ตอนที่แล้วบทที่ 46 อัครสาวก (1)
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 48 อัครสาวก (3)

บทที่ 47 อัครสาวก (2)


เลียมสัน ชี้ไปที่หมู่บ้านและพูดว่า

“ฉันลืมบอกไปเลย มีร่างแปลกๆอยู่ตรงกลางหมู่บ้านด้วยละ”

ร่างแปลกๆ?

เลียมสันนำพวกเขาตรงไปยังสถานที่นั้นทันที

ขณะที่เขากล่าวว่ามีศพที่ไหม้เกรียมอยู่ใจกลางหมู่บ้าน

คามิลล์นั่งยองๆและเริ่มตรวจร่างกาย แต่เธอไม่ได้แตะต้องเพื่อมันเป็นกับดัก

สาเหตุการเสียชีวิตเป็นที่ประจักษ์ทันที

“มันไม่ได้ถูกไฟเผาฉันคิดว่าพวกเขาถูกฟ้าผ่า”

“ดูเหมือนว่าอัครสาวกของเดมิก็อดอาจมีพลังแห่งสายฟ้า”

ด้วยคำพูดเหล่านั้นเฟรย์หันไปมองมิเคล

“คุณบอกว่าอัครสาวกสามารถใช้พลังของเดมิก็อดได้ พวกเขาสามารถยืมพลังได้ในระดับใด?”

"อืม....จะว่าไปฉันไม่เคยบอกรายละเอียดเลย”

มิเคลตระหนักถึงภายในว่าเขากำลังปฏิบัติต่อเฟรย์เหมือนในฐานะผู้บังคับบัญชา

เขาพยายามรักษาความสงบโดยพยายามไม่รู้สึกกังวลจากสิ่งที่เกิดขึ้น ดังนั้นจึงเป็นไปไม่ได้ที่มิเคลจะปฏิบัติกับเฟรย์เหมือนมือใหม่

“เป็นเรื่องจริงที่เดมิก็อดมีพลังที่เหนือกว่าธรรมชาติแต่พวกเขาไม่สามารถใช้ประโยชน์จากพวกมันได้อย่างเต็มที่ในทวีปนี้ เรายังไม่ทราบแน่ชัด หากไม่เป็นไปตามเงื่อนไขบางประการหรือไม่ได้อยู่ในบางพื้นที่ อำนาจของพวกเขาก็จะถูกจำกัด”

นั่นคือทั้งหมดที่เขารู้

อย่างไรก็ตามสิ่งที่ควรทราบก็คือพวกเขายังไม่รู้ว่าเงื่อนไขเหล่านั้นคืออะไร

สิ่งนี่เป็นข้อมูลที่น่าสนใจแต่ถึงอย่างนั้นพวกเขาก็ไม่สามารถมั่นใจได้

เฟรย์จดจ่อกับคำพูดของมิเคลโดยไม่แสดงความคิดเห็นใดๆออกมา

“การเป็นอัครสาวกทำให้พวกเขาสามารถข้ามผ่านขีดจำกัดได้และเดมิก็อดทุกคนสามารถสร้างอัครสาวกได้คนหนึ่งเพื่อทำตามความประสงค์ของพวกเขา”

“จำนวนจำกัดที่พวกเขาสร้างได้นั่นคือคนเดียวใช่ไหม?”

“เท่าที่เรารู้ก็ใช่ และอัครสาวกที่ถูกสร้างขึ้นสามารถใช้พลังของเดมิก็อดที่พวกเขารับใช้ได้”

สีหน้าของเฟรย์กลายเป็นจริงจัง

“นั่นไม่ได้หมายความว่าสถานการณ์ของเซอร์เคิลนั้นสิ้นหวังไปแล้วหรือ?”

“ไม่แน่หรอก เดมิก็อดเองก็มีความเสี่ยงของตัวเอง”

การจ้องมองของเฟรย์เฉียบคม

“ความเสี่ยงอะไร?”

“ถ้าเราฆ่าอัครสาวกมันจะมีเรืองส่งผลต่อเหล่าเดมิก็อด”

มิเคลพูดต่อด้วยสีหน้าจริงจังเช่นกัน

“เซอร์เคิลมีข้อมูลบางอย่างเกี่ยวกับเดมิก็อดสองสามคนที่ซ่อนตัวอยู่ในจักรวรรดิคัสต์เคา เป็นข้อมูลที่มีค่าซึ่งใช้เวลาหลายสิบปีที่ปรกติแล้วต้องใช้เวลาสองสามศตวรรษในการรวบรวม”

นี่เป็นข่าวดี

หากเดมิก็อดต้องการหายตัวไปอย่างแท้จริงก็ไม่มีทางเลยที่เซอร์เคิลจะสามารถค้นหาร่องรอยใดๆได้ แต่พวกเขาก็ไม่ได้ทำเช่นนั้น

อย่างไรก็ตามเฟรย์ได้รับรู้ถึงความเย่อหยิ่งของเหล่าเดมิก็อดจากข้อมูลนี้

เกือบจะมั่นใจได้ว่าพวกเขารู้ว่ามนุษย์กำลังเฝ้ามองพวกเขาอยู่ แต่พวกเขาเลือกที่จะไม่ตอบสนองต่อมัน

เห็นได้ชัดว่านี่เป็นสัญญาณ

พวกเขาเชื่อมั่นว่าไม่ว่าจะทำอะไรมนุษย์ก็จะไม่สามารถหยุดยั้งพวกเขาได้

“ครั้งหนึ่งเราเคยเอาชนะอัครสาวกของเดมิก็อดในจักรวรรดิคัสต์เคาแล้วมีบางอย่างแปลกๆเกิดขึ้น”

“มีอะไรแปลกๆงั้นหรือ ?”

“เดมิก็อดคนนั่นหายตัวไป”

“…!”

ดวงตาของมิเคลคมขึ้น

“ในตอนนั้นเองเราก็แน่ใจแล้วว่าการฆ่าอัครสาวกนั้นจะส่งผลต่อเดมิก็อด”

เฟรย์ไม่เคยได้ยินข่าวลือเช่นนี้มาก่อน

เพราะเขาเคยผ่านประสบการณ์มาแล้วเขาจึงรู้ว่ามันเป็นไปไม่ได้ที่จะเผชิญหน้ากับเดมิก็อดแบบซึ่งๆหน้า

เขาคิดว่าคงจะดีถ้าพวกเขาพบวิธีสร้างความเสียหายให้กับเหล่าเดมิก็อดและตอนนี้เขาก็ได้เรียนรู้ถึงการมีอยู่ของอัครสาวก

‘แต่ทำไมพวกเขาถึงสร้างตัวตนแบบนี้ขึ้นมาละ?’

ไม่เคยมีอัครสาวกเมื่อ 4,000 ปีก่อน

พวกเขาเรียนรู้วิธีสร้างอัครสาวกในช่วงหลายปีที่ผ่านมาหรือ?

หรือพวกเขาสามารถทำได้ตั้งแต่เริ่มแรกแต่มีเหตุผลอื่นที่ทำให้พวกเขาต้องตัดสินใจใช้มันในตอนนี้?

‘…’

อย่างไรก็ตามตอนนี้มีเหตุผลมากพอที่พวกเขาไม่สามารถถอยกลับหลังได้ในตอนนี้

หากพวกเขาสามารถสร้างความเสียหายให้กับเดมิก็อดได้จริงๆ มันก็คุ้มค่าที่จะเสี่ยงในการฆ่าอัครสาวก

"นั่นคือทั้งหมดที่ฉันรู้"

"แค่นั้นก็เพียงพอแล้ว"

เมื่อเลียมสันมองไปรอบๆ สายตาของเขาถูกดึงไปที่เนินเขาหลังหมู่บ้านในไม่ช้า

“หากเราพูดคุยกันเสร็จแล้วเราก็ควรเริ่มตามหาอัครสาวกได้เลย อาจารย์ของฉันและฉันจะขึ้นไปบนเนินนั้น เราจะสามารถมองเห็นพื้นที่โดยรอบได้จากที่นั่น”

“ถ้างั้นมิเคลกับฉันจะไปดูรอบๆหมู่บ้านอีกครั้ง”

“ได้เลย”

จากนั้นเลียมสันและคามิลล์ก็จากไป

มิเคลซึ่งตอนนี้อยู่ตามลำพังกับเฟรย์หันมาถามเขา

“…ปีนี้นายอายุเท่าไหร่แล้ว?”

“ผมอายุยี่สิบ”

ร่างกายของมิเคลสั่นไปชั่วขณะ

"ยี่สิบ…! ในวัยนี่นายสามารถไปถึงระดับ 7 ดาวได้จริงๆหรือ…ฉันไม่อยากจะเชื่อเลย”

ความประหลาดใจของเขาเป็นเรื่องธรรมชาติ

ไม่เคยมีพ่อมด 7 ดาวคนไหนในประวัติศาสตร์ที่อายุน้อยเท่าเขา

คำว่า "อัจฉริยะ" จะเพียงพอที่อธิบายความสามารถของเขาได้หรือไม่?

“พ่อมดระดับ 7 ดาวนั่นมีอยู่ทั่วไปในเซอร์เคิลไม่ใช่เหรอ?”

“ไม่จริงเลย หากนายอยู่ในระดับ 7 ดาวนายจะได้รับตำแหน่งฟอร์สออเนอในเซอร์เคิลใดก็ได้”

เชพเพิร์ดและพ่อมดชื่อลุคส์นั้นเป็นฟอร์สออเนอ

เขายังได้เรียนรู้เกี่ยวกับตำแหน่งที่สูงขึ้นเช่นเซอร์เคิลราวเดอร์และเซอร์เคิลมาสเตอร์

เฟรย์ค่อยๆแสร้งทำเป็นไม่รู้แล้วพูด

“ผมสนใจไพลส์ฟาวเดอร์อาร์เมลท์อยู่นิดหน่อย”

“หืม? นายสนใจในเซอร์เคิลของเราหรือ?”

“หากคนๆนั้นไม่สนใจเวทย์มนต์ดำการทำสัญญาและการอัญเชิญปีศาจของไอริสไพลส์ฟาวเดอร์แล้วละก็ คนๆนั้นก็ไม่ควรอ้างตัวเองว่าเป็นพ่อมดนะ”

“โฮโฮ! ถูกตัอง”

มิเคลยิ้มอย่างภาคภูมิใจกับคำพูดเหล่านั้น

จากการสนทนากับเชพเพิร์ดเฟรย์ได้เรียนรู้ว่าสมาชิกในเซอร์เคิลแต่ละคนมีความภาคภูมิใจในองค์กรของตนอย่างมาก

อย่างไรก็ตามมิเคลหัวเราะเบาๆโดยไม่รู้ว่าเฟรย์คิดอะไรอยู่

‘ถ้าเฟรย์เข้าร่วมเซอร์เคิลของเรามันจะเป็นการเพิ่มความแข็งแกร่งขึ้นอย่างมาก’

บางทีพวกเขาอาจจะแซงหน้าลูซิดซอร์ดหรือสโตรว์เน็คลิซก็เป็นได้

หากความสามารถของชายหนุ่มที่กำลังมาแรงคนนี้ถูกเปิดเผยมันจะทำให้เกิดความปั่นป่วนอย่างมากภายในเซอร์เคิล

พวกเขาทั้งหมดจะต้องแย่งชิงตัวเฟรย์

นี่เป็นโอกาสของเขาที่จะพูดสองสามคำก่อนที่สงครามการแย่งตัวครั้งใหญ่จะเริ่มขึ้น มันเป็นข้อได้เปรียบอย่างมาก

มิเคลอ้าปากค้างในขณะเดียวกับที่เขาได้ข้อสรุปนั้น

“ไพลส์ฟาวเดอร์อาร์เมลท์ ลูซิดซอร์ด และ สโตรว์เน็คลิซ เซอร์เคิลทั้งสามนี้ปกติแล้วจะถูกเรียกว่าบิ๊กทรี นี่เป็นเพราะพวกเขามีความแข็งแกร่งจำนวนคนและอิทธิพลมากที่สุดจากเซอร์เคิลทั้งหมด”

"เข้าใจละ"

“ไพลส์ฟาวเดอร์อาร์เมลท์ของเรามีขนาดเล็กกว่าเล็กน้อยเมื่อเทียบกับอีกสองเซอร์เคิล อย่างไรก็ตามเรามีพ่อมดที่เป็นผู้อัญเชิญจำนวนมาก แน่นอนจำนวนพ่อมดบริสุทธิ์อย่างฉันก็มีไม่น้อยเช่นกัน”

ผู้อัญเชิญคือผู้ที่ทำสัญญากับปีศาจจากโลกปีศาจที่สามารถเรียกปีศาจเพื่อช่วยทำกิจเล็กๆได้

มิเคลอธิบายว่าการเป็นผู้อัญเชิญนั้นต้องอาศัยความสามารถมากกว่าการเป็นพ่อมดบริสุทธิ์

นั่นหมายความว่าเพียงแค่ความพยายามจะไม่สามารถช่วยพวกเขาได้มากนัก

“มาสเตอร์อัลทันผู้นำของเราได้เซ็นสัญญากับบาร์บาโตสหนึ่งในแกรนด์ดยุกแห่งโลกปีศาจ”

“ปีศาจแห่งความโลภบาร์บาโตส?”

เฟรย์อดไม่ได้ที่จะประหลาดใจกับข้อมูลเล็กน้อยนั้น

แกรนด์ดยุกแห่งโลกปีศาจมีไหวพริบและอันตรายอย่างไม่น่าเชื่อ

มันเป็นความจริงที่ทราบกันดีว่าการเซ็นสัญญากับปีศาจระดับแกรนด์ดยุกนั้นยากอย่างไม่น่าเชื่อเพราะพวกเขาทั้งหมดมองว่ามนุษย์เป็นเพียงแมลง

ใบหน้าของมิเคลเปล่งประกายด้วยความภาคภูมิใจ

“ฉันเดาว่านายคงรู้เรื่องปีศาจของโลกปีศาจอยู่บ้าง ทุกสิ่งที่ฉันพูดเป็นความจริง”

“นั่นมัน…น่าทึ่งมาก”

ไอริสเป็นคนเดียวที่เฟรย์รู้ว่าสามารถเซ็นสัญญากับแกรนด์ดยุกได้

แม้ว่าเธอจะเซ็นสัญญากับแกรนด์ดยุกทั้งสามคน แต่เขาก็ไม่รู้ว่ามาสเตอร์อัลทันได้เซ็นสัญญากับแกรนด์ดยุกคนอื่นๆ ด้วยหรือไม่

“ดูเหมือนว่าไพลส์ฟาวเดอร์อาร์เมลท์จะมุ่งเน้นไปแค่ที่วิชาของแม่มดเท่านั้น”

"ฉันบอกนายแล้วว่ามีพ่อมดที่บริสุทธิ์เช่นฉันและมันก็เหมือนกันในทุกๆเซอร์เคิล มีนักรบเวทย์มนต์ในสโตรว์เน็คลิซและพ่อมดในลูซิดซอร์ด เพียงแต่ตัวเลขที่จะต่ำกว่าเล็กน้อยและความแข็งแกร่งของพวกเขาอ่อนแอกว่าเล็กน้อย”

เมื่อมิเคลพูดแบบนี้เขาก็หันไปมองเนินเขาที่เลียมสันไป

“จริงๆแล้วนั่นไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรการพูดแบบนี้อาจดูตลกแต่เซอร์เคิลเป็นองค์กรอสิระแม้ว่าจะมีเพียงไม่กี่คนที่ยอมรับมันจริงๆ”

อันที่จริงเขาไม่เคยคาดหวังว่าจะได้ต่อสู้เคียงบ่าเคียงไหล่กับเหล่าดาร์กเอลฟ์เลยสักครั้ง

“ฉันเล่าให้นายโดยเฉพาะเลยนะ ในบรรดาฟอร์สออเนอในเซอร์เคิลของเรามีลูกครึ่งปีศาจด้วยละ”

“…”

หลังจากนั้นมิเคลยังคงเล่าข้อดีของไพลส์ฟาวเดอร์อาร์เมลท์ไปเรือยๆ

เฟรย์พยักหน้าอย่างร่วมมือแสร้งทำเป็นสนใจ แต่ความคิดในหัวของเขาแตกต่างไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิง

"เขายังไม่ได้บอกข้อมูลสำคัญใดๆกับฉันเลย"

ไม่มีคำพูดใดๆเกี่ยวกับตัวตนของเซอร์เคิลมาสเตอร์หรือเซอร์เคิลราวเดอร์ที่เฟรย์สนใจมากที่สุด

แม้ว่าเขาจะรู้ว่าชื่อของเซอร์เคิลมาสเตอร์ว่าอัลทันและเขาได้ทำสัญญากับแกรนดยุกของปีศาจแต่ดูเหมือนว่าเขาจะไม่มีข้อมูลที่เป็นประโยชน์อื่นๆอีก

บางทีการที่อัลทันทำสัญญากับแกรนดยุกอาจเป็นสิ่งที่สมาชิกในเซอร์เคิลส่วนใหญ่รู้ดีกันอยู่แล้ว

ด้วยความสำเร็จแบบนั้นพวกเขาจะไม่อายและภาคภูมิใจในการเป็นหนึงในสามผู้นำเลย

‘หรือบางทีมิเคลไม่ได้รู้อะไรมากไปกว่านั้น’

มิเคลแข็งแกร่งพอที่จะกลายเป็นหัวหน้าชั้นในหอคอยเวทย์มนต์ที่ 3 แต่ในเซอร์เคิลนี้เขายังไม่แข็งแกร่งพอที่จะเป็นผู้บริหาร

ดูเหมือนว่าถ้าหากเขาต้องการข้อมูลเพิ่มเติมเขาก็ควรคุยกับผู้บริหารอย่างเชพเพิร์ดแทน

เมื่อการสนทนาของพวกเขาสิ้นสุดลงเลียมสันและคามิลล์ก็กลับมา

คามิลล์พูดด้วยใบหน้าที่สงบที่เป็นเอกลักษณ์ของเธอ

“มีป่าอยู่เหนือเนินเขาที่ดูน่าสงสัย”

“น่าสงสัย?”

“มีกลิ่นเลือดแต่ไม่มีร่องรอยอะไรเลยในป่ามันทำให้ฉันรู้สึกแย่”

“ป่ามรณะ...มันกลายเป็นป่ามรณะ”

เลียมสันมีสีหน้าที่ไม่พอใจ

โดยไม่คำนึงถึงพฤติกรรมของพวกเขา ดาร์กเอลฟ์เป็นเผ่าพันธุ์แห่งป่าเช่นกัน การเห็นต้นไม้ที่เน่าตายทำให้พวกเขาอารมณ์เสีย

อันดับแรกพวกเขาต้องมุ่งหน้าไปยังป่า

เฟรย์รู้สึกถึงอากาศที่ไม่เป็นใจอย่างประหลาดและในที่สุดก็เข้าใจความหมายของเลียมสันกับคำว่าป่ามรณะ

ไม่มีแม้แต่เสียงของแมลงตัวเล็กๆหรือกลิ่นหญ้าสดเลย

ราวกับว่า ‘ชีวิต’ ทั้งหมดได้ตายหายไปจากป่า

คามิลล์เดาะลิ้นของเธอ

“ป่านี่เป็นแค่เปลือก ต้นไม้ทั้งหมดตายไปแล้ว”

“มันถูกดูดซับไปหมดแล้ว”

"ใช่"

คามิลล์พยักหน้ารับคำพูดของเฟรย์ก่อนที่จะคุกเข่าเข่าข้างหนึ่งแล้ววางฝ่ามือลงบนพื้น

“…ทั้งป่านี้น่าจะเป็นกับดัก เป็นไปไม่ได้ที่จะรับรู้ถึงสิ่งที่เกิดขึ้นภายในเนื่องจากมีคนวางอาร์เรย์บางประเภทไว้”

สายตาของทุกคนหันไปที่เฟรย์พร้อมกัน

“แล้วเราจะทำอย่างไรดี?”

“…”

เฟรย์คิดสักครู่ก่อนที่จะเปิดปากของเขา

“คุณบอกว่าป่าแห่งนี้ตายไปแล้ว คุณคงไม่รังเกียจถ้าหากฉันจะทำลายมันใช่ไหม?”

“นั้นไม่สำคัญแต่ทำไมละ? การเผาป่าโดยมีอาร์เรย์ขวางทางนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย”

“ฉันไม่ได้ตั้งใจจะเผามัน”

การจุดไฟเผาป่าเป็นเรื่องอันตราย

เฟรย์เข้าใกล้ป่ามากขึ้นและมองไปรอบๆ

'นี่ไงละเวทย์มนต์อาร์เรย์”

อย่างที่คามิลล์พูดเขารู้สึกได้ถึงบางสิ่งที่ปกคลุมป่า

เฟรย์ยืนอยู่ตรงนั้นสักพัก

เลียมสันมองไปที่คามิลล์และถาม

“เฟรย์กำลังทำอะไร?”

“…ฉันคิดว่าเขากำลังตรวจดูอาร์เรย์”

“ตรวจดูอาร์เรย์?”

"ถูกตัอง"

คามิลล์กำลังมองไปที่เฟรย์ด้วยสีหน้าสงสัย

การวิเคาะห์อาร์เรย์ที่เปิดใช้งานไปแล้วนั้นซับซ้อนและใช้เวลานานมาก

มิเคลก็ตระหนักเช่นกัน

‘ต้องใช้เวลาอย่างน้อย 2 วันในการวิเคาะห์อาร์เรย์ประเภทนี้…’

ในการทำลายอาร์เรย์นั้นไม่เพียงแต่ระดับของพ่อมดจะต้องสูงแต่การประมวลในสมองของพวกเขาต้องไม่ธรรมดาด้วย

นี่เป็นเพราะเราต้องหาคำตอบสำหรับสมการที่พันกันหลายสิบหรือหลายร้อยสมการโดยการแก้มันภายในใจเท่านั้น

หากทำผิดแม้แต่นิดเดียวก็มีโอกาสที่จะทำให้อาร์เรย์ยุ่งเหยิงมากขึ้นหรืออาจมีผลกระทบต่อพวกเขาโดยตรง

จากนั้นเฟรย์ก็ดูเหมือนจะหลุดออกมาจากความงุนงงและเดินกลับไปที่กลุ่ม

คามิลล์มองไปที่เขาและพูดว่า

“ถ้าคุณตั้งใจจะทำลายอาร์เรย์พวกเราก็จะอยู่ที่นี่และยืนคุ้มกันให้”

“ไม่จำเป็นหรอก”

เฟรย์จ้องมองไปที่คามิลล์อย่างประหลาด

“หือ?”

“อาร์เรย์ได้ถูกทำลายไปหมดแล้ว สิ่งที่ฉันต้องทำในตอนนี้คือการทำลายป่า”

“อะ...อะไรนะ?”

“พวกคุณควรถอยห่างออกมา”

คามิลล์เลียมสันและมิเคลต่างก็ถอยหลังกลับพร้อมกับสีหน้าสับสน

เฟรย์มองไปที่ป่าอีกครั้งและร่ายมนตร์

"วินสตอม"

ฮูววว

จู่ๆก็มีลมรุนแรงพัดเข้ามาในพื้นที่

มิเคลรีบร่ายคาถาป้องกัน

นี่เป็นเพราะลมนั้นแรงมากจนเขารู้สึกว่าร่างกายของเขาแทบจะปลิวไป

เลียมสันและคามิลล์ก็รีบเข้าไปในคาถาป้องกันนั้น

ครุ่ๆๆ

เสื้อคลุมของเฟรย์กระพืออย่างรุนแรง

พายุขนาดใหญ่ที่เกิดขึ้นตรงหน้าเขาถือว่าเป็นระดับที่อาจเรียกได้ว่าเป็นภัยธรรมชาติ

มิเคลอ้าปากกว้างเมื่อได้เห็นการแสดงพลังเวทย์อันน่าทึ่งนี้

‘ไม่ - ไม่น่าเชื่อ!’

มานาที่ผันผวนนั้น!

และก็พายุ!

มิเคลเคยคิดว่าเฟรย์เป็นเพียงพ่อมดที่เพิ่งไปถึงระดับ 7 ดาว แต่พลังเวทย์ที่เขาแสดงอยู่นั้นเหนือจินตนาการ

มันไม่เพียงพอที่จะบอกว่าเขาประสบความสำเร็จอย่างมากแล้ว

ครึก

พายุถล่มป่าจนหมด

ต้นไม้ถูกถอนออกและก้อนหินขนาดใหญ่ถูกโยนขึ้นไปบนท้องฟ้าราวกับว่าพวกมันเป็นก้อนกรวดขนาดเล็ก

แม้แต่คามิลล์ที่มักจะไม่แสดงออกยังอึ้งเมื่อเธอเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นจากสายตาที่เห็นสิ่งที่เหนือจินตนาการนั้น เธอไม่สามารถเก็บอาการนั่นได้เลย

และเมื่อพายุหยุด

“…”

ในป่าที่เสื่อมโทรมอย่างสมบูรณ์นั้นปรากฏให้เห็นชายคนหนึ่งกำลังเดินเข้ามา

เฟรย์ตระหนักว่าชายคนนั้นน่าจะเป็นอัครสาวกอย่างแน่นอน

ตอนนั้นเอง

ใบหน้าของมิเคลเต็มไปด้วยความเศร้าโศกเมื่อสังเกตเห็นชายคนนี้

“ฉันฉันไม่เชื่อเลย สิ่งนี้…เป็นไปไม่ได้”

“คุณรู้หรือว่านั่นคือใคร?”

“อานั่น…คือ ออเนอลุคส์ …!”

"อะไรนะ?"

ใบหน้าของเลียมสันบิดเบี้ยวและมิเคลยังคงพูดด้วยเสียงสั่นเครือ

“นั่นคือออเนอลุคส์รองหัวหน้าหอคอยเวทย์มนต์ที่ 3”

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด