ตอนที่แล้วตอนที่ 141 ถ้อยคำแถลง
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 143 ปะทะที่แนวป่า

ตอนที่ 142 หมอกพิษ


ตอนที่ 142 หมอกพิษ

ที่ห้องประชุมขนาดใหญ่ ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องและเจ้าหน้าที่รัฐบาลพร้อมด้วยรัฐมนประจำเมืองหลวงต่างนั่งกันอยู่พร้อมหน้า สีหน้าทุกคนเต็มไปด้วยความเคร่งเครียด

การถกเถียงแบ่งออกเป็นสามฝ่าย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องให้สมาพันธ์นักล่าส่งคืนเมืองโดยอ้างว่าเพื่อประโยชน์ของประเทศ

อีกกลุ่มคุยเรื่องของผลประโยชน์มากกว่าที่จะไปยึดเมืองซานติเกียคืน แต่ก็ยังไม่เห็นด้วยกับการยึดเมืองซานติเกีย

และกลุ่มสุดท้ายซึ่งเสนอทั้งสองวิธีคือให้ลดอำนาจของสมาพันธ์นักล่าและต้องการให้สมาพันธ์นักล่ากลายเป็นหน่วยงาน หน่วยหนึ่งของกองทัพเท่านั้น

โดยพวกขาอ้างเหตุผลว่าเนโคปู่ของไนเรลนั้นถือว่าเป็นผู้ก่อการร้าย

แต่แล้วอยู่ก่อนที่การประชุมจะได้ข้อสรุปก็เกิดเรื่องบางอย่างขึ้น ไฟภายในห้องดับลง ควันจากแก๊สพิษปล่อยเข้ามาทางช่องระบายอากาศ เกิดเหตุยิ่งกันในทุก ๆ จุดของเมืองหลวงไทกีล่า

แต่ดูเหมือนคนที่ลงมือก่อเหตุจะว่างแผนมาอย่างดี พวกมันใช้มนุษย์ชั้นสูงระดับเดียวกันสองคนประกบมนุษย์ชั้นสูงของฝ่ายรัฐบาลไทกีล่าหนึ่งคน ทำให้มนุษย์ชั้นสูงของไทกีล่าตายอย่างต่อเนื่อง

หลังจากนั้นไม่กี่นาทีก็ประกาศสภาวะฉุกเฉิน และเกิดสงครามภายในเมืองหลวงไทกีล่า

ส่งครามนั้นขยายตัวอย่างต่อเนื่องมีหลายกลุ่มที่เข้ามาเกี่ยวข้องและแน่นอนว่าหนึ่งในนั้นยอมมีตัวหลักในการลงมือก็คือ พาราซัส

แต่ที่น่าแปลกขณะเกิดเหตุกลับไม่มีใครรับรู้เรื่องที่เกิดขึ้น เนื่องจากสัญญาณสื่อสารระหว่างเมืองโดนตัดหมด แม้แต่รถไฟ ประตูเมืองหลวงใหม่ถูกสั่งปิดห้ามใครเข้าออก

แต่หลังจากนั้นกลับมีกลุ่มทหารและมนุษย์ชั้นสูงติดอาวุธถึงสองขบวนรถเดินทางออกไปจากเมืองหวงไทกีล่าใหม่ พร้มกันนั้นยังมีเครื่องบินอีกหลายลำตามพวกเขาไป

และจุดหมายของพวกมันก็คือ เมืองย่อย 101 ทิ้งไว้เพียงภาพของเมืองหลวงใหม่ไทกีล่าที่ยังคงมีการต่อสู้อย่างรุนแรง

ซึ่งตอนนี้เมืองย่อย 101 ก็ไม่รู้เรื่องเหมือนเมืองย่อยอื่น ๆ จึงทำได้เพียงประกาศสภาวะฉุกเฉินให้มนุษย์และนักล่าทุกคนกลับมาภายในเมืองและปิดประตูเมือง

รัฐมนตรีพาลเมอร์และพลตรีวินเซนต์ต่างก็เตรียมกำลังทหารออกลาดตะเวนและสั่งคุมเข้าพลเมืองทุกคน เพราะถึงพวกเขาไม่รู้ แต่ก็พอจะเดาอะไรบางอย่างออก

ทางด้านสมาพันธ์นักล่าเองก็เตรียมพร้อมเช่นกัน แต่เพราะเจ้าหน้าที่กว่าครึ่งได้ย้ายไปเมืองย่อย 101 และเหลือผู้พิทักสมาพันธ์นักล่าที่ถูกทิ้งไว้อีกประมาณ 300 นาย

ถึงจะมองว่าสมาพันธ์นักล่าอ่อนแอ แต่ในสายตาของนักล่าส่วนใหญ่พวกเขาพึ่งพาได้ดีกว่ารัฐบาลในบางด้านซะอีก

แต่นักล่าเหล่านี้หารู้ไม่ว่าตอนนี้เมืองซานติเกียยังคงวุ่นวายมากพอสมควร เนื่องจากตอนนี้มีฝูงซอมบี้นับหมื่นตัวหลายสิบฝูงกำลังมุ่งหน้ามาที่เมืองซานติเกีย ถ้าแค่นั้นมันก็ไม่เรียกว่าอันตรายกองกำลังหมาป่าสามารถซุ่มโจมตีซอมบี้พวกนี้ได้ที่ละฝูง

แต่ดูเหมือนพวกมันกำลังรวมตัวกัน จากหมื่นเพิ่มขึ้นเป็นหลายหมื่นในเวลาสั้น ๆ ไม่ถึงหนึ่งวัน ดังนั้นกองกำลังหมาป่าต้องขอกำลังเสริมซึ่งแน่นอนว่ามีเพียงกองกำลังพยัคฆ์

ทั้งสองกองกำลังมีสมาชิกในกองกำลังมากกว่า 800 คนต่อกองกำลังแล้ว แต่พวกเขาก็ยังหวั่น ๆ ซอมบี้อยู่ จากการคาดเดาภายในสองวันมันน่าจะเพิ่มขึ้นไปเกินแสน

ถึงหลายคนจะเคยผ่านสงครามซอมบี้ที่มีจำนวนหลายแสนแล้วที่เมืองย่อย 101 แต่ที่เมืองย่อยพวกเขามีกำลังทหารและอาวุธอย่างปืนใหญ่พลังงาน แต่ในตอนนี้อย่าว่าแต่ปืนใหญ่พลังงานเลย แม้แต่กำแพงเมืองที่ใช้ต้านการโจมตียังไม่มีเลย เพราะตอนนี้ทั้งสองกองกำลังออกมาดักฆ่าพวกมันนอกเมืองซานติเกีย

ที่เป็นแบบนี้ เพราะตอนนี้เมืองซานติเกียยังสร้างกำแพงไม่เสร็จและไม่อาจจะให้พวกมันรวมตัวกันได้มากกว่านี้ ไม่เช่นนั้นต่อให้มีกำแพงของเมืองซานติเกียแต่ก็ไม่อาจจะต้านซอมบี้ที่เพิ่มไปแสนและล้านตัวได้

ดังนั้นทักคนจึงใช้วิธีการหลอกล่อพวกมันและลดจำนวนเท่าที่จะทำได้

ขณะเดียวกันทางด้านเมืองซานติเกียก็เตรียมรับศึกกับซอมบี้และเรื่องความผิดปกติของเมืองหลวงไทกีล่า โดยที่ยังคงพยายามให้ซีโร่ติดต่อไนเรลให้ได้

เนื่องจากก่อนที่จะเกิดเรื่องทุกอย่าง 3 วันก่อนไนเรลได้ออกเดินทางและขาดการติดต่อไปในเขตที่มีสนามแม่เหล็กรุนแรงปิดกันสัญญาณทุกอย่าง ซึ่งแน่นอนว่าไนเรลได้แจ้งทางเอวาไว้แล้วว่าจะเข้าไปในพื้นที่ปิดอาจจะติดต่อไม่ได้สักพัก

ในเวลาเดียวกันทางด้านของกลุ่มของไนเรลก็มายืนอยู่หน้าหมอกสีเทาราวกับควันไฟ ลักษณะการดำรงอยู่ของหมอกเหล่านี้แปลกประหลาดมากพวกมันเกาะกลุ่มรวมตัวกันเป็นเหมือนโดมล้อมรอบหุบเขากินพื้นที่กว่า 100 กิโลเมตรหนาแน่นจนมองภายในไม่เห็นทางข้างหน้า แม้ฝนที่ตกลงมาก็ยังไม่สามารถซะล้างหมอกพิษให้หายไปได้

ด้านหลังยังคงมีชารอนที่สนใจหมอกด้านหน้า เธอหยิบตัวอย่างขวดออกมาเก็บตัวอย่างหมอก ทางด้านของเมสันก็กำลังเตรียมอุปกรณ์ของตนเองอยู่ ซึ่งมีอาวุธครบครันตั้งแต่หน้ากากกันแก๊สพิษ ปืนเรียวกัน ระเบิด มีด ดาบ พลุสัญญาณ แม้แต่ชุดสูทอย่างเกราะรบ M2 ที่พึ่งออกมาใหม่ เมสันก็สามารถหามันมาได้

“ปู่เมสัน คุณเป็นมนุษย์ชั้นสูงไม่ใช่เหรอทำไมถึงแต่งตัวซะเต็มที่ขนาดนี้” เสียงของนิเรียดังขึ้นมา ขณะที่เธอจับนั้นเล่นนี่ของชุดเกราะรบ M2 อยู่พร้อมกับกล่าวชม “สุดยอด ปู่เมสันปรับแต่งได้สุดยอดมาพลังของมันน่าจะเพิ่มมากกว่า 50 เปอร์เซ็นต์เลย”

“แน่นอนอยู่แล้วด้วยความสามารถระดับฉันแค่เกราะรบกระจอกนี้ก็สามารถวิเคราะห์ได้โดยใช้เวลาไม่นาน ถ้ามีเวลาและเครื่องมือพร้อมสามารถสร้างออกมาได้อย่างแน่นอน”

“แต่คงต้องหลังจากที่ได้เครื่องมือมาก่อน” เมสันพูดด้วยความคาดหวัง ที่สมาพันธ์นักล่ามีวัตถุดิบระดับสูงมากมาย แต่ดันติดที่ไม่มีเครื่องมืออุปกรณ์ที่ตอบสนองเขาได้ เมสันจึงไม่สามารถแสดงความสามารถที่มีได้ทั้งหมด

เมื่อจัดเตรียมของเสร็จเมสันก็หันไปถามไนเรลอีกครั้ง “ข้างในจะมีของที่ฉันต้องการแน่นะ ไม่ใช่ว่ามาเสียเวลาเปล่า ฉันยังมีงานประกอบปืนเรียวกันค้างไว้อยู่”

“มีนะมีแน่ แต่ไม่รู้ว่ามีเท่าไหร่ บางที่คุณต้องไปดูเอง” ไนเรลตอบด้วยน้ำเสียงที่ยืนยัน “ทุกคนสวมหน้ากากไว้ด้วย และระวังตัว หมอกพิษนี้อันตรายมากมันเกิดมาจากต้นไม้ประหลาดกลายพันธุ์ไม่มีชื่อเรียก แต่ส่วนใหญ่ฉันจะเรียกมันว่า ‘เห็ดระเบิดพิษ’

คนปกติสูดดมเข้าไปจะตายทันที ส่วนมนุษย์ชั้นสูงนั้นทนได้นานกว่า แต่ถ้าโดนมาก ๆ เข้าตายเหมือนกัน ถึงอย่างนั้นสิ่งที่ต้องระวังมากกว่านี้คือซอมบี้ ภายในเทือกเขานี้ เมื่อก่อนเป็นแหล่งท่องเที่ยว มีโรงแรมและหมูบ้านอยู่ คงจะมีซอมบี้อยู่ในหมอกไม่น้อย”

หลังจากไนเรลพูดจบก็เดินเข้าหาหมอกทั้งที่ไม่ใส่หน้ากากกันแก๊สพิษ กวาดมือเพียงหนึ่งครั้ง ความสามารถ [สนามพลังอากาศ S] ก็ทำงานหมอกรอบ ๆ ตัวของเขากระจายออกเหลือเพียงอากาศบริสุทธิ์ราวกับพื้นที่ศักดิ์สิทธิ์ ทุกคนเดิมตายเข้ามาในระยะความสามารถสนามพลังอากาศของไนเรล

แต่ก็ยังเตรียมหน้ากากกันแก๊สพิษไว้ด้วย เพราะไม่มีใครรู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นในหมอก

ทุกคนเดินตามไนเรลไปโดยทิ้งม้ายักษ์ที่ขี่มาด้วยไว้ด้านหลัง

ภายในพื้นที่ที่เหมือนฟองอากาศของสนามพลังอากาศของไนเรลมี ชารอน เมสัน นิเรีย เจคอบ และเจ้าหน้าที่ของสมาพันธ์นักล่าอีก 10 คน

ทั้งกลุ่มเคลื่อนตัวไปด้านหน้าอย่างต่อเนื่อง ถึงหลายคนจะไม่รู้ว่าไปทางไหน แต่ชารอนและไนเรลก็พอจะรู้บ้าง และแน่นอนว่าการรู้ของทั้งสองคนนั้นต่างกันออกไป แต่ก็ไม่มาก

ทั้ง 15 คนเดินไปตามหมอกลึกเข้าไปเรื่อย ๆ แต่ก็ยังคงมีร่องรอยของถนนลาดยางที่แทบจะมองไม่เห็นหลงเหลืออยู่บ้างในบางช่วง ๆ และป้ายเหล็กบอกทาง

“พวกเรามาถูกทางแล้ว” ชารอนพูดออกมาขณะที่เดินเข้าไปเก็บตัวอย่าง เห็ดระเบิดพิษที่ติดอยู่ตายป้ายบอกทางอย่างระมัดระวัง

คนอื่น ๆ ก็พยายามระวังเช่นกัน เพราะรอบ ๆ พวกเขายิ่งเข้าไปใจกลางของหุบเขาก็ยิ่งมีเห็ดระเบิดพิษมากเท่านั้น

และในตอนนั้นเองรอบด้านของพวกเขาก็มีเสียงของบางสิ่งวิ่งวนไปรอบ ๆ

“มันไม่ใช่สัตว์กลายพันธุ์ แต่เป็นซอมบี้” ไนเรลพูดจบก็ชักปืนยิ่งเข้าไปในหมอก

ปัง! เสียงของปืนเรียวกันดังอย่างรุนแรงหนึ่งครั้งแหวกหมอกจนเป็นรูตามมาด้วยเสียงร่างที่ล้มลง

หลังจากนั้นก็มีเสียงเท้าของซอมบี้วิ่งมาทางพวกเขาอีกหลายสิบตัว ทุกคนจับอาวุธของตัวเองไว้แน่น แต่ก่อนที่คนอื่น ๆ จะได้ทำอะไร

นิเรียก็ยิงปืนพกเรียวกันออกไปทันที 10 นัดรอดด้วยความรวดเร็วร่างของซอมบี้สิบตัวล้มลงตายไปในทันที

การกระทำของไนเรลว่าสุดยอดแล้ว แต่นิเรียกับสุดยอดยิ่งกว่า เธอหันมายิ้มอย่างภาคภูมิใจกับพี่ชายของตัวเอง ไนเรลเองก็ยิ้มและไม่ได้ดูแปลกใจซะเท่าไหร่

พที่เขายิงโดนเพราะวิวัฒนาการจนมาถึงระดับ 5 จึงสัมผัสอะไรได้มากขึ้นและด้วยความสามราถตรวจจับความร้อนจึงมองเห็นพวกซอมบี้ในหมอกชัดเจน

ส่วนนิเรียนั้นมีความสามารถ [ดวงตาเทพ S] การที่จะมองและเดาทิศทางต่ำแหน่งของซอมบี้ผ่านการหยับไปมาในเงาของหมอกก็เป็นเรื่องปกติ

“ไปต่อ” ไนเรลเดินหน้าต่อ

พวกเขาผ่านศพของซอมบี้สีม่วงดูเหมือนพวกมันจะอยู่ภายในหมอกจนกระทั่งกลายพันธุ์ไป ร่างกายจึงเปลี่ยนเป็นสีม่วงเพราะมีพิษจากหมอกพิษ

“แม้แต่ซอมบี้ยังปรับตัวให้ท้านทานพิษได้เมื่อพวกมันอยู่ในหมอกพิษนาน ๆ” เมสันใช้เท้าเขี่ย ๆ ซากซอมบี้

หลังจากนั้นก็เดินตามคนอื่น ๆ ด้านหลังเจคอบเดินตามมาและก็ส่ายหัวกับการกระทำของเมสัน เจคอบไปอยู่กับเมสันมาซักระยะดังนั้นจึงพอจะเดาการกระทำของเมสันออกว่าชายชราคงอยากรู้โครงสร้างของซอมบี้ ส่วนจะรู้ไปทำไมก็คงต้องบอกว่า เพื่อค้นคว้าอาวุธ

กลุ่มของไนเรลยังคงเดินหน้าต่อพร้อมกับเสียงของชายหนุ่มที่อธิบายไปด้วยว่าต่อไปจะเจอกับอะไรพวกเขาจะได้เตรียมตัวถูก

แต่ถึงไนเรลจะอธิบายให้คนอื่น ๆ ฟัง ตัวเขาก็ยังมั่นใจว่าจะผ่านไปได้อย่างสบาย ๆ ไม่มีใครสามารถหยุดเขาได้อย่างแน่นอน ยกเว้นก็แต่พวกระดับ 6 ขึ้นไป แต่ถึงกระนั้นมันก็ไม่ใช่เจอกับสัตว์กลายพันธุ์ระดับนี้ได้ง่าย ๆ อย่างแน่นอน อีกอย่างไนเรลรู้ว่าที่นี่ไม่มีสัตว์ระดับ 6 อย่างแน่นอน ไม่เช่นนั้นในชีวิตที่แล้วรัฐบาลไม่มีทางมาเอาของออกไปจากที่นี่ได้

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด