไว้สักพักก็พอ”

ผู้พิทักษ์สมาพันธุ์ที่ตอนนี้มีพลังระดับสีเขียวต่างก้าวเดินขึ้นมาข้างหน้า ถึงจะมีแค่ไม่กี่สิบ แต่ก็สร้างแรงกดดันให้กับศัตรูได้อย่างแน่นอน เอวาที่เห็นว่าห้ามพวกเขาไปก็เท่านั้น จึงพยักหน้ารับอย่างขอบคุณ

และก็นึกถึงคำพูดเมื่อกี้ จริงอย่างที่ผู้พิทักษ์สมาพันธ์บอก ไม่จำเป็นต้องสู้ตาย แค่ถ่วงเวลา จากกำหนดการไนเรลน่าจะมาถึงภายในเย็นวันนี้ มันก็แค่ 6 ชั่วโมง พวกเขาต้องต้านไว้ 6 ชั่วโมงไม่รู้เพราะอะไรเธอเชื่อว่าไนเรลสามารถจัดการพวกนี้ได้อย่างแน่นอน ขอแค่เขาอยู่ที่นี่

เอวากำลังคิดถึงประธานของเธออยู่ เสียงดัง ตูม!!! ก็ดังขึ้นมามันมาจากปืนใหญ่ที่ยิงพวกเขาทุกคนหลบอยู่หลังโล่สีดำคอยยันไว้ไม่ถอย

“หลีกไปให้หมด” เสียงของชายคนหนึ่งดังก้องไปทั่วบริเวณ แม้แต่เสียงปืนใหญ่ก็ไม่สามารถกลบเสียงของชายคนนี้ได้ แต่น่าแปลกกว่านั้นคือมันดันไม่ใช่ภาษาไทกีล่า แต่เป็นภาษาจีนาส มนุษย์ชั้นสูงคนนี้คือชาวจีนาส

ถึงพวกเขาจะฟังไม่ค่อยเข้าใจ แต่ก็ยังหลบทางให้ตามสัญชาตญาณ

ชายคนนั้นยืนอยู่ที่หน้าสะพานที่ขาดมองดูคนของสมาพันธ์นักล่าที่น่าสมเพชที่หลบอยู่หลังโล่เก่า ๆ พัง ๆ ที่เสียหายจากปืนใหญ่พลังงาน E2 ตอนนี้ทุกคนยังคงไม่เปิดฉากยิงแต่พอจะรู้ผลลับได้ถ้าไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงเมืองซานติเกียก็จบแค่นี้

ในตอนนั้นเองเอวาก็เดินออกมาจากหลังโล่ ยืนประจันหน้ากับชายลึกลับชาวจีนาสอยู่อีกฝั่งของสะพาน

“นายไม่ใช่ชาวไทกีล่า ทำไมถึงมายุ่งเรื่องของพวกเรา” เอวาพูดด้วยภาษาจีนาสสร้างความแปลกใจให้กับชายลึกลับชาวจีนาสอย่างมาก แต่ก็ไม่แปลก เพราะเธอเคยเรียนภาษาจีนาสมาระยะหนึ่งจึงพอพูดได้บ้าง

“เธอพูดภาษาจีนาสได้ ฉันชักจะสนใจเธอแล้วสิ ว่าไง! มาเข้าร่วมกับพวกฉันไหมถ้าเธอยอมฉันจะไว้ชีวิตพวกที่เหลือด้านหลังก็ได้นะ นี่เป็นโอกาสที่ดีนะโลกใบนี้นะมันกำลังจะตายแล้ว พวกเราต้องหนีไปจากที่นี่” ชายลึกลับชาวจีนาสยังคงพูดด้วยภาษาจีนาส

“เพราะอะไรถึงช่วยกองทัพไทกีล่า ตอบมา” เอวายังคงพูดด้วยน้ำเสียงสงบนิ่ง ไม่หวั่นไหวกับคำชักชวนของชายลึกลับ

“ฮ่า ๆ ๆ ๆ กองทัพไทกีล่า น่าขัน พวกมันก็มีเพียงแค่ชื่อเท่านั้นเอาเป็นว่าเธอไม่ต้องรู้หรอก ฮ่า ๆ ๆ ๆ”

เอวาได้ยินดังนั้นก็ตกใจ แต่ยังรักษาท่าทีไว้ได้ เกิดอะไรขึ้นมันหมายความว่ายังไงในคำพูดนี้ ที่ว่ากองทัพไทกีล่าก็เป็นแค่ชื่อเท่านั้น เอวาเลิกสนใจคำพูดของศัตรูบางที่มันอาจจะเป็นแค่คำพูดปั่นหัวเธอก็ได้ ‘ปัญหานี้ยกให้นายตัดสินใจแก้เอาเองก็แล้วกัน’ และคนที่เอวาพูดถึงก็คือไนเรล

“ว่ายังไง...” แต่ก่อนจะพูดจบประโยคเอวาก็ลงมือจู่โจมอย่างฉับพลัน ฉึบ! ฉึบ! ฉึบ! ฉึบ! ฉึบ!

ใบมีดสายลมห้าสายบินออกจากตัวของเอวาตรงเข้าหาชายลึกลับคนนั้น

“หึ” เสียงเยาะเย้ยจากในลำคอดังออกมาพร้อมกับที่ลูกบอลน้ำขนาดหนึ่งเมตรรอบตัวของชายลึกลับชาวจีนาสกว่าสิบลูกก็ปะทะเข้ากับใบมีดสายลมระเบิดออกหายไปด้วยกันทั้งคู่

แต่เอวายังไม่จบแค่นั้นเธอหยิบมือพกเรียวกันยิงอย่างต่อเนื่อง แต่ก็ไม่สามารถทำอะไรชายลึกลับได้เลย พลังมันต่างเกินไป เพียงสะบัดมือลูกบอลน้ำก็พุ่งเหมือนกระสุนระเบิดอย่างต่อเนื่องจนกระทั่งกระแทกใส่เอวาอย่างแรกเธอกระอักเลือดกระเด็นถอยไป

เมื่อทั้งสองเปิดฉากสู้กันคนอื่น ๆ ก็เช่นกัน

ชายลึกลับรู้สึกเสียอารมณ์อย่างมากกับการที่เอวาปฏิเสธ มันจึงคิดจะฆ่าทุกคนทิ้ง สายฝนโดยรอบหลอมรวมกันเป็นกระสุนลูกบอลน้ำขนาดใหญ่อีกครั้ง แต่ในตอนนั้นเองยังไม่ทันจะได้ลงมือ ชายลึกลับก็สัมผัสได้ถึงบางสิ่ง

ปัง!!!

สิ้นเสียงบอลน้ำเหนือหัวก็ระเบิดออก จากนั้นก็มีนัดที่สองยิงมา ชายลึกลับรีบรวบรวมลูกบอลน้ำเป็นเหมือนกระสุนน้ำยิ่งไปทางทิศที่มาของกระสุนปืนเมื่อสักครู่

ใช่แล้วมันคือกระสุนและนัดที่สองก็ยิงเข้าปะทะกับกระสุนบอลน้ำของชายลึกลับ ช้าเกิดชายลึกลับตอบสนองช้าไปอีกแม้เพียงเสี้ยววินาที หัวของเขาคงแตกกระจายไปแล้ว

กระสุนปืนเรียวกันที่ถูกหยุดโดยกระสุนน้ำของชายลึกลับหล่นลงตรงหน้าของมัน “ใคร ออกมาสิวะ” ชายลึกลับตะโกนด้วยความกลัวนี่เป็นครั้งแรกที่มันกลัวจริง ๆ ใครกันที่มีความสามารถลอบสังหารโดยที่มันสัมผัสไม่ถึงตัวตน

แต่ก่อนที่จะได้พุดอีกเสียงปืนก็ดังอีกนัด ชายลึกลับรีบใช้วิธีการเดิมอีกครั้งแต่ครั้งนี้มันกลับไม่สามารถหยุดกระสุนได้ กระสุนเข้าที่ไหลของมันแต่ไม่รุนแรงมากนักเพราะได้ปะทะกับกระสุนน้ำของชายลึกลับ แต่ก็ยังสร้างความเจ็บปวดให้กับมันมาก

“อ๊ากกก บัดชับเอ๊ย” ชายลึกลับร้อยด้วยความเจ็บมองดูรูเล็ก ๆ ที่ไหล่ซ้าย พร้อมกับรีบหาที่หลบ และยังคงตะโกนเป็นภาษาจีนาสด่าทอไปด้วย

ปัง!!! ปัง!!! ปัง!!! ปัง!!!

เสียงปืนดังขึ้นกันติด ๆ แต่ไม่ได้ยิงชายลึกลับอีก แต่กับไล่ยิงกองกำลังทหารบนสะพานแทน หนึ่งนัดต่อหนึ่งชีวิตร่างไร้วิญญาณร่วงหลุนลงพื้นอยู่ตลอดเวลา

เริ่มจาก 1 เป็น 10 จาก 10 เป็น 20 และก็ 30 ศพในเวลาไม่ถึงนาที กองทัพไทกีล่าพากันหนีตายมาอีกฝั่งของสะพานไปหลบอยู่ตามอาคารที่พังเสียหาย เพราะที่สะพานไม่มีที่กำบัง เหลือทิ้งไว้แค่ชายลึกลับชาวจีนาสที่แอบอยู่หลังเสาเหล็กโครงสะพาน

ไม่ใช่เพราะมันไม่อยากหนี แต่มันหนีไม่ได้แค่จะโผล่หัวออกไปก็โดนยิงสวนมาแล้ว

ต้องบอกว่าความสามารถของมันคือความสามารถประเภทพลังธาตุ [ปืนใหญ่วารี S] สามารถควบแน่นหยดน้ำและยิงออกไปเป็นกระสุนวารีได้ไม่ว่าจะทิศทางใดก็ตาม แต่มันจะยิงได้อย่างไรในเมื่อไม่สามารถระบุตำแหน่งของคนที่ลอบยิงมันได้

และปืนอะไรถึงยิงได้ไกลขนาดนี้ มันเชื่อว่าอีกฝั่งต้องเป็นระดับ 5 อย่างแน่นอน ถ้าไม่ใช่ความสามารถลึกลับก็ต้องเป็นพวกสนับสนุน อย่างพวกการมองระยะไกลอย่างแน่นอน

ถ้านิเรียได้ยินความคิดของชายลึกลับชาวจีนาสจะต้องตกใจแน่นอนเพราะมันเดาได้ถูกต้อง

เพราะคนที่ลงมือก็คือ นิเรียที่พึ่งมาถึง เธอก็ใช้ปืนสไนเปอร์เรียวกันระบบรางคู่ยิงจากระยะสามพันเมตรด้วยพลังสูงสุดจึงสามารถสร้างความเสียหายได้มากขนาดนี้

ขณะที่คนอื่น ๆ ก็กระจายตัวออกไปหาทางส่งข้าวให้กับทางเมืองซานติเกีย ด้านข้างเธอจึงมีแค่เจคอบที่คอยคุ้มกันเท่านั้น

“เปลี่ยนที่” นิเรียกล่าวขณะที่หยิบปืนขึ้นถอยหนีไปจากจุดเดิม

เจคอบก็พานิเรียถอยออกมาจากจุดนั้นทันที แต่นิเรียถอยไปได้ไม่เกินสองวินาทีกระสุนน้ำขนาดสิบเมตรก็กระแทกบริเวณนั้นจนแหลกไม่มีชิ้นดี พร้อมกับเสียงพูดภาษาจีนาสดังขึ้น

“เจอตัวแล้ว” ชายลึกลับชาวจีนาสจับทิศทางของนิเรียได้แล้วก็ใช้กระสุนน้ำที่ลอยเหนือพื้นดินทิ้งใช่นิเรียอย่างต่อเนื่อง

แม้ระยะห่างกันเกือบสามกิโลเมตร แต่ทั้งสองก็ผลัดกันโจมตีอย่างต่อเนื่อง

ความอันตรายของชายลึกลับชาวจีนาสคือกระสุนน้ำที่ลอยอยู่บนท้องฟ้าจำนวนนับร้อย ๆ ลูกร่วงหล่นใส่นิเรียอย่างต่อเนื่อง แต่ความอันตรายของนิเรียคือความแม่นยำและการสังเกต

นิเรียจัดการลอบยิงชายลึกลับชาวจีนาส แต่ก็ยังสามารถหันไปสนใจยิงทหารที่โผล่หน้าออกมาจากที่ซ่อนได้เป็นบางครั้ง

นั้นสร้างความไม่พอใจให้กับชายลึกลับชาวจีนาสมาก มันไม่สนใจทางฝั่งของสมาพันธ์นักล่าอีกแล้ว เพราะอย่างไรพวกนั้นมันก็เป็นแค่หนูในไหไปไหนไม่ได้ ขอแค่ฆ่ามนุษย์ชั้นสูงคนนี้ได้ พวกนั้นมันแค่ใช้กระสุนลูกบอลน้ำถล่มสักสิบยี่สิบลูกก็ราบทั้งเมืองซานติเกียแล้ว

ชายลึกลับวิ่งจากสะพานอาศัยจังหวะนิเรียยิงหทารไทกีล่าตาย มาที่อีกฝั่งได้สำเร็จ แม้จะบาดเจ็บ มันรู้ว่าถ้ายังอยู่ห่างจากนิเรียแบบนี้ก็จะเสียเปรียบอย่างแน่นอน จะต้องลดระยะห่างของมันและนิเรียก่อนจากนั้นมันจึงจะ แต่ต้องไม่มากเกินไป จากนั้นมันจะใช้พลังทั้งหมดทำลายพื้นที่ข้างหน้าไปพร้อมกับนิเรีย

เจคอบพานิเรียมาหลบที่อาคารที่ซึ่งเต็มไปด้วยรากไม้ด้วยความเหนื่อยหอบ พลังของเด็กหนุ่มถูกใช้ในระนะเวลาสั่นอย่างต่อเนื่องใบหน้าจึงซีดเซียว

“นายนั่งพักก่อนที่เหลือฉันจัดการเอง” นิเรียพูดจบก็วิ่งขึ้นไปตามแนวต้นไม้ อันที่จริงแล้วมนุษย์ชั้นสูงที่วิวัฒนาการจนถึงระดับสีน้ำเงินร่างกายของพวกเขาก็แข็งแกร่งขึ้นมาก เหมือนกับที่ไนเรลเองก็ร่างกายพัฒนาขึ้นในทุก ๆ ด้านเมื่อเลื่อนเป็นระดับสีน้ำเงิน เช่นเดียวกับชายลึกลับที่โดนยิงไหล่แต่ก็ยังยืนหยัดจนถึงตอนนี้ได้

นิเรียเองก็เช่นกัน แต่ที่เธอเลือกจะให้เจคอบช่วยพาเธอย้ายตำแหน่ง เพราะเธอต้องการประหยัดพลังงานไว้ใช้ปะทะกับมนุษย์ชั้นสูงคนนั้นที่ฝั่งนี้

ทางด้านของฟรินทันเองก็หาที่หลบเช่นกัน ตัวมันที่แต่งกายเต็มยศด้วยฐานะนายทหารระดับสูง เป็นเป้าหมายสังหารอย่างแน่นอน

“พาหุ่นยนต์สี่ขากลับมา เล็งปืนใหญ่ไปที่มนุษย์ชั้นสูงคนนั้นที่อยู่ด้านหลังของเรา”

“ท่านพลตรีครับ เราไม่รู้ตำแหน่งที่แน่นอนครับ ถ้าจะยิงคงทำได้แค่สุ่มยิงเท่านั้น”

“ไม่เป็นไรแค่นั้นก็พอแล้ว ใช้ปืนใหญ่ยิงช่วยบอน”

“ครับ”

บอนที่พลตรีฟรินทันพูดถึงก็คือ ชายลึกลับชาวจีนาสที่นิเรียกำลังสู้อยู่

“นายเองก็ต้องลงมือด้วย” ฟรินทันหันไปกล่าวกับชายลึกลับอีกคน

“ไม่”

“เพราะอะไร? อย่าลืมนายรับปากกับพวกเราแล้วว่าจะช่วย”

“ผิดแล้วที่ฉันรับปากคือ จะจัดการกับไนเรล ฉันรอการประลองกับมันเพื่อที่จะได้เป็นมนุษย์ชั้นสูงที่แข็งแกร่งที่สุด ในครั้งนี้มันไม่สามรถหนีไปได้อย่างแน่นอน” ชายคนนี้พูดออกมาด้วยความโกรธที่สามารถสัมผัสได้ภายในน้ำเสียงอย่างชัดเจน

พื้นดินรอบ ๆ ก็สั่นไหวเล็กน้อยเหมือนกับมันสัมผัสได้ถึงความโกรธของชายคนนั้น

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด