ตอนที่แล้วChapter 36: เมอรี่คริสมาสต์ -2 (ส่วนที่ 2)
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปChapter 38:  เมอรี่คริสมาสต์! -3 (ส่วนที่ 2)

Chapter 37: เมอรี่คริสมาสต์! -3 (ส่วนที่ 1)


**

“ผม ผมขอโทษนะครับ แต่ว่า....ท่านวิสเคานต์เจนาล! ผม ผมสู้พวกมันไม่ได้หรอก! ท่านก็เห็นอยู่ว่าขาของผมยังไม่ฟื้นตัวดีเลยด้วยซ้ำ!”

บุตรชายคนโตของเคานต์แฮดรอน ไฮส์อ้อนวอนกับเจ้าเมือง ในขณะที่ชี้ไปยังขาที่แสร้งทำอ่อนเปลี้ย ซึ่งมันยังดูปกติดีของเขา”

“ดูสิครับ! ขาของผมยังเป็นแบบนี้อยู่เลย! แล้วท่านยังต้องการให้ผมเข้าร่วมการต่อสู้ครั้งต่อไปอีกงั้นเหรอ?”

“ฉันได้รับข้อมูลข่าวสารมาว่าท่านไฮส์ได้รับการฝึกฝนวิชาดาบในสถาบันศึกษา ซึ่งตอนนี้พวกเราจำเป็นต้องใช้กำลังคนทุกด้านเท่าที่มี ได้โปรดให้พวกเรายืมแรงท่านด้วย”

เจ้าเมืองเจนาลตอบกลับและเมินคำพูดของเด็กหนุ่มไปอีกคราหนึ่ง

ยังไงก็ตาม ไฮส์ก็ยังไม่ยอมแพ้และไล่ตามเขาต่อไป “แต่ว่า...!”

ก่อนที่เด็กหนุ่มจะได้พูดอะไรต่อ เจนาลกระชากคอเสื้อของเขาและพูดขึ้น “ท่านมาที่นี่เพื่อชำระโทษ ท่านไฮส์และท่านต้องทำหน้าที่นี้! นี่คือเหตุผลที่ว่าทำไมปราสาทแห่งการเสียสละถึงยังคงมีอยู่ต่อไปไ...”

แต่แค่นั้นเอง

แสงสีแดงตัดผ่านกำแพงเมืองด้านนอก ทั้งเจนาลและไฮส์ต่างสะดุ้งกันอย่างตกใจและรีบหันกลับไปมองยังต้นกำเนิดของแสง

หลุมขนาดใหญ่ปรากฏตัวขึ้นตรงกำแพง

เศษซากปรักหักพังของหินและไม้ต่างกระเด็นกระดอนไปทั่วทุกแห่ง ทหารที่อยู่ใกล้เคียงกับกำแพงถูกเป่ากระเด็นลอยขึ้นกลางอากาศ

“อ๊า...”

เจนาลยังไม่ฟื้นตัวกับแรงระเบิด เขารีบสะบัดหัวเพื่อไล่ความมึนงงกับเสียงวิ้งๆในหูของเขาออกไป เขาฝืนตัวเองกลับไปมองยังที่แห่งเดิมและเขาก็ขมวดคิ้วหนักมาก

กำแพงเมืองด้านนอก....ล่มสลายลงแล้ว

-เคี้ยกกก!

เสียงโหยหวนอันน่าหวาดกลัวของเหล่าอันเดทดังขึ้นจากอีกฟากฝั่งของกำแพง

“อั่ก....อ๊า! ผมไม่ได้ยินอะไรเลย! ท่านเจ้าเมือง! ผม....ผมไม่ได้ยินอะไรเลย! ได้โปรด ช่วย ช่วยผมด้วย….!”

ไฮส์เกาะไปที่กางเกงของเจนาล แต่เขาเมินเด็กหนุ่มคนนี้ไปก่อนที่จะพยายามลุกขึ้นยืนอย่างยากลำบาก เขาพึมพำกับตัวเองในขณะที่มองออกไปด้านนอกกำแพง “...พวกเรา ต้องหยุดมัน…”

ทหารและนักโทษต่างลุกขึ้นยืนอย่างยากลำบากแบบเดียวกันกับเขา พวกเขาต่างสะบัดความมึนงงในหัวของพวกเขาออกไป

“หยุดพวกมันไว้!!”

เจ้าเมืองเจนาลตะโกนเสียงดังก้องออกมา มีเพียงแค่ตอนนี้เท่านั้นที่พวกเขาเริ่มตระหนักได้ถึงสถานการณ์ปัจจุบัน พวกเขาต่างกวาดตามองออกไปด้านนอกกำแพงที่พังทลาย

พื้นดินสั่นสะเทือน ฝูงอันเดทนั้นปรากฏตัวออกมาจากหมอกหนา และไม่เหมือนปกติที่มันจะเดินอย่างเชื่องช้า พวกมันกลับวิ่งกันอย่างบ้าคลั่งเพื่อที่จะไล่ล่ากลืนกินสิ่งมีชีวิตแทน

สีหน้าของทหารและนักโทษต่างซีดขาวทันที

“อุว้ากกก?!”

ทันทีที่พวกเขาตั้งสติกลับมาได้ พวกเขากลับตกลงไปสู่ความตื่นตระหนกอีกครั้งหนึ่ง

พวกเขาทุกคนต่างกรีดร้องออกมา พวกเขาไม่กุมหัวตัวเองด้วยความหวาดกลัวก็วิ่งหนีจากไป

ไม่มีใครสักคนที่มีความคิดในการ ‘ต่อสู้กลับ’ เลยสักคน

‘ความหวาดกลัว’ นี้ได้แพร่กระจายไปทั่วทุกนักโทษ แม้แต่ทหารและอัศวินที่ได้รับการฝึกฝนมายังคงตัวสั่นสะท้านด้วยความกลัว

หมอกที่แฝงไว้ด้วยพลังมารออกนั้นลอยเข้ามาทางกำแพงเมืองที่พังลง พร้อมกันนั้นเอง จากด้านบนท้องนภา พระจันทร์สีแดงก็ทอดแสงจันทร์ลงมายังพื้นปฐพีเบื้องล่าง

“พวกเจ้าทำบ้าอะไรกันอยู่?! หยุด...หยุดพวกมันซะ!”

เจนาลตะโกนออกมาอีกครั้งหนึ่ง แต่ไม่มีทหารคนใดอยู่ฟังคำพูดของเขาอีกต่อไป พวกเขากลับยืนตัวแข็งทื่อกันและมองไปที่ฝูงอันเดทอย่างมึนงง

เจ้าเมืองกัดฟันและชักดาบของเขาออกมา ถ้ามันเป็นแบบนี้แล้ว พวกอันเดทเหล่านั้นก็จะรุกรานเข้ามาภายในปราสาทได้สำเร็จ ซึ่งมันหมายความว่ามันจะเป็นการตายของประชาชนของเขา

“แม่งเอ้ย แม่ง…! โอ้ เทพีไกอาแห่งความรักและความเมตตา ไกอา! ได้โปรดมอบการคุ้มครองของท่านด้วย!”

แม้ว่าเจนาลจะไม่รู้วิธีใช้งานพลังศักดิ์สิทธิ์ก็ตามที เขาก็ยังรู้วิธีใช้พลังมานามาเป็นเวลานานแล้ว

เขาภาวนาต่อเทพีและใช้พลังงานมานาที่หลับซ่อนอยู่ภายในร่างกายของเขา เขาหายใจเข้าลึกๆและเดินเข้าไปใกล้กับกำแพงเมืองที่พังลงด้วยตัวของเขาเอง

“....นี่มันทำให้ฉันนึกถึงเกมป้องกันเมืองเลยแหะ”

วิสเคานต์เจนาลสะดุ้งกับเสียงที่ดังขึ้นจากด้านหลัง มันเป็นเสียงที่คุ้นเคยเหลือเกิน

‘วาจาจิตวิญญาณ’ นั้นแฝงไปด้วยพลังศักดิ์สิทธิ์ระดับต่ำแพร่กระจายและเข้าสู่หูของทหารและนักโทษที่อยู่รอบข้าง สายตาของพวกเขาต่างจดจ้องไปยังที่จุดจุดเดียว

นักบวชที่สวมหน้ากากจงอยนก พร้อมกับสวมผ้าคลุมไปด้วย เดินออกมาจากในเงามืด พร้อมกับพลั่วที่พาดไว้บนไหล่ เข้าจองไปที่อันเดทที่กำลังบุกรุกเข้ามา

ระยะห่างระหว่างกำแพงและฝูงอันเดทนั้นเหลือเพียงแค่สองร้อยเมตรเท่านั้น

“บางทีมันคงจะเป็นเรื่องที่ง่ายกว่าสำหรับพวกเราที่จะป้องกันพวกมันจากจุดเพียงจุดเดียว แทนที่จะเคลื่อนที่ป้องกันไปรอบๆ”

คู่ต่อสู้ของพวกเขาก็คืออันเดท พวกมันเป็นสัตว์ป่าที่ไม่รู้จักการใช้หัว สิ่งมีชีวิตเหล่านี้มันถูกกำหนดโดยสัญชาตญาณพื้นฐานของมัน ซึ่งมันทำให้พวกมันต่างพุ่งเข้าใส่สิ่งมีชีวิตที่อยู่รอบข้าง

เมื่อต่อสู้กับสิ่งมีชีวิตเหล่านี้แล้ว มันคงเป็นเรื่องที่ดีกว่าที่จะฝังพวกมันไว้ในจุดเดียว

นักบวชที่สวมหน้ากากจงอยนกชี้พลั่วไปที่อันเดทที่กำลังพุ่งเข้าใส่ พวกมันห่างออกไปเพียงแค่หนึ่งร้อยเมตรเท่านั้น

“โอ้ เทพีไกอา ได้โปรดประทานพละกำลังของท่านเพื่อปกป้องลูกแกะที่น่าสงสารเหล่านี้ด้วย...”

พลั่วของเขาส่องประกายสว่างสไวอออกมา

ระยะห่างมันเหลือเพียงแค่ห้าสิบเมตรเท่านั้น

“[หนองน้ำแห่งความตาย]”

หยดน้ำหล่นลงออกมาจากคมพลั่ว

ห้าเมตร

หยดน้ำเริ่มตกลงมาแพร่กระจายไปทั่วพื้นเบื้องล่าง

สามเมตร

ฝูงอันเดททะยานตัวขึ้น

พวกมันบุกเข้ามาภายในกำแพงเมืองแล้ว

และทันใดนั้นเอง...

หนึ่งเมตร

เพียงแค่หยดน้ำตกกระทบลงพื้น มันส่งเสียงดังฟังชัดออกมา

อันเดททุกตัวที่ก้าวเหยียบลงไปบนหนองน้ำนั้น พวกมันต่างถูกเปลี่ยนกลายเป็นขี้เถ้าและสลายหายไป แม้แต่ความมืดมิดที่ปกคลุมพื้นที่บริเวณนี้ก็ได้จางหายไปด้วยเช่นกัน

“...”

เจ้าเมืองเจนาล ไฮส์ นักโทษ ทหาร และฮาร์แมนที่พึ่งจะมาถึงต่างหุบปากเงียบ

หมอกที่แฝงไปด้วยพลังมารก็กระจายหายไป ในสถานที่แห่งนี้ น้ำบริสุทธิ์และสะอาดก็เปียกปอนลงบนพื้น ‘ธารน้ำ’ ก็ถูกสร้างขึ้นจากหยดน้ำที่อยู่ตรงกลาง

อันเดททุกตัวที่เข้ามาภายในกำแพงต่างล้มลงทันทีที่พวกมันก้าวเท้าเหยียบลงไปบนธารน้ำแห่งนี้ ร่างกายของพวกมันที่ถูกเสริมพลังด้วยพลังมารกระตุกตัวอย่างรุนแรงก่อนที่จะถูกหลอมละลาย

-เคี้ยกก!

เจ้าสัตว์ประหลาดต่างกรีดร้องโหยหวนออกมาอย่างเจ็บปวด

แม้ว่าธารน้ำแห่งนี้จะสูงเพียงแค่เข่าของพวกมัน พวกมันก็ยังกรีดร้องออกมาเหมือนกับว่ากำลังจมลงไปในมหาสมุทรที่ไร้จุดสิ้นสุด

“...นี่มัน?”

วิสเคานต์เจนาลจ้องไปที่ธารน้ำที่ขยายมาจนถึงเท้าของเขา เขาสัมผัสได้ถึงออร่าศักดิ์สิทธิ์จากธารน้ำ หัวที่เต็มไปด้วยความยุ่งเหยิงของเขาเริ่มที่จะตั้งสติขึ้นมาได้ เขารู้สึกว่าร่างกายของเขาเบาขึ้นและแข็งแกร่งขึ้น

เขาเริ่มครุ่นคิด ‘…นี่มันเป็นเหมือนกับสิ่งที่เจ้าชายได้มอบให้กับพวกเราเลยนี่นา!’

“โอ้ เทพีไกอา…”

เจนาลรีบหันกลับไปมองนักบวชที่สวมหน้ากากจงอยนก ไม่ใช่สิ เขาหันกลับไปมองเจ้าชายต่างหาก

“ได้โปรดมอบการคุ้มครองศักดิ์สิทธิ์กับบุคคลที่ปรารถนาที่จะต่อสู้เคียงข้างกับท่านด้วย…”

เจ้าชายหนุ่มหันกลับไปและเหวี่ยงพลั่วของเขาลง

“[คำสาปชั่วร้าย]”

ทันทีที่คำพูดหลุดออกไปจากปากของเขา ธุลีสีขาวก็พวยพุ่งออกมาจากภายในร่างกายของนักโทษและทหาร

เจนาลอ้าปากค้างกับภาพที่เขาเห็น

เจ้าชายกำลังอวยพรวงกว้างอยู่โดยไม่มีความลังเลใจ นี่คือปาฏิหาริย์ที่นักบวชไม่มีปัญญาจะฝันถึงมัน

‘เขามีพลังศักดิ์สิทธิ์มากเพียงใดกันแน่..?’

เพียงแค่เจนาลกำลังคิดอยู่กับเรื่องนี้ เจ้าชายตัวเซไปเล็กน้อย เขาปักพลั่วลงไปบนพื้นและใช้มันพยุงตัว เขาขยับหน้ากากของเขาเล็กน้อยก่อนที่จะหยิบขวดน้ำที่โผล่ออกมาจากที่ไหนก็ไม่รู้ขึ้นมาดื่ม

‘นี่มัน….เขาใช้พลังงานทั้งหมดไปแล้วงั้นเหรอ?’

วิสเคานต์เจนาลกำหมัดแน่น เขาประทับใจกับความจริงที่เจ้าชายได้ก้าวขึ้นมาปกป้องประชาชนของเขามาก

“นี่มัน....ท่านนักบุญ”

เจนาลสะดุ้งตัวเล็กน้อย เขารีบหันกลับไปมองยังด้านข้างของเขา ไฮส์ที่ตัวสั่นสะท้านด้วยความหวาดกลัวพึมพำกับตัวเอง

“เขาเป็นท่านนักบุญจริงๆด้วย...”

เจนาลหันกลับไปมอง

ในครั้งนี้เอง เสียงดังออกมาจากเหล่านักโทษและทหาร

“ท่านนักบวชที่กำจัดแวมไพร์ตนนั้น?”

“เขาเป็นคนที่มอบน้ำศักดิ์สิทธิ์ให้กับฉันละ”

เสียงกระซิบเบาๆดังขึ้นเรื่อยๆ

ด้วยภาพที่เกิดขึ้นนี้เอง ทุกคนต่างเริ่มตั้งสติขึ้นมาได้ ความหวาดกลัวและความตื่นตระหนกที่พวกเขาพบเจอก่อนหน้านี้ก็ได้หายไป

หัวใจของเจนาลเต้นระรัว เขารู้ดีว่ามันถึงเวลาแล้วที่เขาจะต้องทำบางสิ่งบางอย่าง เมื่อความหวาดกลัวของทุกคนหายไป

แต่ว่ายังไง...? แล้วเขาจะทำยังไงดีกันละ?

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด