ตอนที่แล้วGGS:บทที่ 1150 ตัวตนที่แปลกประหลาด
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปGGS:บทที่ 1152 สถานถูกเปิดเผย

GGS:บทที่ 1151  ต่อสู้


GGS:บทที่ 1151 ต่อสู้

ชิ่วววว......วิ่ววววววิวววววว

กระบี่บินทั้งสามได้พุ่งผ่านแหวกอากาศด้วยความเร็วจนเกิดเสียงที่แปลกหู นี่ทำให้ซงจุนฮ่าวอดที่จะหันไปหาที่มาของเสียงไม่ได้ ทันทีที่มันหันไปดูก็ต้องชะงักนิ่งไป มันรู้สึกเป็นบ้าเป็นหลังขึ้นมาในทันที

“แก....เป็นแกเหรอ”

ซงจุนฮ่าวนั้นจำได้ดี เมื่อเกือบสองปีที่แล้ว มัน หวังหยาน ถังเสี่ยวหยูและถังยี่ถูกจับตัวเรียกค่าไถ่ ในตอนนั้นมีตำรวจและชายที่น่าอัศจรรย์พันลึกคนหนึ่งได้เข้าช่วยเหลือคนทั้งหมด

ในภายหลัง ถังเสี่ยวหยูได้เรียกชายคนนี้ว่า “จอมยุทธ์มีดบิน(ลี้คิมฮวง)” เพราะว่าเธอเห็นชายคนนี้บังคับมีดบินให้ลอยไปมากลางอากาศได้

ในตอนแรกนั้น มันและหวังหยาน ถังเสี่ยวหยู และถังยี่ต่างก็พยายามที่จะหาตัวจริงของจอมยุทธ์มีดบินคนนี้เพื่อที่จะทำการขอบคุณและต้องการดึงมาเป็นบอดี้การ์ดส่วนตัว หากว่าได้คนที่มีความสสามารถขนาดนี้มาเป็นบอดี้การ์ดล่ะก็ เขาจะไม่ต้องกลัวใครอีก

แต่ไม่เพียงจะไม่เจอตัวเป็นๆเท่านั้น แม้แต่ตำรวจเองก็ยังสืบไม่พบอะไรเลยด้วยซ้ำไป

มาคราวนี้เมื่อซงจุนฮ่าวได้เห็นมีดบินเหล่านี้ในอากาศเขาก็จดจำเรื่องนี้ได้ในทันที คนที่มีทักษะแบบนี้ในโลกนี้คงไม่มีดาดดื่นอย่างแน่นอน

หากเป็นคนทั่วไปนั้นเมื่อเจอเหตุการณ์แบบนี้ล่ะก็คงจะรู้สึกสำเนียกสำอายและสำนึกผิดในสิ่งที่ตัวเองกระทำลงไปอยู่บ้าง เพราะยังไงซะ ซูจิ้งก็ถือได้ว่าเป็นผู้ช่วยชีวิต

แต่กับคนอย่างซงจุนฮ่าวแล้วนั้น นี่เปรียบได้ดั่งเติมเชื้อไฟให้กับความโกรธเกรี้ยวของคน เป็นเพราะมันพี่นี้นั้นได้นึกไปว่าที่ซูจิ้งไปช่วยทุกคนในเหตุการณ์ในครั้งนั้นเป็นเพราะต้องการช่วยหวังหยานเอาไว้เท่านั้น ถึงแม้ซูจิ้งกับหวังหยันในตอนนั้นจะไม่ได้เป็นอะไรกันแล้ว แต่เพราะเรื่องนี้ทำให้หวังหยานยังคงจดจำซูจิ้งได้ฝังใจและไม่มีพื้นที่ในหัวใจให้เขาได้แทรกแทรง

“อั้กกกกก.......” ซงจุนฮ่าวที่ตกอยู่ในภาวะเลือดขึ้นหน้านั้นได้ใช้มือที่เต็มเปี่ยมไปด้วยไอปีศาจเข้มข้นรับการโจมตีกระบี่บินทั้งสามในทันทีหมายที่จะใช้มือบดขยี้กระบี่บินทั้งสามให้แหลกเป็นจุล

ร่างเงาดำนี้รู้ดีว่าซูจิ้งสามารถใช้มีดบินได้ มันจึงได้ฝึกฝนคนทั้งแปดให้รับมือมีดบินเอาไว้แล้ว หากเป็นไอปีศาจที่เข้มข้นเหล่านี้ล่ะก็ ต่อให้เป็นกระบี่แต่ก็มากพอที่จะทำลายลงได้ แม้ว่าอาจได้รับบาดเจ็บไปบ้างแต่นี่ถือว่าเป็นสิ่งที่ยอมรับได้แล้ว

อย่างไรก็ตาม กระบี่ทั้งสามนี้หาใช่กระบี่บินธรรมดาไม่

ถึงแม้ในหัวซงจุนฮ่าวนั้นจะนึกถึงภาพของกระบี่บินทั้งสามที่แหลกลาญภายใต้มือตัวเองอย่างแจ่มชัดขนาดไหนก็ตาม มันไม่ได้เกิดขึ้นจริง ไอปีศาจที่มันปล่อยออกไปนั้นไม่ได้สะกิดผิวของตัวกระบี่เลยด้วยซ้ำ

แต่สิ่งที่เกิดขึ้นกับเป็นฝ่ามือของมันที่แยกออกและผ่าขึ้นมาจนถึงหัวไหล่ และกระบี่นั้นหมุนควงตัวเองตัดทั้งแขนและบ่าของซงจุนฮ่าวออกไปอย่างง่ายดาย

ส่วนกระบี่อีกสองเล่มนั้น หนึ่งได้ตัดหัวของซงจุนฮ่าว อีกหนึ่งได้ตัดขาของซงจุนฮ่าวทิ้งไปอย่างรวดเร็ว

ที่กระบี่บินสามารถตัดเฉือนเนื้อได้ง่ายดายขนาดนี้นั้นเหตุหนึ่งมาจากการที่พลังจิตของซูจิ้ง ในตอนนี้พลังจิตของซูจิ้งนั้นสามารถปล่อยพลังทำลายได้มากกว่า 1,500 กิโลกรัม นี่ย่อมส่งผลต่อความเร็วในการควบคุมกระบี่บินไปโดยปริยาย ไม่เพียงเท่านั้น ซูจิ้งยังสามารถควบคุมกระบี่นี้ได้อย่างแม่นยำ และเสถียรได้กว่าตอนที่เกิดเหตุลักพาตัวชนิดที่เรียกว่าคนละระดับกันเลยทีเดียว

ยังไม่ต้องพูดถึงเรื่องที่ว่ากระบี่นี้ทำมาจากต้นประกายแดงเพลิงซึ่งเป็นวัสดุในการทำกระบี่บินที่ดีที่สุดในห้วงเวลาฯสุสานไร้ค่าฯ

ต้นไม้นี้เป็นวัสดุที่มีความแข็งแกร่งกว่าเหล็กและทองแดงทั่วไปนับร้อยเท่า แถมยังเป็นต้นที่แฝงไว้ด้วยเปลวไฟศักดิ์สิทธิ์ แน่นอนว่ามันนั้นมีอำนาจในการต่อต้านและกำหราบมารร้ายหรือกับสิ่งไม่ดีทั้งหลายนั่นเอง

ซงจุ่นฮ่าวที่ใช้มือเปล่าของตัวเองพยายามหยุดกระบี่นี้โดยตรงนั้นย่อมไม่ต่างจากการรนหาที่ตาย

อย่างไรก็ตาม ถึงแม้ว่าซงจุนฮ่าวในตอนนี้จะถูกตัดหัวจนขาด ร่างกายที่ไร้หัวไร้แขนหนึ่งข้างไร้ขาสองข้างก็ยังคงขยับไปมาราวกับไม่รู้ตัวว่าตายเลยด้วยซ้ำ

ชายแอฟริการ่างยักษ์เองที่เห็นก็ได้พุ่งเข้าซงจุนฮ่าวเพื่อทำการป้องกัน ด้วยการที่ซูจิ้งนั้นไหนๆก็เสียเวลาแล้วก็ไม่คิดจะปล่อยเรื่องนี้ให้ผ่านเลยไปแต่อย่างใด เขาได้ปล่อยกระบี่ออกไปอีกแปดเล่มและทำการสับร่างของซงจุนฮ่าวจนกลายเป็นชื้นเล็กๆกระเด็นกระดอนกระจายทั่วไปหมด

“ระยำ..” ร่างเงาดำกล่าวสบถออกมาด้วยเสียงที่เย็นยะเยียบ มันนั้นคิดว่าตัวเองนั้นรู้จักซูจิ้งถ่องแท้แล้วจึงได้คิดแผนการทั้งสองขึ้นมา หนึ่งคือวิธีการรับมือมีดบิน อีกหนึ่งคือวิธีการรับมืออาณาเขตชำระล้าง จนคิดว่าทำให้ตัวมันเป็นต่อซูจิ้งได้แล้วแถมหากสำเร็จจะทำให้ตัวมันนั้นฟื้นฟูสภาพวิญญาณให้กลับคืนดังเดิมได้

แต่สิ่งที่เกิดขึ้นนี้หากซูจิ้งโจมตีด้วยวิธีปกติแล้วนั้น ต่อให้ร่างกายของทั้งแปดคนนี้แหลกเละขนาดไหนก็ยังฟื้นคืนสภาพเดิมได้ไม่ว่าจะกี่ครั้งก็ตาม

แต่กับการโดนตัดชิ้นส่วนใดๆไปนี้ถือว่าเป็นอีกเรื่องหนึ่ง ไม่เพียงจะต้องใช้เวลาในการฟื้นคืนเท่านั้น เมื่อโดนหั่นเละไม่ต่างจากหมูในโรงเชือดขนาดนี้จะฟื้นคืนร่างกายโดยเร็วได้ยังไง

แถมหากว่ามันดึงพลังกับมาในตอนนี้ล่ะก็จะต้องถูกลำแสงชำระล้างโดยตรง ต่อให้ไม่ถึงกับโดนชำระล้างไปทั้งหมดแต่ก็ต้องเสียหายอย่างหนักอยู่ดี

“....ชิ คืนกลับบบบ” เพียงสิ้นเสียงอันเย็นยะเยียบของร่างเงาดำ ไอปีศาจก็ได้พวยพุ่งออกมาจากเศษเนื้อเหล่านั้น ขนาดซูจิ้งที่มีมีดบินและได้รับการป้องกันจากแสงศักดิ์สิทธ์เองก็อดไม่ได้ที่จะสะดุ้งไปเล็กน้อย

แน่นอนว่าไอปีศาจเหล่านั้นล้วนถูกลำแสงชำระล้างอาบไปทั่วจนจางหายไป

แต่ดวงตาของซูจิ้งนั้นไม่ได้มีท่าทีจะผ่อนคลายลงแต่อย่างใด เขานั้นในตอนนี้จ้องมองไปยังก้อนสีดำทั้งแปดที่น่าจะเป็นร่างกายของทั้งแปดคนเอาไว้ ก่อนที่จะมีไอปีศาจรูปมือลากก้อนทั้งแปดไปบนอากาศและทะลุหลังคาลอยออกไป

พวกมันทั้งแปดได้ดูดซับกลิ่นไอแห่งปีศาจอย่างเต็มสูบจนทำให้ค่อยกลับมาสู่สภาพเดิมอย่างรวดเร็ว แขนขาต่างๆในตอนนี้ได้เคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วจนบังเกิดเสียงกร๊อบแกร็บดังลั่นอย่างน่าขนลุก

แต่กับซงจุนฮ่าวและชายร่างยักษ์สองคนนั้นถึงแม้จะยังฟื้นคืนร่างกายได้แต่เหมือนจะช้ากว่าร่างอื่นอย่างเห็นได้ชัด

“...ดูเหมือนว่าไอ้แปดตัวนนี้จะไม่ใช่มนุษย์อีกต่อไปแล้ว ไม่เพียงวิญญาณเท่านั้น แม้แต่ร่างกายก็คงจะเต็มเปี่ยมไปด้วยไอปีศาจเรียบร้อยแล้วจึงไม่ได้เจ็บปวดแต่อย่างใดยามโดนโจมตี

....ดูเหมือนว่าต่อให้ทำลายไปกี่ครั้งก็ยังคงกลับมาได้ใหม่อยู่สินะ หึหึหึ ซงจุนฮ่าวหนอซงจุนฮ่าว อ้อ ยังมีโอฉิงซงอีกคน พวกแกนี่น้าคิดว่าตัวเองได้ขึ้นสวรรค์ชั้นฟ้า คงไม่คิดสินะว่าจะต้องกลายเป็นวิญญาณเหลือเดนแบบนี้” ซูจิ้งคิดออกมาก่อนที่จะเหยียบกระบี่เล่มหนึ่งและบินตามขึ้นไปก่อนที่จะขึ้นปืนอยู่บนหลังคา

ตัวเขานั้นในตอนนี้ไม่ได้เกรงกลัวที่จะมีคนเห็นแต่อย่างใด เพราะในตอนนี้ ไม่ว่าจะปิดบังอีท่าไหนก็ตามแต่กับพื้นที่ที่เต็มไปด้วยตึกสูงระฟ้าขนาดนี้ยังก็จะต้องมีคนเห็น

แต่ที่เขากลัวนั้นก็คือการถูกสนใจจนถูกมุงดูมากกว่า หากเป็นแบบนั้นจริงคงจะกลายเป็นเรื่องแย่มากกว่าเดิม

แต่ที่สำคัญกว่าเหนือสิ่งอื่นใดก็คือเขานั้นไม่อยากจะสูญเสียพลังงานไปกับการควบคุมกระบี่เพียงอย่างเดียวโดยไม่ได้ทำอะไร

การต่อสู้โดยที่เขานั้นไม่ต้องบินแบบนี้จะเรียกว่าสามารถตอบโจทย์ให้เขาได้หลายอย่างมากกว่าก็ได้เหมือนกัน

ซูจิ้งในตอนนี้ได้บังคับกระบี่บินหกเล่มให้พุ่งตรงไปยังก้อนสีดำแปดก้อนที่กำลังลอยจากไป ร่างทั้งแปดนี้นอกจากจะใช้ไอปีศาจในการฟื้นคืนร่างกายแล้ว พวกมันยังใช้ในการป้องกันตัวเองได้อีกด้วย

โดยซูจิ้งเห็นได้ชัดเจนจากการที่ก้อนทั้งแปดนี้มีมือที่เป็นไอมารสีดำได้ปัดป้องมีบินของซูจิ้ง และนี่สมควรจะเป็นไอมารของร่างเงาดำหาใช่ของร่างทั้งแปดนี้ไม่ นั่นก็เพราะพวกมันสามารถป้องกันการโจมตีจากระบี่ของซูจิ้งได้

อย่างไรก็ตาม ในทุกๆครั้งที่มือไอมารเหล่านี้ปรากฏออกมา พวกมันได้รับความเสียหายจากลำแสงชำระช้างในทุกๆครั้งไปจนก่อเกิดควันที่ลอบโชยออกมา นี่ยิ่งแสดงให้เห็นว่าร่างเงาดำนั่นสมควรจะไม่กล้าปรากฎตัวออกมาโดยง่ายอย่างแน่นอน

ภายใต้การควบคุมของซูจิ้งนั้น กระบี่บินทั้งสี่เล่มนี้มีความเร็วไม่ต่างไปจากสายฟ้าแปดสาย พวกมันกระหน่ำซัดไปยังก้อนสีดำทั้งแปดอย่างไม่ขาดสาย ในตอนนี้กระบี่ทั้งแปดได้เข้าถึงก้อนสีดำจนไปตัดแขนขาต่างๆจนเริ่มมีชิ้นส่วนหลุดล่วงมาบ้างแล้ว

ในที่สุดร่างทั้งแปดก็ได้ร่วงลงสู่พื้นดิน แต่นี่ก็ไม่สามารถหยุดยั้งพวกมันได้ พวกมันได้แฝงตัวเข้าไปในฝูงชนบนท้องถนน พวกมันคิดว่านี่จะทำให้ซูจิ้งนั้นไม่กล้าวางยาฆ่าหนูท่ามกลางดงสัตว์เลี้ยงได้ แถมนี่ยังทำให้พวกมันก็ยังคงฟื้นฟูร่างกายตัวเองจากพลังหยางของผู้คนโดยรอบได้อยู่ดี สำหรับพวกมันแล้วนี่เรียกได้ว่าสุดยอดแผนการเลยทีเดียว

อย่างไรก็ตาม ซูจิ้งไม่ได้มีความคิดที่จะลดละในการกำจัดร่างทั้งแปดนี้แต่อย่างใด

ต่อให้ใจเขานั้นไม่อยากจะสังหารบริสุทธิ์มากมายขนาดไหนก็ตาม แต่ด้วยสถานการณ์ในตอนนี้แล้วนั้นไม่ว่าจะหลีกเลี่ยงยังไงก็คงจะเลี่ยงไม่พ้นอีกแล้ว

เขารู้ดีว่าหากเขายังคงทำตัวเป็นคนจิตใจดีงามล่ะก็ไม่มีทางเลยที่จะจัดการร่างเงาดำได้อย่างแน่นอน

อีกอย่าง

ยังไงซะคนเหล่านี้ก็โดนกาหัวว่าต้องตายอยู่แล้วเพื่อจะได้เปลี่ยนเป็นพลังปีศาจให้กับไอ้เวรตะไลพวกนั้น หากไม่ยอมเสียสละคนพวกนี้ไปล่ะก็เกรงว่าโลกนี้คงบรรลัยจักรเป็นแน่

“โว้ เกิดอะไรขึ้นกันวะนั่น”

“ฉันได้ยินแค่ว่าที่นั่นเกิดเรื่องนะ แต่ไม่นึกว่าจะเป็นเรื่องใหญ่ขนาดนั้น พระเจ้าช่วย”

“กระบี่บิน กระบี่บินในตำนานนั่นน่ะเหรอ”

“ทำไมแปดคนนั้นบินได้กันล่ะ”(คนธรรมดาไม่เห็นไอปีศาจ)

ที่บนตึกต่างๆในตอนนี้ผู้คนทั่วทั้งโลกต่างก็เห็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นแม้จะเป็นระยะไกลก็ตามแต่นั่นไม่ได้ช่วยลดทอนความตกตะลึงลงไปเลยแม้แต่น้อย

บางคนนั้นตกตะลึงจนอึ้งทำอะไรไม่ถูก บ้างก็รู้สึกได้ถึงลางร้าย บ้างก็นิ่งจนเป็นลมล้มพับไป บางคนต่างก็ให้ความเห็นเกี่ยวกับสิ่งที่เห็นว่าคืออะไรกันแน่

บางคนต้องการจะรู้ว่าสิ่งที่เห็นคืออะไรกันแน่จนต้องนำกล้องมือถือมาส่องดูใกล้ๆ บางคนถ่ายรูป บางคนถ่ายเป็นวิดีโอเอาไว้แม้เพียงเสี้ยววิก็ยังดี

และนี่ทำให้วิดีโอและภาพเหตุการณ์ต่างๆ เผยแพร่ออกไปอย่างรวดเร็วบนโลกอินเตอร์เน็ต

แม้แต่ชาวเน็ตจีนก็ไม่เว้น

“โอ้ แม่ จ้าวววว กระบี่บิน พี่จิ้งขี่กระบี่บินได้ด้วย”

“นี่....บนโลกใบนี้ยังมีคนที่ทำได้ดั่งตำนานเหล่านั้นได้จริงๆเหรอ”

“แล้วคนที่ดูชั่วร้ายเหล่านั้นเป็นใครกัน พระเจ้า ดูนั่นสิ พวกนั้นกระโดดเข้าไปกัดคอคนด้วย เฮ้ยยย คนที่โดนกัดนั่นโดนดูดเลือดจนเหลือแต่ซากเลยยยย....”

“นี่เกิดเรื่องขนาดนี้คนยังไม่มีใครคิดทำอะไรอีกเหรอ”

ทั่วทั้งโลกในตอนนี้นั้นต่างก็เกิดความโกลาหลไปทั่วเมื่อเห็นฉากนี้ งานกีฬาโอลิมปิคในตอนนี้แน่นอนว่าต้องล่มเป็นที่เรียบร้อยแล้ว แต่ให้ไม่ล่มเพราะฉากนี้ก็ล่มตั้งแต่ตอนที่เกิดฉากนองเลือดภายในงานก่อนหน้านี้อยู่แล้ว