ตอนที่แล้วChapter 265 - 266: เจิ้งเผิง, เปิดบริษัทจัดหาหยก
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 269 - 270: นายท่านไป๋, ฉันไม่สนตระกูลหวาง!

Chapter 267 - 268: เขาเป็นแฟนของฉัน, สร้างความแตกตื่นในเมืองเถิง


Chapter 267: เขาเป็นแฟนของฉัน

 

“ตราบใดที่มันปลอดภัย ฉันไม่เกี่ยงเรื่องราคาค่ะ” กู้หนิงกล่าว โรงงานไม่แพงไปว่าหินหรอก

 

“แล้วพนักงานที่ลุงจ้างไว้มีกี่คนคะ?” กู้หนิงถาม

 

“สาม บัญชีคนหนึ่ง อีกสองคนดูแลเรื่องตัดหิน” เจิ้งเผิงตอบ

 

“รบกวนถามพวกเขาว่าพวกเขาเต็มใจทำงานกับฉันไหม ฉันสามารถจ่ายเงือนเดือนที่น่าพอใจแก่พวกเขาได้”

 

“ได้ ผมจะถามให้” เจิ้งเผิงกล่าว อันที่จริงเขารู้ว่าคนงานของเขาจะเห็นดวยโดยที่เขาไม่ต้องถาม

กู้หนิงและเจิ้งเผิงสนทนาจบแล้ว ส่วนเรื่องโรงงานพวกเขาจะพูดคุยกันทีหลัง

หลังจากนั้นพวกเขาก็เซ็นสัญญาเช่าร้านและกู้หนิงก็โอนเงินค่าเช่าหนึ่งปีให้เจิ้งเผิง

เธอจำเป็นต้องจดทะเบียนบริษัทของเธอก่อน จึงจะสามารถเซ็นสัญญาจ้างแรงงานได้

เมื่อพวกเธอเดินออกจากร้านของเจิ้งเผิง เลิ่งเชาถิงก็พูดขึ้นว่า “ให้ผมช่วยคุณจดเทียนบริษัทไหม?”

“ดีเลยค่ะ” กู้หนิงไม่ปฏิเสธ ถ้าเธอทำเองคงใช้เวลานาน

กู้หนิงส่งเอกสารทั้งหมดให้เลิ่งเชาถิง ชื่อบริษัทของเธอคือ Colorful Jade Provider เธอทำการบ้านมาก่อนแล้ว แค่ยังไม่ได้จดทะเบียนบริษัท

ตอนนี้ห้าโมงกว่าแล้ว เลิ่งเชาถิงคิดว่าจะไปจัดการจดเทียนบริษัทให้กู้หนิงพรุ่งนี้

กู้หนิงและเลิ่งเชาถิงไปกินข้าวด้วยกัน แต่ก่อนที่พวกเขาจะออกจากถนนพนันหิน เฉียวหยาก็โทรมา เธอลืมไปเลยว่าพวกเขายังอยู่ที่ร้านจนกระทั่งเดี๋ยวนี้

เฉียวหยาบอกกู้หนิงว่ามีคนมาก่อปัญหาที่ร้าน กู้หนิงจึงต้องย้อนกลับไปที่ร้านของเธออีกครั้ง

เลิ่งเชาถิงตามกู้หนิงไปด้วย เมื่อเขาเห็นเกาอี้และเฉียวหยา เขาก็มองด้วยสายตาเย็นเยียบทันที ทำเอาเกาอี้และเฉียวหยาหนาวๆร้อนๆ

เกาอี้และเฉียวหยาไม่รู้จักเลิ่งเชาถิง แต่สัมผัสได้ว่าเขาต้องรู้ว่าพวกเขาเป็นใคร ถึงได้มองไม่เป็นมิตรแบบนี้

กู้หนิงก็สังเกตได้เช่นกัน เธอรีบพูดขึ้นว่า “พวกเขาสองคนทำงานให้ฉันค่ะ”

เลิ่งเชาถิงถอนสายตากลับมา เขายังคงเงียบไม่พูดจา

“คนนี้คือแฟนฉันเอง ไม่ต้องกังวล” กู้หนิงปลอบใจพวกเขา เกาอี้และเฉียวหยาใจชื้นขึ้นนิดหน่อย  เกาอี้และเฉียวหยาไม่ได้มองกู้หนิงเป็นเด็ก ดังนั้นจึงไม่น่าแปลกใจที่เธอจะมีแฟน แฟนของเธอดูมีอำนาจมาก จากประสบการณ์อันยาวนานของพวกเขา พวกเขาตระหนักดีว่าผู้ชายคนนี้แข็งแกร่งกว่าพวกเขามาก อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าเขาจะแข็งแกร่งหรือทรงพลังแค่ไหน พวกเขาก็สนใจแค่ว่าเขาไม่ได้คุกคามพวกเขา

สายตาของกู้หนิงตกไปที่ชายสามคนที่นั่งตัวสั่นด้วยความกลัวที่มุมห้อง พวกเขาหน้าบวมปูดโปน เห็นได้ชัดว่าเกาอี้และเฉียวหยาได้สอนบทเรียนให้พวกเขาแล้ว

“บอส พวกมันอ้างว่าตระกูลหยางส่งพวกมันมา” เฉียวหยาเอ่ยหน้านิ่ง

ตระกูลหวาง?

ไม่ต้องสงสัย ต้องเป็นหวางหงหมิง เพราะกู้หนิงเพิ่งมีปัญหากับเขามาหยกๆ เธอรู้ว่าหวางหงหมิงคงไม่ปล่อยเรื่องนี้ไปง่ายๆ ดังนั้นเธอจึงไม่แปลกใจ แต่เลิ่งเชาถิงไม่ใช่ เขาไม่พอใจมาก มองชายสามคนนั้นด้วยประตาคมกล้า พวกเขาตกใจกลัวหน้าซีดยิ่งกว่าเดิม

นับประสาอะไรกับผู้ชายเหล่านั้น แม้แต่กู้หนิงพร้อมเฉียวหยาและเกาอี้ก็ยังคิดว่ามันน่ากลัว

กู้หนิงจับมือเลิ่งเชาถิง “ไม่เป็นไร”

เลิ่งเชาถิงบีบมือกู้หนิง เขารู้สึกผ่อนคลาย

“ปล่อยพวกมันไป ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร แต่ถ้าตระกูลหวางยังกล้าทำอีกครั้ง ได้เห็นดีกันแน่” กู้หนิงเอ่ย ไม่ใช่ว่าเธอเป็นคนใจดี แต่เธอคิดว่าไม่จำเป็นที่จะต้องหงุดหงิดแค่เรื่องเล็กน้อยแค่นี้

จากนั้นเธอก็มองชายสามคนและเตือนพวกเขาว่า “บอกคนที่อยู่เบื้องหลังพวกแกว่าถ้ามีเรื่องอะไรแบบนี้เกิดขึ้นอีก ฉันไม่อยู่เฉยแล้วนะ ตอนนี้พวกแกไปซะ!”

เมื่อได้ยินเช่นนั้น ทั้งสามคนก็วิ่งหนีหางจุกตูด

“เกาอี้ เฉียวหยา พวกเธออยู่ที่นี่อีกสักหน่อยแล้วกัน ฉันจำเป็นต้องหาโรงงานที่เหมาะกว่านี้อยู่ ถ้าเจอแล้ว พวกเราจะขนของไปไว้ที่นั่น เผื่อตระกูลหวางพยายามสร้างปัญหาให้เราอีก” กู้หนิงสั่ง

ถึงแม้เธอจะไม่ได้กลัวตระกูลหวาง เธอก็ไม่ได้อยากมีปัญหาบ่อยๆเหมือนกัน ดังนั้นเธอต้องหาโรงงานให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้

“ไม่มีปัญหา!” เกาอี้และเฉียวหยาตอบ

เมื่อสั่งงานเรียบร้อยแล้ว กู้หนิงและเลิ่งเชาถิงก็ไปที่โรงงานที่เจิ้งเผิงแนะนำ

ระหว่างทาง ในที่สุดกู้หนิงก็มีเวลาโทรหาซื่อตู้เย่

เลิ่งเชาถิงรู้สึกไม่สบายใจเล็กน้อย แต่ปล่อยให้ซื่อตู้เย่จัดการกับความยุ่งเหยิงที่เกิดจากสมาชิกของแก๊งฉิงนั้นดีกว่า

ซื่อตู้เย่รับสายของกู้หนิง และพูดว่า "สวัสดี มีอะไรรึเปล่า?"

“เอ่อ มีบางอย่างที่น่ากลัวเพิ่งเกิดขึ้นและฉันหวังว่าคุณจะช่วยฉันได้” มันเป็นเรื่องน่าอายเล็กน้อยสำหรับกู้หนิงที่จะรบกวนซิตูเย่

“เกิดอะไรขึ้น?” ซื่อตู้เย่ถาม

“เรื่องเป็นแบบนี้ค่ะ.....” กู้หนิงเล่าให้ซื่อตู้เย่ฟังถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในร้านของเจิ้งเผิง “คุณช่วยฉันพูดดับผู้อาวุโสในแก๊งฉิงหยุดสร้างปัญหาให้เจิ้งเผิงในเมืองเถิงได้ไหมคะ? เขาเป็นผู้บริสุทธิ์ค่ะ” กู้หนิงยังบอกอีกว่าเธอรู้แล้วว่าเขาเป็นผู้นำของแก๊งฉิง

เรื่องเล็กๆน้อยๆแบบนี้ซื่อตู้เย่ไม่สนใจ แต่เมื่อมีกู้หนิงเข้ามาเอี่ยวด้วย เขาย่อมไม่อยู่เฉย

“ได้ ผมจะจัดการเรื่องนี้เอง” ซื่อตู้เย่รับปาก

กู้หนิงกล่าวขอบใจเขาก่อนวางสาย

“คุณรู้จักกับสองคนนั้นยังไง?” เลิ่งเชาถิงถามกู้หนิง น้ำเสียงจริงจัง

สองคนที่เขาหมายถึงคือเกาอี้และเฉียวหยา

 

Chapter 268: สร้างความแตกตื่นในเมืองเถิง

 

กู้หนิงเข้าใจว่าเลิ่งเชาถิงห่วงความปลอดภัยของเธอ ดังนั้นเธอจึงไม่ได้ปิดบังความจริง แต่เพียงละเว้นรายละเอียดบางอย่าง “พวกเขาถูกไล่ล่าโดยนักฆ่าและได้รับบาดเจ็บสาหัส ฉันช่วยพวกเขาไว้ แล้วตอนนี้พวกเขาก็ทำงานให้ฉันค่ะ ฉันมีแฮ็กเกอร์ลบชื่อของพวกเขาออกจากรายชื่อค่าหัวแล้ว ตอนนี้พวกเขาปลอดภัยแล้ว”

 

อันที่จริงเลิ่งเชาถิงไม่ได้รู้จักกู้หนิงมากนัก เขารู้เพียงภูมิหลังครอบครัวของเธอ และข้อมูลส่วนตัวบางส่วนของเธอเท่านั้น ดังนั้นเขาจึงอยากรู้มาตลอดว่าทำไมเธอถึงเก่งกังฟู และมีความเชี่ยวชาญในการเป็นนักแม่นปืน ทักษะความสามารถของเธอดีกว่าสมาชิกอาวุโสของหน่วยรบพิเศษ ยิ่งไปกว่านั้น ความเฉียบแหลมทางธุรกิจที่โดดเด่น และทักษะในการพนันหินของเธอ ยังสร้างความประทับใจให้กับเขา เธอยังมีแฮ็กเกอร์เพื่อลบชื่อของนักฆ่าล่าออกจากรายการนักล่าค่าหัวอีกด้วย

เลิ่งเชาถิงไม่มั่นใจว่าโปรแกรมเมอร์ที่เก่งกาจที่สุดในเรดเฟรมจะทำเช่นนั้นได้ มีเพียงแฮกเกอร์ไม่กี่คนในประเทศนี้ที่ทำแบบนั้นได้

ในฐานะแฟนของกู้หนิง เขาย่อมอยากรู้เกี่ยวกับตัวเธอ แต่มันเป็นเรื่องส่วนตัว ถ้าไม่เธอไม่อยากบอกเขา เขาก็จะไม่ถาม

ส่วนกู้หนิง เธอรู้น้อยมากเกี่ยวกับเขาเช่นกัน เธอรู้แค่ว่าเขาเป็นนายทหารระดับนายพลที่มาจากเมืองหลวง แต่เธอไม่รู้อะไรเกี่ยวกับครอบครัวของเขาเลย

พวกเขาไม่ได้ถามข้อมูลซึ่งกันและกัน เพราะว่ามันยังไม่ถึงเวลาที่เหมาะสม ถึงจะเป็นแฟนกัน แต่นานๆทีได้พบกัน จึงยังมีช่องว่างระหว่างกันอยู่

กู้หนิงและเลิ่งเชาถิงมาถึงโรงงานภายในเวลาไม่กี่นาที

พื้นที่โรงงานแห่งนี้สร้างขึ้นไม่ถึงห้าปี ค่อนข้างใหม่ โรงงานมีขนาดใหญ่และแบ่งออกเป็นพื้นที่เล็กๆมากมาย มีประตูแยกไปยังพื้นที่เล็กๆแต่ละแห่ง ในการผ่านประตูต้องมีบัตรผ่านหรือบัตรประจำตัวประชาชน และมีอาคารโรงงานอย่างน้อยสี่ถึงแปดอาคาร ซึ่งเป็นของบริษัทเดียวหรือหลายบริษัทในแต่ละพื้นที่

กู้หนิงและเลิ่งเชาถิงตัดสินใจตรวจสอบว่ามีโรงงานให้เช่าหรือไม่

โชคดีที่มีโรงงานว่างมากมาย แม้ว่ากู้หนิงต้องการแค่ห้องขนาดใหญ่ แต่เธอตั้งใจจะขยายธุรกิจดังนั้นห้องขนาดใหญ่ไม่เพียงพอ

ในท้ายที่สุดเธอเลือกทั้งตึกซึ่งมีขนาด 400 ตารางเมตร มีสามชั้นและห้องใต้ดิน ราคาขายอยู่ที่สามสิบหกล้านหยวน

กู้หนิงคิดว่าไม่ใช่ความคิดที่ดีที่จะซื้อทั้งตึก เธออยากเข้าไปดูข้างในก่อน เธอโทรไปที่หมายเลขของคนขาย

คนขายมาทันที เนื่องจากเขาไม่ได้อยู่แถวนี้ จึงใช้เวลาสิบนาทีในการมาถึง

คนขายทักทายกู้หนิงและเลิ่งเชาถิง เขาพาพวกเธอเข้าไปชมข้างในตึก

มีโรงจอดรถที่สามารถรองรับรถได้สี่คัน พร้อมกับโกดังว่างที่ชั้นหนึ่ง และพื้นที่ออฟฟิศขนาดใหญ่ 100 ตร.ม. อยู่ที่ชั้นสอง มีห้องทำงานสามห้อง ห้องประชุม แผนกต้อนรับ ห้องอาบน้ำ ห้องเตรียมอาหารในออฟฟิศ และคลังสินค้าบนชั้นสอง ชั้นสามมีโรงอาหารขนาดใหญ่ 100 ตารางเมตร และโกดังว่างอีกด้านหนึ่ง

ตึกนี้มีลิฟต์จากห้องใต้ดินไปยังชั้นสามเพื่อความสะดวกในการส่งสินค้า

กู้หนิงพอใจ ในเมื่อเธอชอบ จึงตัดสินใจซื้อทันที แต่ว่าสำนักงานอสังหาริมทรัพย์กำลังจะเลิกงานดังนั้นเธอจึงต้องรอพรุ่งนี้เพื่อให้กระบวนการทางกฎหมายเสร็จสิ้น ดังนั้นเธอจึงเซ็นสัญญากับคนขายและจ่ายเงินมัดจำ 1 แสนหยวนก่อน และคนขายส่งกุญแจให้กู้หนิง

กู้หนิงก็ได้รับบัตรผ่านซึ่งเธอสามารถใช้เพื่อเข้าสู่พื้นที่โรงงานเล็กๆ แห่งนี้ได้

พนักงานที่ทำงานที่นี่ต้องมีบัตรผ่าน

หลังจากหาโรงงานได้ กู้หนิงก็โทรหาเกาอี้ เธอบอกเขาให้เตรียมรถไว้ขนถ่ายหิน เธอจะกลับไปหาเขาและพามาที่โรงงานทีหลัง

ในขณะเดียวกัน ชื่อของถังอันหนิงก็สร้างความแตกตื่นในเมืองเถิงและอุตสาหกรรมอัญมณี บางคนสงสัยว่าใช่เรื่องจริงรึเปล่า เพราะว่ามันน่าตกใจเกินไปที่จะเป็นเรื่องจริง

ภายในอพาร์ทเมนต์สุดหรูในเมืองหลวง หญิงสาวอายุประมาณ 24 ปีกำลังนอนเล่นโทรศัพท์อยู่บนโซฟา เธอสวมชุดลูกไม้สีดำรัดรูปซึ่งเน้นให้เห็นถึงทรวดทรงองเอวที่สมบูรณ์แบบของเธอ เธอมีผมหยิกยาวสีแดงเข้ม แต่งหน้าเข้มดูเย้ายวน เธอกำลังท่องอินเทอร์เน็ต และทันใดนั้นก็เห็นข่าวในอินเทอร์เน็ต เธอถอดสี และกระโดดขึ้นจากโซฟาด้วยความตกใจเมื่อเห็นชื่อถังอันหนิง หล่อนยังไม่ตาย?

เธอไม่สนเนื้อหาข่าว แต่ขยายรูปให้ใหญ่ขึ้นเพื่อระบุว่าผู้หญิงในข่าวใช่คนเดียวกับถังอันหนิงหรือไม่

เมื่อเธอพบว่าผู้หญิงในภาพนั้นไม่ได้คล้ายกับถังอันหนิงเลยผู้ เธอรู้สึกโล่งใจอย่างมาก แค่คนชื่อเดียวกันเท่านั้นเอง  เธอคิดกับตัวเอง

“หยาซิน เป็นอะไรไป?”  ผู้ชายอายุราวๆ 30 ปี เดินออกมาจากห้องนอน เขาสังเกตเห็นเธอดูตื่นตระหนกเล็กน้อย เขาอยู่ในชุดสูทสีดำและมีใบหน้าที่หล่อเหลา

ผู้หญิงคนนี้คือน้องสาวคนละแม่ของถังอันหนิง ในขณะที่ผู้ชายคือฉีซีเยว่ อดีตคนรักของกู้หนิง

“อ้อ ไม่มีอะไรค่ะ ฉันแค่อ่านข่าวในเน็ต” ถังหยาซินตอบ ถึงแม้เธอจะแน่ใจว่าผู้หญิงในข่าวไม่ใช่พี่สาวของเธอ แต่เธอก็ยังประหม่าอย่างไม่ทราบสาเหตุ ถังอันหนิงตายไปแล้ว เป็นไปไม่ได้ที่เธอจะมีชีวิตอยู่ เพราะเธอเป็นพยานในการเอาศพของถังอันหนิงไปเผา

“ข่าวอะไร?” ฉีซีแยว่เดินเข้าไปหา

ถังหยาซินยื่นโทรศัพท์มือถือของเธอให้ฉีซีเยว่ เขาตกใจที่เห็นชื่อถังอันหนิง คว้าโทรศัพท์ของเธอโดยไม่รอช้า

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด