ตอนที่แล้วตอนที่ 142 หมอกพิษ
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 144 ราชาที่ไนเรลรอคอย

ตอนที่ 143 ปะทะที่แนวป่า


ตอนที่ 143 ปะทะที่แนวป่า

ทั้งหมดยังคงเดินต่อไปไม่ช้าไม่เร็ว ระหว่างทางนอกจากเห็ดระเบิดพิษก็ไม่มีสิ่งอื่นอีก ยกเว้นซอมบี้ที่เพิ่มจำนวนมากขึ้นเรื่อย ๆ แต่ยิ่งเข้าไปลึกมาเท่าไหร่หมอกก็ที่พื้นดินก็น้อยลงเรื่อย ส่วนด้านบนหมอกก็ยังปกคุมอยู่เช่นเดิม

ในระหว่างนั้นกลุ่มเจ้าหน้าที่ก็สั่งสังเกตุเห็นสิ่งที่หน้าจงสัยบางอย่าง

“ท่านประธาน มีรอยเลือดอยู่ตรงนี้”

“รอยเลือด?”

ไนเรลเดินไปดูรอยเลือดที่เจ้าหน้าที่คนนั้นบอก ปกติแล้วเจอรอยเลือดที่นี่ก็ไม่น่าแปลก เพราะมีซอมบี้อยู่จำนวนมาก บางที่พวกมันเดินไปมาอาจจะมีเลือดหยดไปตามทางที่เดินก็ได้

แต่รอยเลือดนี้มันต่างออกไป เพราะมันเป็นสีแดง

ไนเรลไม่ได้ชื้อสัมผัส แต่แค่มองดูก็รู้แล้วว่าไม่ใช่เลือดของซอมบี้ ถ้าไม่ใส่สัตว์กลายพันธุ์ระดับสูงก็เป็นมนุษย์อย่างแน่นอน

แต่ดูแล้วน่าจะเป็นอย่างหลังมากกว่า เพราะเขาเจอกับรอยเท้าจำนวนมาก

“ดูจากรอยที่กดลงไปบนดิน ขนาดและรอยรองเท้าแล้ว พวกเขาน่าจะเป็นกลุ่มทหารหรืออะไรทำนองนั้น” หนึ่งในเจ้าหน้าที่กล่าวออกมา

“นายชื่ออะไร” ไนเรลลุกขึ้นยืนและหันไปถาม

“ผมชื่อ เบรนครับ”

“นายรู้ได้ยังไงว่ารอยพวกนี้เป็นทหาร”

“ผมเคยเป็นนายพรานมาที่หมู่บ้านในชนบทมาก่อนจึงพอรู้เรื่องพวกนี้มาบ้าง ส่วนรอยเท้าพวกนี้มันเหมือนกับรอยรองเท้าทหารใส่เพราะผมก็ใส่รองเท้าแบบนี้” กล่าวจบชายหนุ่มก็ชี้ไปที่รอยรองเท้าของตัวเอง

ไนเรลได้ยินดังนั้นก็คิดสักพักก่อนที่จะให้พวกเขาเดินทางกันต่อ

“พี่มีคนมาที่นี่ก่อนเราอย่างงั้นหรือ”

“น่าจะใช่ แต่คงจะพึ่งผ่านที่นี่ไปไม่นานนัก ดังนั้นพวกเราคงต้องเร่งเดินทางกันหน่อย”

เดินมาได้ระยะทาง 50 กิโลเมตรเวลาก็ร่วงเลยไปเกือบเที่ยงแล้วทุกคนจึงหยุดพักกันสักครู่ที่บ้านร้างแห่งหนึ่ง จัดการธุระส่วนตัวของใครของมันจากนั้นออกเดินทางต่อไม่นานพ้นรอบนอกของหุบเขามาแล้ว

หลังจากเขามาถึงจุดที่ไนเรลเรียกว่าด้านในหุบเขา มันก็มีโรงแรมและเศษซากอาคารจำนวนหนึ่งตรงนี้ไม่มีหมอกพิษ เพราะส่วนใหญ่ถูกต้นไม้กลายพันธุ์ที่ยังเหลือรอดขวางกันพวกมันไว้ ส่วนพืชพวกนี้ทำได้อย่างไรก็ไม่มีใครรู้

ทันใดนั้นเองที่พวกก็สังเกตเห็นกลุ่มคนไม่ทราบที่มาพากันนั่งพักอยู่ ในกองกำลังมีมนุษย์ชั้นสูงระดับสีเขียว อยู่ด้วยถึง 4 คน

กองกำลังที่มีมนุษย์ชั้นสูงมากถึงขนาดนี้คงมีไม่มาก แต่ไม่ต้องให้ไนเรลเดาเพราะที่อุปกรณ์ กล่องยุทโธปกรณ์ และแม้แต่เสื้อของพวกเขาก็มีโลโกติดอยู่เด่นหรา

“พาราซัส” ไนเรลพูดคำนี้ออกมาคนของกองกำลังพาราซัสก็จำไนเรลได้เช่นกัน

“ไนเรล...เดี๋ยวมันมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง”

คนของพาราซัสที่อยู่แนวป่ามีเกือบ 100 คนชักอาวุธออกมาทันที พร้อมกับที่ฝ่ายไนเรลที่อยู่บริเวณอาคารและโรงแรมก็เตรียมพร้อมเช่นกัน

แต่มีอยู่คนหนึ่งที่ยังคงไม่ได้เตรียมตัวหรือหย้บปืนจ่อไปที่ฝ่ายตรงข้ามนั้นก้คือไนเรล สำหรับเขาพวกระดับสีเขียวก็ไม่ต่างจากสัตว์กลายพันธุ์ระดับ 2 เพียงแต่ต้องออกแรงฆ่ามากกว่าก็แค่นั้น

แต่แล้วเสียงกดปุ่มและกดปุ่มของเครื่องจักรก็ทำงานมันคือหุ่นยนต์สี่ขาที่ติดตั้งปืนใหญ่พลังงาน E2 ไว้บนหลังและมีปืนกลอีกจำนวนหนึ่งขนาบทั้งสองข้างของตัวหุ่นยนต์

พวกมันมีด้วยกันสองตัว นั้นหมายถึงปืนใหญ่พลังงาน E2 สองกระบอกที่หันมาหาชายหนุ่ม

ตูม! เสียงของปืนใหญ่พลังงานหนึ่งในสองกระบอกยิงใส่ไนเรลบริเวณที่เขายืนอยู่ถึงกับเกิดคลื่นกระแทกพัดคนอื่น ๆ กระเด็นถอยหลังไป นิเรียอยู่ใกล้พอสมควรแต่นอกจากฝุ่นตามตัวแล้วก็ไม่ได้รับบาดเจ็บอะไร

คนอื่น ๆ ก็เช่นกัน และทันทีที่พวกเงยหน้าก็ต้องตะลึงเพราะไนเรลยังยืนอยู่ที่เดิมไม่เป็นอะไรเลย

ไม่สิต้องบอกว่าเป็น เพราะเสื้อผ้าของเขาตั้งแต่แขนเสื้อขาดหายไป เหลือแต่แขนขวาที่เต็มไปด้วยกล้ามเนื้อที่ยืนออกไปข้างหน้ามีควันที่เกิดจากความร้อนสูงของพลังงานที่ยิงอกมาจากปืนใหญ่พลังงานเมื่อสักครู่

และที่ทุกคนตะลึงก็คือไนเรลสามารถใช้เพียงมือเดียวก็สามารถป้องกันพลังงานที่ยิงมาจากปืนใหญ่พลังงานได้

ยังไม่ทันที่คนอื่น ๆ จะได้ตอบสนองไนเรลก็หายตัวไปอยู่ข้างหลังของหนึ่งในมนุษย์ชั้นสูงสีเขียวของฝั่งตรงข้ามที่สั่งให้ปืนใหญ่พลังงานยิงเขาเมื่อสักครู่แล้ว

“ระวัง” มนุษย์ชั้นสูงที่คาบบุหรี่ท่าทางป่าเถื่อนเตือนพวกของตนเอง พร้อมใช้กระบอกในมือทุบไปที่ไนเรล

ดูเหมือนว่ามนุษย์ชั้นสูงผู้คาบบุหรี่ไว้ในปากจะมีความสามารถ ด้านพละกำลัง แต่มันก็ไม่ทันการแล้ว ไนเรลจับไปที่หัวของมนุษย์ชั้นสูงระดับ 4 ที่เป็นเป้าหมายของเขา

มนุษย์ชั้นสูงผู้นั้นรับรู้ได้ถึงความร้อนจากมือของไนเรลที่จับหัวของตัวเองก็รับรู้ได้ถึงความหวาดกลัวภายในจิตใจและจากนั้นภาพทุกอย่างก็ดับลงไป เพราะไนเรลจับหัวของมันกระแทกกับปืนใหญ่ตกตายไปในครั้งเดียวแม้แต่ความสามารถของมันก็ใช้ไม่ทัน

ส่วนกระบอกเหล็กยักษ์ที่กำลังจะโดนตัวของไนเรลก็ได้นิเรียที่ชักปืนออกมาดังคาวบอยสาวยิงไปที่กระบอกจนมันเปลี่ยนทิศทางไปจากตัวของไนเรลกระแทกกับพื้นดินด้านข้าง

มนุษย์ชั้นสูงผู้คาบบุหรี่ไว้ในปากรีบดึงกระบองเหล็กขึ้นมากันตัวเอง แต่นิเรียจะสังเกตไม่เห็นถึงการกระทำของพวกมันได้อย่างไร

เธอไม่ได้ยิ่งไปที่ตัวมัน แต่ยิงไปที่แขนข้างที่จับกระบอกเหล็กแหลกไม่เหลือซาก กระบอกเหล็กหล่นลง แต่ขณะที่เธอจะยิงปลิดชีพมนุษย์ชั้นสูงระดับสีเขียวอีกสองคนก็ลงมือแล้วเช่นกันและไม่น่าเชื่อว่าหนึ่งในนั้นจะเป็นพวกประเภทพลังจิตใจ

เพียงหนึ่งการมองภาพตรงหน้าของนิเรียก็หายไปอยู่ในความมืด เธอมองไม่เห็นอะไร พร้อมกับที่ร่างกายอ่อนแรง

ชารอนและเจคอบรีบเข้าไปช่วยคุ้มกันนิเรียถอยมาหลบที่อาคารหลังหนึ่ง เมสันก็ลงมือแล้วเช่นกันชุดสูท เกราะรบ M2 รุ่นปรับแต่งตรงเข้าหาคนของกองกำลังพาราซัส ฆ่าคนของพาราซัสไปถึงสองคน ทางพาราซัสก็ตอบโต้ด้วยชุดสูทและลูกปืนเช่นกัน

เจ้าหน้าที่ทั้ง 10 ซึ่งก็ถือว่าเป็นมนุษย์ชั้นสูงระดับสีน้ำตาลก็ได้แสดงพลังของตัวเอง ทั้งความสามารถควบคุมพลังธาตุและสนับสนุนเข้าต่อสู้ไม่มีถอย

ทุกสิ่งเกิดขึ้นในเวลาเพียงไม่กี่วินาทีเท่านั้นตั้งแต่ไนเรลโดนยิงและใช้ความสามารถอมนุษย์ [กิ่งก่ายักษ์ B] ร่วมกับความสามารถที่พึ่งได้มาใหม่นั้นก็คือความสามารถ [เกราะดำ A] ของปูยักษ์ทมิฬระดับ 5 ที่ได้มาเมื่อเมื่อไม่นานมานี้

ซึ่งไนเรลก็ยังไม่ได้ทดสอบมันจึงใช้ความสามารถ [เกราะดำ A] จนเกล็ดตามผิวหนังของเขาที่เกิดจากความสามารถอมนุษย์กลายเป็นชิ้นส่วนเกราะเล็ก ๆ นับไม่ถ้วนปกป้องร่างกายของเขา

และนี้ก็เป็นสาเหตุที่เขากล้ารับพลังงานที่ปืนใหญ่พลังงานยิงมา

ส่วนที่ว่าเขาไปโผล่ด้านหลังของมนุษย์ชั้นสูงคนนั้นในชั่วพริบตาก็คือเข้าใช้ความสามารถ [จิตเคลื่อนย้าย S] จึงลงมือได้อย่างรวดเร็ว

และในตอนนี้ก็เช่นกันไนเรลตรงเข้าหาปืนใหญ่พลังงานอีกกระบอกที่พยายามยิงเขาโดยคนของพาราซัส ซึ่งทำหน้าที่ควบคุมปืนใหญ่พลังงานอีกกระบอก

แต่พลังของปืนใหญ่ก็ไม่สามารถทำอะไรไนเรลได้

มนุษย์ชั้นสูงระดับ สีเขียวอีกคนที่ตอนนี้ยืนคุ้มกันมนุษย์ชั้นสูงผู้ใช้พลังจิตอยู่นั้นก็ลงมือมือ

มันต่อยไปในอากาศหนึ่งหมัดก็มีคลื่นพลังงานเข้าหาไนเรลหนึ่งหมัด เร็วจนน่ากลัว ดูเหมือนว่ามนุษย์ชั้นสูงคนสุดท้ายนี้จะมีความสามารถประเภทลึกลับ

ไนเรลรับรู้ได้ถึงความเจ็บปวดที่เกิดจากหมัดว่างเปล่านั้นต่อยใส่เขา แต่มันก็เท่านั้น เพราะความเจ็บนี้มันช่างเล็กน้อยมากนัก

“ไปตายซะ” ไนเรลหายตัวไปอย่างรวดเร็วไปปรากฏอยู่หน้าของมนุษย์ชั้นสูงผู้มีความสามารถพลังจิตจากนั้นก็ใช้สองนิ้วจิ้มไปที่ตาพร้อมกับความสามารถ [นิ้วเหล็กในพิษ A] สังหารอีกหนึ่งมนุษย์ชั้นสูงตกตายลงไปโดยตรง

และนั้นก็ทำให้นิเรียหลุดพ้นจากความสามารถของมนุษย์ชั้นสูงพลังจิต ถ้าช้าอีกเพียงนิดเดียวบางที่เธออาจจะไม่หายใจแล้วก็ได้ เพราะตอนที่เธอถูกมองภาพทุกอย่างก็ตัดไปและนั้นรวมถึงการทำงานของอวัยวะต่าง ๆ ที่ค่อย ๆ หยุดทำงานลงไปชั่วคราวด้วย

นิเรียสูดหายใจดังเฮือกราวกับจะขาดใจ แต่ทุกอย่างก็ไม่มีเวลาให้เธอได้คิดนานรีบยกปืนฆ่าคนที่ควบคุมปืนใหญ่พลังงานตกตายทันที จากนั้นก็ยิงใส่ปืนใหญ่พลังงานบริเวณที่แกนพลังงานที่มีแก่นพลังงานอยู่

เธอยิงใส่ได้อย่างแม่นยำไม่มีคลาดเคลื่อน

ถ้าจะบอกว่าคนที่สร้างปืนใหญ่พลังงานคือคนที่รู้โครงสร้างและแบบแปลนมากที่สุด ถ้านั้นนิเรียก็คือคนที่สองที่รู้จุดอ่อนของปืนใหญ่พลังงานดีที่สุดเพราะที่ผ่านมาตอนอยู่ภายในกองทัพเธอแทบจะอยู่กับปืนใหญ่พลังงานตลอดเวลา และยังใช้มือของตัวเองกดยิงใส่ทั้งสัตว์กลายพันธุ์แล้วซอมบี้ระดับสูงตกตายไปไม่รู้เท่าไหร่แล้ว

ปืนใหญ่พลังงานระเบิดสร้างความเสียหายให่กับคนของพาราซัสที่เหลือรอดอยู่พวกมันต่างพากันถอยหลบหลังต้นไม้แนวป่า เพื่อตั้งหลักกันอีกครั้งทันที เพราะถ้าขืนยังอยู่ในที่โล่ง ๆ คงโดนนิเรียเก็บหมดอย่างแน่นอน

มนุษย์ชั้นสูงอีกสองคนก็ถอยตามไปด้วยตอนนี้พาราซัสเหลือคนอยู่แค่ 70 กว่าคน ในการปะทะแค่กี่นาทีคนของมันตายไปเกือบ ๆ 30 คน

ทางฝั่งของไนเรลที่เห็นว่าพวกพาราซัสถอยไปหลบในป่าก็ไม่ได้ตามเข้าไปทันที เพราะไนเรลกับยกมือห้ามไว้

“พี่ชายเอาไงต่อ บุกไปฆ่ามันเลยไหม”

“ใช่นายกลัวอะไร ด้วยพลังของนายคงฆ่าพวกมันทั้งหมดด้วยตัวคนเดียวยังจะรออะไรอีก” เมสันกล่าว

“ไม่ต้องรีบ รออีกสักพัก”

“ทำไมต้องรอ...เดี๋ยวก่อนป่าข้างหน้าหรือว่าพวกฝูงลิงบาบูนกลายพันธุ์ที่ท่านไนเรลเคยพูดถึง” ชารอนที่นึกถึงคำพูดไนเรลที่เคยอธิบายสิ่งที่ต้องระวังในเส้นทางที่กำลังไปให้ฟัง

พอสิ้นเสียงของเธอในป่าก็เหมือนมีฝูงสัตว์ขนาดใหญ่ตรงมาที่คนของพาราซัส เกิดการยิงกันอย่างต่อเนื่องหลังจากนั้นสักพักก็สิ้นเสียงปืนคนของพาราซัสวิ่งหนีตายออกมาทางฝั่งของไนเรลซึ่งพวกมันก็หนีไปได้ไม่กี่ก้าวก็โดนไนเรลและคนอื่น ๆ เก็บหมด

หลังจากสิ้นเสียงกรีดร้องก็มีลิงบาบูนนับพันนับหมื่นออกจากป่าตรงมาที่พวกเขา

ทุกคนพากันจับอาวุธแน่นไม่ยอมปล่อย นิเรียรีโหลดลูกกระสุนใหม่อย่างชำนาญ รอบตัวของชารอนเต็มไปด้วยหมอกพิษที่ลอยออกมาจากความสามารถ [สัมผัสพิษ D] ซึ่งแน่นอนว่าความสามารถของเธอพัฒนาเป็นระดับ D ได้เพราะยายกระดับที่เธอสร้างขึ้นมา

เจคอบเองมือหนึ่งก็ถือปืนเรียวกันไว้ในมือแน่น อีกข้างถือมีดสั้นระดับ 4 ไว้ ถึงหนุ่มน้อยจะเป็นแค่รัดับสีน้ำตาล แต่ก็ไม่แสดงความกลัวออกมาเลยแม้แต่น้อย

“ใครที่ไม่ไหวหลบอยู่ในอาคารหลังนี้ไปก่อน ส่วนคนอื่น ๆ ช่วยกันฆ่าฝูงลิงบาบูนพวกนี้ อย่างน้อยก็น่าจะได้แก่นพลังงานระดับ 3 และ 4 จำนวนมากอย่างแน่นอน”

และแน่นอนคนที่ไนเรลบอกก็คือเจ้าหน้าที่ 10 คนที่ถึงแม้จะเป็นมนุษย์ชั้นสูง แต่ก็ไม่ได้ถนัดต่อสู้โดยตรง

ทุกคนมองฝูงลิงก็รู้ว่ามันคือโอกาสในการเก็บเกี่ยวแกนพลังงาน และยิ่งมีไนเรลเข้าร่วมด้วยแล้ว จึงไม่มีใครคิดอยากจะพลาดโอกาสนี้

คนทั้งหมดเชื่อว่าไนเรลไม่มีทางปล่อยให้พวกเขาตายอย่างแน่นอน แต่ถ้าพวกเขาถอยเข้าไปหลบในอาคารนั้นและคือความตาย

เพราะใครจะรู้ว่าหลบที่ตัวอาคารฝูงลิงจะไม่เข้ามาโจมตี สู้พวกเขาอยู่ใกล้ ๆ ไนเรลยังจะตีซะกว่า

เมื่อไนเรลเห็นว่าคนอื่น ๆ ไม่มีใครถอยกลับไปก็พยักหน้าให้และหยิบของในเงาออกมามันคือดาบที่เหมือนกับดาบคู่เขางู แต่ในครั้งนี้มันสร้างมาจากโลหะพิภพที่ได้มาจากกางเขนมนุษย์ ซึ่งก็คือของเล่นใหม่ที่ไนเรลเคยพูดกับนิเรียตอนมาจากเมืองย่อย 101

ไนเรลตั้งชื่อให้มันว่า “ดาบดำ” เพราะสีที่ดำราวกับน้ำหมึกของมัน

“ลงมือ”

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด