ตอนที่ 5 ความก้าวหน้าด้านการบ่มเพาะพลัง
เกิดอะไรขึ้น ? ฉินหยู รู้สึกตื่นตัวทันทีโดยไม่ทันได้มองไปที่ราชาไก่ฟ้า เขาได้หยิบโอสถรวมวิญญาณออกมาจากตรงหน้าอกของเขาและกลืนมันลงไป
หลังจากอาบแสงตะเกียงสีฟ้าคุณสมบัติทางยาของโอสถก็เพิ่มมากขึ้นมากกว่าสามเท่าจากปกติ พลังของโอสถได้แพร่กระจายไปทั่วร่างกายของเขาและเปลี่ยนเป็นพลังวิญญาณอย่างรวดเร็ว ในไม่ช้า ฉินหยู ก็กู้คืนพลังที่ใช้ไปแล้วกลับมาได้เล็นก้อย
ทันทีที่ กู้คืนพลังเสร็จแล้ว และ ฤทธิ์ของผลยาหมด ฉินหยู ก็ค่อย ๆ เดินลงไปอีกครั้ง เขาตัดสินใจว่า ถ้ำกำจัดโอสถเหล่านี้ เป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดของเขาและไม่สามารถปล่อยมันให้สูญเปล่าได้
แน่นอนว่า สิ่งที่เขาตัดสินใจ เป็นทางเลือกที่แตกต่างจากคนทั่วไป ใน เจ็ดปีที่ผ่านมา ถ้ำกำจัดโอสถ มีคนทำงานที่นี่ไม่กี่สิบคน และ ในเวลาที่สั้นที่สุดที่คนสามารถทนที่นี่ได้ก็คือ สองเดือน เห็นได้ชัดว่า แม้จะมีอันตรายอยู่ข้างใน แต่อย่างน้อยก็ไม่ถึงตายในระยะเวลาอันสั้น
ทางเดินค่อนข้างเงียบสงบ
นอกจาก เสียงฝีเท้าของเขาแล้ว ไม่มีเสียงใดอื่นอีก ฉินหยู ไม่กล้าที่จะประมาท เขาระวังทุกฝีก้าว เพื่อให้ แน่ใจว่าจะไม่มีอันตรายอะไรเกิดขึ้น
แม้จะดูไม่อันตราย แต่ทำไม ทางเข้าอุโมงค์ถึงมีคราบเลือดที่ทำได้โดยผู้ฝึกตนเท่านั้น
เพราะอะไร?
ฉินหยู รู้สึกสงสัยมาก แต่ก็ไม่สามารถหาคำตอบได้ นอกจากตรวจสอบสถานที่เท่านั้น สถานที่แห่งนี้ ดูเหมือนว่า จะไม่ค่อยได้รับการดูแลอย่างดีจากอาวุโสหวังเท่าไหร่ เขาที่ตั้งใจจะอาศัยอยู่ที่นี่คงต้องทำความสะอาดเล็กน้อย
สถานที่แห่งนี้จะเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญในอนาคตของเขา
ฉินหยู ได้นั่งไขว่ห้างเพื่อทำสมาธิ เขาได้หยิบโอสถรวมวิญญาณทั้งหมดออกมา และ พบว่ามันเหลือมากกว่า 37 เม็ด เขาอดทนอดกลั้นมานับไม่ถ้วน และ ภายในสถานที่ปลอดภัยเช่นนี้ เขาก็ไม่สามารถยับยั้งความคิดที่จะปรับแต่งโอสถ 37 เม็ดเหล่านี้ได้
กินโอสถ,หลับตา,และปรับแต่ง!
ฉินหยู หมกมุ่น อยู่กับการฝึกฝนอย่างสมบูรณ์ เขาสามารถสัมผัสความเร็วที่น่าทึ่งกับพลังที่เพิ่มขึ้นได้อย่างต่อเนื่อง
เมื่อโอสถรวมวิญญาณเม็ดสุดท้ายได้หายไป ฉินหยู ก็ค่อย ๆ ลืมตาตื่นขึ้นมา สายตาของเขาล้วนกระจ่างใสอย่างไม่น่าเชื่อ เขาไม่สามารถอดแสดงความตกใจออกมาได้ เนื่องจาก เมื่อก่อน ผิวของเขาค่อนข้างซีด แต่ตอนนี้มันกลับดีขึ้นมากแล้ว เขายืดตัวเล็กน้อยและปล่อยกลิ่นอายพลังออกมาโดยไม่ได้ตั้งใจ
มันค่อนข้างเสถียร!
ราวกับว่าเขาได้เกิดใหม่!
เขารู้สึกได้ถึงร่างกายที่เต็มไปด้วยพลังงานที่แข็งแกร่ง ฉินหยู อดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมา
ระดับกลั่นปราณขั้นที่ 5
โอสถรวมวิญญาณ 37 เม็ด ทำให้พลังของเขาเพิ่มขึ้น สามช่วงชั้น และ นั่นเป็นเพราะพรสวรรค์โดยเฉลี่ยของเขา ที่ต้องดูดกลืนผลของโอสถอย่างช้า ๆ ทำให้เขาสูญเสียสรรพคุณของตัวยาบางส่วนไปไม่งั้นเขาคงเพิ่มขึ้น สี่ช่วงชั้นไปแล้ว
แต่ ฉินหยู ก็พอใจมากแล้ว ก่อนหน้านี้ เขาไม่เคยคิดว่าตนเองจะบ่มเพาะมาถึงระดับกลั่นปราณขั้นที่ 5 ได้ น่าเสียดาย ที่ตอนนี้ เขาไม่เหลือโอสถรวมวิญญาณแล้ว อีกทั้งโอสถ อื่น ๆ ก็ไม่ได้ช่วยเหลือการบ่มเพาะพลังของเขาในเวลานี้
เขายืดตัวและบิดร่างกายเล็กน้อยมีเสียงดังที่เกิดจากกระดูกของเขา ฉินหยู รู้สึกประหลาดใจ วันเวลาผ่านไปเกือบเจ็ดวัน โดยที่เขาไม่รู้ตัว ราวกับว่ามันเป็นเพียงแค่ชั่วเวลาครู่เดียว
"ว่ากันว่าความเป็นอมตะแม้จะผ่านไปหลายร้อยปีก็เป็นเพียงเรื่องในชั่วพริบตา...'ในที่สุด ข้าก็เริ่มจะเข้าใจคำพูดเหล่านี้' "ฉินหยู ได้พึมพัมในความคิดของเขา จากนั้นก็ลุกไปอีกห้องหนึ่ง เมื่อเขาทำความสะอาดก็พบว่า นี่คือ ห้องหนังสือ ที่มีบันทึกเกี่ยวกับการเล่นแร่แปรธาตุมากมาย เพราะเขาใจร้อนที่จะฝึกฝนเกินไป เลยไม่ได้ตรวจสอบห้องนี้
ตอนนี้ถึงเวลาที่จะตรวจสอบและค้นหาว่าโอสถที่เหลืออยู่ของเขาทำอะไรได้บ้าง เพื่อที่เขาจะได้กลับไปฝึกฝนอีกครั้ง และ สัมผัสกับความเร็วอันน่าอัศจรรย์ในการบ่มเพาะพลัง ฉินหยู รู้สึกตื่นเต้นอย่างมากกับความรู้สึกนี้
เมื่อพูดถึงห้องทำงานจริง ๆ แล้วมันเป็นเพียงถ้ำที่มีรูอยู่สองสามรูบนผนังและไม่มีเครื่องใช้อื่น ๆ ยกเว้นโต๊ะหิน บนโต๊ะมีตะเกียงน้ำมันสำหรับส่องสว่างและมีกระดาษบางส่วนวางเรียงกันอย่างไม่เป็นระเบียบ
ฉินหยู ไม่สนใจตะเกียงและดูกระดาษเหล่านั้น มันเต็มไปด้วยการสาปแช่งและความคับแค้นขมขื่น ไม่ได้มีประโยชน์อะไร
เขาโยนมันทิ้งและหยิบหนังสือที่ไม่มีชื่อออกมา
หน้าแรก
"ข้า ซูโมว ตลอดชีวิตของข้าได้ศึกษาการเล่นแร่แปรธาตุ แต่พรสวรรค์ของข้าไม่ได้ดีนัก ทำให้ยากที่จะผ่านไปยังระดับต่อไป ดังนั้นข้าจึงตั้งใจจะฝากความรู้ทั้งหมดให้กับคนรุ่นหลังโดยหวังว่าศิษย์น้องทุกคนจะพอได้รับประโยชน์จากมัน..."
เขาอ่านดูสามสี่หน้าและดูเหมือนว่าภายในหนังสือจะเต็มไปด้วยข้อตำหนิ จากนั้นก็เปิดหน้าถัดไป
ฉินหยู สั่นสะท้านอย่างรวดเร็ว
บันทึกของ ซูโมว ผู้ฝึกตน รายนี้ เขียนอย่างละเอียดถึงกระบวนการปรุงยาของเขา หนังสือเล่มนี้ เป็นข้อมูลเกี่ยวกับการเล่นแร่แปรธาตุ ที่ยอดเยี่ยม ยิ่งไปกว่านั้นคือ เขียนบอกถึงข้อมูลของโอสถที่ปรุงออกมาทั้งหมด นี่คือ สิ่งที่ ฉินหยู ต้องการที่สุด
เขาพลิกดูในหน้าหนังสือไปเรื่อย ๆ และ ความจำของ ฉินหยู ก็ค่อย ๆ จดจำมัน เขาสามารถจดจำเนื้อหาสาวนใหญ่ได้หลังจากอ่านได้ไม่นานโดยเฉพาะคำอธิบายของโอสถที่ให้ความรู้สึกชัดเจน
การบ่มเพาะพลังของ ซูโมว ไม่สูงนัก ดังนั้น เขาจึงสามารถปรุงโอสถได้แค่ระดับต่ำ นี่คือสิ่งที่ ฉินหยู ต้องการ เพื่อตรวจสอบให้แน่ใจว่าโอสถที่เหลือของเขาทำอะไรได้บ้าง
เขาไม่ได้ประมาท และ หยิบโอสถออกมาอีกครั้งเพื่อตรวจสอบให้แน่ใจว่ามันตรงกับภาพในหนังสือหรือไม่ ท้ายที่สุดเขาก็แน่ใจแล้วว่าโอสถทั้งสามชนิดนี้มีชื่อว่าอะไร : โอสถเพิ่มพลังวิญญาณ,โอสถเพิ่มความแข็งแกร่ง,และโอสถอิ่มอาหาร
โอสถ เพิ่มพลังวิญญาณ และ โอสถรวมวิญญาณ นั้นมีความคล้ายคลึงกัน พวกมันทั้งสอง มีหน้าที่ช่วยเหลือในการบ่มเพาะพลัง แต่จะแบ่งแยกตามระดับและมีผลที่แตกต่างกันไป
การใช้โอสถเพิ่มความแข็งแกร่ง คือการเพิ่มความแข็งแกร่งทางร่างกายและการฝึกฝนเล็กน้อย
โอสถอิ่มอาหาร ก็ตามชื่อของมัน หลังจากกินไปแล้ว ก็ไม่จำเป็นจะต้องกินอาหารเป็นเวลาหนึ่งเดือน
ฉินหยู ยิ้มออกมา โอสถพลังวิญญาณ นี้เป็น ของดีอย่างแน่นอน ส่วน โอสถเพิ่มความแข็งแกร่ง ก็มีประโยชน์กับตัวเขาที่มีร่างกายอ่อนแอ
ส่วนโอสถอิ่มอาหาร ก็มีสรรพคุณทางด้านวิญญาณ มันจะช่วยให้ร่างกายไม่รู้สึกหิวและมีประโยชน์อย่างมาก
เขาพอใจกับสิ่งที่ได้รับมา!
เช่นนั้นก็มาเริ่มต้นบ่มเพาะพลังกันต่อ!
แต่คราวนี้เขาไม่ได้เลือกใช้โอสถพลังวิญญาณ แต่ เลือกโอสถเพิ่มความแข็งแกร่งก่อน
เหตุผลค่อนข้างง่าย พลังของผู้ฝึกตนนั้น จะเปลี่ยน พลังวิญญาณ เป็นพลังปราณ เมื่อมีอะไรผิดปกติเกิดขึ้น พลังเหล่านั้นจะตีกลับไปยังร่างกาย
ดังนั้นการฝึกฝนร่างกายจึงเป็นสิ่งจำเป็น เพื่อรองรับพลังวิญญาณเหล่านั้นให้เปลี่ยนเป็นพลังปราณได้
แต่ทว่า ฉินหยู ก็มีข้อสงสัยบางอย่าง เขารู้สึกสงสัยเกี่ยวกับผลลัพธ์ของ โอสถเพิ่มความแข็งแกร่ง แม้ว่ามันจะมีชื่อเสียงมากในหมู่ผู้ฝึกตน ว่ากันว่า ช่วยให้ร่างกายแข็งแกร่งก็ตาม แต่เขาก็อดสงสัยไม่ได้
สิบวันต่อมาหลังจากปรับแต่งร่างกายของเขาด้วยโอสถเพิ่มความแข็งแกร่ง 44 เม็ดแล้ว ความสูงของ ฉินหยู ก็เพิ่มขึ้น มวลกล้ามของเขาได้เผยออกมาให้เห็นอย่างเด่นชัดราวกับว่านี่คือร่างกายใหม่ของเขา
ถ้า หลางตู่ มาเห็น เขาเช่นนี้ อีกฝ่ายจะต้องปวดใจมากอย่างแน่นอน ที่มีวิธีการเพิ่มความแข็งแกร่งบบนี้ แทนที่จะฝึกฝนร่างกายธรรมดา
ฉินหยู ยิ้มออกมา เขาตัดสินใจแล้วว่าจะหาโอสถเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับ หลางตู่ เพราะสมองอีกฝ่าย มีแต่กล้ามทั้งนั้น การฝึกฝนบนเส้นทางพลัง อาจจะไม่เหมาะกับเขา แต่การฝึกฝนบนเส้นทางของพลังกายอาจจะเหมาะมากกว่า
ด้วยตะเกียงไฟสีน้ำเงิน ฉินหยู มั่นใจว่าตนเอง สามารถเดินไปบนเส้นทางบ่มเพาะพลังที่แข็งแกร่งกว่านี้ได้ แต่ถ้าไม่มีเพื่อนมันจะไม่เหงาเกินไปหรือ?
โชคดีที่เขามี ถู๋โต้ว เป็นสหายที่ดี!
ในความมืดมิดอันงียบสงบ เวลาได้ผ่านไปอย่างรวดเร็ว เมื่อ ฉินหยู ตื่นขึ้นมาอีกครั้งในถ้ำกำจัดโอสถ ก็ผ่านไปหนึ่งเดือนแล้ว โอสถเพิ่มพลังวิญญาณ ทั้งหมด ได้ เปลี่ยนเป็นพลังปราณในร่างกายของเขาทำให้เขาบ่มเพาะมาถึงระดับกลั่นปราณขั้นที่ 8 !
ในเวลาหนึ่งเดือน เขาสามารถมาถึงระดับ กลั่นปราณขั้นที่ 8 ได้
"สำหรับผู้บ่มเพาะพลังแล้ว โอสถ เหล่านี้ถือเป็นสิ่งท้าทายสวรรค์ที่ดีที่สุด!"ฉินหยู ไม่สามารถที่จะอดพูดออกมาได้
เขามั่นใจแล้วว่า การฝึกฝนของ ศิษย์พี่เวยเว่ย ที่รวดเร็วเกินไปนั้น เป็นเพราะตะเกียงไฟสีน้ำเงินอันนี้ น่าเสียดายที่อีกฝ่ายต้องมาจบชีวิตเพราะมัน
"ผู้ที่ทำตัวโดดเด่นมากเกินไปมักจะดูกำจัด! การตายของเวยเว่ยเป็นบทเรียนและคำเตือน"ดวงตาของ ฉินหยู ได้เปลี่ยนไป ตะเกียงไฟสีน้ำเงินนี้ เป็นความลับที่สำคัญที่สุดของเขา ไม่ว่าอย่างไรก็ไม่อาจเปิดเผยให้คนนอกรู้ หากคำนึกถึงสถานะที่ต่ำต้อยของเขา เขาอาจจะถูกทำลายโดยผู้บ่มเพาะพลังคนอื่น ๆ
เมื่อ โอสถ ที่มีหมดไป การบ่มเพาะพลังของ ฉินหยู ก็หยุดลงชั่วคราวเช่นเดียวกัน แม้ว่าเขาจะอยู่ใต้ดินนานนับเดือนและถูกปิดผนึกอย่างสมบูรณ์จากโลกภายนอก แต่เขาก็ไม่รู้สึกเบื่อเลยสักนิด"ดูเหมือนว่าการบ่มเพาะพลังโดยปราศจากความกังวลอย่างน้อยก็ไม่รู้สึกเหงาจนเกินไป"
ในขณะที่เขาพูด คิ้วของ ฉินหยู ก็ขมวดแน่นและมองไปที่มุมนึงของห้อง 'ที่แท้ก็เป็นเจ้า' มันเป็นราชาไก่ฟ้า ที่เขานำมาที่ถ้ำกำจัดโอสถด้วย เนื่องจากหลายวันที่ผ่านมาเขายุ่งมาก จึงลืมการมีอยู่ของมันไปโดยสิ้นเชิง
ตอนนี้ ขนหลากสีของ ราชาไก่ฟ้า ได้สูญเสียความแวววาว อีกทั้งสายตาของมันยังมืดมน และ ดูไร้เรี่ยวแรง มันมองไปที่ ฉินหยู และ ต้องการจะเข้าใกล้ แต่ก็ดูลังเล
ฉินหยู เข้าใจอย่างรวดเร็ว เขามองไปที่ นิ้วชี้สีเขียวบนมือขวาของเขา แน่นอนว่ามันเปลี่ยนเป็นสีเข้มขึ้น ถ้ำกำจัดโอสถเต็มไปด้วยกลิ่นอายพิษ มันมากพอที่จะทำให้ใครก็ตามที่อยู่ที่นี่เป็นเวลานาน มีพิษสะสมในร่างกาย เนื่องจากเขามีภูมิคุ้มกันต่อพิษเพราะตะเกียงไฟสีน้ำเงิน แต่ราชาไก่ฟ้าไม่ได้โชคดีเช่นนั้น
มันมีชีวิตอยู่ที่นี่จนถึงตอนนี้ได้ก็สมควรยกย่องแล้วว่ามันเป็นราชาไก่ฟ้าอย่างแท้จริง!
เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ ฉินหยู ก็ค่อย ๆ เปิดมือของเขาออก ตะเกียงสีฟ้าก็ส่องสว่างภายในรัศมีหนึ่งฟุต ไม่ช้า ดวงตาของ ราชาไก่ฟ้าก็เบิกกว้างขึ้นเผยให้เห็นถึงความตื่นตระหนก แต่ก็ยับยั้งตัวเองไม่ให้พุ่งไปข้างหน้า
มันตระหนักรู้ได้ถึงบางอย่างงั้นเหรอ?
ฉินหยู รู้สึกประหลาดใจ บนโลกนี้คงไม่มีอะไรแปลกไปกว่านี้แล้ว เขานำตะเกียงไฟสีน้ำเงินออกมา ทันใดนั้น ราชาไก่ฟ้า ก็ราวกับตอบสนองบางอย่าง ราวกับว่ามันกำลังดึงดูดอีกฝ่ายอยู่
"เจ้าไก่น้อยมานี่ให้ข้าช่วยกำจัดพิษให้เจ้า"
ราวกับว่า ราชาไก่ฟ้า เข้าใจคำพูดของเขา มันค่อย ๆ เดินก้มหน้าเข้ามาหาอย่างช้า ๆ จากนั้นก็เป็นลมหมดสติลงไป
แกล้งงั้นเหรอ?
ฉินหยู ไม่รู้จะหัวเราะหรือร้องไห้ดี ดูเหมือน เจ้าไก่ตัวนี้ จะให้ความสนใจกับเขา แม้จะใกล้ตายแล้ว แต่ก็ไม่กล้าจะเข้าใกล้มากเกินไป นี่เป็นหลักฐานอย่างดีว่าไก่ตัวนี้มีสติปัญญาที่ไม่ได้ต่ำ
ฉินหยู เดินเข้าไป หยิบราชาไก่ฟ้า ขึ้นมา และปล่อยให้ แสงสีฟ้าอาบบนร่างกายของมัน ทันใดนั้นพลังบางอย่างก็ค่อย ๆ ไหลเข้าสู่ร่างกายของมัน
เจ้าราชาไก่ฟ้าเริ่มกลับมามีสีสันอีกครั้งแต่มันก็ไม่ได้ตัวอวบอ้วนเหมือนกับตอนที่เข้ามาในถ้ำกำจัดโอสถ
ฉินหยู ครุ่นคิดเล็กน้อย ทั้งเดือนนี้ ดูเหมือน ราชาไก่ฟ้าจะไม่ได้กินอะไรเลย?
พลังงานสีดำได้หยุดเข้าไปข้างในร่างกายของราชาไก่ฟ้า พิษทั้งหมดได้ถูกกำจัด แต่ราชาไก่ฟ้า ก็ยังคงไม่ลืมตาตื่นขึ้น แต่ถึงอย่างนั้นหางของมันกลับกระดิกไปมาด้วยความตื่นเต้น นี่มันบ้าอะไร?
ฉินหยู ฉุดคิดบางอย่างขึ้นได้จากนั้นก็หัวเราะอย่างชั่วร้าย"ลุกขึ้นซะ!,พิษหายไปแล้วได้เวลาที่จะนำแกไปตุ๋นเป็นอาหารเย็น!"
กะต๊ากก!
ราชาไก่ฟ้า ดิ้นรนจากมือของ ฉินหยูทันที แต่แรงของ ฉินหยู มีหรือที่มันจะดิ้นรนออกไปได้ ราชาไก่ฟ้าได้เปิดเปลือกตาขึ้นและเผยให้เห็นแววตาที่น่าสงสารของมันก่อนที่น้ำตาของมันจะร่วงหล่นบนพื้นอย่างช้า ๆ
เจ้าไก่น้อยนี่น่าตลกจริง ๆ
ไก่ฟ้าที่เป็นตัวตลก?
ช่างเป็นเรื่องที่น่าขบขัน
ฉินหยู ได้เผยรอยยิ้มออกมา
ราชาไก่ฟ้าได้พยายามทำตัวน่ารัก แม้ว่าปีกของมันจะส่องแสงแต่ทำไมขนหางของมันถึงสั่นไปหมด?