ตอนที่แล้วตอนที่ 138 ความสุขที่น้อยครั้งจะมีได้
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 140 ซ้อมจนกว่าจะยอมจำนน

ตอนที่ 139 หลอกเด็ก


ตอนที่ 139 หลอกเด็ก

แต่ก่อนที่เขาจะกลับไปที่เมืองซานติเกีย ไนเรลก็ถือโอกาสจัดการจัดการเรื่องต่าง ๆ ที่นี่ซะเลย โดยเขาให้ปรึกษากับเอวาและคนอื่น ๆ แล้วก็ไม่มีใครคัดค้านอะไร

เอวาจะติดตามไนเรลไปที่เมืองซานติเกียด้วย เพื่อไปจัดการดูแลงานภายในเพราะลำพังแค่ดามินคนเดียวคงไม่ไหว ส่วนทางนี้ไนเรลก็ให้พ่อกับแม่เขาเข้ามาดูแล

อีกอย่างไนเรลก็ได้ลากเมสันไปด้วย เพราะมีวัดสุจากสัตว์น้ำกลายพันธุ์ที่บุกตีเมืองซานติเกียเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งเมสันดูสนใจมากเป็นพิเศษ ส่วนจูเรียยังต้องอยู่ที่นี่ไปก่อน เพราะยังมีงานหลายอย่างที่ซีโร่และเธอปลีกตัวมาไม่ได้

ทางด้านของต้นคริสตัลวิวัฒนาการไนเรลก็ยังไม่ได้เอามันไปด้วย เพียงแต่ช่วงที่เขาอยู่ที่นี่มาหลายวันไนเรลได้เร่งการเจริญเติบโตจนมันออกผลไปอีกสองสามครั้ง

แต่แน่นอนว่าทุกอย่างย่อมมีขีดจำกัดและที่ว่านั้นก็คือซากศพของซอมบี้ที่น้อยลงไปมาก ทำให้ไนเรลไม่สามารถทำให้มันออกผลไปอีกสักพัก

“หรือบางทีเราอาจจะต้องย้อยมันไปที่เมืองซานติเกีย” ไนเรลกำลังพิจารณาถึงปัญญาหาเรื่องนี้อยู่ เพราะว่าที่เมืองซานติเกียนั้นมีซากซอมบี้ให้ใช้นับหมื่นนับแสน อีกทั้งกองกำลังหมาป่าก็เริ่มออกล่าซอมบี้แถวเมืองหลวงเก่าแล้วและคงอีกไม่นานสงครามกับซอมบี้ที่เมืองนั้นจะต้องเกิดขึ้นอย่างแน่นอน

แต่ไนเรลคิดไปคิดมาก็เลือกที่จะยังไม่ย้ายมันไปที่เมืองซานติเกีย ไม่ใช่เพราะว่าไนเรลไม่คิดจะทำ แต่เนื่องจากการที่ต้นคริสตัลวิวัฒนาการยังอยู่ที่นี่มันก็มีประโยชน์อีกอย่างนั้นก็คือ การที่เป็นเครื่องรับรองว่าสมาพันธ์นักล่าใช้ต่อรองกับกลุ่มอิทธิพลอื่น ๆ ได้อยู่

ไนเรลบอกลาเจ้าคาปิบาร่าที่ไม่สนใจอะไรเหมือนเช่นเคย ไนเรลมองดูมันมาสักพักใหญ่แล้วในใจก็คิดไปว่าทำไมมันเป็นระดับ 5 แล้วถึงยังไม่มีกายมนุษย์สักที บางที่มันอาจจะขี้เกียจและไม่สนใจกายร่างเป็นมนุษย์ก็ได้

ส่วนแมวน้อยก็ยังคงอยู่แค่ระดับ 4 เหมือนเดิมไม่ขยับไปไหน ไนเรลก็ไม่ได้บังคับอะไรมันมากนัก บางครั้งอสูรก็ไม่ใช่ว่าจะกินแต่แก่นพลังงานแล้วจะเลือนระดับได้เสมอไป ไนเรลไม่รู้ว่ามะลิมีเงื่อนไขอะไรพิเศษหรือเปล่าถึงจะสามารถข้ามผ่านระดับไปได้

หลังจากจัดการหลายอย่างเสร็จแล้วไนเรลก็ออกเดินทาง

เอวา เมสัน นิเรียและเด็กน้อยที่ติตตามน้องสาวของเขาอย่าง เจคอบ ตอนที่ดูโตเป็นหนุ่มขึ้นมามากแล้วก็มาพร้อมกับนิเรียด้วย เมื่อทุกคนมาพร้อมแล้วไนเรลก็พาพวกเขาเข้าไปในเงา รวมทั้งของบางอย่างอีกหลายอันซึ่งในนั้นก็มีของที่ไนเรลต้องการด้วย

หลังเก็บทุกอย่างไปในเงาเขาบินตรงไปที่ซานติเกีย

ไม่นานก็มาถึงซานติเกียอีกครั้ง ชายหนุ่มปล่อยทุกคนออกมาจากนั้น เอวาแยกไปจัดการงานกับดามิน นิเรียกับเจคอบยังตามติดไนเรลอยู่ ส่วนเมสันก็เอาเฉพาะของตัวเองไปทิ้งกล่องลังอีกจำนวนหนึ่งไว้ให้ไนเรลจัดการเอาเอง

“พี่ไนเรลลังพวกนั้นมันคืออะไร”

“ของเล่นใหม่?” ไนเรลมองไปที่กล่องที่เมสันทิ้งไว้

เขารู้ว่าภายในกล่องเขาชี้ไปที่กล่องยาวกล่องหนึ่ง “อันนั้นของน้องพี่ให้เมสันช่วยทำให้พิเศษ”

นิเรียรู้สึกแปลกในจึงเดินไปเปิดฝากล่องดู ภายในมีปืนที่มีลักษณะเหมือนสไนเปอร์อยู่

“พี่ชายนี่คือปืนอะไร” นิเรียถามด้วยความอยากรู้ ที่ผ่านมาเคยแต่ควบคุมปืนใหญ่พลังงานของกองทัพมาตลอด

“ปืนเรียวกันสไนเปอร์ระบบรางคู่ สามารถยิงได้ไกลกว่า 10 กิโลเมตร พี่ให้เมสันออกแบบมาเพื่อความสามารถ [ดวงตาเทพ S] ของน้องโดยเฉพาะ ส่วนอีกกล่องคือปืนพกเรียวกัน หรือ RG1” ไนเรลเปิดกล่องที่มีปืน RG1 อยู่ให้นิเรียดู อันที่จริงแล้วปืนพกเรียวกันไม่ได้มีแค่ 10 กระบอก แต่มันมีมากกว่านั้นเพียงแค่เมสันยังไม่ได้ประกอปชิ้นส่วนมัน

ตอนนี้เมื่อเมสันย้ายมาที่นี้แล้ว ก่อนมาไนเรลจึงขอให้เขาทำให้ 4 กระบอกเพื่อนำมาใช้งานก่อน

ไนเรลหยิบไปกระบอกหนึ่งพร้อมกระสุนบางส่วน นิเรียนำไปสองกระบอกและแน่นอนว่าคนสุดท้ายที่ได้ไปคือ เจคอบ

เจคอบที่ผ่านมาเขาติดตามเมสันไปได้สักพัก จนกระทั่งทนกับนิสัยของเมสันไม่ไหว เด็กชายจึงเลือกจะไปกับนิเรียแทน เพราะยังไงในสายตาของเจคอนิเรียคือลูกพี่ของตน

ด้วยความที่เจคอบกินผลคริสตัลวิวัฒนาการที่ให้ความสามารถประเภทสนับสนุนไป จึงทำให้เขากลายเป็นมนุษย์ชั้นสูงที่มีความสามารถ [ความเร็ว F] บวกกับที่เคยเป็นหัวขโมยน้อยมาก่อน ยิ่งทำให้เจคอบเป็นเหมือนปลาที่อยู่ในน้ำ สามารถเคลื่อนที่หลบหลีกสายตาและลงมือได้อย่างน่ากลัว

“ไปเตรียมตัวเถอะ เดี๋ยวเราจะออกเดินทางกันต่อ”

“เราจะไปไหน?”

ทั้งนิเรียและเจคอบถามอย่างสงสัย

“เราจะไปจับสัตว์กลายพันธุ์” ไนเรลตอบแบบยิ้ม

......

ภายในผืนป่ากลุ่มมนุษย์ชั้นสูงที่นำโดยไนเรล ด้านหลังตามมาด้วยนิเรีย เจคอบ และสองสาวกลุ่มโนเนท ซึ่งประกอปด้วย เวสลี่กับเวนดี้

โดยเวนดี้นั้นอาสามาเป็นเพื่อนเวสลี่ ไนเรลได้ให้อิสระการตัดสินใจเรื่องของกลุ่มโนเนทให้ชารอนจัดการได้เต็มที่ คนอื่น ๆ จึงพากันไปเรียนรู้เป็นลูกมือของชารอน หรือไม่ก็ทำงานที่อยากจะทำ

จะเหลือก็แต่สองคนที่ไนเรลดึงตัวมาช่วยงาน แต่กลุ่มที่เดินทางมาในครั้งนี้ไม่ได้มีแค่พวกเขา ไนเรลยังนำผู้พิทักษ์สมาพันธ์มาด้วยอีก 50 กว่าคน

ไนเรลมองไปผืนป่าด้านหน้าโดยอาศัยยืนหลบฝนที่ตกลงมา ซ่า ๆ อย่างต่อเนื่องภายใต้ต้นไม่ยักษ์สูงเกือบ ๆ 80 เมตรเป็นอย่างต่ำไปด้วย บรรยากาศในตอนนี้หนาวมากพอสมควร แสงสว่างจากท้องฟ้าที่ส่องผ่านเมฆเองก็น้อยลงทุกที เพราะเป็นเวลาใกล้ค่ำแล้ว

“ใกล้จะถึงแล้ว? พักกันที่นี่ก่อน เช้าค่อยออกเดินทางต่อ” เขาพูดเสร็จก็กระโดดขึ้นไปตามกิ่งไม้ที่ใหญ่ไม่น้อยไปกว่าสะพานข้ามแม่น้ำจากนั้นก็ลงมือเจาะที่ต้นไม้ยักษ์เป็นโพรงเพื่อสามารถเข้าไปพักได้ คนอื่น ๆ ก็ทำตามที่ของตนเอง

โดยกลุ่มของผู้พิทักษ์เลือกที่จะเจาะโพรงในต้นไม้ต่ำลงไปเป็นอีกห้องและพากันเข้าไปพักด้านใน

ส่วนไนเรลหลังจากที่เจาะโพรงเสร็จก็ถอดเสื้อคลุมที่ทำจากหนังของสัตว์กลายพันระดับ 4 ออกสะบัดน้ำฝนที่เกาะอู่บนเสื้อและวางไว้มุมหนึ่ง ก่อนจะเดินเข้าไปด้านใน

นิเรียและอีกสามคนก็เดินเข้ามาด้านในเช่นกัน

นิเรียนั่งลงขณะที่ถูมือไปมาเพราะอากาศที่เย็นลง ไนเรลที่เห็นดังนั้นก็โบกมือเพียงครั้งเดียว เปลวไปก็ติดกับเศษไม้ที่เหลือจากการเจาะโพรง กองไฟถูกวางไว้ในตำแหน่งที่สามารถระบายอากาศออกไปภายนอกได้ ไม่อย่างนั้นพวกเขาต้องสลักควันไฟตายเอาได้

อุณหภูมิภายในโพรงเริ่มอุ่นขึ้น ทุกคนก็พากันนำเนื้อตุ๋นกระป๋องของตนเองออกมากิน เนื้อกระป๋องหนัก 1 กิโลกรัมต่อกระป๋องที่ภายในบรรจุเนื้อตุ๋นสัตว์กลายพันธุ์ระดับ 5 ที่ราคาไม่น้อยกว่า 4,000 G ต่อ 1 กระป๋อง

เนื้อสัตว์กลายพันธุ์ระดับ 5 เป็นที่ต้องการมากในตลอด บางที่อาจจะแพงมากกว่านี้ แต่สำหรับไนเรลและพรรคพวก เนื้อระดับ 5 ไม่นับเป็นอะไร เพราะในมือของสมาพันธ์นักล่ามีเนื้อพวกนี้สำรองไว้ให้กินอีกมาก

แต่สำหรับเวสลี่และเวนดี้แล้วเนื้อระดับ 5 นั้นมันก็ยังถือว่าเป็นของหรูหรามากอยู่ เพราะที่ผ่านมาพวกเธออย่างมากสุดก็กินแค่เนื้อระดับ 4 เท่านั้น ทั้งสองคนกินไปก็มองหน้ากันไป ในใจคิดว่า คงต้องออกมาทำภารกิจข้างนอกบ่อย ๆ จะได้มีเนื้อระดับ 5 กิน

ไนเรลจัดการเนื้อไปหลายสิบกระป๋องจึงคิดว่าจะพอให้อิ่มไปได้สักพักก็ล้มตัวนอนลงอย่างสบายใจ เพราะเขาไม่ต้องกลัวเนื่องจากมีผู้พิทักษ์ผลัดเปลี่ยนกันทำหน้าที่คอยเฝ้ายามอยู่แล้ว

แต่ถึงจะไม่มีพวกเขามาค่อยเฝ้ายามไนเรลก็ไม่ได้ปิดกั้นการรับรู้ของตัวทั้งหมด ยังคงสามารถสัมผัสถึงสัตว์กลายพันธุ์ระดับสูงได้อยู่แล้ว

เมื่อเราหลับตานอนเวลามักจะผ่านไปอย่างรวดเร็ว เช้าวันต่อมากลุ่มของไนเรลก็ออกเดินทางอีกครั้งและก็มาถึงจุดหมายที่เขาต้องการ บริเวณที่ชายหนุ่มอยู่ตอนนี้คือทางเหนือของเมือง๙นติเกีย แต่ก็ยังคงไม่ถึงภูมิภาคเหนือของไทกีล่าเป็นแค่บริเวณรอยต่อเท่านั้น

ด้านหน้ามีทุ่งหญ้าผืนใหญ่ซึ่งในการเดินทางครั้งที่แล้วเขาผ่านมาทางนี้พอดีและเห็นหนึ่งในสัตว์พาหนะของมนุษย์ตั้งแต่สมัยโบราณ พวกมันก็คือ ม้า ถึงตอนนี้พวกมันจะเป็นม้ากลายพันธุ์ตัวสูงใหญ่กว่า 2.5-3 เมตรไปแล้ว แต่อย่างไรพวกมันก็เคยเป็นมามาก่อนดังนั้นไนเรลคิดว่าจับพวกมันมาฝึกสักหน่อยก็คงจะใช้งานได้ ดีกว่าไปจับสัตว์กลายพันธุ์ที่ไม่รู้จักมาเริ่มฝึกใหม่ตั้งแต่ศูนย์

“นั้นคือเป้าหมายของพวกเรา” ไนเรลบอกกับคนที่อยู่ด้านหลัง ซึ่งทุกคนนั้นพากันหมอบอยู่อย่างเงียบ ๆ เพราะกลัวว่าฝูงม้าจะตกในหนีไป

“ผู้พิทักษ์ทั้งหมดแยกกันออกไปล้อมไว้ ระวังสัตว์กลายพันธุ์ตัวอื่น ๆ ด้วย แถวนี้อยู่ในป่าลึกมากพอสมควร ส่วนเธอลองใช้ความสามารถ [เสียงแห่งสัตว์ป่า D] ดูว่าสามารถควบคุมพวกมันได้ไหม” ไนเรลสั่งให้คนอื่น ๆ แยกย้ายกันไป ส่วนคำพูดประโยคหลังแน่นอนว่าพูดกับเวสลี่

เวสลี่ค่อย ๆ เดินเข้าไปใกล้ฝูงม้าที่มีกันไม่ต่ำกว่าพันตัวด้านข้างเวนดี้ใช้ความสามารถ [วิญญาณอารักษ์ F] คอยเฝ้าระวังให้กับเวสลี่

วิญญาณอารักษืที่รูปร่างหน้าตาเหมือนกับเวนดี้ลอยออกมาจากตัวของเธอจากนั้นก็จมหายไปในพื้นดินด้านหน้า

“พี่ชายเดี๋ยวหนูไปป้องกันด้านบนให้”

“ผมจะคอยดูพี่เวสลี่ให้”

นิเรียและเจคอบเลือกต่ำแหน่งของตนเอง เมื่อทุกอย่างเตรียมพร้อมหมดแล้วทุกคนก็เริ่มลงมือ

เวสลี่เริ่มพูดออกมาโดยไม่มีเสียง แต่อันที่จริงแล้วเสียงพวกนี้มนุษย์ปกตินั้นไม่ได้ยิน เพราะสิ่งที่สามารถได้ยินคลื่นเสียงลักษณะนี้คือสัตว์ แต่กับไนเรลที่มีพลังระดับสูงสามารถสัมผัสถึงมันได้อย่างชัดเจนแม้จะไม่เข้าใจก็ตามที

เขามองหญิงสาวที่มีกระรอกสีน้ำตาลเกาะอยู่ที่ไหล่ ทันใดนั้นม้ากลายพันธุ์สีน้ำตาลที่สูงกว่า 2.5 เมตร ซึ่งก้มกินหญ้าอย่างสบายใจ มันก็เงยหน้ามองเวสลี่ด้วยสีหน้าแปลกใจ เดินเข้ามาใกล้ ๆ เธอ

เสียงของเท้าย้ำลงกับดินที่เฉอะแฉะเดินวนไปรอบ ๆ เธอดูเหมือนว่าทั้งสองกำลังสนทนากันอยู่

เวสลี่รีบยืนข้อเสนอให้กับม้ากลายพันธุ์ตัวนั้นตามที่ไนเรลเคยบอกเธอไว้

ที่ไนเรลเลือกที่จะให้เธอยืนข้อเสนอก็เป็นเพราะว่าในเมื่อมีคนคุยกับสัตว์รู้เรื่องแล้วทำไมไม่ลองใช้ผลประโยชน์ล่อลวงพวกมันดูละ นี่คือความคิดของไนเรล

“สวัสดีฉันคือชื่อเวสลี่ เธอมีชื่อไหม” เวสลี่ถามม้าสีน้ำตาล ดูเหมือนมันจะเป็นลูกม้าตัวเมีย

ม้าเด็กส่ายหัวไปมาเป็นการบอกว่าไม่มี

“เธออยากมาอยู่กับพวกเราไหม พวกเรามีขนมให้เธอนะ” เวสลี่เสร็จก็ยื่นใบไม้ที่เหมือนคริสตัลออกไปให้กับม้าเด็ก

แต่เธอกลับรู้สึกว่าการกระทำของเธอมันดูเหมือนกับตาลุงที่กำลังหลอกเด็กขึ้นรถตู้โดยใช้ลูกอมมาหลอกล่อยังไงไม่รู้

เวสลี่ได้แต่คิดในใจว่าเธอแค่ทำตามที่ไนเรลพูดเท่านั้น ถ้าคนที่เป็นตาลุงก็ต้องเป็นท่านไนเรล เมื่อคิดได้ดังนั้นเวสลี่ยิ้มอย่างสบายใจ มองดูม้าเด็กตัวเมียที่กำลังสองจิตสองใจ ส่วนไนเรลเองก็ไม่รู้ว่าตอนนี้เขากลายเป็นตาลุงไปแล้ว

อันที่จริงแล้วมันไม่ได้คิดเรื่องที่เวสลี่ชวนมันไปอยู่ด้วยเลยแม้แต่น้อย แต่มันกำลังคิดว่าจะกินใบไม้นี่ดีหรือไม่ ถ้ากินแล้วไม่มีให้กินอีกจะทำยังไง แต่ถ้าไม่รีบกกินเดียวมีตัวอื่นมาแย่ง ยิ่งพวกตัวใหญ่ ชอบรังแกอยู่ด้วย

ใบไม้คริสตัลที่น่ายั่วยวนมาอยู่ตรงหน้าแล้วไม่กินก็จะเป็นการเสียมารยาท ดังนั้นเจ้าม้าเด็กคิดได้ก็อ้าปากเตรียมจะกิน แต่แล้วอยู่ ๆ ด้านหลังของมันก็มีเงาของม้าตัวใหญ่สูง 4 เมตรเดินมาหยุดที่ด้านหลังซะก่อน

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด