ตอนที่แล้วตอนที่ 28: สมบัติแห่งภูเขา ซุปปลาสไลซ์
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 30: น้ำผึ้งลินเดิ้นและเค้กเผือกป่า (2)

ตอนที่ 29: น้ำผึ้งลินเดิ้นและเค้กมันเทศป่า (1)


*ก่อนจะอ่านนิยาย โปรดตรวจสอบว่าท่านได้อยู่ในสถานที่ที่มีแสงเพียงพอ หรือถ้าท่านอ่านในความมืดก็อย่าลืมเปิด Night Mode หรือจอส้ม เพื่อป้องกันการปวดหัวและสายตาสั้นด้วยนะครับ*

--------------------------------------------------------------------------------------------

พอทุกคนกินดื่มจนอื่มแล้ว ชิยูก็รู้สึกเหนียวตัวและเหม็นควันไปหมดจึงบอกไปอย่างเคอะเขินว่าเธออยากอาบน้ำ.

 

พวกผู้หญิงนั้นรักความสะอาดอยู่แล้ว เร็น ฉุเอ๋ที่อารมณ์ดีเพราะได้กินของอร่อยจึงอาสาไปกับชิยู.

 

ชิยูจึงพยักหน้าอย่างเต็มใจจากนั้นสาวๆทั้งสองจึงเดินขึ้นไปทางต้นลำธารที่ห่างจากกลุ่มเล็กน้อย ตรงนั้นมีน้ำตกไหลลงมาพอให้อาบได้อยู่. เนื่องจากมันเป็นลำธารที่น้ำไหลอยู่ตลอด น้ำเลยสะอาดมากๆ.

 

ถ้าคนนึงจะอาบ คนนึงก็ต้องเฝ้าต้นทางไว้. ชิยูจึงอาสาเฝ้าต้นทางให้ก่อนขณะที่เร็น ฉุเอ๋อาบน้ำ. เธอไปนั่งเฝ้าอยู่ตรงหินข้างๆลำธารขณะที่สนทนากับเร็นพร้อมๆกับระวังอันตรายและพวกถ้ำมองให้.

 

เสียงลมโกรกผ่านกิ่งไม้เบาๆบวกกับเสียงต้นไม้ลู่ลมไปมาทำให้ไม่ได้ยินเสียงอื่นๆเลย ดังนั้นจึงมีเงาคนคนนึงโผล่ขึ้นมาอย่างเงียบๆแล้วผลักชิยูตกน้ำไป เธอร้องออกมาได้แค่แอะเดียว “อ่ะ-”.

 

เร็น ฉุเอ๋อาบน้ำมาได้ครึ่งทางแล้วพอได้ยินเสียงร้องเธอก็รีบเอื้อมมือไปจับชุดแล้วรีบเอามันมาปิดส่วนลับของเธอทันที เธอตะโกนออกมา “ใครน่ะ?”

 

หน้าตาหน้าเกลียดของเจา ฉางชิงโผล่ออกมาจากด้านหลังหินใหญ่นั่น เขาจ้องมาที่หน้าอกของเร็นด้วยสายตาหื่นกามมากๆ. เขาไม่พูดพล่ามทำเพลงมากแล้ววิ่งเข้ามา. ตอนนี้พวกเขาห่างกันแค่ก้าวเดียว ชุดของเร็นก็ปิดแค่ส่วนลับของเธอด้วย ด้วยเหตุนี้เธอจึงขยับตัวได้ค่อนข้างยาก. เพียงแค่แว่บเดียว เจา ฉางชิงก็เข้ามาใกล้ขึ้น.

 

“นี่พี่สาว, ยอมผมเถอะน่า!” หน้าของเจา ฉางชิงเริ่มดูตื่นเต้นมากขึ้น มือกับขาของเขาแทบจะแตะตัวเธออยู่แล้ว.

 

“ตายซะ!” เร็น ฉุเอ๋ส่งสายอาฆาตออกมา. เธอไม่ใช่ผู้หญิงตัวเล็กๆหน้าโง่. เธอมองตาของเจา ฉางชิงก็รู้แล้วเขาจะทำอะไร ถ้าเธอเป็นแค่ผู้หญิงอ่อนแอล่ะก็คงจบไม่สวยไปแล้ว มีแต่ความอับอายและความตายแหละที่รอหลังจากนั้น.

 

แต่ทว่าเกียรติของท่านหญิงเร็น ฉุเอ๋ไม่ใช่สิ่งที่ใครจะมาย่ำยีได้ง่ายๆ. เธอแทงดาบออกไปหวังจะเอาชีวิตเขา.

 

ไม่ว่าเขาจะทำตัวกร่างยังไง เจา ฉางชิงคนนั้นก็แค่เด็กอมมือ เขาอาจจะเป็นผู้มีพลังระดับ6ก็จริงแต่เร็น ฉุเอ๋นั้นขึ้นมาอยู่ระดับ8นานแล้ว. ถึงจะต้องออกแรงฆ่าเขาหน่อยแต่ก็ไม่ใช่เรื่องยากเลย. พอเจา ฉางชิงรู้สึกเจ็บตัวขึ้นมาเขาก็รู้ตัวว่าเจอของดีเข้าให้ซะแล้ว. แต่ด้วยเหตุผลบางอย่าง เขารู้สึกว่ามีไฟประหลาดๆกำลังร้อนรุ่มอยู่ในตัว ความเจ็บปวดนั้นไม่ทำให้เขาชะงักเลย มันกลับทำให้เขาบ้าบิ่นมากกว่าเดิม.

 

พอเร็นเห็นว่าเจา ฉางชิงไม่ชะงักจากบาดแผลเลย เธอจึงเริ่มรู้สึกสงสัยขึ้นมา. แต่เธอก็รีบด่วนสรุปว่าเขาคงไปกินยาบางอย่างที่ทำให้การเคลื่อนไหวยิ่งบ้ามากขึ้นถ้าเธอโจมตีเขา. สุดท้ายด้วยความสามารถและประสบการณ์การต่อสู้ที่เหนือกว่า เธอก็ใช้ช่องโหว่แล้วเหวี่ยงดาบไปที่คอเจา ฉางชิงได้สำเร็จ…..

 

พอเจา ฉางชิงถูกฆ่าแล้ว เร็นก็รู้สึกขยะแขยงสุดหัวใจ. เธอล้างดาบแล้วโยนศพของเขาไปทางป่าให้หมาป่ากินซะ. จากนั้นเธอก็กลับไปที่แคมป์แล้วทำตัวราวกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นมาก่อน. หลังจากเธอประชุมลับๆกับคนของเธอแล้ว พวกเขาก็รีบจัดการฆ่าคนของตระกูลเจาที่เหลือทั้งหมด.

 

ส่วนคนของหยงหมิงนั้น เร็น ฉุเอ๋เองก็คิดว่าจะฆ่าทิ้งให้หมดเหมือนกัน เพราะถ้าเรื่องที่เธอฆ่าเจา ฉางชิงแดงขึ้นมา เธอคงซวยแน่ๆ. แต่พอนึกถึงคุณหนูตัวน้อยที่ถูกทำร้ายเพราะช่วยปกป้องเธอจากเจา ฉางชิง เร็นจึงไม่กล้าออกคำสั่งแบบนั้น.

 

จนสุดท้ายเธอก็รวบกลุ่มของหยงหมิงให้เข้ามาเป็นคนของสำนักเร็นแทน ให้พวกเขามาเป็นลูกน้องแล้วเรื่องก็จบปิ๊งไป.

 

พอมีศพมากมายในพื้นที่แบบนี้ กลิ่นเลือดคงจะดึงดูดพวกสัตว์ปราณทั้งหลายมาแน่. เร็น ฉุเอ๋จึงพาคนของตัวเองไปให้พ้นจากที่นี้ แล้วเรื่องคืนนี้ก็จบลงโดยไม่มีใครรู้อะไรเลย.

 

พอทุกคนไปหมดแล้ว ชิยูก็โผล่ออกมาจากมิติส่วนตัวของเธอ. เธอกะไว้แล้วว่ามันน่าจะเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น. ความบาดหมางของเธอกับเจา ฉางชิงในที่สุดก็จบลงด้วยการยืมมือของเร็น ฉุเอ๋มาช่วย. ไม่ว่าตระกูลเจาจะรู้เรื่องนี้ในภายหลังหรือไม่ก็ตาม ตอนนั้นพลังของหลินฟ่านของจะแข็งแกร่งขึ้นมากๆแล้วแน่ ส่วนอนาคตของตระกูลเจาที่บาดหมางกับตระกูลหลินมาตลอดนั้นก็คงสั่นคลอนแน่นอน.

 

ดีแล้วล่ะ -- ชิยูต้องขอนับถือที่เร็น ฉุเอ๋เป็นนักฆ่าที่ไม่มีความลังเลเลย. บรรยากาศน่าขนลุกนั้นคือสิ่งที่ชิยูไม่เคยเจอมาก่อนเลย. ส่วนกลุ่มของหยงหมิงที่ชิยูหลอกใช้นั้น เธอได้ทิ้งเงิน1หมื่นตำลึงไว้เพื่อเป็นการขอบคุณและไถ่โทษแล้ว.

 

ตอนนี้ ความแค้นที่เธออดทนมาตั้งแต่ที่เมืองชิง ฉานก็ได้จบลงเสียที.

 

ต้องขอขอบคุณมิติส่วนตัวจริงๆ ชิยูจึงสามารถออกผจญภัยต่อเพื่อแข็งแกร่งขึ้นได้. จุดแข็งของเธอนั้นยังคงเป็นด้านอาหาร. ไม่ว่าจะเป็นยาที่สุดยอดหรือวัตถุดิบที่อร่อยเหาะ เธอก็จะจับมันมาแล้วโยนเข้ามิติของเธอซะให้หมด. ในภูเขาสัตว์ปราณนี้ยังมีวัตถุดิบอีกมากมายอยู่ วัตถุดิบที่มีคุณลักษณะที่โลกสมัยใหม่ไม่มี. พวกนี้ถ้าทำให้สุกแล้วจะอร่อยมั้ยก็อีกเรื่อง แต่เรื่องที่สำคัญก็คือพวกนี้มีแต่ลักษณะที่น่าสนใจทั้งนั้น.

 

ใช่แล้ว -- ปัญหาใหญ่สำหรับเธอตอนนี้ก็คือเธอจะปรุงพวกวัตถุดิบระดับสูงนี้ยังไงดี. กุญแจสำคัญก็คือความสมดุลระหว่างความไม่สุกกับสุกเกินไป. เธอใช้เวลาเคี้ยวผลไม้กับสมุนไพรป่านานมาก. พอคิดสูตรอาหารได้และทำออกมาเป็นจานร้อนแล้ว เธอก็สังเกตุเห็นว่าตัวเองทะลุไประดับพื้นฐานที่5ซะแล้ว.

 

“โอย ทำยากจริงๆแหะ!” พอเธอเช็ดเหงื่อออกจากหน้าผากแล้ว เธอก็ตักอาหารทดลองของเธอเข้าปากเต็มคำ แล้วก็พ่นพรวดออกมาหมดทันที.

 

“เ*ี่ยไรเนี่ย รสชาติอย่างกับขี้ แหวะ” เธอพยายามไม่สูดอากาศเข้าลึกเกินไป แล้วก็พยายามหาทางล้างรสชาตินั้นออกจากปาก. สุดท้ายเธอก็เดินไปที่แม่น้ำข้างๆ พร้อมกับมีเมฆแห่งความสิ้นหวังลอยอยู่บนหัว แล้วเธอก็เอาหัวจุ่มลงไปในแม่น้ำ. ไม่อยากมีชีวิตต่อไปแล้วว….

 

พื้นที่ที่เรียกว่าภูเขาสัตว์ปราณนั้นกว้างใหญ่มากๆและยังมีเมืองเล็กๆแบบเมืองเมฆขาวกระจัดกระจายอยู่ทั่วพื้นที่เลย. เมือง5ผา เองก็เป็นหนึ่งในนั้น.

 

ตอนนี้เป็นฤดูใบไม้ผลิ หิมะบนภูเขาก็เริ่มจะละลายแล้ว. แม้ว่ามันจะยังหนาวอยู่แต่ก็ยังมีคนหลั่งไหลมาที่ภูเขานี้เพื่อเสี่ยงโชคอยู่เรื่อยๆ. นอกจากพวกนักผจญภัยแล้วก็มีนายน้อยกับท่านหญิงน้อยรวยๆ มาที่นี่เพื่อหาประสบการณ์การต่อสู้ด้วย.

 

ประสบการณ์เท่านั้นที่จะทำให้คนเราเติบโตได้.

 

ชิยูนั่งอยู่บนเจ้าสัตว์เมฆกำลังมองลงมาดูเมือง5ผาอยู่. ตกเย็นแล้วทุกๆอย่างก็เริ่มมีสีแดงทองปกคลุมไปหมดแม้แต่เมฆบนท้องฟ้า. ที่พื้นนั้นดูกว้างใหญ่และป่าไม้เองก็เขียวชอุ่มไปหมด. ที่เมืองนั้นก็มีบ้านกลมๆที่มีกระเบื้องสีเขียวและกำแพงสีขาวตั้งอยู่เต็มไปหมด แต่ละบ้านก็มีควันลอยขึ้นมาจากปล่อง.

ผู้คนเหล่านั้นดูเหมือนจุดเล็กๆจากจุดที่เธอมองลงมาจริงๆ แต่ละคนกำลังเร่งรีบกัน.

 

“ทางนี้เหรอ?” ชิยูถาม.

 

“ชั้นรู้สึกถึงพลังปราณได้ ทางนี้แหละ”

 

“อาหะ งั้นลงไปกัน”

 

ใครจะไปคิดล่ะว่าภูเขาสัตว์ปราณนั้นไม่ได้มีแต่สัตว์ปราณอย่างเดียว แม้แต่พวกพืชผักเองก็สามารถพัฒนาตัวเองและมีชีวิตขึ้นมาได้? เหมือนกับเจ้าตัวนี้ที่เธอยัดมันไว้ในตะกร้า…..ปีศาจหัวไชเท้า.

 

ใครจะไปรู้ว่านกที่ไหนไม่รู้ดันไปกินหัวไชเท้าแล้วอึลงมาที่ภูเขาสัตว์ปราณจนกลายพันธุ์อยู่ในพื้นที่ที่มีพลังปราณแบบนั้น. ผ่านไปนับร้อยปี เจ้าหัวไชเท้านี้ก็กลายเป็นปีศาจหัวไชเท้าและสามารถคุยภาษามนุษย์ได้ด้วย. ตอนแรกที่เธอเหยียบมัน ชิยูตื่นเต้นมากๆและอยากจะจับมันไปหั่นทำซุปซี่โครงทันทีจะได้ลิ้มรสความอร่อยของมันแบบขีดสุด.

 

แต่พอได้ฟังเรื่องอันน่าเศร้าเกินบรรยานของเจ้าปีศาจหัวไชเท้า เธอก็เปลี่ยนใจและสัญญาว่าจะพามันออกจากป่านี้ไปท่องโลกเพื่อหาสหายเก่าของมัน.

 

พอลงมาที่ที่ห่างไกลแล้ว เจ้าสัตว์เมฆก็เปลี่ยนร่างนุ่มๆเหมือนสำลีของตัวเองให้เล็กลงแล้วไปเกาะอยู่ที่ท้ายเปียผมของชิยู. นี่คือเจ้าสัตว์เมฆตัวเดียวกันกับที่เจอก่อนหน้านี้พร้อมกับคนอื่น. พอเธอเจอมันอีกรอบ กลับกลายเป็นว่าเจ้าสัตว์เมฆนี่ดันเป็นเพื่อนกับเจ้าปีศาจหัวไชเท้าซะอย่างงั้น. ด้วยเหตุนี้เธอจึงบอกเจ้าหัวไชเท้าให้กล่อมเจ้าสัตว์เมฆเพื่อให้มันยอมให้เธอขี่หลังมันออกจากป่า จะได้ช่วยหาสหายเก่าของมัน.

 

ด้วยการนำทางของเจ้าปีศาจหัวไชเท้า ชิยูจึงมาถึงที่เขตชานเมืองได้. เธอกำลังเดินผ่านกองซากปรักหักพังอยู่ พอเธอเข้าไปสำรวจเธอก็พบคนคนนึงนอนจมกองเลือดอยู่…...

จากผู้แปล: เรื่องเดินไวมากครับ......          บางช่วงผมอาจจะแปลแปลกๆหน่อยนะครับต้นทางแปลมาผมก็งงเหมือนกันแต่จะพยายามครับ

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด