ตอนที่ 8 จัดการโอสถเสีย
พิษบนนิ้วของเขามันไม่ได้ไร้ประโยชน์
พิษเหล่านี้ถูกกลั่นด้วยตะเกียงไฟสีน้ำเงิน และ มันได้ไหลเข้าสู่นิ้วชี้ข้างขวาของเขา หากจะให้พูดแม้แต่ ผู้ฝึกยุทธ์แกนทองคำ ยังต้องกลัว!!
จากนั้นเขาก็อดไม่ได้ที่จะแสดงรอยยิ้มอย่างขมขื่น แม้พิษจะทรงพลังแต่มันก็ต้องเข้าใกล้เป้าหมาย
หากเผชิญหน้ากับผู้เชี่ยวชาญแกนทองคำ คู่ต่อสู้สามารถโจมตีจากระยะไกลได้โดยไม่เปิดโอกาสให้เขาใช้อาวุธพิษนี้
ถึงกระนั้นเขาก็ยังมีโอกาสที่จะใช้มัน
"แม้ว่าตอนนี้มันจะยังไม่มีประโยชน์สำหรับข้า แต่ในอนาคตไม่มีใครรู้ว่าเมื่อไหร่ข้าจะต้องได้ใช้งานมัน"ฉินหยู ได้ปลอบใจตัวเองและมองไปรอบ ๆ
ทันใดนั้นเขาก็หยุด
ด้วยความรวดเร็วเขาก็มาถึงผืนหญ้าจากนั้นเขาก็หยิบกระเป๋าขนาดเท่ากับฝ่ามือที่มีสัมผัสนุ่มนวลขึ้นมา ดูเหมือนว่ามันจะทำมาจากหนังสัตว์ ฉินหยู ได้เปิดถุงผูกสีทองอย่างระวังและก็ต้องตกใจทันที
ถุงมิติ!
หัวใจของเขารู้สึกเหมือนกับว่ามีกลองกำลังทุบตีอยู่เขาพยายามสูดลมหายใจเข้าลึก
เขาส่งผ่านความคิดเข้าไปภายในและพบว่าพื้นที่มันค่อนข้างใหญ่
ในนิกายภูเขาศักดิ์สิทธิ์ทั้งหมดมีเพียงสามบเท่านั้น!
แม้จะไม่ใหญ่มากแต่ก็เป็นค่าโดยเฉลี่ย สำหรับฉินหยู มันถือเป็นสมบัติอย่างแท้จริง โดยปกติแล้ว จะมีเพียงผู้ฝึกยุทธ์แกนทองคำเท่านั้นที่พกถุงมิติ
ฉินหยู ได้ตรวจสอบถุงมิติ จากนั้นเขาก็หัวเราะออกมา
หลังจากพบตะเกียงไฟสีน้ำเงินโชคชะตาก็นำพาให้เขามาพบสมบัติของฉางเมิ่ง
แต่โชคชะตามักห้อมล้อมไปด้วยอันตรายนี่คือสิ่งที่เขาค้นพบจากประสบการณ์
เขาไม่สนใจอะไรหลังจากส่งผ่านความคิดเข้าไป เขาก็พบของอยู่สองชิ้น
เขาได้ดึงเสื้อคลุมสีดำออกมาจากถุงมิติ มันมาจากถุงมิติของผู้เชี่ยวชาญที่แข็งแกร่งมันไม่น่าจะใช่เสื้อคลุมธรรมดาอย่างแน่นอน
หลังจากลองสวมเสื้อคลุมดูแล้วมันดูเหมือนจะใหญ่กว่าตัวเขาเสื้อคลุมมีฮูดเอาไว้ซ่อนสมบัติได้ ฉินหยู ยังพบว่า เสื้อคลุมนี้เหมาะสำหรับการซ่อนตัวตนของเขาเป็นอย่างดี และ จะต้องไม่ให้ใครรู้ว่าเสื้อคลุมตัวนี้เป็นสมบัติเช่นเดียวกัน
รายการที่สองก็คือ เตาหลอมยา ขนาดพอดีมี มันมีลายสายฟ้าสวรรค์และสลักรูปไฟบนกลางเตา ลวดลายของเตาหลอมค่อนข้างลึกลับ เห็นได้ชัดว่ามันเป็นสมบัติสำหรับการปรุงยา
นี่ต้องเป็นเตาที่ ฉางเมิ่ง กล่าวถึง มันน่าจะมีประโยชน์ในการกลั่นเม็ดยา
ฉินหยู กระตือรือร้นที่จะกลั่นเม็ดยามาก เขาได้เก็บของทั้งสองชิ้นนี้เข้าไปในถุงมิติจากนั้นก็มองเข้าไปในกระท่อมอย่างระมัดระวังเป็นครั้งสุดท้าย แต่ตามคาดมันก็ไม่มีอะไรเหลืออยู่อีก
"เพียงแค่ถุงมิตินี้ก็เพียงพอที่จะทำให้คนอื่น ๆ ตาลุกวาวได้แล้ว แล้วข้าจะไม่พอใจได้อย่างไร!"ฉินหยู ได้เตือนตัวเอง ก่อนที่จะมองไปที่ หลุมฝังศพของ ฉางเมิ่ง
ผู้เชี่ยวชาญคนนี้ หากไม่ประสบอุบัติเหตุ เขาคงจะกลายเป็นผู้เชี่ยวชาญขั้นก่อตั้งวิญญาณ และ จะได้อายุขัยเพิ่มถึงแปดร้อยปี บางทีเขาอาจจะรอดพ้นจากหายนะครั้งนี้ได้ น่าเสียดายที่ชีวิตของเขาต้องมาจบลง
แต่ถ้านิกายภูเขาศักดิ์สิทธิ์ไม่ทำเช่นนั้น บางที ฉินหยู คงไม่มีโอกาสได้พบสถานที่แห่งนี้
เขาได้สบัดความคิดเหล่านี้ออกไป และคล้ายพูดประมาณว่า 'ผู้เยาว์กำลังจะไปแล้ว' ก่อนที่จะหันหลังออกจากกระท่อม
เมื่อเขาออกมา เขาก็พบสิ่งมีชีวิตเล็ก ๆ ที่ยืนรอเขาอยู่เขายิ้มไปที่มันด้วยรอยยิ้มที่เย็นชา"เจ้าไม่ได้หนีไปหรอกเหรอ?ทำไมถึงกลับมาเล่า!"
ราชาไก่ฟ้า มองไปที่ ฉินหยู อย่างไม่สบอารมณ์ 'สถานที่เน่าเฟะที่เต็มไปด้วยพิษเช่นนี้ จะให้ข้าไปอยู่ไหนได้'
ฉินหยู ได้กระดิกนิ้วของเขา ราชาไก่ฟ้า ได้มองไปที่เขาด้วยสายตาคร่ำครวญและกระดิกหาง
ฉินหยู หัวเราะออกมาทันที"หยุดแสดงได้แล้ว! ข้าจะปล่อยผ่านเรื่องนี้ไปเพราะยังไงข้าก็ยังต้องการเจ้าอยู่"
เขาเดินไปที่ที่เขาทิ้งสมุนไพรวิญญาณ ฉินหยู รู้สึกเบิกบานมากขึ้น เขาได้เก็บพวกมันทั้งหมดลงในถุงมิติก่อนที่จะเหลือผลนึงในมือของเขา
"เอ้า,กินซะสิ"
ราชาไก่ฟ้า เบิกตากว้างด้วยความยินดี มันได้พุ่งไปโฉบผลไม้วิญญาณนั้นมาและหลับตาลงด้วยความพึงพอใจ
ฉินหยู ได้แกล้งเตะมัน"อย่ามัวแต่เล่น รีบมากับข้า หรือจะรอเน่าตายอยู่ที่นี่"
ในขณะที่เขาพูด เขาก็จำสิ่งที่ ฉางเมิ่ง พูดได้ รูปแบบสถานที่ของถ้ำกำจัดโอสถของนิกายภูเขาศักดิ์สิทธิ์นั้นช่วยป้องกันพิษไม่ให้รั่วไหลออกมาแสดงว่าภายในนี้ย่อมมีพิษเช่นเดียวกัน
เขาได้กระโดดขึ้นไปบนบันไดและกลับไปที่ทางเข้าเพื่อดูว่าสามารถเปิดได้โดยใช้พลังงานของเขาได้หรือไม่
ฉินหยู ได้เคลื่อนไหวพลังมุ่งเน้นไปที่ประตู แต่รูปแบบของมันกลับดูดพลังของเขาจนเหือดแห้งและดูไม่มีวี่แววว่าจะสามารถเปิดได้
ฉินหยู ได้พิงกำแพงหิน และ นั่งลงด้วยใบหน้าซีดเผือก เขาเต็มไปด้วยความหวาดกลัวและสิ้นหวัง ท้ายที่สุด เขาก็ยังเป็นแค่เด็กคนนึง เผชิญหน้ากับสถานการณ์สิ้นหวังเขาย่อมรู้สึกท้อแท้
แม้แต่การบ่มเพาะพลังแกนทองคำของ ฉางเมิ่ง ยังเปิดมันไม่ออก ฉินหยูที่มีพลังขั้นกลั่นปราณอย่างน้อยเขาก็ไม่มีทางเลือกนอกจากใช้ชีวิตของเขาที่นี่
ไม่น่าแปลกที่มีคราบเลือดจำนวนมากที่ทางเข้าประตูแม้กระทั่งร่องรอยการขุด พวกเขาเป็นผู้ฝึกยุทธ์ที่สิ้นหวังก่อนหน้านี้ และ กำลังเผชิญหน้าในสถานการณ์เดียวกันกับเขา
เขาต้องสงบใจ!
ฉินหยู ได้สูดลมหายใจเข้าลึก เขามั่นใจว่าตนเองจะต้องไม่ตายที่นี่ เขาเริ่มหลับตาลงและเริ่มเสียใจที่กินโอสถจนหมด แต่อย่างน้อย สถานที่แห่งนี้ก็ไม่ได้มีอันตราย เขายังมีเวลาเหลือเฟือ
หลังจากสองชั่วยามผ่านไปเขาได้ลืมตาขึ้นพร้อมกับหยิบหยกที่มีข้อมูลเชิงลึกของฉางเมิ่งเกี่ยวกับทักษะการปรุงยาออกมา เขาได้อ่านไปที่ทักษะการแยกส่วนผสมและศึกษามันโดยละเอียด
เขาจดจำขั้นตอนทั้งหมด แต่ก็ยังไม่สามารถใช้ทักษะที่มีแต่ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นแกนทองคำที่ทำได้
ฉินหยู ได้กัดฟันของเขาแน่นและลุกขึ้นพร้อมกับแผ่นหยกในมือและเริ่มลงบันได ตอนนี้เหลือทางเลือกเดียวที่ยังไม่ได้ลอง...
ฉินหยู มุ่งมั่นและสั่นศีรษะ แต่ถ้าเขาล้มเหลวล่ะ? ฉางเมิ่ง สามารถซ่อนตัวได้หลายร้อยปีเพื่อรอโอกาสหลบหนี เขาก็ทำได้เหมือนกัน!
เมื่อเปิดประตูหินหนาและดวงตาของ ฉินหยู ก็ตกลงมาที่เตาหลอมที่อยู่ตรงกลางห้องหิน เตาหลอมได้ถูกวางเอาไว้ในสถานที่แห่งนี้นิกายภูเขาศักดิ์สิทธิ์ได้โยนโอสถเสียเข้าไปข้างใน
ส่วนด้านบนก็คือที่ทิ้งโอสถเสียด้านล่างก็คือเตาเผา ฉางเมิ่ง ไม่กล้าที่จะทำลายเตาเผา และ ฉินหยู ก็ไม่ได้ทำเช่นเดียวกัน เขาเดินเข้าไปใกล้มันและเปิดขึ้น
คลื่นความร้อนได้โหมกระหน่ำเข้าใส่ร่างกายของเขาทำให้ร่างกายของเขาชุ่มไปด้วยเหงื่อ สิ่งที่น่ากลัวยิ่งกว่าก็คือความร้อนของมันกำลังแทรกซึมเข้าไปในผิวหนังของเขา
นี่คือพิษ มันผสมเข้ากับไฟและดินผสมผสานให้เกิดความน่ากลัว! โชคดีที่ตอนนี้เป็นกลางคืนแสงสีฟ้าช่วยส่งพิษเข้าไปที่นิ้วชี้ของเขา
สิ่งที่ ฉินหยู กลัวคือครั้งแรกเมื่อเปิดเตาหลอม เมื่อเขาค้นหาที่ด้านข้างก็พบพลั่วเหล็กที่ถูกทิ้งร้างมานานแล้วเขากลับมาพร้อมกับมันที่เตาหลอม
การใส่พลั่วลงไปและนำออกจากเตาหลอมทำให้เกิดความร้อนแดงที่ขอบซึ่งพิสูจน์ได้ถึงความร้อนที่น่าเหลือชื่อภายใน ฉินหยู ไม่ได้ยืนอยู่บนความร้อน เขาใช้พลั่วกวนมันขึ้นมาและพบฝุ่นเม็ดโอสถสีดำหลายร้อยเม็ดภายในนั้น
มากมายขนาดนี้?
ฉินหยู รู้สึกตกใจ กับความจริงที่ว่านิกายภูเขาศักดิ์สิทธิ์มีโอสถที่เสียจำนวนมาก สำหรับโอสถแต่ละเม็ดถูกสร้างขึ้นด้วยสมุนไพรล้ำค่าจำนวนมาก แต่ไม่นานเขาก็ทิ้งความคิดเหล่านี้ไป
หลังจากใช้พลั่วกวนโอสถเสียหกถึงเจ็ดร้อยเม็ดขึ้นมา พิษจำนวนมากก็กระจายไปทั่วทำให้การมองเห็นของเขาเริ่มเลือนลาง
เขาได้ปิดเตาหลอมทันที และ ค่อย ๆ ฟื้นตัวจากอาการประหม่า หลังจากพิษค่อย ๆ เบาบางลง การมองเห็นของเขาก็กลับมาชัดเจนยิ่งขึ้น
หมอกจำนวนมากได้จางหายไป ฉินหยู ลืมตาขึ้นพร้อมกับนั่งยอง ๆ ในขณะที่หยิบตะเกียงไฟสีน้ำเงินออกมาและใช้แสงไฟสีฟ้าห่อหุ้มโอสถเสียสิบเม็ด
ถ้ามันได้ผลเขาจะรู้ในไม่ช้า!
เวลาผ่านไปอย่างช้า ๆ ดวงตาของ ฉินหยู ได้เบิกกว้างขึ้น เขาพบว่าอุณหภูมิของเม็ดโอสถนั้นลดลง
ในไม่ช้าผิวของโอสถชั้นนอกก็ค่อย ๆ ลอกออกเปลี่ยนเป็นสีฟ้าน้ำเงินจางจากแสงของตะเกียงไฟสีน้ำเงิน
*เปรี๊ยะ *
เสียงปริแตกได้ดังขึ้นยาชัดเจน เศษชิ้นส่วนบางอย่างได้ระเหยขึ้นไปและมีเพียงสองในสามของเม็ดโอสถที่เปลี่ยนเป็นเกล็ดน้ำแข็งชั้นดี
มันได้ผล!
ฉินหยู ได้เคลื่อนตะเกียงไฟสีน้ำเงินเล็กน้อยไปยังกองโอสถอีกกองหนึ่งและเปลี่ยนให้มันเป็นผลึกน้ำแข็ง
หลังจากกำจัดแสงสีน้ำเงินแล้วอุณหภูมิของชิ้นส่วนเม็ดโอสถก็เริ่มสูงขึ้นและในช่วงเวลาสั้น ๆ ไม่กี่ครั้งมันก็เปลี่ยนกลายเป็นเศษชิ้นส่วนสีดำ ฉินหยู รู้สึกมีความสุขอย่างมากเขาได้ลองเลียมัน
มันได้ผล!
แม้ว่าเขาจะไม่รู้จักพวกมันทั้งหมด แต่เนื่องจากรสชาติของมันเขามั่นใจว่านี่เป็นส่วนสมุนไพรของโอสถรวมปราณอย่างแน่นอน
ด้วยวัสดุจากเตาหลอมยาและเทคนิคการปรุงยาของ ฉางเมิ่ง และ ตะเกียงไฟสีน้ำเงิน ที่ปรับปรุงความสามารถได้...ในที่สุด ฉินหยู ก็มองเห็นทางออกจากสถานการณ์ที่สิ้นหวังนี้
...
ในใต้ดินไม่รู้ว่าวันเวลาผ่านไปนานเท่าไหร่
ในห้อง ฉินหยู ได้สร้างสัญญาณอย่างต่อเนื่องพร้อมกับเตาหลอมยาด้านหน้าที่ปล่อยความร้อนออกมา
ทันใดนั้นเตาหลอมยาก็ปล่อยความร้อนที่ไม่เสถียรพร้อมกับเสียงอู้อี้ภายใน
การแดสงออกของ ฉินหยู ได้แข็งกระด้าง เขาได้ทำสัญลักษณ์มืออย่างรวดเร็วนับสิบครั้งต่อลมหายใจครั้งนึง
"เปิด!"
เตาหลอมยาได้เปิดขึ้นพร้อมกับกลิ่นหอมที่คลุ้งกระจายไปทั่วทุกหนแห่งมีแสงสีเขียวเจ็ดดวงออกมาจากเตาหลอม ฉินหยู ได้กวาดมันขึ้นมา
และวางมันลงบนมือของเขาอย่างเงียบ ๆ