ตอนที่แล้วตอนที่19 ยุทธการที่ยูทิก้า (Battle of Utica) (2)
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 1 กำเนิดประชาธิปไตย : ตอนที่ 1 หลังสงคราม (Postwar)

ตอนที่ 20 ยามสายลมจะพัดพา (When The Wind Will Blow) (End)


ยามสายลมจะพัดพา

 (When The Wind Will Blow) 

(End)

   ตึง! ตึง! เสียงยํ่าเท้ากระทบกับพื้นกลายเป็นรอยเท้าลึกลงไปกับดินขนาดใหญ่ รอบข้างยังคงเป็นการสู้รบระหว่างชนเผ่าและทหารอาสาแม้ว่าจะเป็นเพียงแค่การต่อสู้ท่เบาบางเพราะกองกำลังหลักได้ถอยร่นไปแล้ว เหลือเพียงไม่กี่หยิบมือเท่านั้น และแน่นอนว่า เจ้าทรีแอ๊นมีลำตัวสูงใหญ่ประมาณ 9 เมตร ร่างกายประกอบไปด้วยไม้ทั้งตัวอันเป็นเกราะที่ปกป้องมันตามธรรมชาติ ยากที่จะยิงด้วยปืนเล็กยาว มันค่อย ๆ ยํ่าเท้าก้าวอย่างไม่เกรงกลัว อย่างไรก็ตามไม้ก็ยังคงเป็นไม้อยู่วันยังคํ่า

“เฮ้ย! นายตรงนั้นน่ะ รับเจ้านี้ไว้แล้วตามฉันมา!”  ร่างบางผู้มีผมสีขี้เถ้าอ่อน นัยน์ตาสีฟ้าผู้นั้นคือลาสที่ถือขวดเหล้าติดไฟอยู่ท่ามกลางสนามรบเดือดพล่าน หันไปหาผู้ที่อยู่ใกล้ๆ ก่อนจะออกคำสั่งพร้อมยื่นสิ่งของในมือให้

“ค.. ครับ!” นายทหารอาสาคนหนี่งรับมันด้วยระมัดระวัง

ทั้งสองวิ่งเข้าไปหาเจ้าทรีแอ๊น ก่อนที่จะตะโกนคำสั่งกับผู้ติดตาม “โยนเลย!!” สุดเสีย ลาสก็โยน ระเบิดขวดใส่ทรีแอ๊นสุดกำลังแขน และนายทหารอาสาอีกคนก็โยนตาม ทรีแอ๊นนั้นมิได้หลบขวดเหล่าที่ถูกโยนเข้ามาหาตนเสียกระไร แต่สัญชาตญาณกลับกู่ร้อง ช่างหน้าเสียดายที่มันไม่ได้หลบขวดเหล้าสองขวดนี้

พล้ง! เสียงแก้วกระทบบนท่อนไม้แตกเสียงดัง  พร้อมประติกิริยาระหว่างไฟ แอลกอฮอล์ และ ออกซิเจน กลายเป็นระเบิดเพลิงเผาไหม้ขนาดย่อมๆ ไฟนั้นรุงแรงรุกรามไปทั่วตัวทรีแอ๊นด้วยความรวดเร็ว มันสะบัดร่างกายไปมาพร้อมเสียงโหยหวนน่าเวทนา

“อย่าได้ชักช้า มารับระเบิดขวดแล้วปาใส่มันซะ! ส่วนใครมีขวานก็ตัดขามันเสีย!  ”  ลาสยังคงเรียกสติทหารรอบข้างได้อย่างดีเยียม ระเบิดเพลิงถูกคว้างปาไปแล้วนับได้สี่ห้าขวด ไฟมันลุกโชนไปทั่วทรีแอ๊นด้วยร่างกายที่เป็นเชื้อเพลิงให้ไฟอย่างดี มันทำให้ผู้ล่ากลายเป็นผู้ถูกล่าแทน

   อ้ากกกก!!!!! ระ.. ร้อนเหลือเกิน! ช่วยข้าด้วย!! ขณะที่ทรีแอ๊นใกล้จะล้มลง เสียงกรีดร้องอันรุนแรงของผู้หญิงก็ดังขึ้นตรงข้ามกับสนามรบแห่งนี้ มันดังจนถึงกลับว่าหลายคนต้องหันไปหาต้นเสียงนั้น เสียงร้องนั้นดังมาจากฝั่งที่เหล่านักรบชนเผ่าถอนกำลังไป หากมองดีๆ จะพบร่างหญิงผู้หนึ่งมีไฟลุกทั้งตัว ร่างกายนั้นแทบจะไม่เหลือเค้าโครงเดิม สีผิวที่ถูกไหม้จนไม่อาจจะมองเห็นว่าเป็นเนื้อหนังได้ ไม่นานนักผู้หญิงคนนั้นก็ล้มลงไป พร้อมเสียงเงียบที่เจือจาง

   ตูม..! พร้อมกับทรีแอ๊นที่ล้มลงไปกับพื้นดิน ร่างกายอันใหญ่ของมันดิ่งลงมาบนพื้นดินเสียงดังสนั่นไปทั่วสนามรบ สิ้นสุดเสียงความเงียบก็เข้ามาแทน เหล่าทหารอาสาต่างพากันถอนหายใจ พวกเขาจ้องมองไปที่ชายหน้าหวานผู้เป็นผู้บัญชาการของพวกเขาด้วยความคิดมากมาย

แต่คำพูดเดียวที่ออกมาจากในจิตใจของพวกเขาในที่ที่แห่งนี้มันกลับถูกขับออกมาเป็นเสียงเดียวกันว่า

ผู้พิทักษ์แห่งพงไพร ‘ ทรีแอ๊น ’ ถูกร้อยตรีโค่นล้มแล้ว!

“ฮัสสา! แด่กองกำลังบอสตัน! แด่ร้อยตรีดักลาส!” เหล่าทหารต่างพากันตะโกนเสียงดัง หลังชัยชนะของพวกเขา ใบหน้าเต็มไปด้วยความดีใจ พวกเขาไม่คิดว่าจะชนะเจ้าตัวใหญ่แบบนี้ด้วยซํ่า!

“อย่าพึ่งดีใจศึกนี้ยังคงไม่จบง่ายๆ กองกำลัง!! รวมกลุ่มใหม่และตั้งแถวแนวขบวนคอลัมน์ ใครที่สู้ไม่ได้ก็ถอยกลับเขตตัวเมืองซะ!” ลาสที่ยังคงไม่ปล่อยชนะเพียงเล็กน้อยแบบนี้มาขัดแผนการไม่ได้เด็ดขาด เจ้าตัวออกคำสั่งตั้งแถวใหม่ทันที ทหารอาสาทุกคนล้วนมีกำลังใจมากกว่าเดิมเป็นเท่าตัว พวกเขาจัดแถวหน้ากระดานแบบลึก เป็นการจัดทัพแบบคอลัมน์ที่แน่นความเร็วเป็นสิ่งแรก เมื่อเสร็จลาสก็ตะโกนให้ทุกคนได้ฟัง

“กองกำลังอาสาของเราจะเข้าตีขนาบข้างกองกำลังข้าศึกส่วนกลาง ถ้าเกิดทัพกลางแตกพวกเราคงได้หัวเราะกันสนุกปากแน่ เพราะฉะนั้นแล้ว! เมื่อถึงระยะยิงให้แตกแถวแนวยาวทันที ไม่อนุญาตให้ยิงก่อนคำสั่ง เข้าใจไหม!!”

“ทราบ!” ทหารอาสาทั้งชายหญิงต่างตะโกนร้องตอบกลับเสียงดังฟังชัด

“ดี! กองกำลังเดินหน้า!” โอ้วว! สิ้นเสียงปลุกใจ เสียงกล้องเล็กก็ดังเป็นจังหวะ พร้อมเท้าที่เดินไปข้างหน้าอย่างน่าเกรงขามไร้ซึ่งความลังเล กองกำลังอาสาได้รับประสบการณ์จากการสู้เมื่อไม่นานนัก หากเป็นเมื่อก่อนที่พวกเขาอาสาเข้ากองกำลังอาสานี้ พวกเขาคงได้นั่งพักใจรอยจนไม่การไม่ได้งานเป็นแน่

……

.

.

.

.

กองทัพส่วนกลาง กรมทหารเท้าที่ 24 เซอร์เบอรัสที่ 3

หลังจากถอยออกจากแนวรบแรก บัดนี้ทั้งสองกองที่แยกกัน ได้ถูกรวบเข้าด้วยกันเป็นที่เรียบร้อย

เสียงเรียกของบั๊ก(Bugle call)และกลองดังขึ้นพร้อมปืนที่ถูกยกขึ้นมายิงข้าศึกอย่างพร้อมเพรียง ทหารลีโอเนียทั้งแถวยิงไม่หยุดพัก ไม่นานนักนักรบชนเผ่าก็เข้าถึงแนวแถวหน้า การต่อสู้ระยะประชิดจนหลีกเลี่ยงไม่ได้ การสูญเสียของนักรบนั้นมีมากจากการถูกยิงระยะไกล แต่เมื่อเข้าระยะประชิดกลับไม่สามารถทะลวงแถวแรกได้ด้วยซํ่า ดาบปลายปืนของเหล่าลีโอเนียนั้นเปรียบสเหมือนหอกเล็กที่ใช้ในการรบระยะประชิดอย่างมีประสิทธิภาพ

จริงอยู่ที่แนวหอกสามารถรับมือกับข้าศึกที่พุ่งตรงมาอย่างเดียวได้ดี แต่หากข้าศึกนั้นไม่ใช่สิ่งที่คลายมนุษย์เหล่า? เสือป่าตัวใหญ่กระโดดข้ามแถวแนวหน้าพุ่งไปด้านหลังแนวรบด้วยความรวดเร็ว ปากอันใหญ่และคมเล็บอันแหลมคมของมันฉีกร่างกายของทหารผู้น่าสงสารตกตายไปหลายคน

“ตั้งแนวเอาไว้! สังหารให้หมด!” ร้อยเอกจอห์น ตะโกนสั่งด้วยเสียงอันเหี้ยมเกรียม เขาใช้คมดาบแทงไปที่คอของเสือที่พุ่งเข้ามาอย่างไม่กล้าหาญ ก่อนจะใช้ปืนยิงนักรบคนหนึ่งที่ขับขี่เจ้าเสือตัวนี้จนล้มลงมาสิ้นชีวิตตรงพื้นดิน เขาไม่กลัวร่างกายที่ใหญ่และดุร้ายอันบ้าคลั่งของเสือตัวนี้แม้แต่น้อย ใบหน้าที่ถูกชโลมไปด้วยโลหิตของศัตรู เมื่อทหารต่างเห็นความโหดเหื้ยมอันน่ากลัว พวกเขาล้วนเคารพและนับถือร้อยเอกของพวกเขาอย่างสุดใจไร้ข้อกังขา

ขณะที่ร้อยเอกจอห์นปฏิบัติหน้าที่ในส่วนของตนอยู่นั้น ร้อยเอกจอห์นก็สังเกตเห็น ชายหนุ่มชนพื้นเมืองคนหนึ่งผู้มีบรรยากาศที่แตกต่างจากคนอื่นอย่างมาก ชายหนุ่มคนนั้นขี่เสือขาวขนาดใหญ่ มันพุ่งเข้ามาหาแนวรบของร้อยเอกจอห์นอย่างรวดเร็ว กระสุนปืนมากมายถูกมันวิ่งหลบได้อย่างสบาย

“หัวหน้าเผ่าเป็นแค่เด็กงั้นหรอ.. อย่ามาล้อเล่นกับข้า!  ” ร้อยเอกสบถอย่างหัวเสีย เมื่อคิดว่าชายหนุ่มคนนั้นคือผู้นำกองกำลังพันธมิตรชนพื้นเมือง

ผู้นำชนพื้นเมืองตรงหน้านั้นคือ นาคา แห่งซู สายตาจองนาคาจับจ้องมองร้อยเอกจอห์นอย่างเงียบขรึม ไร้ความรังเลหรือกังวลแม้แต่น้อย ไม่นานนักนาคาก็จู่โจมใส่ ร้อยเอกจอห์นด้วยความเร็ว เห็นเช่นนั้นร้อยเอกจอห์นก็ยกดาบปัดปกป้องตัวเอง ร้อยเอกจอห์นโยกตัวล้มกรงเล็บเสือก่อนจะแทงดาบขึ้นไปข้างบน

   เคร๊ง! เสียงดาบถูกปัดด้วยขวานเล็กในมือของนาคา แต่ก่อนที่จะได้สวนกลับปืนสั้นก็ถูกจ่อไปที่ตัวของนาคา ด้วยสัญชาตญาณนักรบ นาคาเอียงหลบด้วยความรวดเร็ว ปัง! กระสุนนั้นถูกขับออกจากลำกล่องผ่านข้างตัวของเขาไปไม่กี่นิ้ว เมื่อได้จังหวะนาคาบังคับสัตว์ขี่ของตนถอยตั้งหลักทันที

“โห้… หลบทันด้วยงั้นหรอ” ร้อยเอกจอห์นทึ่งกับความสามารถของนักรบตรวหน้าของเขาอย่างมาก ถ้าเป็นคนปกติคงได้มีลูกปืนฝังอยู่ข้างในร่างกายไปแล้ว เมื่อไม่เห็นว่าอีกฝั่งจะตอบกลับ ร้อยเอกจอห์นจึ่งได้โยนปืนสั้นทิ้ง พร้อมตั้งท่าอีกครั้งก่อนจะพูดเอ่ยถามนักรบตรงหน้า " นามของเจ้าคือ.. "

“นาคา ยาทาพิคคา” นาคาเอ่ยตอบสั่นๆ “เจ้า คือ ?” ก่อนจะถามร้อยเอกกลับด้วยภาษาที่ร้อยเอกจอห์นเข้าใจ

“จอห์น.. จอห์น โอลิเวอร์” สิ้นเสียงคำพูด นาคาพุ่งเข้าหาร้อยเอกอีกครา ทั้งสองต่อสู้กันอย่างดุเดือด แม้ว่าร้อยเอกจอห์นที่เสียเปรียบเพราะเสือขาวที่เป็นสัตว์ขี่อันน่ากลัว กรงเล็บ และ ปากของมันสามารถสังหารตัวเขาได้ง่ายดาย อย่างไรก็ตาม ร้อยเอกจอห์นก็ไม่ใช่คนที่แพ้ได้ง่ายๆ คมดาบของเขายังคงฟาดฟันกับนาคาต่อไปโดยไม่สนใจรอบข้างแม้แต่น้อย การต่อสู้ระหว่างชายสองคนนี้มิอาจเข้าไปยุ่งได้แม้แต่น้อย

นาคาบังคับเสือหลบคมดาบของชายใหญ่ตรงหน้าอย่างเชี่ยวชาญ นาคาที่ไม่สามารถใช้อาวุธของตนกับความเสียหายได้ ตัวเขาก็ได้เก็บขวานของตนทันที ขวานเล็กถูกเก็บข้างตัวของตนอยู่สองอย่างละหนึ่งข้าง นาคาเปลี่ยนไปใช้หอกไม้ที่อยู่ข้างหลังของเขาแทน หอกไม้นั้นสร้างด้วยไม้ที่แข็งแรงก่อนปลายหอกเป็นหัวกะโหลกจิ้งจอก ไม่ช้านาคาบังคับเสือพุ่งโจมจู่อีกครั้ง

   ซวบ!  “อัก!!!” หอกในมือของนาคานั้นรวดเร็วดั่งสายฟ้า มันทะลวงไหล่ซ้ายของร้อยเอกจอห์นจนต้องร้องออกมาเล็กน้อย เมื่อเห็นว่าอีกฝั่งเสียท่าเสือขาวตัวนั้นใช้มือตะปบตัวของร้อยเอกจอห์นทันที สัญชาตญาณของร้อยเอกจอห์นร้องเรียก ดาบในปัดหอกที่เสียบไหล่ขวาดันร่างกายของร้อยเอกออกจากระยะมือสังหารของเสือขาว

!! นาคานั้นตกใจกับการตอบสนองที่รวดเร็วของชายตรงหน้าอย่างมาก ร้อยเอกไม่สนใจพิษบาลแผลของตนเอง  ร่างกายพุ่งไปหานาคาแล้วหวดอาวุธของตนไปที่ขาหน้าของเสือขาวอย่างฉับพลัน

   โฮกกกก!!! มันร้องเสียงดังเต็มไปด้วยความเจ็บปวดหลังขาหน้าข้างหนึ่งถูกคมดาบเฉือนเนื้อหนังของมัน แต่กว่าจะได้โต้กลับ ร้อยเอกก็กลิ้งไปกับพื้นผ่านหน้าท้องของเสือขาวด้วยความรวดเร็ว ก่อนจะหันไปใช้ดาบในมือแทงใส่ลำตัวเสือขาวสุดแรง นาคาบังคับให้เสือกระโดดหลบการโจมตีของร้อยเอกจอห์น แต่ทว่าก็ทำได้เพียงไม่ให้คมดาบนั้นแทงจุดสำคัญของร่างกายเสือขาวเท่านั้น ทั้งสองถอยออกห่างจากกันไม่กี่เมตรเพื่อตั้งหลัก

ในขณะที่ทั้งสองกำลังต่อสู้อยู่นั้น เหล่าทหารทั้งสองฝั่งก็สู้กันเอาเป็นเอาตาย สายตาที่เหลือบไปมองผู้นำของตนเป็นครั้งคราว พวกเขาต่างพากันหวังว่าผู้นำของตนจะชนะศึกประลองและนำชัยมาให้พวกเขาด้วยความศรัทธาอย่างสุดแรงกล้า

.

.

.

เวลานั้นผ่านไปหลายชั่วโมง ยากที่จะหาผู้ชนะในศึกครานี่

จุดชี้ชะตาหาใช่การปะทะกันระหว่างลีโอเนียและพันธมิตรชนพื้นเมืองไม่ ชายผู้ที่มีชื่อว่า แดเนียรู้แก่ใจอยู่แล้ว เขาส่องกล้องไปแนวรบของตนอย่างนิ่งสงบ สายตาจับจ้องไปที่แนวหน้า กองกำลังลีโอเนียไม่มีท่าที่ที่จะแตกแถวในเร็วๆนี้แต่อย่างไร ทหารลีโอเนียเริ่มสูญเสียกำลังพลจำนวนมาก แต่ก็ใช่ว่าแค่พวกเขาสูญเสียฝั่งเดียวซะเมื่อไร ฝั่งพันธมิตรชนพื้นก็ไม่ใช่ย่อยๆ เรียกได้ว่าสังหารหมู่เสียมากกว่า จำนวนทีสามารถมองด้วยตาเปล่า ดูกี่ทีก็รู้ว่าพวกเขาสังหารชนพื้นเมืองเกือบครึ่งแล้ว ขณะนั้นเองสายตาของเขาก็หันไปเจอธงที่ถูกชูกำลังเคลื่อนที่เข้ามาใกล้สนามรบแห่งนี้

พันโท แดเนีย ยกยิ้มด้วยความดีใจมองไปยัง ธงพื้นขาวตรงกลางมีงูและต้นไม้สีเขียวตรงกลาง ธงนั้นคือกองกำลังอาสาแห่งเมืองบอสตัน กองกำลังอาสาได้เข้าสู่สนามรบแห่งนี้แล้ว ไม่นานกระบวนทัพกองกำลังอาสาก็เปลี่ยนไปเป็นแนวยิงยาว เสียงยํ่าเท้าพร้อมเครื่องดนตรีดังไปทั่วสนามรบ

กล้องส่องทางไกลในมือลดลงมาข้างล่างไว้ข้างกายของแดเนีย

“เสียใจด้วยนะ… เกมนี้ฉันเป็นคนคุมแล้ว” พันโท แดเนียเอ่ยเบาๆ ก่อนจะยกมือขวาขึ้นสู่ท้องฟ้า

ฝ้ามือถูกปัดลงด้วยความเร็วพร้อมออกคำสั่งที่เสียงดังเพียงสั่นๆ " ยิง! " ปัง! ปัง!  ปืนใหญ่ทั้งสองถูกยิงไปยังแนวหลังสุดของพันธมิตรชนพื้นเมือง ลูกกระสุนสังหารเฉียกร่างของผู้โชคร้ายตายไปหลายคนไม่เว้นแม้แต่เสือยักษ์บางตัว แน่นอนว่าเหตุการณ์นี้สร้างความตกใจและตื่นกลัวให้กับนักรบชนพื้นเมืองอย่างมาก เหล่านักรบต่างคิดว่าปืนกระบอกใหญ่นั้นไม่สามารถยิงพวกเขาได้ จึงได้พุ่งไปข้างหน้าหวังให้ทัพหน้าของลีโอเนียแตกโดยเร็ว แต่พวกลีโอเนียกลับป้องกันได้อย่างน่าใจหาย และเมื่อหันไปด้านซ้ายก็เจอกองกำลังที่ตั้งแถวค่อยๆขยับเข้ามา สิ่งเดียวที่คิดได้ก็คือหากพวกตนไม่หนีตอนนี้

คงจะถูกตีขนาบและถูกล้อมสังหารหมู่เป็นแน่!

คิดเช่นนั้น เหล่านักรบที่เริ่มแตกตื่น พากันหนีออกจากสนามรบกันจ้าละหวั่น ไม่รอช้ากองทัพผสมก็เร่งสังหารข้าศึกตรงหน้าให้ได้มากที่สุด ทำร้ายขวัญกําลังใจจนหมดสิ้น แค่กองทัพถูกตีขนาบก็ทำให้ลมเปลี่ยนทิศได้!

   อวูวว คา มา มา ! ขณะที่นักรบชนพื้นเมืองกำลังหนีตายอยู่นั้น เสียงร้องสุดแสนประหลาดก็ดังขึ้น เหล่านักรบเมื่อได้ยินต่างพากันเปลี่ยนทิศทางหลบหนีทันที การถอนกำลังด้วยความเรียบร้อยต่างจากการแตกทัพอย่างมาก แท้จริงแล้วเสียงนั้นคือคำสั่งถอยของชนพื้นเมือง รวมไปถึงตัวของนาคาที่หลบหนีตามนักรบของเขาไปด้วยเช่นกัน

สนามรบเต็มไปด้วยซากศพสิ่งมีชีวิตมากมาย ร่างอันไร้วิญญาณถูกทอดทิ้งไว้เต็มไปหมด กองกำลังผสมลีโอเนียได้รับชัยชนะอย่างเด็ดคาดเป็นที่เรียบร้อยไม่มีเสียงโห่ร้องถึงชัยชนะ มีเพียงเสียงลมหายใจของเหล่าผู้ที่มีชีวิตรอดในสนามรบเท่านั้น การจัดการกับสนามรบก็เป็นอีกหน้าที่ของ กองกำลังผสมแห่งลีโอเนีย

สายลมพัดผ่านใบหน้าของชายคนหนึ่งที่ยื่นมองสนามรบแห่งนี้ ลาสและกองกำลังอาสายืนทอดกายอยู่อีกฝั่งของกองทหารลีโอเนีย ธงสิงโตทองตั้งตระหง่านอยู่กลางกองทัพ ประวัติศาสตร์แห่งอองโทรานจะบันทึกภาพตรงหน้าเอาไว้ การต่อสู้ระหว่างผู้ที่รุกรานได้จบลงแล้ว กองทัพผู้รุกรานนั้นได้ชัยเหนือผู้อยู่อาศัยเก่า ภาพของธงสิงโตและร่างอันไร้ชีวิตของชนพื้นเมืองตรงกลางและเหล่าทหารอาสาจะคงอยู่ตลอดไปในหน้าประวัติศาสตร์ แท้จริงแล้วชัยชนะครั้งนี้จะเป็นชัยชนะครั้งสุดท้ายจริงๆน่ะหรือ?

---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

ในที่สุดก็จบช่วงแรกแล้ว และก็เขียนทันสิ้นเดือนก่อนงานส่งลูกค้าด้วยล่ะ!! เดือนหน้าเชิญพบกับบทใหม่ของนิยายเรื่องนี้ได้เลย! ขอบคุณทุกท่านที่ยังคงติดตามอ่านนิยายที่อัพช้ายิ่งกว่าหอยทากและคำผิดมากมายจนเรียกได้ว่าคนตรวจก็ยังตรวจพลาด และแน่นอนว่านิยายเรื่องนี้เป็นโปรเจคใหญ่โปรเจคยาวนะคะ เพราะฉะนั้นไม่ทิ้งแน่นอน! แต่อาจจะช้าเพราะเหตุผลหลายเรื่อง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องที่ต้องเข้ามหาลัยและงานมากมาย หรือแม้แต่เครื่องมืออุปกรณ์ที่พังไปหลายอย่างแล้วไม่มีเงินซื้อใหม่ ไม่รวมโปรเจคในเพจนะเออ! เพราะช่วงแทบไม่มีผลงานภาพโปรเจค v.i.r เลยเศร้ามากค่ะ แถมคิดเรื่องที่เซอร์นิยายจนเละสุดๆ  ยังไงก็ขอขอบคุณอีกครั้งนะเจ้าค่ะ รู้สึกดีมากเลยที่ได้เขียนจบช่วงแรกแบบนี้ อ่ะอย่าลืมติดตาม! Kojira Café กันด้วยนะ เพือจะได้รู้ว่าเพจเราทำอะไรบ้าง! หรือ อัพนิยายตอนไหนบ้าง!

(คัปปุชชีโน)

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด