ตอนที่แล้วEp.820 - พิชิตทุ่งหญ้า
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปEp.822 - เปิดช่องว่างอีกครั้ง

Ep.821 - หนึ่งเดือนต่อมา


1/2

Ep.821 - หนึ่งเดือนต่อมา

ปฏิบัติการสังหารหมู่ของฉินเฟิง กินเวลายาวนานกว่าหนึ่งเดือนเต็ม!

ฉินเฟิงจำไม่ได้แล้วว่าเขาฆ่าสัตว์ร้ายไปกี่ตัว แม้ไม่ถึงล้าน แต่อย่างน้อยมากกว่าแสนแน่นอน

ฉากอันตระการตา เจริญร่งเรืองของทุ่งหญ้าเมื่อหนึ่งเดือนก่อนได้หายไป แทบไม่เหลือสัตว์ร้ายรอดชีวิต ตรงกันข้ามกับพืชกลายพันธุ์ พวกมันเพิ่มจำนวนมากขึ้น แต่ฉินเฟิงก็ยังคอยตรวจสอบพวกมันอยู่เป็นระยะๆ

ภายในเดือนนี้ ฉินเฟิงเก็บรวบรวมวัตถุดิบจากมิติต้องห้ามได้นับไม่ถ้วน และภายในระยะเวลาเดือนเดียว จากบรรดาคนธรรมดาทั้งทีม เวลานี้พวกเขาทั้งหมดยกระดับขึ้นเป็นผู้ใช้พลังเลเวล E แล้ว แม้แต่มือปืนหลายคนยังแข็งแกร่งขึ้น บางคนถึงขั้นสามารถตัดผ่านเข้าสู่เลเวล D

การยกระดับอันน่าหวาดกลัวเช่นนี้ ช่างน่าทึ่งนัก

การทดลองในครั้งนี้ ประสบความสำเร็จอย่างไม่ต้องสงสัย!

ไม่เพียงแค่นั้น  นักรบแห่งอนาคตทีมที่ 2  , 3 ขยับขยายไปจนถึงทีมที่ 13 รวมทั้งสิ้น 1,300 คน ได้เดินทางเข้าสู่มิติต้องห้าม เริ่มตั้งรกรากสร้างชุมชนแบบเรียบง่ายขึ้นที่นี่

แน่นอน เลเวล E หรือ D คือขีดจำกัดของทุ่งหญ้าแห่งนี้แล้ว ดังนั้นผู้ที่สามารถขึ้นเป็นเลเวล D นอกจากยังมีภาระคอยจัดการ คนอื่นๆล้วนออกจากมิติต้องห้าม ไปเข้าร่วมกับกลุ่มเฟิงหลีข้างนอกอย่างเป็นทางการแล้ว

กำลังรบของกลุ่มเฟิงหลีแข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ แต่เรื่องราวทั้งหมดนี้ ยังคงเป็นความลับ

เมื่อผ่านพ้นหนึ่งเดือน เวลาที่ฉินเฟิงตกลงกับชูฟ่าน ในที่สุดก็มาถึง!

ภายในถ้ำ หลายคนช่วยกันย้อมประตูมิติด้วยเลือด คนกลุ่มนี้มักเข้าๆออกๆที่นี่บ่อยๆ แต่การเปิดมิติในวันนี้ เหตุผลมันต่างจากทุกครั้งอย่างสิ้นเชิง

เพราะวันนี้ มีแค่คนเดียวเท่านั้นที่จะออกไป นั่นคือฉินเฟิง

เอาจริงๆฉินเฟิงควรออกไปตั้งนานแล้ว เพราะอย่างไรเสีย สถานที่แห่งนี้ ทรัพยากรสำหรับการยกระดับ มันไม่ได้ช่วยอะไรเขามากมายขนาดนั้น

อย่างไรก็ตาม หากสิ่งมีชีวิตเหนือเลเวล B ปรากฏตัวขึ้น และถูกตรวจเจอ ฉินเฟิงจะกลับมาอย่างแน่นอน เพราะนั่นคือสารอาหารที่เหมาะสมแก่การใช้ยกระดับของตัวเอง

สำหรับทีมนักรบแห่งอนาคต แม้แข็งแกร่งพอสมควร แต่พวกเขายังขาดผู้นำที่ทรงพลังคอยสั่งการ อย่างไรก็ตาม ทุกคนล้วนเคารพการตัดสินใจของฉินเฟิง ไม่มีใครกล้าขัดคำสั่งเขา

ฉินเฟิงไล่สังหารเป็นเวลากว่าหนึ่งเดือนเต็ม จนตามตัวติดแน่นไปด้วยสาบเลือด

ขณะที่เลือดค่อยๆย้อมประตูมิติจนเป็นสีแดงฉาน รังสีแสงสีเงินก็สาดประกายออกมา ช่องว่างสีดำปรากฏขึ้น

ภายใต้การจับตามองของทุกคน ฉินเฟิงก้าวเข้าไปในประตูมิติ หายไปจากถ้ำ เมื่อเขากลับมาอีกฝั่ง คนกลุ่มหนึ่งที่คอยเฝ้ายาม ก็เบนสายตามาทางเขา

หลังจากหนึ่งเดือน ในที่สุดก็กลับมายังมิติเดิมอีกครั้ง ภายในห้องโถงหมายเลข 0 ของสถานชุมชนเฟิงหวง พอเห็นช่องว่างมิติเปิดขึ้น พวกเขาก็คิดว่าคงมีใครกลับมาส่งวัตถุดิบ แต่หลังจากเห็นเงาร่างที่ก้าวออกมา และกลิ่นอายของเลือดอันน่าหวาดกลัวตามร่างกาย สมองของทุกคนก็อื้ออึง กลายเป็นว่างเปล่า

ทั้งหมดแข็งข้างไปราวๆ 7 - 8 วินาที ก่อนเลเวล C คนหนึ่งจะได้สติ ตะโกนต้อนรับ “ท่านประธาน! คุณกลับมาแล้ว!”

ฉินเฟิงมองไปยังอีกฝ่าย แล้วพยักหน้า “อืม ไม่เจอกันพักเดียว ความแข็งแกร่งของคุณพัฒนาขึ้นมากเลย”

คนที่คอยรับหน้าที่เฝ้ายามห้องโถงหมายเลข 0 แน่นอนว่าต้องเป็นคนที่ไว้ใจได้ เจิ้งเฉียนเป็นผู้ใช้พลังเลเวล C คนแรกที่ยอมติดตามฉินเฟิง หลังการเสียชีวิตของเกาหยูคัง อีกฝ่ายมอบหมายตราผู้การรัฐแก่ฉินเฟิง ตอนนี้ก็ผ่านมาเกือบ 2 ปีแล้ว ความแข็งแกร่งของเจิ้งเฉียนได้มาถึงระดับ C5 ถือว่าน่าประทับใจมาก

อย่างไรก็ตาม มันยังเทียบไม่ได้กับฉินเฟิง

“ต้องขอบคุณน้ำใจของท่านประธาน ถ้าไม่ใช่เพราะทรัพยากรที่ประธานมอบให้ ฉันคงไม่สามารถก้าวหน้าได้ไวขนาดนี้”

เจิ้งเฉียนกล่าวน้ำเสียงจริงใจและสำนึกคุณจริงๆ เพราะทรัพยากรที่จัดหามาโดยฉินเฟิง เกรงว่าต่อให้มีหัวหน้าเป็นเลเวล A ก็ยังไม่สามารถทำให้เธอได้

ซึ่งเอาตรงๆ จริงๆแล้วทรัพยากรที่แจกจ่ายออกไป เป็นเพราะของเหล่านั้นไม่มีประโยชน์ต่อฉินเฟิง เขาแกร่งมากพอแล้ว มอบสมบัติให้นิดๆหน่อยๆ ก็มากพอให้คนระดับล่างได้อิ่มหนำ

“เอาล่ะ ขอบคุณที่เหนื่อย ...”

ฉินเฟิงกำลังจะเอ่ยอะไรบางอย่าง แต่ในตอนนั้นเอง มีดกษัตริย์ครามที่สะพายอยู่เบื้องหลังเขา จู่ๆก็เกิดเสียงครวญหึ่ง หึ่ง อย่างกะทันหัน

เมื่อเสียงนี้ดังขึ้น กลิ่นอายบนมีดกษัตริย์ครามก็เริ่มสั่นสะเทือน คล้ายเหมือนมีจิตวิญญาณนับไม่ถ้วนกำลังสั่นไหว พวกมันร้องคำราม ปรารถนาจักโบยบินจากไป

จิตเหล่านี้ถูกผนึกไว้โดยศิลาตรึงวิญญาณ เมื่อสามารถกลับมายังโลกที่มีพลังงาน พวกมันเลยสามารถอาละวาดได้อีกครั้ง

เดิมกลิ่นสาบเลือดบนร่างของฉินเฟิงก็น่ากลัวมากพออยู่แล้ว ตอนนี้มีดกษัตริย์ครามยังปลดปล่อยกลิ่นอายอันน่าสะพรึงอีก ขณะที่เจิ้งเฉียนเป็นเพียงผู้ใช้พลังเลเวล C5 ย่อมไม่อาจทานรับไหว เธอสั่นสะท้าน ชักฝีเท้าถอยไปหลายสิบก้าว ใบหน้าซีดเผือด ตกใจจนอธิบายอะไรไม่ถูก

ฉินเฟิงขมวดคิ้ว ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนเปิดหนึ่งในอุปกรณ์รูนมิติ นี่คือแหวนมิติที่วังเสี่ยวเก็บรวบรวมวัตถุดิบระดับสูงเอาไว้ ของที่อยู่ข้างใน เกือบทั้งหมดล้วนมีคุณภาพเหนือกว่าราชันย์สัตว์ร้ายเลเวล C

อย่างไรก็ตามสัตว์ร้ายระดับนี้มีค่อนข้างน้อย ภายในหนึ่งเดือน ฉินเฟิงเจอพวกมันแค่ 13 ตัวเท่านั้น

ฉินเฟิงหยิบหนังจักรพรรดิเสือดาวเลเวล C3 ออกมา จัดการตัดหนังของอีกฝ่าย เรียกรูบิควิเศษ แล้วยัดหนังเสือดาวเข้าไป

ไม่กี่วินาทีต่อมา ปลอกมีดที่ไร้ซึ่งร่องรอยของอักษรรูนก็ปรากฏขึ้นในมือฉินเฟิง เขาเสียบมีดกษัตริย์ครามลงไป เสียงโหยหวนของจิตวิญญาณ และแรงสั่นสะเทือน จึงค่อยสงบลง

สิ่งมีชีวิตในมิติต้องห้าม ไร้ซึ่งกลิ่นอายของพลังงานใดๆ แต่ไม่ว่าจะเป็นสัตว์ร้ายหรือพืชกลายพันธุ์ ฝ่ายไหนต่างก็ครอบครองพลังป้องกันระดับสูงทั้งนั้น พวกมันล้วนมีความทนทานเป็นพิเศษ สำหรับปลอกมีดนี้ ปัจจุบันคงสามารถสะกดมีดกษัตริย์ครามเอาไว้ได้ชั่วคราว

อย่างไรก็ตาม ฉินเฟิงยังรู้สึกได้อย่างชัดเจน ว่าปลอกมีดด้านในเริ่มปริร้าว แม้รอยที่ว่าจะน้อยนิด แต่ปลอกดมีดนี้ คาดว่าน่าจะอยู่ได้ประมาณสิบวันเท่านั้น ก่อนถูกทำลาย

นั่นเพราะวัตถุดิบนี้มีคุณภาพต่ำเกินไป!

แต่ในระยะเวลาสั้นๆ นี่คือทั้งหมดที่สามารถทำได้แล้ว!

เมื่อปราศจากกลิ่นอายของมีดกษัตริย์คราม เจิ้งเฉียนค่อยผ่อนคลายลง

ไม่ต้องสงสัยเลยว่านี่เกิดจากทักษะหมื่นวิญญาณสะบั้น อำนาจอันยิ่งใหญ่เช่นนี้ เพียงแค่กลิ่นอาย ก็สามารถกดดันให้ผู้คนถอยไปหลายก้าว เหงื่อแตกพลั่ก!

“ไม่เป็นไรแล้วใช่ไหม”

“อา! ฉันไม่เป็นไรแล้ว ขอบคุณท่าประธาน” เจิ้งเฉียนรีบร้อนปัดป่ายมือ เธอแค่ถูกกดดันโดยปราณมีด ไม่ได้รับบาดเจ็บอะไร เพียงแต่ในหัวใจ เริ่มประเมินฉินเฟิงสูงไปอีกขั้น

ฉินเฟิงเมื่อเห็นเจิ้งเฉียนสบายดี ก็หายห่วง จากนั้นเริ่มถ่ายทอดคำพูดผ่านจิตสำนึก เรียกไป๋หลี

แทบจะในทันที ประกายแสงสีเงินกระพริบไหว ร่างของไป๋หลีโผล่ออกมา

ไม่ได้เจอกันตั้งหนึ่งเดือน ทั้งคู่คิดถึงกันมาก

“โย่ว ในที่สุดคุณก็ทนไม่ไหว ออกมาจากที่แบบนั้นได้สักที แต่เอ … ดูสภาพคุณตอนนี้สิ จะน่าเกลียดน่ากลัวมากไปแล้ว!” ไป๋หลีหยอกเย้าเล็กน้อย

ฉินเฟิงยิ้มบางอย่างไร้หมดทาง เรียกอบิลิตี้น้ำออกมาชำระล้างคราบเลือด จนสะอาดเอี่ยม แต่ในสายตาของเจิ้งเฉียน ฉินเฟิงยังคงดูกระหายเลือดเหมือนเดิมอยู่ดี

อย่างไรก็ตาม ไป๋หลีไม่รู้สึกถึงแรงกดดันของฉินเฟิง สองแขนของเธอโอบลงบนหลังคอเขา ยื่นหน้าเข้าไปใกล้ซอกคอ ทำจมูกฟุดฟิดก่อนพยักหน้าด้วยความพอใจ

“เอาล่ะๆ หยุดล้อเล่นได้แล้ว ช่วยส่งฉันไปเมืองฉงโหลวที”

“อืม ไม่มีปัญหา!”

ไป๋หลีรับคำ พลางโบกมือให้เจิ้งเฉียน เพียงกรีดกรายนิ้วผ่านอากาศ ช่องว่างมิติก็ปรากฏขึ้นเบื้องหน้าทั้งสอง

โดยช่องว่างนี้ นำไปสู่ตำแหน่งนอกเมืองฉงโหลวโดยตรง

ปัจจุบัน เรือเหาะของเฟิงหลีได้มารอตั้งนานแล้ว กำแพงหมอกของมิติต้องห้ามขยายออกไปหลายเมตร ดังนั้นพวกเขาเลยต้องเชื่อมบันไดสวรรค์ใหม่

ในวันนี้

--ถึงเวลาตรวจผลงานของชูฟ่านแล้ว!

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด