ตอนที่แล้วตอนที่ 27: ซูชิไก่ฉีกน้ำเบอรี่
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 29: น้ำผึ้งลินเดิ้นและเค้กมันเทศป่า (1)

ตอนที่ 28: สมบัติแห่งภูเขา ซุปปลาสไลซ์


*ก่อนจะอ่านนิยาย โปรดตรวจสอบว่าท่านได้อยู่ในสถานที่ที่มีแสงเพียงพอ หรือถ้าท่านอ่านในความมืดก็อย่าลืมเปิด Night Mode หรือจอส้ม เพื่อป้องกันการปวดหัวและสายตาสั้นด้วยนะครับ*

--------------------------------------------------------------------------------------------

ทุกๆคนเข้าใจดีว่าการที่เข้ามาในภูเขาสัตว์ปราณนั้นย่อมจะได้เจอกับปีศาจและสัตว์ปราณ. แต่ตอนนี้พอสัตว์ปราณโผล่ออกมาจริงๆ พวกเขาก็รู้สึกกลัวเล็กน้อย.

 

แม้แต่ชิยูเองก็รู้สึกว่านี่มันแปลกๆ. สัตว์ปราณที่ทำให้นกและสัตว์ตัวอื่นๆเงียบลงได้คงจะเป็นสัตว์ปราณที่แข็งแกร่งน่าดู. แต่ว่าไม่ว่าเธอจะเพ่งสมาธิดีขนาดไหน เธอก็ไม่สามารถได้ยินเสียงการเคลื่อนไหวใดๆได้เลย อย่างน้อยเธอต้องได้ยินเสียงมันขยับตัวบ้างสิ.

 

หรือว่าจะเป็นสัตว์ปราณที่แข็งแกร่งขนาดว่าสามารถทำให้พวกนกและสัตว์อื่นๆเงียบลงได้จากระยะไกลๆ? ถ้าอย่างงั้นมันจะอยู่ระดับไหนกัน? ระดับ2? หรือระดับ3สุดโหด?

 

ทันใดนั้นหยงหมิงก็ตะโกนออกมา “ดูนั่น!”

 

ชิยูเงยหน้าขึ้นแล้วตกใจ.

 

ให้ตายสิ! บนหัวของพวกเขามีตัวอะไรไม่รู้ลอยอยู่ มันดูเหมือนกับกองสำลีกองใหญ่เลย. แค่มีสำลีกองใหญ่ลอยอยู่บนหัวพวกเขาก็ว่าแปลกแล้ว แต่เจ้านั่นดันมีใบหน้าที่เหมือนกับมนุษย์อีก มันยิ้มอย่างโรคจิตใส่พวกเขา. แค่มองดู ขนก็ลุกซู่แล้ว.

 

“นั่นมันตัวบ้าอะไร?” นักผจญภัยหญิงคนหนึ่งถามขึ้นมา. พวกผู้หญิงนั้นค่อนข้างเซ็นซิทิฟกับของน่าเกลียดแบบนี้.

 

“มันคือสัตว์เมฆ. เวรเอ๊ย! ทำไมเราโชคร้ายมาเจอไอ้ตัวแบบนี้ด้วย”

 

เจ้าตัวที่อยู่บนหัวพวกเขาถูกเรียกว่าสัตว์เมฆ, นักผจญภัยทุกคนที่มาล่าสัตว์ปราณนั้นหวังให้อย่าเจอกับเจ้าตัวนี้เลย. ถึงแม้ว่ามันจะมีหน้าตาประหลาด แต่จริงๆแล้วมันเป็นสัตว์ระดับ3เลยทีเดียว นั่นแปลว่าถ้าจะฆ่ามันก็คงยากมากๆ. แต่สิ่งที่แย่ที่สุดเกี่ยวกับเจ้าสัตว์เมฆนี้คือไม่มีส่วนไหนของมันที่จะขายได้เลย.

 

พวกนักผจญภัยมาล่าสัตว์ปราณเพื่อเอาเนื้อและหนังมัน แต่เนื้อเจ้าสัตว์เมฆนี่ทั้งนิ่มและมีรูพรุนเต็มไปหมด พอมันตายปุ๊บเนื้อก็จะหายไปในทันทีเลย. ไม่เพียงแค่นั้น สัตว์เมฆนี่แทบจะไม่มีหินเวทย์มนต์อยู่กับตัวเลย. พูดสั้นๆก็คือถ้าเจอมันก็เท่ากับขาดทุนย่อยยับแถมยังวิ่งหนีมันไม่พ้นอีกต่างหาก.

 

ถ้าชิยูจำไม่ผิดล่ะก็ ในหนังสือ ‘คุณสมบัติพิเศษของสัตว์ปราณ’ นั้นบอกไว้ว่าเจ้าพวกนี้กลัวไฟ นั่นแปลว่าเธอมีธาตุที่ได้เปรียบอยู่. แต่เธอไม่มั่นใจว่าพลังดิบของเธอจะเผามันให้ตายได้.

 

ขณะที่ชิยูคิดเรื่องนี้ก็มีเสียงดังขึ้นมาจากด้านหลังพวกเขา. คนอื่นๆก็เดินมาทางเดียวกัน พวกเขามองไปที่เจ้าสัตว์เมฆที่น่าเกลียดนั่นด้วยความผิดหวัง “ชั้นก็นึกว่าจะมีอะไรดีๆโผล่มา ดันเป็นเจ้าขยะนี่ไปซะได้”

 

สายตาของชิยูจ้องไปยังผู้หญิงที่สวยโคตรๆคนนึงในกลุ่มนั้น. ดูจากหน้าเธอแล้วชิยูเดาว่าเธอน่าจะอายุ17-18ปี ร่างกายของเธอโตมาได้ดีมากๆ. ของที่ควรจะยื่นออกมาก็ยื่นออกมาซะดี ส่วนที่ควรจะผอมก็ไม่มีไขมันเกินออกมาเลย. ร่างกายที่เซ็กซี่บวกกับหน้าสวยๆ นี่คงเป็นคนที่หาได้ยากของยากเลย.

 

“คุณเร็น น่าตกใจจริงๆเจอคุณอีกแล้ว” มีกลุ่มนักผจญภัยเข้ามาอีกกลุ่ม. รอบนี้เสียงหน้าม่อนั้นคุ้นหูชิยูมากๆ.

 

ชิยูหันกลับมา แหมๆๆ นี่มันเป้าหมายของเธอไม่ใช่เหรอ - เจ้าเจา ฉางชิง?

 

ในกลุ่มของเจาฉางชิงนั้นมีผู้หญิงอยู่นิดเดียว. ทุกๆคนนั้นหน้าตาน่ารักหมด. แต่สายตาของพวกเธอแทบไม่มีชีวิตชีวาเลย พวกนางน่าจะเป็นแค่หุ่นเชิ้ด. ใต้ชุดโทรมๆนั่นมีรอยถูกทุบตีและบาดแผลอยู่. เจ้าเจา ฉางชิง, ความชั่วของเขาทำให้ชิยูแทบจะอ้วกออกมาจริงๆ. ขนาดจะมาล่าสัตว์ในภูเขาอันตรายๆแท้ๆ เขายังมีเวลาไปรังแกคนอื่นอีกนะ. อีกอย่าง ในกลุ่มผู้หญิงพวกนั้นยังมีเด็กอยู่ด้วย!

 

เธอมาที่ภูเขานี้เพื่อจะก่อกวนเจา ฉางชิงแต่ทว่าพอเห็นเด็กผู้หญิงที่น่าสงสารพวกนั้นแล้ว เธอจึงตัดสินใจจะฆ่าเขาซะ.

 

เนื่องจากหัวหน้าของทั้งสองกลุ่มที่เพิ่งมานั้นไม่ใช่คนธรรมดาๆ, หยงหมิงจึงไม่กล้าขัดใจพวกเขา. เขาทำได้แค่ยืนอยู่ห่างๆและพยายามไม่ให้พวกเขาสนใจ. เขาไม่ว่าอะไรเธอด้วย โดยเฉพาะตอนที่เขาเหลือบไปเห็นสภาพที่น่าสงสารของเด็กผู้หญิงพวกนั้น. มันทำให้เขาขยะแขยงจริงๆ.

 

“กำจัดเจ้าสัตว์เมฆนั่นซะ เราต้องไปต่อแล้ว” นางสั่ง.

 

คนที่มากับเธอนั้นเป็นข้ารับใช้ของตระกูลเร็น. พวกเขาน่าจะมีระดับพลังที่สูงมากๆด้วย. จะจัดการกับสัตว์ระดับ3ก็คงไม่ยากเท่าไหร่. ปัญหาเดียวก็คือเจ้าสัตว์เมฆนั่นลอยอยู่สูงมากๆ ทำให้โจมตีได้ไม่สะดวก.

 

เนื่องจากว่าสู้กับเจ้าสัตว์เมฆนี้ไม่ได้อะไรดีๆเลย พอมันลอยพ้นระยะโจมตีพวกเขาไปแล้วก็ไม่มีใครสนใจตามมันไปเลย. หยงหมิงทราบซึ้งมากที่คนพวกนี้ช่วยแก้ปัญหายากๆแบบนั้นให้จึงรีบเดินเข้าไปขอบคุณ.

 

ขณะเดียวกันชิยูก็นึกเรื่องของคุณหญิงเร็นผู้ยอดเยี่ยมนี้ออก. ตระกูลเร็นนั้นก็เป็นหนึ่งในตระกูลใหญ่ของเมืองชิงฉาน. เอาจริงๆแล้วผู้นำของตระกูลเร็นก็คือเจ้าเมืองของเมืองชิงฉานนั่นเอง. ผู้หญิงที่อยู่ด้านหน้าของพวกเขานี้คือ เร็น ฉุเอ๋* ลูกสาวหัวแก้วหัวแหวนของผู้เฒ่าเร็น.

 

พอมานึกดูแล้ว เร็น ฉุเอ๋คนนี้ก็เคยไปยุ่งเกี่ยวกับหลินฟ่านเช่นกัน. แต่หลังจากที่เธอตามหลินฟ่านไม่ทันเรื่องพลังปราณ สุดท้ายเธอก็กลายเป็นหนึ่งในฮาเร็มของเขา.

 

น่ารำคาญจริงๆ. ‘พี่น้อง’ของหลินฟ่านนี่แทบจะมีอยู่ทุกที่เลย. *

 

ชิยูสบถอยู่ในใจ ขนาดเจ้า เจา ฉางชิงที่น่ารำคาญนั่นยังโผล่มาจากไหนก็ไม่รู้เลย

เธอไม่มั่นใจเหมือนกันว่าเร็น ฉุเอ๋พยายามเลี่ยงไม่คุยกับเจ้าโรคจิตนั่นรึป่าวแต่นางดูจะเลี่ยงไม่พูดกับเขาตรงๆ. เธอถึงขนาดชวนหยงหมิงและกลุ่มของเขาไปล่าด้วยกันเลย. อาจจะเป็นเพราะถ้ามีคนอยู่เยอะๆ ความโรคจิตของเจ้าฉางชิงจะไม่หือรือขึ้นมาก็ได้.

 

ดังนั้นกลุ่มที่มีอยู่9คนตอนแรกก็กลายเป็นกลุ่มนักผจญภัยที่ใหญ่มากๆ. มันทำให้ชิยูดีใจขณะที่เริ่มวางแผนอย่างลับๆ.

 

กลางคืนมาถึงแล้ว กลุ่มของพวกเขาจึงตัดสินใจตั้งแคมป์ใกล้ๆกับแม่น้ำ. ก็เหมือนเดิม ชิยูเริ่มไปเตรียมอาหาร. เนื่องจากว่ามีแหล่งน้ำอยู่ใกล้ๆเธอจึงหาของใกล้ๆตัวมาจับปลาจากแม่น้ำ.

พอเธอควักไส้และขอดเกล็ดปลาออกแล้ว เธอก็แล่มันออกมาให้เท่าๆกันด้วยมีดคู่ใจของเธอ. จากนั้นก็ไปหยิบเครื่องเทศน์และวัตถุดิบอื่นๆมาจากตะกร้า.

 

ทันทีที่หม้อเหล็กร้อน เธอก็ใส่น้ำมันลงไปพร้อมกับพริกแห้ง, ขิงหั่นและกระเทียม. เครื่องเทศน์พวกนั้นต้องผัดด้วยไฟแรงก่อนให้หอมจากนั้นน้ำมันก็เปลี่ยนเป็นสีแดงเพราะพริกแห้ง. ต่อมาชิยูจึงเทน้ำสะอาดจากบ่อน้ำลับของเธอลงไปในหม้อแล้วก็ใส่เกลือกับเครื่องปรุงอย่างอื่นให้ได้รสชาติ.

 

พอซุปเริ่มเดือดแล้วเธอก็ใส่สมุนไพรต่างๆลงไปพร้อมกับผักป่าที่เก็บมาระหว่างทาง จากนั้นก็ใส่ปลาสไลซ์ลงไปในหม้อ. เพียงเท่านี้ สมบัติแห่งภูเขาซุปปลาสไลซ์ก็เสร็จแล้ว.

 

ความเผ็ดของพริกทำให้จมูกของคนที่อยู่รอบๆเธอคัดไปหมด พอกลิ่นหอมของซุปโชยไปมา คนที่สนใจในอาหารยังไงก็ต้องหันมามองบ้างแหละ. คนแรกที่เข้ามาก็คือ เร็น ฉุเอ๋ ผู้หญิงคนนี้ค่อนข้างแพ้ทางอาหารอร่อย.

 

เธอสูดกลิ่นเข้าไปอย่างลึกแล้วหันมาถาม “นี่น้อง เห็นเอาปลามาทำอาหารหนิ แบ่งให้พี่ด้วยได้มั้ยจ๊ะ?”

 

ชิยูยิ้มแบบไร้เดียงสาแล้วตอบ “แน่นอนค่ะ”

 

พอมีคนเปิดก็ต้องมีคนตามมา. ซุปปลาทั้งหม้อหายไปอย่างรวดเร็ว แต่ก็ยังมีคนครวญครางว่าไม่ได้กินเท่าคนอื่นเลย.

 

ด้วยเหตุนี้จึงมีคนอาสาจับปลาให้เยอะมาก, ส่วนคนอื่นๆก็ไปช่วยหาบน้ำและล้างปลาให้. ซุปปลาง่ายๆหม้อนึงดันกลายเป็นปาร์ตี้ฮ้อทพ็อต*ไปแล้ว.

 

โชคดีที่ยังมีวัตถุดิบเหลืออยู่เยอะมาก ทุกๆคนจึงได้กินอิ่มท้องและมีความสุขกัน. แม้แต่เจา ฉางชิงเองก็อดเข้ามาขอกินด้วยไม่ไหว. แต่ทว่าเขาก็ยังทำตัวระแวงอยู่ดี จึงใช้ถ้วยเงินและตะเกียบของตัวเองกิน.

 

ส่วนชิยูก็ตักให้ให้เขาเหมือนๆกับคนอื่นๆ.

*มาจากคำว่า Xue ครับ เป้นคำที่อ่านยากมากๆและภาษาไทยออกเสียงแทบไม่ได้ด้วย มันออกเสียงควบ สระอุกับสระเอ ผมเลยแปลมาเป็น ฉุเอ๋แทนครับ*

*พี่น้องอันนี้ก็คือพี่น้องแบบคนเคยมีอะไรกันแล้วนั่นแหละครับ ต้นฉบับใช้คำว่า 'Female close friend' เพื่อนสนิทหญิง ผมเลยแปลมาเป็นพี่น้องจะได้เข้าใจง่ายๆครับ*

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด