ตอนที่ 7 การตายของพี่เขย!
ตอนที่ 7 การตายของพี่เขย!
เมื่อกลับมาในห้อง เซียวอี้ได้นั่งขัดสมาธิและปล่อยวิญญาณเอกนิยมออกมา
ในภพก่อน เขาไม่ได้เกิดในทวีปปฐมวิญญาณ ดังนั้นจึงไม่ได้บ่มเพาะพลังด้วยวิธีของที่นี่
แต่การบ่มเพาะพลังของเขาเองก็สามารถไปถึงจุดสูงสุดได้แม้จะต่างกัน สำหรับเซียวอี้ที่บรรลุขั้นเทพเซียนมาแล้ว ทุกรูปแบบการบ่มเพาะพลังนั้นย่อมง่ายดายสำหรับเขา
"วิธีที่ใช้กันทั่วไปในการบ่มเพาะพลังวิญญาณ คือการทำให้จิตวิญญาณเติบโตอย่างต่อเนื่องโดยการดูดซับพลังอิสระระหว่างสวรรค์และโลก แต่วิธีนี้มันค่อนข้างช้า วิธีที่รวดเร็วกว่าคือการบ่มเพาะพลังโดยดูดซับจากศิลาต้นกำเนิด...หรือจะล่าพลังวิญญาณจากสิ่งมีชีวิตเพื่อดูซับพลังภายในนั้น..."
เซียวอี้พลิกดูหนังสือที่แนะนำความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับวิญญาณต้นกำเนิดและพึมพำเบา ๆ
หนังสือเล่มนี้อยู่ในแหวนต้นกำเนิดของฟางเทียนจี้
ถึงแม้เซียวอี้จะเกิดในตระกูลที่มีวิญญาณต้นกำเนิดที่ยิ่งใหญ่ แต่หลังจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับตระกูล มารดาของเขา หลิวเซียนเฟ้ย ไม่ได้มอบความรู้เกี่ยวกับการบ่มเพาะพลังต้นกำเนิดให้เซียวอี้เลย
แม้แต่การปลุกวิญญาณต้นกำเนิดก็ยังไม่ได้ทำ
นางต้องการให้เขาเป็นแค่คนปกติและใช้ชีวิตอย่างปลอดภัย
โชคร้ายที่ทุกอย่างไม่เป็นไปดังหวัง
การเกิดในโลกแห่งศิลปะการต่อสู้นั้น ความแข็งแกร่งเป็นสิ่งที่คนนับถือ และความอ่อนแอก็ไม่ต่างจากเหยื่อเคราะห์ร้าย แล้วคนปกติธรรมดาจะมีชีวิตอยู่อย่างสงบสุขได้อย่างไร!
ไม่นานหลังจากนั้น เซียวอี้ได้เก็บหนังสือเข้าแหวนต้นกำเนิด ตอนนี้เขาพอจะเข้าใจวิธีบ่มเพาะพลังวิญญาณแล้ว
"มาฝึกและดูผลกัน"
ขณะเผยรอยยิ้ม เขาได้นำศิลาต้นกำเนิดออกมาจากแหวนต้นกำเนิด
ฟางเทียนจี้เก็บศิลาต้นกำเนิดไว้ในแหวนเพียงแค่สามก้อนเท่านั้น
ถึงแม้ศิลาเหล่านี้จะมีขนาดเท่าหัวแม่โป้ง แต่มันก็เป็นวัตถุดิบสำคัญในการบ่มเพาะพลังในทวีปปฐมวิญญาณอย่างยิ่ง และยังกล่าวได้ว่าเป็นสิ่งของมีค่า
ราคาของศิลาต้นกำเนิดนั้นคือหนึ่งหมื่นเหรียญ และราคาสามารถสูงขึ้นอีกโดยขึ้นอยู่กับขนาดของมันด้วย แค่ศิลาต้นกำเนิดเพียงก้อนเดียวก็สามารถนั่งรับประทานในร้านอาหารหรูหราของเมืองยวิ๋นโจวได้ถึงครึ่งเดือน
ขณะที่เซียวอี้เริ่มกระตุ้นวิญญาณเอกนิยม ประกายแสงสีฟ้าได้หลั่งไหลออกมาจากศิลาต้นกำเนิด และไหลเข้าสู่แสงสีดำเหนือศีรษะเขา
ขณะดูดซับศิลาต้นกำเนิด เซียวอี้รู้สึกว่ามีคนมา เขาจึงลุกขึ้นและเดินไปหน้าประตู
มุมปากเซียวอี้เผยรอยยิ้มชั่วร้ายขณะกล่าว "เจ้ายังลังเลที่จะเข้ามาในห้องของตนเองอีกหรือ?"
เมื่อได้ยิน ฟางหลิงหยานถึงกับหน้าแดง นางรวบรวมความกล้าทั้งหมดเพื่อผลักประตูและเดินเข้าไป
หลังจากเข้ามาแล้ว เซียวอี้จึงได้เก็บพลังวิญญาณของตน
นางมองเซียวอี้อยู่ชั่วครู่ก่อนจะเปิดริมฝีปาก "เซียวอี้ ขอบคุณที่ช่วยท่านแม่ของข้า"
มุมปากเซียวอี้ยกขึ้นอีกครั้ง "ทำไมล่ะ ข้าไม่คู่ควรจะให้เจ้าเรียกว่าสามีงั้นหรือ?"
ฟางหลิงหยานยิ้มอย่างขมขื่น "ไม่ มันก็แค่... ข้าไม่คุ้นเคย..."
เซียวอี้ยังคงยิ้ม "เช่นนั้นก็เรียกให้บ่อยกว่าเดิม แล้วเจ้าจะคุ้นเคยเอง"
"แล้วแม่สะใภ้ของข้าได้สติแล้วหรือยัง?" เขาถามกลับ
ฟางหลิงหยานพยักหน้า "นางตื่นได้ชั่วครู่ก่อนจะหลับไปอีกครั้งแล้ว"
"เจ้าได้ถามหรือเปล่าว่านางถูกพิษได้ยังไง?" เซียวอี้ถามต่อพร้อมหรี่ตาลง
เมื่อฟางหลิงหยานได้ยินคำนี้ นางกัดฟันแน่นพร้อมกล่าวอย่างโกรธเกรี้ยว "ข้าถามไปแล้ว แต่นางไม่ทราบว่าถูกพิษได้ยังไงหรือจากใคร แต่เจ้าบอกข้าว่ามีคนวางยานางไม่ใช่หรือ? มันก็น่าจะเป็นท่านลุงของข้า"
เซียวอี้ส่ายหัว "ข้ายังไม่ได้บอกเช่นนั้น เขาแค่ไม่ช่วยนาง และต้องการให้นางตาย"
ฟางหลิงหยานกัดฟันแน่น "ไม่ว่าจะเป็นใคร ข้าก็จะหาให้เจอ"
เซียวอี้เม้มริมฝีปากของตน ด้วยความสามารถแค่นี้เจ้าจะเอาอะไรไปสืบหา?
เมื่อเห็นเซียวอี้ไม่กล่าวสิ่งใด ฟางหลิงหยานจึงนึกถึงเหตุการณ์ก่อนหน้านี้ นางเปลี่ยนหัวข้อสนทนาทันที "วิญ... วิญญาณต้นกำเนิดของเจ้าถูกปลุกแล้ว มันเป็นยังไงบ้าง?"
เซียวอี้ยิ้มพร้อมกล่าว "โอ้ เจ้าสนใจสามีของตนแล้วหรือ? แต่ข้ากลับสนใจเรื่องระหว่างเจ้ากับชายที่ชื่อฉินเหิงมากกว่า"
ฟางหลิงหยานเผยดวงตามืดดำ "ข้าเป็นของเจ้าทั้งตัวแล้ว ฉินเหิงกับข้านั้นไม่มีทางเป็นไปได้อีก เจ้ายังจะสนใจไปเพื่ออะไร?"
ใบหน้าเซียวอี้ก้มต่ำลง "หากหัวใจของเจ้ายังอยู่กับเขา ข้าก็คงรู้สึกไม่มีความสุข"
ฟางหลิงหยานยิ้มอย่างเศร้าโศก "ถึงแม้ข้าจะเคยคิดถึงฉินเหิงในอดีต ตอนนี้เขาก็คงจะดูถูกข้าไปแล้ว ดังนั้นเซียวอี้ เจ้าไม่ต้องกังวลอีก ข้าจะเป็นของเจ้าแค่คนเดียว"
เซียวอี้ไม่ค่อยพอใจในคำตอบของฟางหลิงหยาน แต่เขาก็เข้าใจว่าการจะได้ครองทั้งร่างกายและหัวใจของนางนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย
ในคืนก่อนนั้น ฟางหลิงหยานยังเป็นสตรีที่บริสุทธิ์ แม้ว่าเซียวอี้จะไม่สนใจเรื่องนี้มากนัก และก็ไม่สนใจว่าฟางหลิงหยานจะเชื่อฟังอย่างสมบูรณ์หรือเปล่า เขาก็รู้สึกไม่ค่อยสบอารมณ์อยู่ดี
หาโอกาศวางยาพิษเจ้าฉินเหิง เช่นนั้นจิตใจของนางที่มีต่อเขาจะถูกทำลายอย่างสมบูรณ์ เซียวอี้กล่าวในใจอย่างเย็นเยือก
เขาไม่ใช่คนดีเท่าไหร่นัก
ตั้งแต่โบราณกาล ผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในโลกมักจะเป็นคนชั่วร้ายที่ขับเคลื่อนโลก!
ณ ที่แห่งนี้ เซียวอี้ไม่คิดว่าตนเป็นคนของทวีปปฐมวิญญาณ เขาต้องการเพียงควบคุมคนรอบตัวเพื่อใช้งานเท่านั้น
มันมีเพียงสิ่งเดียวในใจของเขา นั่นคือกลับสู่จุดสูงสุด!
เซียวอี้หยุดซักไซ้เรื่องของฉินเหิงอีกและได้เผยรอยยิ้มแทน "เหตุใดถึงไม่เห็นพี่เขยของเจ้าขณะที่บ้านได้เกิดเหตุการณ์แบบนี้?"
ฟางหลิงหยานใบหน้าจมลงก่อนจะกล่าวเสียงเบา "ข้าได้ถามคนรับใช้ใกล้ตัวเขาแล้ว เขาได้ออกไปข้างนอกตั้งแต่เมื่อวานและยังไม่กลับมา เขาคงจะไปเมาเละเทะอยู่ที่ฉิงฟางเหลา"
เซียวอี้ส่ายหัว ที่ครอบครัวฟางหลิงหยานโดนรังแกนั้นไม่ใช่ว่าไม่มีเหตุผล คนในครอบครัวจะมีคุณค่าได้ยังไงหากชายคนเดียวในบ้านไม่เอาไหน...
ทันใดนั้นเสียงเล็กจ้อยของหงเตี่ยได้ดังออกมาจากด้านนอก "คุณหนู แย่แล้วเจ้าค่ะ! มีบางอย่างเกิดขึ้น! คุณชาย เขา... เขาเสียชีวิตในฉิงฟางเหลา!!"
"อะไรนะ!" ใบหน้าฟางหลิงหยานเปลี่ยนไปทันทีด้วยอาการตกตะลึง
ถึงแม้ฟางเฉินหลี่จะไม่ค่อยเอาไหน แต่เขาก็เป็นผู้ชายคนเดียวในครอบครัวนาง!
"ทำไม... มันเกิดอะไรขึ้น มันเป็นแบบนี้ไปได้ยังไง!" ฟางหลิงหยานรู้สึกวิงเวียนขึ้นมาฉับพลัน สมดุลในร่างกายของนางเริ่มไม่เสถียร เซียวอี้เห็นจึงเข้าไปพยุงนางไว้ไม่ให้ล้ม
เขาขมวดคิ้วแน่นเช่นกันเวลานี้
หากแม่สะใภ้ที่ถูกพิษไม่ได้เขาช่วยไว้ เช่นนั้นนางก็คงตายแล้ว และตอนนี้พี่เขยของเขายังเสียชีวิตลงในหอนางโลม
เรื่องนี้ต้องไม่ใช่เรื่องบังเอิญแน่นอน!
"มันหนักถึงเพียงนี้เชียวหรือ? เกิดหายนะอะไรกับครอบครัวนาง หรือพวกเจ้าไปทำอะไรให้ผู้อื่นขุ่นเคืองหรือเปล่า?" เซียวอี้ได้เอ่ยขึ้นพร้อมใบหน้าที่มืดดำ "ไปดูที่เกิดเหตุกันก่อน!"
ฟางหลิงหยานพยักหน้าอย่างอ่อนแรง
ขณะที่ทั้งสองเดินกำลังจะออกจากบ้าน ฟางหลิงหยานที่หน้าซีดเผือดได้เอ่ยถามหงเตี่ย "เจ้ายังไม่ได้บอกท่านแม่ใช่หรือไม่?"
หงเตี่ยส่ายหัว "ยังค่ะ นายหญิงยังอ่อนแออยู่ตอนนี้ ข้ากลัวว่าอาการนางจะทรุดหนักจึงยังไม่กล่าวสิ่งใด"
ฟางหลิงหยานสูดหายใจลึกก่อนจะกล่าว "หงเตี่ย เจ้าต้องช่วยข้าปิดบังเรื่องนี้ให้นานที่สุด เจ้าอยู่ที่นี่และดูแลท่านแม่ของข้า ข้าจะออกไปดูข้างนอกก่อน"
"สามี ไปกันเถอะ"
ฟางหลิงหยานมองไปยังเซียวอี้ เวลานี้มันเหลือเพียงคนเดียวที่นางสามารถพึ่งพาได้คือเขา
คนภายในตระกูลฟางส่วนใหญ่จะเกลียดฟางเฉินหลี่ ดังนั้นการตายในหอนางโลมนั้นนับว่าเป็นความอับอายของตระกูลฟางอย่างมาก
ขณะที่พวกเขากำลังจะออกจากประตูใหญ่ ชายชรานามฟางหรูฉีได้เข้ามาขวางทางไว้พร้อมเผยสีหน้ามืดดำ