ตอนที่แล้วChapter 34: เมอรี่คริสมาสต์ -1
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปChapter 36: เมอรี่คริสมาสต์ -2 (ส่วนที่ 2)

Chapter 35: เมอรี่คริสมาสต์ -2 (ส่วนที่ 1)


ผสานการโจมตี...?

ฮาร์แมนกัดฟันแน่นและเขาหลบดาบและหอกที่โจมตีเข้ามา เขาก้าวถอยกลับไป แต่การกระทำนี้มันทำให้เขาถูกวิญญาณทหารแห่งความตายล้อมเขาไว้

ทันใดนั้นเอง ลูกธนูก็ลอยมาจากในอากาศ

เขาหลบพวกมันได้ด้วยเช่นกัน เหล่าอันเดทเริ่มที่จะเคลื่อนที่มาหาเขา พวกมันใช้จังหวะได้เปรียบนี้โจมตีใส่เขา

‘พวกมันคืออะไรกันแน่?!’

ความสามารถระดับนี้มันอยู่เหนือกว่าทหารธรรมดาทั่วไปเล็กน้อย ยังไงก็ตาม การโจมตีพร้อมกันของพวกมันนั้นไร้ที่ติ มันเหมือนกับว่าพวกมันโจมตีออกมาโดยคนเพียงคนเดียว

ทหารอันเดทจำนวนมากมันก็เดินออกมาจากภายในซอยที่มืดมิดนั่น พวกมันต่างแบกอาวุธกันแทบทุกประเภท ไม่ว่าจะเป็นหอก ธนูหรือแม้แต่คทาก็ตาม ดวงตาของพวกมันส่องประกายเป็นสีน้ำเงินออกมาในความมืด พวกมันต่างยกอาวุธที่อันตรายของพวกมันขึ้น ก่อนที่จะพุ่งเข้าใส่เขา

‘เผชิญหน้ากับพวกพาลาดินคงจะเป็นเรื่องที่ดีกว่าด้วยซ้ำ กับการที่จะต้องมาเจอกับพวกมัน!’

ฮาร์แมนบล็อกดาบและหลบหอกไป เขาฟาดลงไปยังลูกธนูก่อนที่จะถอยไปอีกหนึ่งครั้ง

แต่แม้ว่าจะเป็นแบบนั้น พวกทหารอันเดทต่างเริ่มที่จะทำลายการป้องกันของเขาจากทุกทิศทางโดยการเคลื่อนไหวพร้อมกันและไม่มีข้อผิดพลาด พวกมันต่างใช้เท้าของพวกมันเป็นหลักและหมุนร่างกายเพื่อเสริมแรงของดาบ ในขณะที่ฟันดาบออกไป

ฮาร์แมนอ้าปากค้างกับสิ่งที่เกิดขึ้น

ถึงแม้ว่ามันจะเป็นการโจมตีที่ดูเงอะงะ วิชาที่เขาเห็นมันก็เป็นวิชาที่มันคุ้นเคยมาก

‘...นี่มันวิชาดาบของราชวงศ์?!’

เขาไม่ได้ตกตะลึงนานสักเท่าไหร่ เนื่องจากว่าเขาไม่คิดว่าเขาจะมีความสามารถมากพอที่จะหลบการโจมตีที่ด้านทื่อของพวกมันทุกประเภท ดาบนับสิบเล่มต่างเล็งมาที่เขาจากทั่วทุกทิศทาง

‘ฉันจะต้องใช้พลังทั้งหมดแล้ว!’

ตราบเท่าที่มันมีกลุ่มอันเดทที่ระบุไม่ได้แอบซ่อนตัวอยู่ในเงามือของปราสาทโรเซีย อนาคตของเมืองนี้ก็คงจะย่ำแย่และไม่มีความแน่นอน เขาจำเป็นที่จะต้องแก้ไขและเสาะหาว่าใครเป็นตัวการของเรื่องนี้ และเขาจำเป็นต้องทำมันก่อนที่จะถึงคืนต่อไปอีกด้วย

“โอ้ พระเจ้าแห่งสงครามไฮม์…”

เขาเริ่มใช้พลังศักดิ์สิทธิ์ของตัวเอง แสงสว่างที่อบอุ่นและอ่อนโยนออกมาจากดาบของเขาและขับไล่ความมืดมิดที่อยู่รอบข้างออกไป

เพียงแค่เขากำลังกำด้ามดาบด้วยมือทั้งสองข้างของเขาไว้เพื่อที่จะกวาดล้างพวกอันเดทเหล่านี้ทั้งหมดนั้นเอง...

“พอได้แล้ว”

กลุ่มอันเดทหยุดเคลื่อนไหวในทันที ดาบนับสิบเล่มต่างค้างคาอยู่กลางอากาศ และยังคงเล็งมาที่คอของฮาร์แมน

เขาก็หยุดดาบที่กำลังจะตัดศัตรูด้วยเช่นกัน เขารีบหันสายตาไปมองยังต้นกำเนิดของเสียงอย่างระมัดระวัง

ภายในซอยที่มืดมิดนั้น บุคคลหนึ่งก็เดินออกมาจนถึงจุดที่มีแสง หน้าของฮาร์แมนตึงขึ้นทันที หลังจากที่เขาตระหนักได้ว่าอีกฝ่ายเป็นใคร “….เจ้าชาย”

เจ้าชายองค์ที่เจ็ด อัลเลน ออโฟเซ่กำลังยืนอยู่ท่ามกลางเหล่าอันเดท

**

(มุมมองอัลเลน)

ฉันนั่งลงบนกำแพงของปราสาท ขาของฉันห้อยต่องแต่งกลางอากาศ แล้วฉันก็ก้มมองลงไป

ด้านนอกกำแพงนั้นสูงประมาณสิบสองเมตร ถ้าฉันตกลงไปในตอนนี้ มันคงไม่จบแค่ขาหักอย่างแน่นอน

“คนที่ตกลงไปจากตรงนี้คงจะเจ็บปวดกันอย่างมาก”

มันยังมีศพอีกค่อนข้างมากที่ยังไม่ได้รับการจัดการจากด้านล่างนั่น ไม่ห่างไกลออกไปเท่าไหร่ ซอมบี้เหล่านั้นยังคงยืนนิ่งโดยที่ไม่ได้ทำอะไรสักอย่าง เหมือนกับว่าพวกมันกำลังรอคอยคำสั่งจากเคานต์แวมไพร์อยู่

“เดี๋ยวนะ....นั่นใช่ท่านนักบุญหรือเปล่า?”

“ใช่แล้ว! เป็นไปตามที่คาดไว้เลย…”

“เขาเป็นคนที่ส่งมอบน้ำศักดิ์สิทธิ์ให้กับพวกเรางั้นเหรอ?”

ฉันมองไปยังต้นกำเนิดของเสียงเหล่านี้

นักโทษและทหารจำนวนมากต่างรีบเดินเบียดกันมายังมุมของกำแพงและกระซิบกันไปมา พวกเขาต่างส่งสายตามาหาฉันอย่างเร่าร้อน….พร้อมกับอะไรบางอย่าง หลักจากนั้น...

“ให้พวกเราภาวนาพร้อมกันด้วย…”

“พวกเราขอชดใช้บาปของพวกเราด้วย โอ้พระเจ้า”

พวกเขาคุกเข่าและเริ่มสวดมนต์

ไอ้พวกโง่เหล่านี้ พวกเขาไม่รู้หรือไงว่ามันเป็นฉันกัน?

ฉันเดาะลิ้นไปมา กับภาพที่เกิดขึ้น

ฮาร์แมนและทหารอันเดทยังคงยืนอยู่ตรงด้านข้างและฉันยังคงสวมหน้ากากจงอยปากนก เพื่อที่จะทำให้มั่นใจว่าคนอื่นจำฉันไม่ได้

แม้ว่ามันจะเป็นชุดแบบนี้แล้ว พวกเขายังคงภาวนากับฉันเนี่ยนะ? ไม่เพียงแค่นั้น พวกเขายังต้องการชำระบาปอีก?

ฉันอดที่จะประชดในหัวตัวเองไม่ได้

อย่าทำให้ฉันขำไปหน่อยเลยหน่า!

ถ้าการภาวนามันสามารถลดล้างบาปที่ตัวเองทำได้แล้ว ถ้าอย่างงั้นโลกนี้มันคงไม่จำเป็นต้องมีตำรวจและกฎหมายหรอก

ทำไมพวกแกถึงไม่ตระหนักถึงความผิดที่ตัวเองทำลงไปและเสนอตัวทำสิ่งที่ดีแทนกัน? พวกแกคิดว่าการที่มาภาวนาต่อหน้าฉันจะทำให้บาปที่ทำลงไปหายหรือยังไง?

ฉันจ้องไปที่นักโทษด้วยความมึนงง ก่อนที่จะเหลือบตาไปมองฮาร์แมน “ตั้งแต่เมื่อไหร่กันที่พวกเขาเริ่มเรียกฉันว่า นักบุญ?”

“....”

เขาไม่แม้แต่จะตอบคำถามของฉันด้วยซ้ำไป กลับกันเขากำลังนวดหน้าผากตัวเองอยู่แทน เขาถอดหมวกของเขาออก เพราะอาการปวดหัวที่เขาพบ

“นี่มัน ฉัน...ควรจะทำยังไงดีกันเนี่ย?! องค์ชายที่เจ็ด เขา....บุตรของคุณหญิงยูริเซียเรียน...วิชาเนโครแมนเซอร์....” พาลาดินกล้ามโตคนนี้ดูจมอยู่กับสิ่งที่เขาพบเห็น ก่อนที่จะพึมพำกับตัวเอง “เขาสิ้นหวังถึงเพียงนี้เลยเหรอ? ฉันไม่รู้มาก่อนเลยนะเนี่ย…”

อะไรนะ? ฉันเนี่ยนะ? สิ้นหวัง? เห้ย เพื่อน คำพูดนี้มันเหมาะกับเอ็งมากกว่าฉันไม่ใช่เรอะไง?

ฉันอดที่จะงุนงงกับเขาไม่ได้

ฮาร์แมนมีสีหน้าที่เหมือนกับชายที่สูญเสียโชคลาภไปทั้งหมดกับการเล่นพนันภายในชั่วค่ำคืน เขาดูเหมือนกำลังสงสัยในสายตาและหูของตัวเอง ในขณะที่เขายังคงจ้องมาที่ฉัน เขาเริ่มมองฉันอย่างละเอียด ก่อนที่จะเปิดปากพูดขึ้นอย่างช้าๆ “เอ่อ... คือว่า...”

คนที่เหมือนหุ่นยนต์แบบเขาที่ดูไร้อารมณ์เริ่มสั่นสะท้านขึ้นอีกคราหนึ่ง สายตาของเขาเหลือบไปมองทหารอันเดทที่อยู่ข้างฉัน

“อันเดทเหล่านี้....ฝ่าบาทเรียกมันมางั้นเหรอครับ?”

“โอ้ พวกมัน? อื้ม ถูกแล้ว นายนี่มันค่อนข้างหัวไวเลยนี่นา แล้ว? เจ้าคิดว่าไง? ไม่แย่เลยใช่มะ? ถ้าเจ้าเหลือบมองแบบไม่ได้ใส่ใจอะไร เจ้าคงแยกพวกมันไม่ออกเลยละสิ ระหว่างคนธรรมดาทั่วไปกับอันเดทเหล่านี้ ใช่มะ?”

ฉันยิ้มอย่างสดชื่น ก่อนที่จะตอบกลับไปอย่างจริงใจ

ตั้งแต่ที่ฉันถูกค้นพบแล้ว มันก็ไม่มีเหตุผลที่จะโกหกอีกต่อไป ที่จริงแล้ว มันเป็นฉันเองที่ให้เขารับรู้ความจริงนี้ เพื่อทำให้สถานการณ์ในปัจจุบันมันดีขึ้น

อีกไม่นาน มันจะถึงวันที่ 25 ธันวาคมแล้ว

มันไม่ใช่วันประสูติของพระเยซู หรือมันไม่ใช่วันคริสต์มาสต์ที่ทุกคนต่างสนุกสนาน พร้อมกับรับของขวัญจากซานต้าคลอส

ไม่สิ มันตรงกันข้างอย่างชัดเจน นี่คือวันฮาโลวีนที่เหล่าอันเดทต่างบ้าคลั่งแทน

อันเดทที่ฉันเรียกมามันคงจะมีประโยชน์ขึ้น แม้ว่าจะเล็กน้อยก็ตาม มันก็ยังคงจะดีกว่าในสถานการณ์ปัจจุบันนี้ ถ้ามันเป็นแบบนั้นแล้ว มันคงจะเป็นเรื่องที่ชาญฉลาดกว่าที่จะให้ฮาร์แมนได้เรียนรู้ถึงพวกมันก่อน เพื่อทำให้ไม่เกิดปัจจัยที่มองไม่เห็นขึ้นภายหลัง

ฮาร์แมนโอดครวญเบาๆ “โอววว ท่านหญิงยูริเซีย ผมควรทำยังไงดี…”

ใครคือยูริเซีย?

ฉันเอียงคอ

ยังไงก็ตาม ฮาร์แมนสะดุ้งกับสิ่งที่เขาพูดออกมาและรีบปิดปากแน่น ก่อนที่เขาจะเริ่มตรวจสอบปฏิกิริยาของฉัน “....ทำไมท่านถึงเรียนมันกันครับ ฝ่าบาท?”

น้ำเสียงที่เขาถามฉันมานั้นแสดงให้เห็นว่าเขาต้องการยืนยันความจริง ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น

“อืม ด้วยเหตุผลบางอย่างมันก็เลยเป็นแบบนี้”

ที่จริงแล้ว ฉันมาจากต่างโลกอะ เข้าใจไหม? ฉันตายจากโลกนั้นก่อนที่จะตื่นขึ้นที่นี่ และพบว่าฉันอยู่ในร่างกายของเจ้าชายองค์ที่เจ็ดยังไงละ.....และฉันยังใช้ความสามารถทั้งหมดจากวิดีโอเกมด้วย!

....แน่นอนละว่ามันไม่มีทางที่เขาจะเชื่อฉัน ถ้าฉันพูดออกไป

มันคงเป็นเรื่องที่ง่ายกว่าที่จะอธิบายว่า “ฉันได้ทำข้อตกลงกับปีศาจ” แทน

ถึงแม้ว่ามันจะทำให้ฉันกลายเป็นพวกนอกรีตไปก็เถอะ

“ท่าน....ทำสัญญากับปีศาจไปอย่างงั้นเหรอครับ ฝ่าบาท?”

ไอ้เจ้านี่มัน ทำไมถึงพูดเรื่องแปลกแบบนั้นออกมาง่ายๆกัน? เจ้ากำลังคิดส่งฉันไปให้พวกนักสอบสวนหรือไง?

“หื้มมมมม ฉันสงสัยเหมือนกันเนี่ยสิ ถ้ามีคนทำสัญญากับปีศาจแล้ว พวกเขาจะสามารถสร้างอันเดทที่มีพลังศักดิ์สิทธิ์ไหลเวียนอยู่ในร่างกายแบบของฉันไหม?”

“....”

คำพูดของฉันทำให้สีหน้าของฮาร์แมนดูซับซ้อนมาก

เอาเถอะ มันไม่ใช่เรื่องน่าประหลาดใจอะไรที่เขาไม่สามารถทำความเข้าใจกับเรื่องที่เกิดขึ้นได้ อันเดทที่มีพลังศักดิ์สิทธิ์อยู่ในตัวพวกมัน? แม้แต่ฉันยังคงงุนงงกับเรื่องนี้เลย ไม่ต้องพูดถึงฮาร์แมนที่มีความศรัทธาต่อเทพีและเทพมาทั้งชีวิตเลย

“ถ้ายังงั้นแล้ว ท่านทำยังไง....ถึงได้สร้างอันเดทศักดิ์สิทธิ์ขึ้นมาได้กันครับ?”

“ไม่รู้ดิ ฉันจำอะไรไม่ได้เลยก่อนที่ฉันจะพยายามฆ่าตัวตาย บางทีฉันอาจจะเริ่มสนใจในวิชาเนโครแมนเซอร์มาตั้งแต่นั้นแล้วก็ได้นะ”

“ท่านกำลังปิดบังอะไรอยู่หรือเปล่าครับ ฝ่าบาท?”

“ฉันไม่ได้ปิดบังอะไรสักหน่อย เห้ย เจ้าก็เห็นอยู่ว่าฉันก็ไม่รู้เหมือนกันว่ามันเกิดอะไรขึ้น”

ฉันพูดความจริงกับเขาไป ถ้าฉันรู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นแล้ว ฉันคงจะเป็นเหมือนกับนักปราชญ์แทนมากกว่าแล้วละ เมื่อผ่านไปสักพักหนึ่ง ฮาร์แมนก็ได้หยุดตั้งคำถามกับฉัน ดังนั้นฉันจึงถามเขาแทน “เอาละ แล้วเจ้าจะไปแจ้งกับพวกนักสอบสวนไหม?”

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด