ตอนที่แล้วบทที่ 51 การติดต่อ (2)
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 53 การติดต่อ (4)

บทที่ 52 การติดต่อ (3)


เฟรย์ไม่ได้เจอกดูเกนจาร์อีกเลย

พวกเขาออกจากหอคอยเวทย์มนตร์หลังจากคุยกับมาสเตอร์หอคอยได้ไม่นาน

หากนั่นคือทั้งหมดที่พวกเขาต้องการ นั้นเฟรย์ก็ไม่เข้าใจว่าทำไมพวกเขาถึงต้องมาที่นั่น

‘…พวกเขามาสังเกตุฉันเหรอ?’

เขาคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่จะลืมมันไป

น่าแปลกที่ช่วงเวลาที่เขาเห็นไฮนซ์ ภาพของเพื่อนสนิทของเขาก็ผุดขึ้นมาในหัว

ชไวเซอร์สโตรว์

ไม่ใช่เรื่องแปลกที่เฟรย์จะคิดเช่นนั้น

ไฮนซ์ดูเหมือนว่าเขากำลังแบกรับภาระอันหนักอึ้งมากมาย การแสดงออกของเขาคือชายคนหนึ่งที่ต้องเผชิญกับสถานการณ์ที่เกินความสามารถของตนเอง และอาจมีบางอย่างเกี่ยวข้องกับตระกูลเบลค

เฟรย์พยายามคิดว่ามันคืออะไรแต่คำตอบไม่เคยได้รับการเปิดเผย

นี่เป็นเพราะไม่มีเงื่อนงำในความทรงจำของ "เฟรย์คนเก่า"

‘ฉันเดาว่าฉันจะได้รู้มากขึ้นกว่านี้เมื่อเราได้เจอหน้ากันอีกครั้ง’

โดยเฉพาะอย่างยิ่งอิซากะเบลคหัวหน้าของตระกูล กุญแจสำคัญทั้งหมดน่าจะอยู่ที่เขามากที่สุด

เขาคงจะต้องไปเห็นด้วยตาของตัวเอง

เฟรย์มีความสัมผัสไวต่อพลังศักดิ์สิทธิ์อย่างมาก อย่างไรก็ตามด้วยคำแนะนำของไฮนซ์ทำให้เขาไม่สามารถกลับไปที่ตระกูลเพื่อตรวจสอบได้ทันที

อิซากะเบลคอาจกลายเป็นอัครสาวกไปแล้วและเป็นไปได้สูงว่าเขาจะมีพลังมากกว่าลุคส์

‘ฉันจะไม่พบคำตอบในตอนนี้แม้ว่าฉันจะพยายามแค่ไหนก็ตาม’

เฟรย์ตัดสินใจเลิกคิดถึงเรื่องนี้และเพลิดเพลินไปกับช่วงเวลาแห่งความสงบสุขช่วงสั้นๆ นี้

แต่ความสงบสุขของเขาก็พังทลายทันทีในวันรุ่งขึ้น

“เป็นเวลานานแล้วนายน้อย”

เป็นชายวัยกลางคนผมสีเทาสไตล์เรียบร้อย

เฟรย์รู้ทันทีว่าชายคนนี้เป็นใคร

อเล็กซานโดร สจ๊วตของตระกูลเบลค

เขามาเยี่ยมเฟรย์ด้วยตัวเอง

‘พวกเขามาเร็วกว่าที่ฉันคาดเอาไว้มาก’

อย่างไรก็ตามด้วยคำเตือนของไฮนซ์ทำให้เฟรย์สามารถหาวิธีจัดการกับสถานการณ์นี้ได้

เฟรย์งอหลังทันทีและก้มหน้า

เขากลอกตาอย่างประหม่าขณะที่ตั้งใจลดเสียงลง

‘ฉันไม่รู้ว่าพวกเขาตรวจสอบเกี่ยวกับตัวฉันล่วงหน้าไปมากแค่ไหน’

ประการแรกเฟรย์ไม่จำเป็นต้องแสดงสัญญาณใดๆให้เห็นว่าเขาเปลี่ยนไป

แม้ว่าเขาจะพูดคุยอย่างเป็นกันเองกับไฮนซ์ แต่นั่นก็ไม่สำคัญเพราะเฟรย์ตัดสินใจที่จะไม่คิดว่าเขาเป็นพันธมิตรหรือเป็นศัตรู

“รู้ได้ยังไงว่าฉันอยู่ที่นี่?”

“ผมตรวจสอบบันทึกการเดินทางหินวาร์ปของคุณแล้วครับ”

“…”

การตรวจสอบประวัติ

และเขายังกล่าวโดยไม่แสดงความละอายใดๆด้วยซ้ำ

ไม่ว่าสจ๊วตจะมีความสำคัญเพียงใดแต่โดยพื้นฐานแล้วเขาก็ยังเป็นคนรับใช้ และเขาก็แทบจะไม่ให้ความเคารพเมื่อพูดคุยกับเฟรย์

เช่นเดียวกับที่เฟรย์กำลังสังเกตเขาอเล็กซานโดรก็กำลังจับตามองเฟรย์อยู่

‘ไม่ได้เปลี่ยนแปลงไปมากนัก’

ยกเว้นร่างกายที่ใหญ่ขึ้นเล็กน้อยของเขาดูเหมือนว่าเขาเป็นคนเดิมก่อนที่จะถูกส่งไปเรียนที่สถาบัน

มีข่าวลือสะพัดว่าเขาได้ปราบกลุ่มโจรสลัดแต่ดูเหมือนว่าจะเป็นเรื่องไร้สาระ

เขาต้องโชคดีขนาดไหนที่ได้เป็นเพื่อนกับคนอย่างเพเรียนจุน?

อเล็กซานโดรปกปิดความคิดของเขาและอธิบายจุดประสงค์ของการมาเยือน

“มาสเตอร์ใช้ให้ผมมาเรียกคุณกลับบ้าน เขาบอกว่ามีเรื่องที่ต้องคุยกับคุณ”

อืมเขาควรทำอย่างไร

เฟรย์รู้สึกว่าเขามาถึงทางแยกแล้ว

‘ฉันควรยอมรับคำแนะนำของไฮนซ์หรือไปพบกับอิซากะ?”

ขึ้นอยู่กับตัวเลือกที่เขาเลือกการยิ่งที่เขาจะเจอนั้นจะเปลี่ยนไปเช่นกัน

เฟรย์จมอยู่ในความคิดแต่เขาไม่สามารถนิ่งเฉยได้นาน เพราะการแสดงออกของอเล็กซานโดรเปลี่ยนไปอย่างช้าๆ

“ตอนนี้คือ…มีบางอย่างที่ฉันจะต้องทำดังนั้นมันจึงเป็นไปไม่ได้”

เฟรย์ตัดสินใจที่จะไม่กลับไปบ้านในตอนนี้

ส่วนหนึ่งเป็นเพราะคำแนะนำของไฮนซ์ แต่ยังเป็นเพราะว่าเขาต้องการดูว่าเซอร์เคิลแต่ละเซอร์เคิลนั้นเป็นอย่างไรเสียก่อน

สิ่งนี้ทำให้อเล็กซานโดรมีสีหน้าหนักใจ

“แต่เป็นคำขอจากนายท่าน…”

“มันเป็นสิ่งที่ช่วยไม่ได้ ฝากบอกท่านพ่อด้วยว่าขอโทษ”

“…”

อเล็กซานโดรอดแปลกใจไม่ได้เพราะเขาไม่เคยคาดหวังว่าเฟรย์จะปฏิเสธคำสั่งของอิซากะ

‘เขาเปลี่ยนไปนิดหนึ่ง?’

หรือเขากำลังกลัวเกินกว่าจะตกลง

อย่างไรก็ตามนี่ยังคงเป็นสถานการณ์ที่ไม่คาดคิดสำหรับอเล็กซานโดร

ไม่ว่าตระกูลจะวิพากษ์วิจารณ์เฟรย์อย่างไรพวกเขาก็ไม่สามารถบังคับให้เฟรย์ทำทุกอย่างหรือในทันทีได้

เขาไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากก้มหน้า

"ผมจะรอ"

ด้วยคำพูดเหล่านั้นอเล็กซานโดรก็ได้ลาจากไป

หากอเล็กซานโดรมองย้อนกลับไปในช่วงเวลานั้นเขาจะได้เห็นสายตาที่เย็นชาอย่างน่าตกใจที่ไม่ได้ละสายตาไปจากเขาจนเขาหายไป

* * *

การปรับแต่งคริสตัลดูเหมือนจะใช้เวลานานกว่าที่คาดไว้

เมื่อใดก็ตามที่อเดเลียออกมาจากห้องของเธอ เธอก็ดูผอมแห้งมาก

ดูเหมือนจะมีกลิ่นอายของความตื่นเต้นที่หลั่งออกมาจากรูปลักษณ์ที่ดูแย่ๆของเธอ

ด้วยความรู้สึกสงสัยเฟรย์ก็อดไม่ได้ที่จะถาม

“คุณลางานของสถาบันนานเกินไปหรือเปล่าครับ?”

"เอาน่า...ทุกอย่างจะเรียบร้อย ในตอนแรกที่ฉันยอมรับตำแหน่งนี้ในฐานะศาสตราจารย์ ฉันให้เงื่อนไขว่าเสรีภาพของฉันจะไม่ถูกจำกัด ”

อเดเลียตอบอย่างเย็นชา

โดยปกติแล้วหากใครก็ตามที่ต้องการจ้างคนที่มีความสามารถเช่นเธอก็ไม่แปลกที่จะต้องมีข้อกำหนดบางประการ

เฟรย์ใช้เวลาฝึกฝนร่างกายอย่างต่อเนื่อง

อย่างไรก็ตามความเสียใจอย่างหนึ่งก็คือเลียมสันและคามิลล์ได้จากไปแล้ว

ในตอนแรกพวกเขาถูกส่งมาที่นี่เพื่อช่วยไพลส์ฟาวเดอร์อาร์เมลท์ ดังนั้นหลังจากที่อัครสาวกพ่ายแพ้พวกเขาก็ไม่มีเหตุผลที่จะอยู่ต่อ

ก่อนที่พวกเขาจะจากไปเลียมสันได้ไปเยี่ยมเฟรย์

“นายบอกว่านายกำลังจะเข้ารับการทดสอบที่กำลังจะมาถึงใช่ไหม?”

“ฉันไม่แน่ใจจริงๆ”

"อืม...จะมีสงครามชิ่งตัวนายอย่างแน่นอน หวังว่าพวกเราจะเข้าร่วมพร้อมกัน ถ้าหากพวกเราโชคดีเราจะได้พบกันอีก”

เขายกกำปั้นขึ้นไปที่เฟรย์

“ฉันจะชนะนายให้มากขึ้นในครั้งหน้าที่เราได้พบกัน”

“ฟังดูเป็นไร้สาระนิดหนึงนะ”

เฟรย์และเลียมสันกระแทกหมัดและหัวเราะ

ก่อนที่คามิลล์จะจากไปเธอได้มอบหินสีดำให้กับเฟรย์

“นี่คือดาร์กสโตนที่พบได้ในโลกแห่งวิญญาณเท่านั้น สิ่งนี้จะช่วยให้คุณรู้สึกถึงดวงวิญญาณแห่งความมืดได้ดีขึ้น”

"ขอบคุณสำหรับความช่วยเหลือของคุณ"

"ไม่เป็นไร"

คามิลล์ได้แต่หัวเราะเบาๆ

นักรบเผ่าแบลคทูฟได้ออกจากหอคอยเวทมนตร์ในวันรุ่งขึ้นและเฟรย์ก็ไม่ได้ไปส่งพวกเขา

หลังจากนั้นเฟรย์ก็เริ่มฝึกฝนด้วยตัวเองอีกครั้ง

นี่เป็นเพราะไม่มีนักรบเวทมนตร์คนใดในหอคอยเวทย์มนตร์ที่ 3 ที่พอจะเป็นคู่ต่อสู้ของเฟรย์ได้

เขาผ่านวันเวลาของเขาไปกับการฝึกฝนศิลปะการต่อสู้หรือไม่ก็อ่านหนังสืออยู่ในห้องสมุด

หรือในขณะที่ถือดาร์กสโตนเขาจะพยายามติดต่อกับวิญญาณแห่งความมืด

เมื่อหนึ่งเดือนผ่านไปจูเลียนหัวหน้าหอคอยกลับเป็นคนที่ติดต่อเขาก่อน

“คุณเรียกผมมาเพื่ออะไร?”

“อืม ฉันมีข้อเสนอให้สำหรับเจ้า”

“…?”

ข้อเสนอ

จูเลียนไม่ได้เป็นสมาชิกของเซอร์เคิล

เขาต้องการจะเสนออะไร?

ไม่นานนักเขาก็พูดต่อ

“เจ้าอยากที่จะมาเป็นหัวหน้าชั้นไหม?”

หัวหน้าชั้น!

มันเป็นตำแหน่งที่พ่อมดแทบทุกคนโหยหา

เพียงแค่การเป็นสมาชิกของหอคอยเวทย์มนตร์ก็เป็นสิ่งที่ทำให้พ่อมดเดินไปมาเป็นที่ชูหน้าชูตาได้แล้ว ไม่ต้องพูดถึงหัวหน้าชั้นที่ยกระดับขึ้นมาที่อาจถือได้ว่าเป็นผู้บริหาร

ไม่ว่าจะเป็นหอคอยใดก็ตามผู้ที่อยู่ในตำแหน่งนั้นจะได้รับการชื่นชมและเคารพจากพ่อมดทุกคน

มันเป็นโอกาสยากที่จะได้มา

จูเลียนพูดต่ออย่างใจเย็น

“ตอนนี้ที่นั่งของมิเคลว่างและฉันคิดว่าเจ้าเป็นคนที่มีความสามารถมากและเหมาะสมที่จะเข้ามาแทนที่”

“มีหัวหน้าชั้นคนไหนที่อายุน้อยเท่าผมไหม?”

“มัสเกลแห่งตระกูลเบลคเป็นหัวหน้าชั้นเมื่ออายุ 28 ปีเจ้าอายุน้อยกว่าเขามากดังนั้นเจ้าอาจอายุน้อยที่สุดในประวัติศาสตร์ก็เป็นได้”

เฟรย์ยังคงเงียบ

จูเลียนพูดด้วยน้ำเสียงที่โน้มน้าวใจจนบางทีเขาก็ไม่แน่ใจว่าจะทำอย่างไร

“ถ้าเจ้ากลายมาเป็นหัวหน้าชั้น เจ้าจะได้รับสิทธิประโยชน์มากมาย ทันทีที่ยื่นเอกสาร จักรวรรดิก็จะมอบคฤหาสน์ห้องแล็บและทุนวิจัยให้กับเจ้า เจ้าจะสามารถแลกเปลี่ยนหรือขอความรู้และข้อมูลเกี่ยวกับศาสตร์เวทมนตร์จากผู้เชี่ยวชาญชั้นคนอื่นๆขึ้นอยู่กับความสำเร็จของเจ้า เจ้าอาจจะได้รับวัสดุที่หายากหรือแม้แค่เครื่องมือวิเศษที่หายากได้”

มันเป็นข้อเสนอที่น่าทึ่งจนพ่อมดปกติส่วนใหญ่จะไม่สามารถต้านทานได้

แต่เฟรย์ส่ายหัวอย่างไม่ลังเล

“ขอบคุณสำหรับข้อเสนอ แต่ผมต้องขอปฏิเสธ”

"…อืม เจ้าจะเข้าร่วมกับเซอร์เคิลใช่มั้ย?”

จูเลียนหัวเราะอย่างขมขื่นแต่เฟรย์ยังคงเงียบ

มันไม่ใช่แค่เหตุผลนั้น

ส่วนใหญ่เป็นเพราะผลประโยชน์ในการเป็นหัวหน้าชั้นนั้นไม่จำเป็นสำหรับเฟรย์

"ฉันเข้าใจ แล้วโปรดลืมสิ่งที่ฉันพูดไปก็แล้วกัน”

“ผมจะไม่ลืมความเอ็นดูของคุณในครั้งนี้ที่มาสเตอร์หอคอยมอบให้ผม”

“หุหุ ขอบคุณที่พูดแบบนั้น”

เฟรย์กลับไปที่ห้องของเขาและในขณะที่เขาเปิดหนังสืออ่านเขาก็ได้ยินเสียงเคาะประตู

เขารู้ว่าเป็นใคร

คนที่เฟรย์มีปฏิสัมพันธ์ด้วยในหอคอยนั้นมีน้อยมากและด้วยการจากไปของกลุ่มแบล็คทูฟจำนวนก็ยิ่งลดน้อยลง

"ประตูไม่ได้ล๊อก"

เสียงดังเอี๊ยด

ตามที่คาดไว้อเดเลียเป็นคนที่เปิดประตู

เธอมองเฟรย์ด้วยสีหน้าแปลก ๆ

“นายปฏิเสธข้อเสนอของตาแก่จูเลียนจริงๆหรือ?”

"ใช่"

“นายกล้าโยนโอกาสที่น่าอัศจรรย์นี้ทิ้งไป หากเป็นเพราะเซอร์เคิลนายก็คิดผิดแล้วละ คุณลุงมิเคลสามารถดำรงตำแหน่งทั้งสองตำแหน่งพร้อมๆกันได้ ฉันน่าจะเคยบอกแล้วว่าสมาชิกในเซอร์เคิลส่วนใหญ่เป็นเช่นนั้น แต่การเป็นหัวหน้าชั้นของหอคอยเวทมนตร์เป็นตัวตนที่สมบูรณ์แบบในการแสดงให้โลกภายนอกได้รับรู้”

สิ่งที่เธอพูดนั้นไม่ได้บ้าและเป็นที่พิสูจน์ได้ง่ายๆ เพียงแค่ยกตัวอย่างของมาสเตอร์หอคอยอย่างเชพเพิร์ดหรือรองหัวหน้าหอคอยและหัวหน้าชั้นเช่นลุคส์และมิเคล

แต่เฟรย์ไม่ได้เสียใจใดๆเลยเกี่ยวกับเรื่องนั้น

“ผมได้ตัดสินแล้วว่าผมยังไม่พร้อมที่จะรับตำแหน่งหัวหน้าชั้น ผมยังมีงานต้องทำอีกมาก”

“…”

ไม่มีอะไรที่เธอจะพูดได้เมื่อเขาพูดออกมาอย่างนั้น

นั่นเป็นเพราะอย่างที่เฟรย์ได้กล่าวไว้ว่ายังมีสิ่งที่หัวหน้าชั้นต้องทำหลังจากที่พวกเขาเข้ารับตำแหน่ง

พวกเขาต้องรายงานความสำเร็จและสิ่งที่ค้นพบให้กับจักรวรรดิเป็นประจำหรือสอนพ่อมดในหอคอย

“ถ้านั่นคือสิ่งที่นายตัดสินใจฉันก็ไม่มีอะไรจะพูดอีกแล้ว”

“คุณมาที่นี่เพื่อพูดเรื่องนี้อย่างนั้นหรือ?”

"ไม่หรอกน่า"

อเดเลียวางขวดแก้วสองใบลงบนโต๊ะ

"เออ?"

ไม่ใช่หนึ่งแต่มีถึงสองขวด?

หนึ่งในนั้นเต็มไปด้วยของเหลวใสและอีกอันก็ยากที่จะมองผ่าน

หลังจากได้รับการจ้องมองอย่างงุนงงของเฟรย์อเดเลียก็อธิบาย

“ฉันเคยทำผลึกให้เป็นยาอายุวัฒนะหลายครั้งก่อนหน้านี้ แต่ฉันแน่ใจว่าครั้งนี้นั้นยากสุดๆ คริสตัลนั้นมีพลังงานของสายฟ้า สายฟ้าเป็นหนึ่งในพลังที่ซับซ้อนที่สุด! ต้องขอบคุณเหรียญทองหลายร้อยเหรียญของฉันที่ช่วยทำให้มันแยกออกจากกันได้”

“ถ้าเป็นเช่นนั้น…”

"ไม่...ไม่ต้องเลย ฉันก็แค่อยากให้นายรู้ว่าฉันต้องทำงานหนักแค่ไหน ฉันก็เลยบ่นนิดหน่อยเอง”

อเดเลียตบหน้าอกเล็กๆของเธอและเฟรย์ก็รู้ว่าเธอได้ช่วยเหลือเขาอีกครั้ง

“แต่ทำไมมีตั้งสองขวดละครับ?”

“หนึ่งคือยาอายุวัฒนะของมานา ส่วนอีกอันคืออืม…กลุ่มพลังสายฟ้าที่สกัดออกมา”

“พลังงานสายฟ้า?”

“อืม ฉันนึกคำที่เหมาะพอที่จะอธิบายไม่ได้ อย่างไรก็ตามอย่าเปิดมันออกก็แล้วกัน ฉันพยายามอย่างหนักเพื่อให้มันอยู่ในขวดนั่นดังนั้นมันจึงค่อนข้างอันตราย”

เฟรย์มีสีหน้าแปลก ๆ

“ทำไมคุณถึงให้สิ่งที่อันตรายเช่นนี้กับผมละ?”

“มันเป็นเพียงความรู้สึก แต่ฉันคิดว่านายจะสามารถใช้ประโยชน์จากมันได้”

ขณะที่เธอพูดสิ่งนี้อเดเลียก็ดูเหมือนจะสงสัยในการตัดสินใจของตัวเองเล็กน้อย

ถึงกระนั้นมันก็เป็นการสูญเปล่าที่จะทิ้งมันไป ถ้าเป็นเฟรย์แล้วละก็เธอก็มั่นใจได้เลยว่าเขาจะใช้ประโยชน์จากมันได้แน่ๆ

เธอยักไหล่

“ถ้านายไม่สบายใจนายก็ทิ้งมันไปได้เลย”

“ไม่ผมจะเก็บไว้ และขอบคุณมาก”

“ฮึ่ม นายควรที่จะขอบคุณฉันเร็วกว่านี้นะ ฉันเป็นนักเล่นแร่แปรธาตุเพียงคนเดียวในโลกที่สามารถทำสิ่งนี้ได้”

เฟรย์หัวเราะเบา ๆ

“ผมไม่ลืมหนี้ของผมหรอกครับ ผมจะจ่ายคืนให้กับศาสตราจารย์อย่างแน่นอน”

“หนี้หรอ ฮิฮิ ฉันชอบคำนั้นจัง”

อเดเลียหัวเราะอย่างมืดมนในทุกสิ่งที่เธอคิดและการเห็นสีหน้าขี้เล่นของเธอก็ทำให้เฟรย์ยิ้ม

“ฉันจะไปแล้วนะเฟรย์”

“คุณหมายถึงจะไปจากหอคอยแล้วใช่ไหม?”

“อืม ฉันอยู่ที่นี้มานานเกินไปแล้ว ถ้าฉันทำตัวดื้อไปมากกว่านี้ซีริสคงจะบ่นฉันเกี่ยวเรื่องนี้เป็นเวลาหลายเดือนอย่างแน่นอน”

ดูเหมือนว่าเธอจะมีความสัมพันธ์พิเศษกับคณบดีของสถาบัน

เฟรย์พยักหน้า

"เดินทางปลอดภัยนะครับ"

“ฉันไม่รู้ว่าเป้าหมายของนายคืออะไร แต่ระวังด้วย อา....แม้ว่านายจะดื่มยาอายุวัฒนะในตอนนี้ มันก็จะไม่มีปัญหาอะไรเลย”

ด้วยคำพูดเหล่านั้นอเดเลียได้โบกมือและจากไป

ต่อมาเฟรย์ก็ได้ยินว่าหลังจากที่เธอไปพบเขาเธอก็เก็บข้าวของของเธอและออกเดินทางไปที่สถาบัน

นั่นคือตอนที่เฟรย์ตระหนักว่าเหตุผลที่เธอยังไม่กลับไปที่สถาบันการศึกษาเป็นเวลานานคือการช่วยเหลือเขาและเฟรย์รู้สึกขอบคุณเธอลึกซึ้งยิ่งขึ้น

“แล้ว…”

เฟรย์ตัดสินใจว่าจะตรวจสอบพลังงานสายฟ้าในภายหลังและหยิบน้ำยามานามาก่อน

ภายนอกนั้นดูไม่ต่างจากน้ำ ดูเหมือนจะไม่พิเศษเท่ากับโฟรเซินริฟเวอะหรือหัวใจของทอร์กุนทา

อย่างไรก็ตามเฟรย์สามารถสัมผัสได้อย่างชัดเจนถึงความเข้มข้นของมานาที่มีอยู่ในของเหลวนี้

‘ฉันรู้สึกได้ถึงพลังงานมหาศาลที่อยู่ภายในของมัน สามขวดไม่สิเพียงสองขวด หากฉันสามารถหายาเช่นนี้ได้อีกสองขวด มันก็เพียงพอที่จะทำให้ฉันไปถึงระดับ 8 ดาวได้

เฟรย์ยิ้มเล็กน้อยขณะที่เขาค้นพบอีกเหตุผลหนึ่งที่จะปราบเหล่าอัครสาวก

คำพูดของไฮนซ์ปรากฏขึ้นในหัวของเขาอีกครั้ง

เขาได้บอกว่าอย่าดื่มยาอายุวัฒนะ

เฟรย์ไม่รู้ว่าทำไม

อย่างไรก็ตามเขาจะไม่ได้คิดมากเกี่ยวกับเรื่องนี้

ไฮนซ์ไม่ใช่แหล่งข้อมูลที่เชื่อถือได้และไม่มีอะไรผิดปกติกับยาอายุวัฒนะ

เขามั่นใจในเรื่องนี้

อเดเลียเป็นนักเล่นแร่แปรธาตุอัจฉริยะและเธอก็ได้ยืนยันเรื่องนี้ด้วยตัวเอง

ไฮนซ์กำลังคิดอะไรอยู่?

‘เขากำลังหมายถึงสถานการณ์ที่ฉันจะต้องรับมือหากดื่มยาอายุวัฒนะเข้าไปแทนที่จะเป็นปัญหาเกี่ยวกับตัวยาอายุวัฒนะเองหรือเปล่า?’

เฟรย์ไม่รู้และเขาก็ไม่ได้มีนิสัยที่จะกังวลกับสิ่งที่เขาไม่สามารถหาคำตอบได้”

โดยไม่ลังเลเลยเฟรย์เปิดขวดแก้วและยกขึ้นซด

อึกอึก

เขารู้สึกเย็นสบายราวกับว่าเขากำลังดื่มน้ำที่ใส่น้ำแข็ง

เขารู้สึกได้อย่างชัดเจนว่ายาอายุวัฒนะไหลลงคอขณะที่เขาดื่มมัน

อูววว

“…!”

มานานั้นหนาแน่นกว่าที่เขาคิด!

เฟรย์ตระหนักดีว่าถ้าหากเขาสามารถย่อยมานาทั้งหมดนี้ได้เขาก็จะสามารถเพิ่มความจุมานาของเขาได้อย่างน้อย 1.5 เท่า

เฟรย์เชื่อมั่นว่าจะไม่มีพ่อมดระดับ 7 ดาวที่สามารถเทียบเขาได้หากพูดถึงความจุของมานา

'ดีละ'

ไม่นานร่างกายของเขาก็เหงื่อออกราวกับน้ำตก

คงไม่แปลกถ้าสิ่งนี้ทำให้เขาขาดน้ำอย่างรุนแรง แต่ปากของเฟรย์โค้งเป็นรอยยิ้ม

'ด้วยความเข้มข้นของมานานี้ฉันจะสามารถขยายห้องมานาของฉันไปทั่วร่างกายของฉันได้'

นี่เป็นเพราะมันจะทำให้เขาสามารถขยายพื้นที่จัดเก็บมานาได้

ถ้ามันเสร็จสมบูรณ์ เส้นเลือดมานาของเขาจะขยายออกเหมือนแม่น้ำและทำให้เขาสามารถรักษาสภาพร่างกายนี้ได้ตลอดเวลา

นี่เป็นข้อได้เปรียบอย่างมากสำหรับพ่อมดที่มีพลังเวทย์มนตร์หลากหลายขึ้นอยู่กับสภาพของพวกเขาในระหว่างวัน

ฮึก

เฟรย์ทำให้มานาของเขาสงบลงอย่างรวดเร็ว

ร่างกายของเขาประสบความสำเร็จในการดูดซับมานาจำนวนมากครั้งแล้วครั้งเล่า

มานาในคริสตัลไม่ใช่เรื่องเล็กๆเลยแต่มันก็ไม่ได้เป็นอันตรายเพียงแต่มันต้องใช้เวลานานในการดูดซับ

มันจะใช้เวลาไม่เกินหนึ่งเดือน

จากนั้นเฟรย์ก็คิดที่จะไปจากหอคอยเวทย์

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด