ตอนที่แล้วตอนที่ 29: น้ำผึ้งลินเดิ้นและเค้กมันเทศป่า (1)
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 31: ข้าวตังทอด

ตอนที่ 30: น้ำผึ้งลินเดิ้นและเค้กเผือกป่า (2)


*ก่อนจะอ่านนิยาย โปรดตรวจสอบว่าท่านได้อยู่ในสถานที่ที่มีแสงเพียงพอ หรือถ้าท่านอ่านในความมืดก็อย่าลืมเปิด Night Mode หรือจอส้ม เพื่อป้องกันการปวดหัวและสายตาสั้นด้วยนะครับ*

--------------------------------------------------------------------------------------------

จะทำเค้กเผือกป่านั้นไม่ได้ยากอะไรเลย สิ่งที่ยากคือทำยังไงให้มันอร่อยมากกว่า.

 

ชิยูหยิบเผือกป่าออกมา2ลูก พวกมันถูกขุดออกมาจากใต้พื้นดินที่ภูเขาสัตว์ปราณ.

 

พอปอกเปลือกเสร็จแล้วเธอก็เอามันไปนึ่ง. ขณะที่รอมันนึ่งอยู่เธอก็ออกไปเอาน้ำผึ้งดอกลินเดิ้นมา. เธอตัดสินใจว่าจะทำคัสตาร์ดซะ. คัสตาร์ดนั้นก็ไม่ได้ทำยากเหมือนกันแต่ปัญหาก็คือจะทำเนยยังไง. เนยนั้นคือวัตถุดิบสำคัญมากถ้าจะทำคัสตาร์ดอร่อยๆ. ถ้าจะทำเนยจากนมสดๆก็ค่อนข้างยากพอตัว แต่โชคดีที่มีคนจากทางเหนือเอามันมาแลกเปลี่ยนกับสินค้าด้วย ชิยูเลยสามารถแลกเอาเนยมาได้จำนวนหนึ่ง.

 

(จากที่ดูแล้วคัสตาร์ดนี่น่าจะเป็นไส้ขนมครับ ผมเลยขอใช้คำว่าไส้แทนนะครับ)

 

ชิยูจึงรีบทำไส้ขนมจากไข่ไก่ แป้งแล้วก็เนยทันที. พอผสมเสร็จแล้วเธอก็เอาน้ำผึ้งลินเดิ้นออกมา.

 

น้ำผึ้งลินเดิ้นนั้นทั้งข้นและหอมเป็นพิเศษแถมไม่หวานจนเกินไปด้วย. พอบดเผือกที่นึ่งเสร็จแล้วเธอก็ใส่น้ำผึ้งลินเดิ้นลงไปแล้วผสมให้เข้ากัน. เผือกที่มีสีขาวตอนแรกก็เริ่มเปลี่ยนเป็นสีเหลืองอ่อน. เธอปั้นเผือกนั้นให้เป็นทรงกลมแล้วก็โรยแป้งใส่จากนั้นก็แผ่มันออกด้วยมือแล้วใส่ไส้ขนมลงไป ขั้นตอนต่อมาคือเอาเผือกขึ้นมาหุ้มไส้ไว้แล้วกดมันด้วยแม่พิมพ์ที่เตรียมไว้. แค่นี้เค้กเผือกป่าก็เป็นรูปเป็นร่างแล้ว.

 

แต่ทว่าถ้าจะทำให้ไส้ขนมด้านในละลายชิยูต้องเอาไฟสีน้ำเงินของเธอคลอกเตาอบเค้กไว้ให้อุณหภูมิด้านในตัวเค้กสูงกว่าด้านนอกเล็กน้อย. เค้กเผือกสีเหลืองอ่อนนั้นค่อยๆเปลี่ยนเป็นสีทองอร่าม. พอสุกแล้วเธอก็นำมันออกมาจากเตา แล้วเธอก็กัดมันลงไปชิ้นนึง รสชาติหวานละมุนแผ่ซ่านไปทั่วลิ้นของเธอพร้อมกับกลิ่นหอมของนมที่โชยขึ้นมาตีจมูกของเธอ. มันอร่อยมากๆ.

 

“ชั้นก็อยากกินอะ!” ปีศาจหัวไชเท้าที่อยู่ข้างๆเธอทนไม่ไหวจึงพูดออกมา แต่เนื่องจากมันไม่มีความสามารถที่จะงอกแขนขาออกมาได้จึงทำได้แค่งอแง กลิ้งไปกลิ้งมาบนพื้น.

 

“...” พอมองเจ้าหัวไชเท้าไร้หน้า ไร้แขนไร้ขาแล้วชิยูก็รู้สึกรำคาญมันขึ้นมาจริงๆ “ถ้าอยากกินอย่างน้อยก็สร้างสัมผัสทั้ง5ก่อนสิ โถ่!”

 

ชิยูจัดขนมนั้นลงบนจานแล้วนำมันเข้าห้องไป. ในห้องนั้นมีคนอยู่หลายคนกำลังคุยกันเสียงดังรอบๆคนป่วยที่เตียงอยู่.

 

พอพวกเขาเห็นเธอเข้ามาก็หยุดคุยกัน แล้วต้อนรับเธอด้วยรอยยิ้มอบอุ่น.

 

ชิยูเดินผ่านพวกเขาไปทางเตียง. พอมองคนที่อยู่บนเตียงแล้วเธอก็ยื่นมือไปแตะหน้าผากเขา “อืมม, ไม่มีไข้. เขาน่าจะหายดีแล้วล่ะ”

 

ชายหนุ่มที่อยู่บนเตียงนั้นดูอายุราวๆ 17-18ปี ท่าทางงดงามและกล้าหาญ. เขาเป็นชายหนุ่มคนเดียวกับที่ชิยูเห็นนอนจมกองเลือดอยู่ใกล้ๆซากปรักหักพัง. พอชิยูพาเขามาหาหมอ เพื่อนของหนุ่มคนนี้ก็มาหาเขา. เพื่อเป็นการขอบคุณที่ช่วยเพื่อนไว้ พวกเขาจึงให้เธออยู่ห้องเช่าด้วยกัน.

 

“ชั้นดีขึ้นมากแล้วล่ะ ไม่นานก็คงขยับตัวได้เหมือนเดิมแล้ว” หนุ่มคนนั้นยิ้ม พอเห็นจานที่เธอถือแล้วจึงถามออกไป “นั่นอะไรเหรอ?”

 

ชิยูวางจานไว้ที่ข้างหน้าเขา “ก็แค่ขนมที่ชั้นทำไว้น่ะ ลองกินดูสิเผื่อจะชอบ”

 

“ถ้าเธอเป็นคนทำล่ะก็ ชั้นกินแน่ๆ” หนุ่มคนนั้นพูด.

 

ชิ, หมอนี่หน้าม่อจริงๆ.

 

ชิยูไม่อยากคิดมากที่เขาพูดตะกี้ แต่เพื่อนข้างๆเขานี่ไม่รู้สึกเกรงใจกันบ้างเลย. คนหนึ่งหัวเราะขึ้นมา “หลิวยี่ นายคงไม่คิดไม่ซื่อกับคนที่ช่วยนายไว้หรอกใช่มั้ย!”

 

ถึงแม้ว่าจะเป็นคำพูดติดตลก แต่ใครจะรู้ล่ะ ว่าหลิวยี่จะพูดว่า “ก็ไม่เลวนะเสี่ยวชิ. จากนี้ไปเธอคือเจ้าสาวของชั้น”

 

“????” เครื่องหมายคำถามเต็มหัวชิยูไปหมดเลยตอนนี้ อยากให้ชั้นเป็นเจ้าสาวแก มึงถามกูยังเนี่ย?

 

พอคนอื่นๆไม่สนใจว่าเธอจะรู้สึกยังไงเลยตอนที่เขาพูดแบบนั้น ชิยูจึงไม่อยากพูดอะไรอีกแล้ว.

 

เธอกลอกตาแล้วพูดไปว่า “ขอตัวล่ะ”

 

เรื่องเจ้าสาวอะไรนั่นน่ะ เหอะ ฝันเถอะ!

 

ขณะที่ชิยูไม่ใส่ใจเรื่องนี้ คนอื่นๆในห้องก็รีบพูดคุยกันเจี๊ยวจ๊าวเสียงดังไปหมด.

 

“หลิวยี่ นายพูดเล่นใช่ปะ? ที่โรงเรียนก็มีผู้หญิงตั้งหลายคนชอบนาย แต่นายก็เมินพวกเธอ. ทำไมวันนี้นาย…. นายชอบผู้หญิงหน้าตาบ้านๆเหรอ?”

 

ในเมืองจิงตูนั้น ตระกูลหลิวนับว่าเป็นตระกูลใหญ่เลยทีเดียว. แต่หลิวยี่นั้นแทบจะเรียกได้ว่าเป็นดอกไม้ที่ไม่เคยมีใครแตะมาก่อนเลย. ผู้หญิงคนเดียวที่สนิทกับเขาก็คือโม่ หยิน. แต่โม่ หยินคนนี้เป็นคนเสียงดังและน่ารำคาญ แถมแต่งตัวอย่างกับผู้ชาย. ทั้งสองคนเหมือนพี่น้องกันมากกว่า ไม่มีทางจะเป็นคู่รักกันได้หรอก.

 

“อีกอย่างสาวคนนั้นก็ไม่เหมาะซักนิดเลย!” มีคนพูดแทรกขึ้นมา “เธอมาจากไหนยังไม่มีใครรู้เลย. พวกเรารู้c8jว่านางเป็นผู้มีพลังปราณระดับ3เท่านั้น บ้านนายคงไม่ยอมหรอก”

 

ขณะที่เพื่อนของถามรัวๆอยู่ หลิวยี่ก็กัดขนมเผือก “พอเห็นเฟิ้งโหลวกับเหมิงลี่สนิทกันแบบนั้นแล้ว ชั้นก็รู้สึกอิจฉาขึ้นมาน่ะ. แค่ขำๆน่า เจ้าสาวชั่วคราวเอง. อีกอย่างเธอทำขนมเก่งด้วย”

 

พอได้ยินว่าเขาแค่จะเล่นๆกับผู้หญิง เพื่อนคนอื่นๆก็เปลี่ยนสีหน้าไปเล็กน้อย.

 

โม่หยินที่ฟังเงียบๆมาตลอดก็ถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก แล้วพูดเสียงดัง “ถ้าเธอเสนอตัวให้นายขนาดนี้ล่ะก็ คงจะน่าเสียดายนะถ้าไม่เล่นด้วย. จู่ๆเธอก็โผล่มาหลังหลิวยี่ถูกชายชุดดำแทง มันบังเอิญเกินไปแล้ว! หลิวยี่นายต้องระวังตัวไว้นะแล้วก็อย่าหลงกลยัยนั่นด้วย!”

 

“ใช่ ใช่! ชั้นก็ว่าผู้หญิงคนนี้น่าสงสัยมากๆ นายต้องระวังตัวให้ดีล่ะ!”

 

ขณะที่คนอื่นคุยกันเสียงดังอยู่นั้น เฟิ้งโหลวก็ขมวดคิ้ว “พวกนายไม่ควรจะพูดอะไรแบบนั้นนะ มันอาจจะบังเอิญจริงๆก็ได้หนิ ใช่มั้ยล่ะ?”

 

“เฟิ้งโหลว นายนี่คนดีเกินไปนะ. ผู้มีพลังปราณระดับพื้นฐาน3น่ะแทบจะไม่มีอะไรเลยนะ พอตอนนี้เธอมีโอกาสจะได้ไต่เต้าขึ้นมามีหน้าในสังคม เธอคงต้องหาทางตีสนิทกับหลิวยี่แน่ เหอะ!” โม่หยินกลอกตา.

 

“เหมิงลี่ เธอต้องดูแลเฟิ้งโหลวของเธอให้ดีๆหน่อยนะ ไม่งั้นเขาจะปล่อยไก่เอา”

 

ผู้หญิงหน้าตาน่ารักข้างๆเฟิ้งโหลวกระตุกชายเสื้อเขาอย่างเคอะเขิน “ที่เสี่ยวหยินพูดก็ไม่ผิดนะ”

 

“แต่ชั้นก็ยังไม่เห็นเธอพยายามจะตีสนิทกับหลิวยี่เลยนะ. อา. จะว่าไปแล้วไอ้เรื่องเจ้าสาวบ้าบอไรนี่หลิวยี่มันก็พูดขึ้นมาเองทั้งนั้น!” เฟิ้งโหลวยังคงขมวดคิ้วอยู่.

 

เหมิงลี่พยายามพูดอย่างมีเหตุผลว่า “หรือเธอกำลังเล่นตัว? พวกเราน่ะมาจากสำนักหลวงนะ. ถ้านางรู้ว่าเรามาจากไหนล่ะก็ นั่นก็อาจเป็นเหตุผลที่เธอเข้ามาตีสนิทกับหลิวยี่ก็ได้นะ. ใจคนเราน่ะเดายากจะตาย นายคงไม่รู้ใช่มั้ยล่ะว่าเธอกำลังคิดอะไร?”

 

เฟิ้งโหลวปิดปากเงียบไม่รู้จะพูดอะไร.

 

พอเห็นแบบนั้นแล้วเพื่อนคนอื่นๆก็เริ่มล้อเขาอีกครั้ง บอกว่าเฟิ้งโหลวนั้นเชื่อฟังคำเมียแถมยังมั่วเรื่องชิยูอีก.

 

ส่วนชิยูนั้นเธอไม่รู้ตัวเลยว่าถูกกล่าวหาว่าจะมาเต๊าะผู้ชายเข้าแล้ว. เธอไม่รู้อีกด้วยว่าพวกเขากำลังจะไปที่นครหลวง ดังนั้นพอเธอรู้ว่าพวกเขาจะไปทางเดียวกับเธอจึงตกลงร่วมทางไปด้วย.

 

เธอหารู้ไม่ว่าพวกเขากำลังคิดว่าเธอกำลังยืมมือช่วยให้เธอไต่เต้าขึ้นมาทางสังคมอยู่.

 

เนื่องจากหลิวยี่บาดเจ็บอยู่ พวกเขาจึงเดินทางด้วยรถม้าได้ช้ามากๆ. และเพราะรถม้ากระตุกกระตัก แผลของหลิวยี่จึงเปิดออกอีกครั้งแล้วเลือดก็เริ่มไหลออกมา. คนอื่นๆไม่รู้วิธีพันแผลจึงไปปลุกชิยูที่กำลังนอนหลับฝันดีอยู่, พวกเขาคุยกันว่า “เธออยากจะตีสนิทกับหลิวยี่ไม่ใช่เหรอ? งั้นก็ให้โอกาสเธอหน่อยสิ ลองดูสิว่าเธอจะปล่อยโอกาสนี้ไปไหม”

จากผู้แปล: ติดตามข้อมูลเพิ่มเติมของตอนนี้ได้ที่ https://www.facebook.com/permalink.php?story_fbid=172399991392332&id=104633284835670

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด