ตอนที่แล้วบทที่ 55 การติดต่อ (6)
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 57 โทร์วแมนริงส์ (2)

บทที่ 56 โทร์วแมนริงส์ (1)


เบเนียงรอเฟรย์อยู่หน้าหอคอยอย่างใจจดใจจ่อ

‘ฉันควรตามพวกเขาไปดีไหม?’

ดูเหมือนว่ามันจะไม่ใช่แค่การไปพูดคุยกันธรรมดา ๆ

เบเนียงนึกถึงดูเกนจาร์

ในบรรดาผู้บริหารของไพลส์ฟาวเดอร์อาร์เมลท์ชายคนนั้นเป็นคนที่อาจกล่าวได้ว่ามีความเกลียดชังต่อโทร์วแมนริงส์มากที่สุด

ก่อนหน้านี้เมื่อโทร์วแมนริงส์เป็นหนึ่งในสี่เซอร์เคิลที่ใหญ่ที่สุด ดูเกนจาร์จะจ้องมองพวกเขาด้วยสายตาที่ดุร้ายในการประชุมทุกครั้ง

มันก็เหมือนเดิมแม้ว่าโอเซลอาร์เจนโต้มาสเตอร์คนก่อนจะยังมีชีวิตอยู่

เมื่อใดก็ตามที่โอเซลมองเขาด้วยรอยยิ้มที่นุ่มนวลดูเกนจาร์จะหันหน้าหนีด้วยเจตนาร้ายในสายตาของเขา

อย่างไรก็ตามหลังจากที่โอเซลเสียชีวิตและเซอร์เคิลเริ่มเสื่อมลงสถานการณ์ได้เปลี่ยนไป

เบเนียงมีปัญหาในการพูดหลังจากที่เธอได้เห็นการจ้องมองของเขา ไม่...มันไม่ใช่แค่ดูเกนจาร์เพียงคนเดียว

ไม่มีใครอยากเป็นมิตรกับเซอร์เคิลที่เริ่มตกต่ำ

"อา…!"

จากระยะไกลเธอเห็นเฟรย์เดินใกล้เข้ามา

เบเนียงวิ่งมาหาเขา

“ทุกอย่างโอเคไหม?”

"อืม"

เมื่อเฟรย์พยักหน้าด้วยสีหน้าสงบเบเนียงกลับรู้สึกสับสนเล็กน้อย

ไม่มีอะไรเกิดขึ้นจริงๆหรือ?

จากสิ่งที่เธอเห็นดูเหมือนจะไม่มีอะไรผิดปกติ

“แล้วออเนอดูเกนจาร์ละ…?”

“เขากลับไปแล้ว”

“ออเนอดูเกนจาร์…นี้นะกลับไปแล้ว?”

“ฉันอธิบายสถานการณ์ทั้งหมดและเขาก็เชื่อ”

“…”

มันไม่สมเหตุสมผล

เบเนียงพบว่าเป็นไปไม่ได้ที่จะเชื่อคำพูดของเฟรย์แต่เธอรู้สึกว่าจะไม่ได้รับคำตอบแม้ว่าเธอจะยังคงถามต่อไป

เธอทำได้เพียงแค่ทำสีหน้าสับสน

“…คุณทำธุระของคุณเสร็จแล้วหรือยัง?”

"ใช่ฉันคิดว่าเราสามารถออกเดินทางได้ทันที ฐานใหญ่ของโทร์วแมนริงส์อยู่ที่ไหน?”

“ในป่าพายซิสโกห่างจากอูเทียโน่ประมาณสามวันหากเดินทางด้วยเท้า”

"ด้วยเท้า?"

“ฉันขอโทษแต่ถนนนี้นั้นไม่ได้รับการพัฒนาเพียงพอที่จะให้รถเกวียนขับไปได้และไม่มีหินวาร์ปอีกด้วย”

เบเนียงยิ้มอย่างเชื่องช้าและเฟรย์ก็แค่พยักหน้า

พวกเขาซื้ออาหารน้ำดื่มและอุปกรณ์ตั้งแคมป์จากร้านค้าทั่วไปในบริเวณใกล้เคียงและเดินทางออกจากอูเทียโน่ทันที

และการเดินทางระยะสั้นของพวกเขาก็ได้เริ่มขึ้น

อย่างที่เบเนียงบอกถนนยังไม่พัฒนามาก

แม้ว่าจะใช้เวลาเดินเพียงไม่นานแต่เนื่องจากถนนบนภูเขานั้นขรุขระ มันก็เลยค่อนข้างเหนื่อย

มันอาจจะเป็นเรื่องยากมากสำหรับเขาหากเขาไม่ได้ฝึกร่างกายตอนอยู่ในหอคอย แต่ตอนนี้มันเฉยๆสำหรับเขา

เบเนียงก็ดูเหมือนจะไม่เหนือยเช่นกัน

ไม่สิเธออาจจะรู้สึกสบายกว่าเฟรย์เสียอีก

ก่อนที่พวกเขาจะข้ามภูเขาเล็กๆเฟรย์หยุดเดินและหันกลับไปมอง

เมื่อพระอาทิตย์ตกที่เป็นสีแดงเมืองอูเทียโน่ก็ดูเล็กมากจากระยะไกล

ทิวทัศน์ที่สวยงามทำให้หัวใจของเขาอบอุ่น

‘ลองคิดดูนี่เป็นครั้งแรกที่ฉันเดินทางด้วยเท้านับตั้งแต่กลับมา’

เพื่อไปยังเคาซิมโฟนีเขานั่งเรือจากนั้นเพื่อไปยังจุดหมายปลายทางอื่นๆเขาก็ได้ใช้หินวาร์ป

พวกเขาเดินทางสะดวกสบายและมีประสิทธิภาพ

ไม่สิมันเหมือนกับการ "ย้าย" มากกว่าการเดินทางจริงๆ

นี่ไม่ได้หมายความว่าการเดินทางในปัจจุบันเป็นเรื่องที่น่ารำคาญและยากลำบากแต่กลับมีความสวยงามในตัวของมันเอง

เฟรย์ชอบที่จะเดินทางไปเรือยๆและเขาชอบมองทิวทัศน์โดยรอบเป็นพิเศษ

เบเนียงไม่ได้เร่งรีบเขาและเข้ากับจังหวะที่ผ่อนคลายของเฟรย์แทน

วันแรก

เมื่อดวงอาทิตย์ตกในที่สุดเฟรย์และเบเนียงก็ตั้งแคมป์

น่าแปลกที่เบเนียงคุ้นเคยกับการตั้งแคมป์มาก

แม้จะอยู่บนถนนของภูเขาเธอก็ยังสามารถหาพื้นที่ในระดับที่เหมาะสมสำหรับการตั้งแคมป์และทำแคมป์ไฟและวางถุงนอนอย่างชำนาญ

เธอยังเสนอตัวทำอาหารเย็นเองด้วยซ้ำ

เธอมีกระเป๋าซับสเปซเหมือนกับเฟรย์

จากนั้นเธอก็เอาเครื่องครัวและส่วนผสมออกมาแล้วเริ่มทำซุปทันที

มันดีกว่าที่เขาคาดไว้เฟรย์จึงประหลาดใจ

เบเนียงยิ้มขณะยื่นชามซุปให้เฟรย์

“ฉันหวังว่ามันจะเป็นรสชาติที่คุณชอบ”

เขาจิบและพบว่ามันอร่อยมาก

เมื่อเฟรย์ชมว่ามันเป็นรสชาติที่ยอดเยี่ยมเบเนียงก็ยิ้มอย่างสดใสราวกับว่าเธอได้ลอยขึ้นไปแล้ว

“คุณอยากได้อีกชามไหม?”

"รบกวนด้วย"

"โอเค!"

เมื่อมองไปที่การกระทำของเธอเช่นนี้ไม่มีใครเชื่อหรอกว่าเธอเป็นถึงเซอร์เคิลมาสเตอร์หรือลูกครึ่งมังกร

เธอรู้สึกเหมือนเป็นเด็กบ้านนอกที่ไร้เดียงสามากกว่า

หลังทานอาหารเสร็จเฟรย์ก็พูด

“คนที่เป็นเซอร์เคิลมาสเตอร์คนก่อน คุณบอกว่าชื่อของเขาคือโอเซลอาร์เจนโต้ใช่มั้ย?”

"ถูกตัอง"

“เดมิก็อดคนไหนที่ฆ่าเขา?”

เบเนียงตัวแข็ง

จากนั้นเธอก็ยิ้มอย่างขมขื่นและหันไปหาเฟรย์

“…คุณกำลังถามคำถามที่ละเอียดอ่อนมาก”

'อา'

เขาคิดในใจว่าคำถามของเขาอาจทำร้ายจิตใจเธอเกินไป

มันเกิดขึ้นอย่างกระทันหันจนเขาไม่ได้ต้องไตร่ตรองวิธีการพูดที่ตรงไปตรงมาของเขา นับตั้งแต่เขากลับมาความคิดของเขาก็มุ่งเน้นไปที่ประสิทธิภาพมากกว่าความรู้สึก

เขาไม่ได้มีบุคลิกที่เป็นมิตรมากเมื่อ 4,000 ปีก่อนแต่มันก็ไม่ได้แย่ขนาดนี้

"ฉันขอโทษ"

เฟรย์โค้งหน้าลง

เบเนียงโบกมือเธอด้วยความอาย

“ไม่เป็นไร ฉันได้เรียนรู้ที่จะยอมรับการตายของพ่อแล้ว ถ้าฉันปล่อยให้ตัวเองหมกมุ่นอยู่กับมันป่านนี้โทร์วแมนริงส์ก็คงไม่เหลือแล้วละ”

“…”

“คุณรู้จักเดมิก็อดมากแค่ไหน?”

“ฉันรู้ว่าพวกเขาเป็นสิ่งมีชีวิตที่เหนือกว่าความเข้าใจของมนุษย์”

เนื่องจากเฟรย์อยากได้ยินเกี่ยวกับเดมิก็อดจากมุมมองของเซอร์เคิลมาสเตอร์เขาจึงทำเหมือนว่าเขาไม่รู้อะไรมาก

เบเนียงพยักหน้าโดยไม่มีความคิดแปลกๆเกี่ยวกับการตอบสนองของเขา

“ฉันยังไม่สามารถบอกคุณได้ทุกอย่างเนื่องจากคุณยังเป็นคนนอกอยู่”

“แปลว่าฉันจะสามารถเรียนรู้ได้ถ้าฉันเข้าร่วมโทร์วแมนริงส์ใช่ไหม?”

เบเนียงยิ้มสดใส

"แน่นอน ด้วยความสามารถของคุณ คุณจะกลายเป็นผู้บริหารได้ในทันที แต่สำหรับตอนนี้ฉันจะบอกคุณแค่สิ่งที่ฉันพูดได้เท่านั้น”

"ขอบคุณสำหรับสิ่งนั้น"

เบเนียงมองเข้าไปในแคมป์ไฟสักครู่ก่อนจะพูด

“เดมิก็อดก็มีระดับที่แตกต่างกัน คนที่สามารถสั่งการเหล่าเดมิก็อดทั้งหมดได้เราเรียกเขาว่าลอร์ด”

“…”

ดวงตาของเฟรย์สั่นไหว

ลอร์ด

เขาลืมไปได้ยังไงกัน?

เขาอดไม่ได้ที่จะคิดถึงสิ่งที่เกิดขึ้นในตอนนั้น

มันเป็นสิ่งมีชีวิตที่เขาได้พบหลังจากที่เขาไปถึงระดับ 9 ดาว สิ่งมีชีวิตที่ใช้พลังที่น่าทึ่งและผนึกเขาไว้ในอเวจี

เฟรย์หลีกเลี่ยงที่จะคิดถึงเรื่องนี้ให้มากที่สุด

นี่เป็นเพราะเขายังไม่มีวิธีที่จะเอาชนะสิ่งมีชีวิตที่ทรงพลังที่บดขยี้เขาได้แม้ว่าเขาจะเป็นนักเวทย์ระดับ 9 ดาวก็ตาม

ในขณะนั้นเฟรย์ตระหนักว่าข้อมูลนี้ถูกซ่อนจากเขาโดยเจตนา

‘เซอร์เคิลรู้เรื่องของลอร์ด’

ในอดีตเชพเพิร์ดเคยบอกเขาว่าพวกเขาไม่มีความรู้เกี่ยวกับพวกเดมิก็อดมากนัก

ตอนนี้เฟรย์ตระหนักแล้วว่านั่นเป็นเรื่องโกหก

แน่นอนว่าเขาไม่รู้สึกว่าเขาถูกหักหลังหรือผิดหวังในตัวเชพเพิร์ด

ตอนนั้นเชพเพิร์ดยังไม่เชื่อใจเฟรย์มากนักและคงจะไม่กล้าบอกความจริงกับเขา

ในความเป็นจริงมันค่อนข้างแปลกที่เบเนียงบอกความลับนี้กับเขา

“และแม้แต่ในกลุ่มของเดมิก็อด ก็มีบุคคลที่มีพลังมหาศาลเราเรียกพวกเขานี้ว่า [อะโพคาลิปส์] เพื่อให้ง่ายต่อการจำแนก…”

“อะโพคาลิปส์…?”

“แม้ว่าพวกเขาจะไม่แข็งแกร่งเท่าลอร์ด แต่พวกเขาก็ยังแข็งแกร่งพอที่จะมีอิทธิพลบางอย่างในหมู่ของเดมิก็อด”

เบเนียงชู้สามนิ้ว

“เราได้ค้นพบอำนาจของอะโพคาลิปส์ทั้งสามคนนั้นก็คือ 'ดาบ' 'พิษ' และ 'ความตาย'”

ตอนแรกดูเหมือนว่าคำเหล่านี้จะไม่มีส่วนเกี่ยวข้องแต่เฟรย์รู้จักตัวตนของหนึ่งในนั้น

เดมิก็อดผู้ควบคุมพิษ

ชายชราน่าเกลียดที่มีจุดต่างดำมากมาย

'ชายชราคนนั้นแข็งแกร่งจริงๆหากเทียบในหมู่เดมิก็อด'

ดูเหมือนว่าเมื่อเวลาผ่านไปเดมิก็อดเช่นชายชราคนนั้นซึ่งมีพลังมากกว่าคนอื่นๆถูกแยกประเภทออกจากคนอื่นๆ

“พ่อของฉันถูกฆ่าโดยเดมิก็อดที่มีพลังแห่งความตายเมื่อไม่นานมานี้เอง เมื่อสองปีก่อน”

“นั่นคือตอนที่โทร์วแมนริงส์เริ่มได้รับความเสียหายอย่างรุนแรงหรือ?”

"ใช่"

เบเนียงพูดอย่างขมขื่น

“เซอร์เคิลของเราใช้พละกำลังเต็มที่ในการต่อสู้เป็นผลให้เราได้รับความเสียหายอย่างหนัก”

“แล้วตัวเดมิก็อดเองล่ะ?”

“…”

เธอยิ้มอย่างขมขื่นและนิ่งเงียบนั่นคือคำตอบ

หากพวกเขาประสบความสำเร็จในการปราบเดมิก็อดเธอจะไม่นิ่งเฉยแน่นอน

เฟรย์ต้องการเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับเดมิก็อดแต่เมื่อจำความผิดพลาดครั้งก่อนของเขาได้เขาก็ไม่สามารถเปิดปากได้ง่ายๆ

"ฉันจะยังคงพอใจกับข้อมูลมากมายที่ฉันรู้ในตอนนี้"

หลังจากนั้นพวกเขาก็มีบทสนทนาเล็กๆน้อยๆที่เฟรย์จงใจเลี่ยงที่จะพูดถึงเซอร์เคิล

เธอโกหกไม่เก่งเลย

เธอยังแสดงให้เขาเห็นต่างหูของเธอซึ่งเธอมักจะซ่อนไว้

“นี่คือต่างหูไต้ฝุ่น มันเป็นหนึ่งในเครื่องมือวิเศษไม่กี่ชิ้นที่สร้างโดยมหาจอมเวทย์ลูคัสโทรว์แมน เพียงแค่ใส่มานาเข้าไปคุณก็จะสามารถสร้างเกราะป้องกันเวทย์มนตร์ได้ ความแข็งแกร่งของเกราะยังเกี่ยวข้องโดยตรงกับความแข็งแกร่งของผู้ใช้ด้วย”

"ว้าว! ฉันเคยเห็นพวกมันในหนังสือมาก่อนพวกมันสวยงามมาก”

เฟรย์ตระหนักว่านี้เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เขากลับมา เขาได้เป็นผู้นำของการสนทนา

เหตุผลนั้นไม่ยากสำหรับเขาที่จะเดา เป็นเพราะเขารู้สึกเห็นใจเบเนียง

ปัจจุบันเธอเป็นหัวหน้าองค์กรที่กำลังจะตายอย่างช้าๆนี่เป็นภาระที่หลายๆคนไม่สามารถเข้าใจได้

เฟรย์อดไม่ได้ที่จะรู้สึกสงสารเธอเมื่อเธอต้องแบกรับภาระเช่นนี้ไว้บนบ่าเล็กๆของเธอ

นอกจากนี้เบเนียงยังเป็นสายเลือดของมังกรเขียวเหมือนอาจารย์ของเขา

ในอดีตเฟรย์ต้องการตอบแทนความเมตตาของอาจารย์มาโดยตลอด แต่สถานการณ์มันไม่เอื้ออำนวยและเขาก็ไม่สามารถทำเช่นนั้นได้

เฟรย์รู้สึกว่าถ้าเขาช่วยเบเนียงตอนนี้มันจะทำให้เขาสบายใจขึ้นเล็กน้อย

ดังนั้นเขาเลยทำเรื่องที่เห็นแก่ตัว

‘เด็กคนนี้คงจะมีความสุขมากถ้าหากเธอเติบโตขึ้นตามปกติ’

เฟรย์เดินทางต่อไปในขณะที่พยายามดูแลเบเนียงให้มากที่สุด

ด้วยเหตุนี้เมื่อพวกเขามาถึงฐานใหญ่ของโทร์วแมนริงส์และเธอก็ค่อนข้างสนิทกับเฟรย์ในระหว่างเดินทางแล้ว

“ป่าพายซิสโกแห่งนี้”

เฟรย์มองไปที่ป่าตรงหน้า

มันเป็นป่าธรรมดาที่ไม่มีคุณสมบัติพิเศษใดๆ

แต่เมื่อเขารู้ว่าแท้จริงแล้วมันมีคาถาป้องกันเฟรย์ก็รู้สึกประทับใจ

‘นี่ต้องใช้ทักษะมากพอสมควร’

เขาไม่คิดว่าจะสามารถทำลายมันได้ในระดับปัจจุบัน

“คุณร่ายกำแพงป้องกันนี้เองหรือเปล่า?”

“ไม่ แต่ถ้ามันเกิดเสียหายฉันก็พอจะซ่อมได้ แต่พ่อของฉันสร้างขึ้นมา”

เห็นได้ชัดว่าชายที่ชื่อโอเซลอาร์เจนโต้เป็นพ่อมดอย่างน้อยในระดับ 8 ดาว

ในทางกลับกันเบเนียงน่าจะอยู่ที่ประมาณ 6 ดาว

มื่อพิจารณาถึงพรสวรรค์ของมังกรนี่เป็นตัวเลขที่น่าผิดหวังมาก

‘เธอไม่ควรเรียนรู้เวทย์มนต์แบบมนุษย์เพราะเธอเป็นลูกครึ่งมังกร’

อาจเป็นโอเซลอาร์เจนโตที่สอนเธอ

แต่เฟรย์ไม่มีเจตนาที่จะจับผิดเขา บางทีในโลกปัจจุบันมันคงไม่มีใครที่สามารถสอนเบเนียงได้อย่างถูกต้อง

‘ถ้าฉันสอนเธอละก็…’

มังกรสัมผัสมานาได้ไวจนน่ากลัว เป็นเพราะหัวใจมังกรและพรสวรรค์ของพวกเขา

หากเธอใช้ประโยชน์จากสิ่งเหล่านี้เธอก็จะเป็นนักเวทย์ที่ยิ่งใหญ่มาก หากเขาสอนเธอได้ดีเธอจะสามารถเติบโตได้อย่างแข็งแกร่งอย่างไม่น่าเชื่อในเวลาอันสั้น

ระหว่างที่เฟรย์กำลังเจาะลึกความคิดของเขาเกี่ยวกับเบเนียง

เขารู้สึกว่ามีใครบางคนเข้ามาใกล้พวกเขาอย่างรวดเร็วจากป่า

ขณะที่เฟรย์เริ่มเตรียมเวทย์มนต์ของเขาเพราะเขาไม่รู้ว่าเป็นใครเบเนียงรีบส่ายหัว

“เป็นคนจากเซอร์เคิลของเราเอง”

ไม่นานชายวัยกลางคนก็ปรากฏตัวขึ้นจากป่า

ดูเหมือนเขาจะอยู่ในวัย 40 ปี

เขาสวมเสื้อคลุมเปิดคอสีน้ำตาลและมีขนาดใหญ่ เขาดูเหมือนทหารรับจ้างที่ผ่านความยากลำบากมามากมายโดยแสร้งทำเป็นพ่อมด

ชายคนนั้นดูเหมือนจะรีบร้อน

เขาวิ่งไปที่เบเนียงและพูดด้วยน้ำเสียงเศร้าโศก

“มะ - มาสเตอร์เบเนียง!”

“ออเนอจิเซลลันเกิดอะไรขึ้น?”

ชายคนนั้นจิเซลลันรีบก้มหน้า

“โปรดอภัยที่ต้องเสียมารยาท! ปัญหาคือ…”

"ไม่เป็นไรบอกสถานการณ์ให้ฉันฟังได้เลย”

เบเนียงพูดด้วยน้ำเสียงสงบจนเฟรย์หันไปมองเธอ

ดูเหมือนว่าเธอจะแสดงบทบาทของเธอในฐานะเซอร์เคิลมาสเตอร์ได้ดีกว่าที่เฟรย์คิดเอาไว้มาก

แต่ด้วยคำพูดของจิเซลลันท่าทางของเธอก็แตกสลาย

"ผมขอโทษ! เรา…พวกเราแพ้ในการต่อสู้เพื่อแย่งชิงไอเทมอีกแล้ว!”

คำพูดของเขาทำให้เบเนียงถึงกับหายใจเข้าลึก

หลังจากกัดริมฝีปากของเธอสักครู่ในที่สุดเธอก็ตอบสนอง

“…คู่ต่อสู้ของเราเป็นใคร?”

“บาซิลิสก์เทล…! ไอ้พวกหมาจิ้งจอกพวกนั้นแอบมาเล่นงานเซอร์เคิลของเราอีกแล้ว!”

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด