ตอนที่แล้วChapter 30: เป็นเจ้าชายนี่มันโคตรเหนื่อยเลยจริงๆ - 3 (ส่วนที่ 2)
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปChapter 32: เจ้าชายได้รับการดูแลจากพระผู้เป็นเจ้า -1

Chapter 31: เป็นเจ้าชายนี่มันโคตรเหนื่อยเลยจริงๆ – 4


ความแข็งแกร่งทางร่างกายของกูลนั้นเทียบเท่ากับชายหนุ่มสี่คน ยังไงก็ตาม ทหารเหล่านี้สามารถที่จะป้องกันการต่อสู้จากสัตว์ประหลาดเหล่านั้นได้อย่างง่ายดาย

‘แต่ว่าได้ยังไงกัน?’

ทหารเหล่านี้ต่างตัวสั่นสะท้านหลังจากที่สัมผัสได้ถึงออร่าที่พุ่งเข้ามาภายในร่างกายของเขา

เขารู้สึกตัวเบาขึ้นมากกว่าแต่ก่อน บาดแผลทั้งหมดของเขาต่างได้รับการรักษาด้วยเช่นกัน และนอกจากนี้แล้วเขายังรู้สึกแข็งแกร่งกว่าแต่ก่อนอีกด้วย เขาสัมผัสได้ถึงออร่าศักดิ์สิทธิ์ที่อยู่ภายในตัวเขาและเขาก็เหลือบตามองกลับไปยังด้านหลัง

ด้านข้างเจ้าเมืองเจนาลนั้นคือ เจ้าชาย ‘ตัวบัดซบ’ ไม่มีใครรู้ว่าเขามาจากที่ใด แต่เขายืนเอาพลั่วปักลงบนพื้น ในขณะที่ปลดปล่อยแสงสีขาวออกมาจากร่างกายของเขานับไม่ถ้วน

เจ้าชายเด็กหนุ่มพึมพำกับตัวเองด้วยท่าทางหงุดหงิด “...ได้โปรดละ ได้โปรดทำตัวดีๆกับฉันสักครั้งหนึ่งจะได้ไหม?”

เสียงของเขามีความไม่พอใจอยู่ภายในนั้น แต่ทหารเหล่านี้ไม่รู้ว่าคำพูดเหล่านี้มีความหมายว่าอะไร

อย่างไรก็ตาม พวกเขาก็มั่นใจอยู่อย่างหนึ่ง ‘การอวยพร’ ที่ทรงพลังแบบนี้นั้นคือสิ่งที่เจ้าชายมอบให้กับพวกเขา! ซึ่งมันทำให้ทหารต่างสับสน

“แต่ว่า เจ้าชายใช้เวทย์ได้ยังไงกัน?”

ไม่ใช่ว่าเขาเป็นขยะที่ไม่มีใครเทียบได้งั้นเหรอ?

ทหารเหล่านี้ต่างพบเจอกับนักบวชมากมายหลายต่อหลายคน ซึ่งพวกเขาต่างมายังปราสาทแห่งการเสียสละแห่งนี้ ตลอดเวลาหลายสิบปี รวมทั้งนักบวชชั้นสูงบางคนที่มีความสามารถที่ยอดเยี่ยมด้วยเช่นกัน แต่แม้ว่าจะเป็นแบบนั้นก็ตาม ไม่มีใครสักคนเลยที่สามารถจะร่าย ‘คำอวยพร’ ได้ดีถึงขั้นนี้และไม่เพียงแค่นั้น ระยะของมันยังกว้างไกลอีกด้วย!

‘…นอกจากนี้แล้ว เวทย์อวยพรยังอยู่ได้นานขนาดนี้เลยเหรอ?’

มันไม่ได้แค่ร่างกายเพียงอย่างเดียวเท่านั้นที่ได้รับการอวยพร - ดาบ หอก โล่ และแม้แต่เกราะ ทุกสิ่งทุกอย่างต่างถูกปกคลุมด้วยพลังศักดิ์สิทธิ์

มันยังเป็นเวทย์ศักดิ์สิทธิ์ระยะกว้าง มันยังมีพลังมากพอที่จะเพิ่มพลังให้กับของที่ไม่ใช่สิ่งมีชีวิตอีก!

“นี่มันหมายความว่าอะไรกัน...??”

ทหารทั้งหมดต่างมีสีหน้าที่เต็มไปด้วยความไม่น่าเชื่อ แม้ว่าจะเป็นแบบนั้นก็ตาม พวกเขายังนึกถึงเรื่องเล่าที่พวกเขาได้ยินในยามที่พวกเขากำลังโตขึ้น

ราชาเนโครแมนเซอร์เอม่อน ราชาแห่งอันเดทนำกองทัพมามากกว่าหลายแสนตัว และมหาวีรบุรุษเคลต์ ออโฟเซ่ได้กำจัดราชาอันเดทตนนั้นลงเมื่อห้าสิบปีก่อน

เจ้าชายที่อยู่ด้านหลังพวกเขาคือหลานชายของ ‘จักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์ เคลต์ ออโฟเซ่’ คนนั้น เขาเป็นเด็กหนุ่มที่สายเลือดมีเลือดของมหาวีรบุรุษไหลเวียนอยู่ภายในนั้น

พลังศักดิ์สิทธิ์ที่มากมายจนไม่อาจวัดได้นั้นจะต้องมาจากสายเลือดของชนชั้นสูงอย่างแน่นอน

“พวกเจ้า สู้ซะ! ฉันจะร่าย ‘เวทย์รักษา’ ให้กับพวกเจ้าเอง พวกเจ้าก็ยืนสู้กับพวกมันไหวใชไหม?”

ทหารไม่มั่นใจว่าเจ้าชายกำลังบ่นอะไรอยู่ อย่างไรก็ตาม พวกเขาสามารถที่จะรู้สึกได้ถึงพลังที่ไหลเวียนภายในร่างกายของพวกเขา

หลานชายของมหาวีรบุรุษกำลังเฝ้ามองดูพวกเขาจากด้านหลัง ลูกหลานของมหาวีรบุรุษที่สังหารราชาเนโครแมนเซอร์เอม่อนกำลังปกป้องแผ่นดินนี้อยู่ ดินแดนวิญญาณแห่งความตาย

ในเวลานี้เอง ความมั่นใจของพวกเขาเพิ่มพูนขึ้นอย่างมากเหมือนกับว่าพวกเขาได้กลายเป็นอัศวินที่ไร้ซึ่งความกลัวกำลังต่อสู้เคียงบ่าเคียงไหล่กับมหาวีรบุรุษ

“โอ้ โอ้ววววว!!”

ทหารทั้งหมดต่างร้องเสียงดังออกมา

-เคี้ยกกก!

ในอีกด้านหนึ่ง อันเดทต่างส่งเสียงร้องออกมา

ทหารกำไปที่โล่ของพวกเขาแน่นและก้มตัวลงต่ำ

กูลพุ่งเข้าใส่และซอมบี้ต่างเดินโซเซเข้าใส่ทหารมนุษย์ด้วยเช่นกัน เพียงเวลาไม่นาน ทหารที่อยู่แถวหน้าที่ถือโล่อยู่ก็กัดฟันแน่น

‘มันไม่ได้เป็นปัญหาอะไรเลย...!’

มันไม่สามารถที่จะหยุดเขาได้ เพราะว่า...

“ฮึ้บ!”

เนื่องจากว่าพวกเขาไม่ได้เป็นทหารธรรมดาทั่วไปอีกแล้ว เท้าของเขาที่วางบนพื้นอย่างหนักแน่นถอยไปเล็กน้อย แต่เขายังคงยืนป้องกันการโจมตีนั้นได้ กูลพุ่งเข้าใส่และเหวี่ยงกรงเล็บเข้าใส่ทหารเพื่อที่จะฉีกกระชากโล่ออกไป แต่เขากลับผลักสัตว์ประหลาดนั้นกระเด็นกลับไปแทน

“อย่าถอย! ตั้งแถวไว้!!”

คนที่คอยสนับสนุนยืนอยู่ด้านหลังแถวแรกตะโกนออกมา ทหารที่อยู่แนวหน้าซึ่งถือโล่อยู่กัดฟันแน่น

กูลสูญเสียการทรงตัว แขนของมันลอยค้างอยู่กลางอากาศ

‘โอ้พระเจ้า! เขาผลักกูลกระเด็นกลับไปงั้นเหรอ?

ปึก…!!

หอกแทงผ่านเข้าไปยังเนื้อของกูลด้วยเสียงที่น่าหวาดหวั่น

-เคี้ยกก!!

หลังจากที่อาวุธถูกดึงออกมา รูขนาดใหญ่ปรากฏตัวขึ้นภายในร่างของกูลและเศษขี้เถ้าก็หล่นออกมาจากภายในนั้น สัตว์ประหลาดกรีดร้องออกมาอย่างเจ็บปวดและในขณะที่กำลังจับไปที่ไหล่ที่บาดเจ็บของมัน มันก็ถอยกลับไปก่อนที่จะส่งเสียงร้องออกมาอย่างระมัดระวัง

ทหารที่เห็นเหตุการณ์นี้เลิกคิ้วขึ้น

‘มันสามารถรู้สึกเจ็บได้..?’

อันเดทรู้สึกเจ็บ?

ทหารที่คอยสนับสนุนแนวหน้าก้มมองที่หอกของเขาเอง แสงสีขาวส่องประกายค่อยๆที่จะไหลออกมาจากอาวุธของเขา

พวกเขาเป็นแค่ทหารธรรมดาทั่วไป ไม่ใช่อัศวิน เป็นแค่คนธรรมดาทั่วไปเท่านั้น

แน่นอนว่าพวกเขาไม่เคยเรียนรู้วิธีการใช้มานามาก่อน และพวกเขาก็ไม่เคยที่จะเรียนรู้วิธีการใช้พลังศักดิ์สิทธิ์ด้วยเช่นกัน นอกจากนี้แล้ว พวกเขายังฝึกฝนโดยการพึ่งพาร่างกายของเขาเพียงอย่างเดียว แต่ในตอนนี้ พวกเขากำลังใช้อาวุธที่ปกคลุมไปด้วยพลังศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งมันเหมือนกับว่าพวกเขาเกือบจะกลายเป็นพาลาดิน

“ฮ่า! ฮ่าๆๆ! ฮ่าๆๆ!!”

ทหารหัวเราะออกมาอย่างไม่ได้ตั้งตัว

‘นี่มันเกิดบ้าอะไรขึ้นกันเนี่ย...ฉันสามารถใช้พลังศักดิ์สิทธิ์ได้?’

ทหารที่เหลือต่างจ้องไปที่เหล่ามอนสเตอร์ ซอมบี้และกูลที่ทำให้พวกเขาต่างหวาดกลัวก่อนหน้านี้ดูอ่อนแอและน่าอนาถ

ในอีกด้านหนึ่ง มันเหมือนกับว่าพวกเขากลายเป็นตัวตนที่พวกเขาต่างปรารถนาถึง พาลาดินที่ทรงอำนาจ

“พวกเราทำได้...”

แน่นอนว่าพวกเขาสามารถทำมันได้

“พวกเราสามารถชนะได้!!”

แน่นอนว่าพวกเขาทำมันได้แน่ๆ!

ทหารทั้งหมดต่างคำรามออกมาพร้อมกัน พวกเขาไม่ได้สนใจกับรูปแบบการยืนของเขาอีกต่อไป ความรู้สึกของอะดรีนาลีนที่สูบฉีด มันทำให้เขาตื่นเต้นกันอย่างมาก

ด้วยความเร็วที่พวกเขาเพิ่มขึ้นจนตัวเองแทบจะไม่เชื่อ ทหารต่างมาถึงเบื้องหน้าของซอมบี้และกูล พวกเขาต่างเหวี่ยงอาวุธออกไป ดาบนับไม่ถ้วนตัดผ่านเนื้อของเหล่าอันเดท

มันเหมือนกับว่าพวกเขากำลังใช้ดาบตัดผ่านเต้าหู้อยู่ อาวุธของพวกเขาต่างตัดศัตรูของพวกเขาลงได้อย่างง่ายดาย

เมื่อเนื้อของอันเดทที่ถูกตัดออก มันได้ถูกเผาไหม้ทันทีโดยพลังศักดิ์สิทธิ์ มันเปลี่ยนกลายเป็นขี้เถ้าที่กระจัดกระจายไปในอากาศในทันที

“ฮ่าๆๆๆ”

ทหารทั้งหมดต่างเต็มไปด้วยความมั่นใจและเริ่มเข้าสู่ความทระนงตัว มันไม่ใช่เวลาที่เหล่าอันเดทจะไล่ล่ามนุษย์อีกต่อไปแล้ว แต่มันเป็นช่วงเวลาที่เหล่าทหารที่ยังมีชีวิตอยู่ออกไล่ล่าเหล่าอันเดทพวกนี้แทนต่างหาก

เมื่อทหารคิดได้ดังนี้ เขาสัมผัสได้ถึงงตัวตนบางอย่างที่อยู่ด้านหลังเขาและรีบหันกลับไปมอง

“...หื้อ?”

หัวของเขาลอยหลุดออกไปจากบ่าและบนใบหน้านั้นมีสีหน้าที่เต็มไปด้วยความประหลาดใจติดอยู่บนใบหน้าของเขา

ทหารคนอื่นต่างสะดุ้งและรีบหันไปมอง

มันเป็นสัตว์ประหลาดที่สูงกว่าสองเมตราครึ่ง ในมือขวาของมันนั้นมีดาบยาวอยู่ ในขณะที่มือซ้ายของมันมีหัวของตัวมันเอง อัศวินอันเดทกำลังสวมชุดเกราะเต็มยศซึ่งยืนอยู่อย่างองอาจ

“หวายยย!”

ทหารที่เห็นดูลลาฮานต่างกรีดร้องออกมาอย่างตื่นตระหนก พวกเขาพึ่งจะตื่นขึ้นมาจากความลุ่มหลงที่เกิดขึ้นชั่วขณะและกลับเข้าสู่โลกของความเป็นจริง

มันเป็นตอนนั้นเองที่มีใครบางคนกระโดดเหยียบไหล่ของทหารและลอยขึ้นกลางอากาศ

“หื้อ?”

ปลายของพลั่วที่ส่องประกายใต้แสงแดด เจ้าชายเหวี่ยงพลั่วของเขาด้วยสายตาที่แหลมคม

อย่างไรก็ตาม ดูลลาฮานปัดพลั่วออกไปได้อย่างง่ายดาย

“เหี้ยอะไรวะเนี่ย?”

เจ้าชายโดนผลักกระเด็นขึ้นกลางอากาศ

เมื่อเจนาลเห็นภาพที่เกิดขึ้น เขารีบตะโกนออกมา “รีบไป รีบไปปกป้องเจ้าชายเร็วเข้า!”

ทหารตั้งสติได้อย่างรวดเร็วและไปอุ้มเจ้าชายที่หล่นลงบนพื้น

“ยืนตำแหน่งกันให้ดี! พวกเจ้าทั้งหมด ตั้งสติได้แล้ว!”

เจนาลออกคำสั่งเสียงดังก้อง ซึ่งมันทำให้ทหารที่ตื่นเต้นกลับเข้ามาสู่โลกแห่งความเป็นจริง พวกเขาเป็นแค่ทหารธรรมดาทั่วไป ไม่ใช่พาลาดินที่แท้จริง ซึ่งจะสามารถปลดปล่อยพลังในการต่อสู้กับเหล่าอันเดทได้

เมื่อพวกเขาตระหนักได้ถึงเรื่องนี้แล้ว ความหวาดกลัวก็พวยพุ่งเข้าใส่ทหารอีกคราหนึ่งและพวกเขาต่างล่าถอยกันอย่างเร่งรีบ

-โอวววววว!

หัวของดูลลาฮานที่อยู่ในมือซ้ายของมันส่งเสียงร้องคร่ำครวญออกมา ดาบยาวของมันยกสูงขึ้นกลางอากาศก่อนที่จะทุบลงบนพื้น

“เฮือก!!”

ทหารทั้งสองคนที่ยืนเฝ้าตำแหน่งอยู่ยกโล่ของพวกเขาขึ้นและป้องกันดาบยาวนี้ไว้ด้วยกัน เมื่อการโจมตีที่หนักหน่วงนี้ฟาดลงมา ทหารทั้งสองคนต่างโซซัดโซเซ

ดูลลาฮานเหวี่ยงดาบลงอีกครั้งหนึ่ง ในครั้งนี้มันฟันตวัดขึ้นด้านบน

ยังไงก็ตาม การโจมตีครั้งที่สองของสัตว์ประหลาดได้รับการป้องกันเป็นอย่างดี แต่โล่ที่ใช้ป้องกันกลับมีรอยร้าวขึ้น ทหารที่ยืนป้องกันกูลไว้ได้ ไม่สามารถที่จะรับการโจมตีที่รุนแรงนี้ได้ เขาลอยกระเด็นขึ้นกลางอากาศก่อนที่จะกระเด็นกลับไปด้านหลัง

รูปแบบการยืนของพวกเขาพังลงและรูโหว่ช่องใหญ่ก็ปรากฏขึ้น ทหารที่ถือหอกอยู่หน้าซีดทันที

“แทงมันซะ!”

พร้อมกับคำพูดเหล่านี้ ทหารที่ตื่นตระหนกกำหอกในมือไว้แน่นและแทงไปเบื้องหน้าของพวกเขา อาวุธของพวกเขาที่ได้รับการเสริมพลังโดยพลังศักดิ์สิทธิ์ทำลายเกราะของมันลงและพุ่งแทงเข้าไปยังสัตว์ประหลาด ดูลลาฮานกรีดร้องออกมาอย่างเจ็บปวด แต่มันก็ยังไม่หยุดเหวี่ยงดาบไปในทุกทิศทาง

“...ไอ้เวรเอ้ย ไอ้ตัวเหม็นเน่านี่มัน…!”

เจ้าชายลุกขึ้นยืนและพยายามที่จะมุ่งตรงไปด้านหน้าอีกครั้งหนึ่ง ยังไงก็ตาม เจนาลรีบหยุดเขาไว้

“ไม่นะ ฝ่าบาท!! คู่ต่อสู้ของท่านคือดูลลาฮาน! มันคืออัศวินไร้ศีรษะ! มันเป็นอีกชั้นหนึ่งเลยเมื่อเทียบกับเหล่ากูล!”

เจนาลรีบเงียบปากทันที เนื่องจากเจ้าชายขมวดคิ้วและหยิบอะไรบางอย่างออกมาจากกระเป๋าเสื้อ โดยที่เขาไม่ได้พูดอะไรเพิ่มเติมออกมา

เจ้าเมืองตาโตขึ้น เมื่อเขาตระหนักได้ถึงสิ่งที่เจ้าชายหยิบออกมาจากกระเป๋าเสื้อ

มันเป็นอาวุธที่เป็นแท่งยาว ซึ่งมันเป็นเรื่องที่น่าตกตะลึงที่ว่า เขาสามารถที่จะหยิบของที่ยาวแบบนั้นออกมาจากกระเป๋าเสื้อได้ แต่สิ่งที่มันทำให้เขาตกตะลึงมากกว่าเรื่องที่เขาหยิบสิ่งนั้นออกมาจากกระเป๋าเสื้อ นั้นคืออาวุธที่เขาหยิบออกมา

มันเป็น...ปืน?

เขาหยิบของตกแต่งนั้นออกมาทำไม?

-โอววววว!

กูลจ้องไปที่ดวงตาของดูลลาฮานที่ส่องประกายอย่างดุเดือด เมื่อมันเหวี่ยงดาบอีกครั้งหนึ่ง ทหารอีกสองนายก็กระเด็นออกไปอย่างขัดขืนไม่ได้ ตำแหน่งการยืนก็พังลงอีกครั้งหนึ่ง ซึ่งมันทำให้กูลและเหล่าซอมบี้ต่างบุกได้อีกครา

ดูลลาฮานยกหัวของมันขึ้นและยิ้มเยาะเย้ย ดวงตาตายด้านของมันกวาดตามองไปรอบๆ จนกระทั่งสังเกตเห็นเด็กหนุ่มตัวเล็กที่อยู่ท่ามกลางเหล่ามนุษย์

-เคี้ยก?

เพียงแค่สัตว์ประหลาดตนนี้พึ่งจะตระหนักได้ว่าเด็กหนุ่มคนนี้ชี้อาวุธนี้มาที่มัน..

แสงสว่างจ้าระเบิดออก และในเวลาเดียวกันหัวของดูลลาฮานก็ระเบิดออกด้วยเช่นกัน เหลือทิ้งไว้แต่เศษฝุ่น

เมื่อหัวของมันหายไป ดูลลาฮานก็ล้มลงกับพื้น

“คิดไว้แล้วเชียว...ไม่น่ามาอยู่แนวหน้าเลย..”

เจ้าชายน่าจะรู้สึกเหนื่อยมาก ในขณะที่ถือปืนคาบศิลา เขาก็ล้มลงกับพื้นในขณะที่พึมพำออกมาอย่างไม่มีความสุข

***

เมื่อเขายืนอยู่บนกำแพงปราสาท ฮาร์แมนกลืนน้ำลายของตัวเองลง

มันเป็นที่รู้กันดีว่าสนามพลังบวกเป็นสิ่งที่คอยปัดป้องพลังมารออกไป ในขณะที่สนามพลังรบมันจะทำให้พลังมารแข็งแกร่งมากยิ่งขึ้น ตราบเท่าที่พระอาทิตย์ส่องสว่างอยู่บนหัวของพวกเขา เหล่าอันเดทก็จะไม่สามารถแสดงศักยภาพของพวกมันออกมาได้เต็มกำลัง

อย่างไรก็ตาม....

‘พระอาทิตย์กำลังจะหายไปแล้ว’

ฮาร์แมนจ้องไปที่ท้องฟ้า

พายุหิมะที่ถาโถมอย่างหนักหน่วง รวมทั้งเมฆสีดำได้ปิดบังแสงอาทิตย์ ซึ่งมันเหมือนกับกลืนกินพระอาทิตย์ลงไปแทนเสียมากกว่า เขาสามารถที่จะสัมผัสได้ถึงพลังมารที่ไหลเวียนออกมาจากพวกมัน เมฆดำเหล่านี้มันเหมือนกับ ‘หมอก’ ที่เหล่าแวมไพร์สร้างขึ้นมาเอง

‘ไม่เพียงแค่นั้น พระอาทิตย์กำลังจะตกดินแล้วอีกด้วย’

การต่อสู้ที่เกิดขึ้นตั้งแต่เช้านี้ดูไม่มีทีท่าที่จะจบเลย แม้ว่าจะถึงเวลาเย็นแล้วก็ตาม

บึ้ม!...บึ้ม!..บึ้ม!

ซอมบี้ตัวหนึ่งยังคงตีกลองสงครามอย่างต่อเนื่อง ทุกครั้งที่มันตีลงไปบนกลอง มันทำให้มนุษย์ที่ซ่อนตัวอยู่ด้านหลังปราสาทต่างหวาดกลัว ซอมบี้และโครงกระดูกต่างส่งเสียงร้องออกมาเป็นจังหวะ

“ยิง!”

หนึ่งในทหารออกคำสั่งและนักโทษต่างยิงลูกธนูและหน้าไม้ออกไป

ซอมบี้และโครงกระดูกที่มุ่งตรงมาต่างถูกระดมยิงโดยลูกศรนับไม่ถ้วน สัตว์ประหลาดยกโล่ของพวกมันขึ้นเพื่อปกป้องศีรษะของพวกมันเอง เพียงเวลาไม่นาน ลูกศรทีล่วงหล่นของมันปักทะลุเข้าสู่หลายส่วนของร่างกาย - ไม่ว่าจะเป็น แขน ขา หรือแม้แต่ร่างกาย สัตว์ประหลาดต่างล้มลงหรือกระเด็นกลับไปโดยแรงกระแทก แต่ว่ามันก็เป็นเพียงแค่นั้น

ลูกศรและหน้าไม้ไม่สามารถที่จะแทงทะลุผ่านโล่ของพวกมันได้ ไม่เพียงแค่นั้น พวกมันก็เพียงแค่แทงทะลุได้แค่แขนของสัตว์ประหลาด ไม่มีลูกศรอันใดได้แทงทะลุเข้าหัวของพวกมันเลย

ปกติแล้วเหล่าอันเดทไม่สามารถที่จะวิ่งออกมาได้ แต่พวกมันกลับเคลื่อนที่ไปด้านหน้าด้วยก้าวที่รวดเร็วและมาถึงกำแพงด้านนอกของโรเนีย มันใช้บันไดที่สร้างจากไม้และกระดูก พวกมันต่างปีนขึ้นไปบนบันได

-เคี้ยก เคี้ยก!

“หยุดพวกมันไว้!”

ลูกศรและลูกหน้าไม้ที่เล็งไปยังซอมบี้และอันเดทที่กำลังปีนขึ้นไปบนบันได หมวกของเหล่าสัตว์ประหลาดต่างถูกแทงทะลุจนได้ พวกมันกระเด็นออกไปก่อนที่จะล่วงหล่นลงบนพื้น

อันเดทจำนวนมากกำลังยืนมองจากด้านล่างและกำลังรอคอยเวลาของมันที่จะปีนขึ้นไปด้านบน ในขณะที่มันป้องกันหัวตัวเองด้วยโล่

พวกมันไม่รู้จักคำว่ากลัว พวกมันไม่รู้จักคำว่าเจ็บปวดด้วยเช่นกัน

ไม่สิ พวกมันเพียงแค่ทำตามคำสั่งที่พวกมันได้รับมา ถ้าหัวของพวกมันไม่โดนยิงทะลุ เหล่าสัตว์ประหลาดพวกนี้ก็ยังคงจะปีนขึ้นไปบนกำแพงอยู่ดี

นี่คือศักยภาพของกองทัพที่ไม่มีวันตายและนี่คือสิ่งที่ทำให้อันเดทเป็นศัตรูที่น่ารำคาญ

“...เวรเอ้ย”

ฮาร์แมนดูฉากที่เกิดขึ้นและพ่นคำหยาบออกมา

อีกฝั่งหนึ่งต่างเมินเฉยความปลอดภัยของพวกมัน ตราบเท่าที่หัวของพวกมันปกคลุมไปด้วยพลังมาร ยังไม่ถูกทำลายลง เหล่าอันเดทพวกนี้ก็ยังเคลื่อนไหวได้

ดังนั้นพวกมันจึงใช้ความได้เปรียบนี้ในสงคราม

‘ไม่สิ รอก่อน ปัญหาที่แท้จริงไม่ใช่พวกมัน’

เครื่องยิงก้อนหินสั่นไปมา ท่ามกลางเหล่าซอมบี้ ในเวลาเดียวกันอะไรบางอย่างก้อนใหญ่ก็พุ่งออกมาจากด้านในปราสาท

ฮาร์แมนเหลือบตามองไปยังจุดที่มันหล่นลง ‘ลูกบอล’ ขนาดใหญ่ทำลายบ้านและมันยังคงกลิ้งไปบนพื้นอย่างต่อเนื่อง ในเวลาอันสั้น มันก็ระเบิดออกและสัตว์ประหลาดรูปร่างมนุษย์ก็กระจายไปทั่วทุกทิศทาง

“กระสุนซอมบี้...”

สิ่งที่บินออกมาไม่ใช่ก้อนหินที่ไว้ใช้ทำลายกำแพงและอุปกรณ์ แต่มันคือก้อนเนื้อเน่าสด ในอีกความหมายหนึ่งก็คือซอมบี้

“แม่งเอ้ย”

ฮาร์แมนมองไปที่ด้านนอกำแพงปราสาท

-คุโอววว...!

ซอมบี้ยักษ์สี่เมตร ซอมบี้ออร์คยังคงเคลื่อนที่ไปด้านหน้าอย่างต่อเนื่อง พวกมันต่างมองไปที่เหล่าซอมบี้ที่รุมล้อมพวกมันและมันเหมือนกับกำลังสร้างโอนิกิริ พวกมันเริ่มที่จะปั้นพวกมันให้เป็นก้อนกลม พร้อมกับเสียงของกระดูกและเนื้อที่ถูกบดขยี้โดยพละกำลังของออร์ค ในบางครั้งบางครา ซอมบี้ก็ระเบิดออก ในขณะที่เนื้อเน่ากระจายออกมา

ซอมบี้ออร์คก็ยัดก้อนเนื้อลงไปในเครื่องยิงก้อนหิน หลังจากที่มันทำลง เจ้าโครงกระดูกเก้งกางก็ลั่นไก

เนื้อก้อนกลมก็ถูกยิงออกมาโดยเครื่องยินก้อนหิน

เมื่อทหารเห็นภาพที่เกิดขึ้น พวกเขาต่างตกอยู่ในความสิ้นหวัง

“โอ้...พระเจ้า…!”

เนื้อบางส่วนที่ถูกยิงตกลงไปบนกำแพงด้านนอกและล่วงหล่น ก้อนซอมบี้ที่ถูกมัดรวมกันแตกกระจายไปลงบนพื้น

-เคี้ยกก..

หลังจากที่มันลงมาบนกำแพงปราสาท เหล่าซอมบี้ต่างเคลื่อนไหวอีกครั้งหนึ่ง แม้ว่าแขนขาของพวกมันจะถูกบดขยี้ไปแล้ว พวกมันกระจัดกระจายไปทั่วทุกทาง

“หยุดพวกมันไว้!”

ทหารนับไม่ถ้วนต่างแทงหอกออกไปอย่าดิ้นรนและป้องกันการโจมตีซอมบี้ที่กำลังปีนขึ้นกำแพง

มันมีโอกาสอย่างมากที่ประชาชนที่หวาดกลัวจะถูกกลืนกินโดยที่ไม่สามารถป้องกันตัวเองได้เลย หรืออาจจะเกิดใหม่กลายเป็นเหล่าอันเดท

“หยุดปืนยิงนั่นและทำลายพวกมันซะ!”

นักโทษเล็งปืนยิงหน้าไม้ยักษ์ที่ติดตั้งไว้บนกำแพงออกไป ลูกหน้าไม้ยักษ์ถูกยิงเข้าใส่เหล่าซอมบี้ออร์ค

พวกมันบางส่วนยิงไม่โดน ในขณะที่บางดอกยิงลงไปยังร่างกายของเหล่าออร์ค แต่สิ่งเหล่านี้มันก็ไม่ได้เป็นอะไรที่คุกคามเท่าไหร่กับอันเดท ซอมบี้ออร์คตัวสั่นสะท้านเล็กน้อยและมันก็เมินต่อลูกดอกที่ยิงแทงทะลุเข้าร่างกายของพวกมันและยังคงั้นก้อนซอมบี้อยู่ดี

ฮาร์แมนกัดฟันแน่น

สถานการณ์ที่เกิดขึ้น เขาคงไม่สามารถที่จะป้องกันประตูไว้ได้ ศัตรูมันยังคงไหลเข้ามาภายในปราสาทโรเนียอย่างต่อเนื่อง

ด้วยอัตราเท่านี้แล้ว...

‘…พวกเราคงโดนรุมรอบทุกทิศทาง!’

เขาจ้องไปที่แวมไพร์เคานต์อีกครั้งหนึ่ง เจ้าสัตว์ประหลาดตัวนี้ยังคงหัวเราะออกมาอย่างต่อเนื่องจากด้านบนเกี้ยว

‘พวกเราจะต้องหยุดพวกมัน ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม อย่างน้อย พวกเราต้องถ่วงเวลาจนกว่าจักรวรรดิจะรับรู้ถึงสถานการณ์ที่เกิดขึ้น...จนกว่าพวกเขาจะส่งกองกำลังเสริมมา’

ยังไงก็ตาม ฮาร์แมนก็ยังหาทางออกที่จะแก้ไขปัญหานี้ไม่ได้

มันเป็นเวลาอย่างน้อยสองสัปดาห์กว่าที่จักรวรรดิจะรู้ถึงสถานการณ์ เมื่อถึงเวลานั้นแล้ว ปราสาทนี้คงจะถูกทำลายไปแล้ว

เพียงแค่เขากำลังกำหมัดแน่นอย่างเกรี้ยวกราดและหงุดหงิด หญิงสาวคนหนึ่งก็พุ่งผ่านเขาไปด้านหน้า

“...??”

ฮาร์แมนสะดุ้งและหันไปมองหญิงสาวที่มีผมสีเงินคนนั้น

Chapter 31: เป็นเจ้าชายนี่มันโคตรเหนื่อยเลยจริงๆ – 4 จบ

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด