ตอนที่แล้วEp.798 - งานวิจัยสำคัญ
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปEp.800 - ความแค้นของชูฟ่าน

Ep.799 - เติมยีน


3/5

Ep.799 - เติมยีน

นักวิจัยกล่าวอธิบายแก่ฉินเฟิงด้วยความตื่นเต้น

แต่ยิ่งฟัง สีหน้าของฉินเฟิงยิ่งน่าเกลียดขึ้นเรื่อยๆ เพราะเขาจำได้ว่าแมลงสาบที่เจอในวันนี้ เจ้าพวกนั้น ไม่ใช่ว่าปรากฏตัวขึ้นรอบๆซากศพของฝูงลิงที่ถูกฉินเฟิงสังหารเมื่อวานหรอกหรือ?

กล่าวอีกนัยนึงก็คือ สิ่งมีชีวิตจากต่างมิติเหล่านั้นที่ถูกสังหารโดยฉินเฟิง หลังจากนั้นก็ถูกสิ่งมีชีวิตต่ำต้อยจากมิติของเขากัดกินอีกที เมื่อรับประทานจนหมด พวกมันก็เปลี่ยนร่างเป็นสัตว์ร้ายน่าสะพรึงกลัว

ตอนนี้ฉินเฟิงเริ่มรู้สึกเสียใจเล็กน้อย เพราะท้ายที่สุดแล้ว ภายในมิติทับซ้อนแห่งนี้  เขาสังหารสัตว์ร้ายไปมากมายในกรณีนี้เท่ากับเป็นการช่วยเพาะพันธุ์สัตว์ร้ายให้มากขึ้น ช่วยพวกมันคุกคามความอยู่รอดของมนุษย์ทางอ้อม

เนื่องจากเขาไม่มีอบิลิตี้ไฟ เลยไม่สามารถทำลายศพได้!

ขณะเดียวกัน นักวิจัยเหล่านี้ไม่ตระหนักเลยว่าสิ่งเหล่านี้จะก่อให้เกิดหายนะขึ้น!

บางทีอีกไม่นาน ภายในมิติทับซ้อนแห่งนี้อาจไม่ถูกทำลายลงโดยสัตว์ร้ายต่างมิติ แต่อาจถูกทำลายลงโดยกองทัพแมลงคลื่นลูกใหม่แทน

“แต่ว่าพวกเรายังทำการทดลองอย่างอื่นด้วยเช่นกัน เราได้จับสัตว์ร้ายเอาไว้ บอกตามตรง ถ้าไม่ใช่เพราะเจ้าสิ่งนี้ยังอ่อนแอ พวกเราคงขังมันไว้ไม่อยู่แล้ว”

นักวิจัยพาเขาไปอีกจุดหนึ่ง ปรากฏกรงเหล็กถูกตั้งไว้ที่นี่ แต่เป็นกรงที่ทนทานมาก ข้างในมีอุรังอุตังสีน้ำตาลขนาดตัวสูงถึง 2 เมตร

“ฉันไม่รู้ว่าคุณเคยเห็นสิ่งมีชีวิตแบบนี้ข้างนอกรึเปล่า แต่เจ้าสิ่งมีชีวิตตัวนี้เป็นลิง ตอนแรกความแข็งแกร่งของมันน่าจะอยู่แค่เลเวล G1 เท่านั้น แต่ภายในระยะเวลาสั้นๆแค่วันเดียว ลิงอุรังอุตังตัวนี้ยกระดับมาถึง G5 แล้ว และยังเริ่มวิวัฒนาการไปยังระดับทหารสัตว์ร้าย นายพลสัตว์ร้าย ถ้ายังเป็นอย่างนี้ต่อไป ไม่นานพวกเราจะไม่สามารถทำอะไรกับมันได้ ขังมันก็ไม่ได้อีกต่อไป พอมันแข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ สุดท้ายจะหลุดการควบคุมจากพวกเรา”

เมื่อถึงจุดนี้ สีหน้าของฉินเฟิงไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป ร่างกายสั่นเทิ้มด้วยความโกรธ

“คุณใช้อะไรเพื่อยกระดับพวกมัน?”

ภายในกรง ปรากฏกระดูกอยู่บริเวณใต้เท้าลิงอุรังอุตัง แต่ดูจากรูปทรงของกระดูกแล้ว ฉินเฟิงก็ตระหนักได้ทันทีว่าพวกมันมาจากอะไร!

แท้จริงแล้วนั่นคือกระดูกต้นแขนและขาของมนุษย์!

ชายคนนั้นมองฉินเฟิงอย่างประหลาดใจวูบหนึ่งแล้วกล่าวว่า “พวกเราให้เนื้อจากซากศพของมนุษย์เป็นอาหารแก่มัน แต่น่าเสียดาย ที่ไม่มีซากศพของมนุษย์กลายพันธุ์ คนฝั่งเราส่วนใหญ่ที่เป็นมนุษย์กลายพันธุ์ ถือเป็นขุมกำลังที่แข็งแกร่ง ตามปกติเลยไม่มีใครเสียชีวิตบ่อยนัก”

ใบหน้าของฉินเฟิงกลายเป็นเขียวคล้ำ เขาสามารถสัมผัสได้ ว่านักวิจัยคนนั้นรู้สึกเสียดายจริงๆ แต่เป็นการเสียดายที่ไม่มีคนตาย เลยไม่ได้รับวัตถุดิบสำหรับวิจัย

แม้ว่าคนเหล่านี้จะใช้เนื้อของมนุษย์ที่ตายไปแล้วก็ตาม แต่มันยังเป็นเรื่องยากที่จะยอมรับสำหรับฉินเฟิง

แม้สามารถข่มใจไว้ชีวิตอีกฝ่ายได้ แต่เขาไม่อยากอยู่ที่นี่อีกต่อไป

ฉินเฟิงรู้สึกว่าคนพวกนี้มันบ้าจริงๆ เกรงว่าจะบ้าพอๆกับแซด

อย่างไรก็ตาม มันก็สมเหตุสมผลเช่นกัน เพราะคนเหล่านี้ เดิมทีก็เป็นลูกน้องของแซด!

“สัตว์ร้ายจอมเขมือบอยู่ที่ไหน? ผมจะไปเอาตัวมัน ส่วนเรื่องอื่นๆ ถ้าคุณพอใจที่จะอยู่ที่นี่ก็แล้วแต่เลย!” ฉินเฟิงไม่อยากอยู่ที่นี่อีกต่อไป มิฉะนั้นถ้าเขารู้เกี่ยวกับการทดลองที่บ้าคลั่งมากไปกว่านี้ เขาอาจลงมือสังหารทุกคนในฐานทดลองจริงๆ

เห็นได้ชัดว่าชายคนนั้นยังอธิบายไม่เต็มอิ่ม และทนเง็บงำมันต่อไปไม่ได้ เลยกล่าวว่า “คุณไม่ต้องการดูมากกว่านี้หรือ? รู้รึเปล่าว่าพวกเรายังมีการทดลองอื่นๆอีก มีกระทั่งการทดลองเพื่อมนุษยชาติ!”

เมื่อเริ่มเปิดประเด็น อีกฝ่ายก็เริ่มสาธยายน้ำไหลไฟดับ “คุณรู้อะไรไหม ฉันเจอแล้ว! ฉันค้นพบว่าสิ่งมีชีวิตในมิตินี้กับยีนของมนุษย์ สามารถเติมเต็มซึ่งกันและกันได้”

“มิติแห่งนี้ แทนที่จะบอกว่าไม่มีพลังงาน ควรพูดว่าพลังงานทั้งหมดถูกดูดซับโดยสิ่งมีชีวิตและพืชของพวกมันมากกว่า พวกมันเลยเกิดมาพร้อมกับความสามารถในการดูดซับพลังงาน แล้วเปลี่ยนให้เป็นพลังของตัวเอง!”

“ในทางตรงกันข้าม หลังจากที่มิติของพวกมันซ้อนทับกับมิติของพวกเรา พวกมันเลยรับพลังงานจากพวกเราไปด้วย พืชดูดซับพลังงานจากในอากาศ จึงเกิดการเปลี่ยนแปลงเร็วที่สุด ในขณะที่สัตว์ร้ายกินมนุษย์ เมื่อมากเข้าย่อมเป็นธรรมดาที่พวกมันจะเกิดการวิวัฒนาการ!”

“และในทางกลับกัน พวกเราแม้มีพลังแต่ถูกยับยั้งเอาไว้ ทว่าหากกินพวกมัน มนุษย์อย่างเราก็สามารถเปลี่ยนพลังงานของพวกมัน ให้กลายมาเป็นพลังงานของตัวเองได้เช่นกัน น่าเสียดายที่ตอนนี้พวกเรายังมีข้อมูลไม่พอ แต่มีบางคนได้ทำการทดลองในร่างมนุษย์ของตัวเองแล้ว จากนี้ก็ต้องรอดู ว่าทฤษฏีนี้จะได้ผลหรือไม่”

“แต่คิดว่าจะดีที่สุดถ้าทำการทดลองกับคนธรรมดา! วิธีนี้เราจะได้เห็นถึงความเร็วในการวิวัฒนาการของตัวทดลอง!”

ฝีเท้าของฉินเฟิงที่เดิมกำลังจะจากไปพลันชะงักลง เขาทราบดี ว่าการคาดเดาของคนอื่นๆ ทฤษฏีนี้ มันใช้ได้จริงทั้งหมด เพราะตัวฉินเฟิงเองนี่แหละ คือหลักฐานที่ดีที่สุด!

เขาเพิ่งดูดซับพลังงานพิเศษจากในพืชมา เสริมความแข็งแกร่งแก่ตนเอง ด้วยพลังนี้ช่วยให้เขาไม่ต้องหวั่นเกรงสิ่งใด ตอนนี้ ในทางทฤษฏี เขาได้กลายเป็นผู้ใช้พลังเลเวล B5 ที่แท้จริงเพียงคนเดียวในโลกมิติแห่งนี้ ในขณะที่ผู้ใช้วรยุทธโบราณคนอื่นๆ ความแข็งแกร่งลดทอนลงเป็นอย่างมาก

อย่างไรก็ตาม นักวิจัยพวกนี้อยากทำอะไรก็ทำไป ฉินเฟิงคร้านจะใส่ใจ

“เอาล่ะ ผมรู้ทุกอย่างที่คุณบอกแล้ว ในเมื่อคุณไม่ไป งั้นก็ขอให้ใครบางคนตามมากับผม และช่วยนำสัตว์ร้ายจอมเขมือบออกมาด้วย!”

“นี่ .. ก็ได้!”

อีกฝ่ายเห็นว่าฉินเฟิงไม่มีความต้องการอยู่และฟังงานวิจัยที่ตนต้องการแบ่งปัน ก็ได้แต่พยักหน้าทำใจ ขณะเดียวกันก็พาคนๆหนึ่งตรงเข้ามา

คนๆนี้เป็นแค่คนธรรมดา อายุยังน้อย เหมือนว่าจะเพิ่ง 13 ปีเท่านั้น ยังไม่ได้รับการปลุกพลังด้วยซ้ำ แต่มีผมสีขาว สวมแว่นตา สีหน้าเคร่งขรึมจริงจังเป็นพิเศษ

“นี่คือชูฟ่าน(楚凡) อย่าเพิ่งตัดสินเขาแค่ชื่อ เพราะเขาไม่ใช่ธรรมดา!” นักวิจัยคนนั้นชี้ไปยังสมองของเด็กหนุ่มและกล่าว “IQ ของชูฟ่านสูงมาก แม้ว่าเขาจะยังไม่ได้รับการปลุกพลังก็ตาม แต่สามารถครอบครองพลังสมาธิได้ส่วนหนึ่งแล้ว เขาสามารถควบคุมสิ่งต่างๆในอากาศได้ และความสามารถนี้ยังไม่หายไปแม้อยู่ในมิติทับซ้อนแห่งนี้!”

ฉินเฟิงอ้าปากค้าง เอ่ยถามแทบจะในทันที “ถ้างั้นนายสามารถเปิดอุปกรณ์รูนมิติได้รึเปล่า?”

ชูฟ่านดันแว่นตาของเขา กล่าวน้ำเสียงจริงจัง “ไม่ พลังสมาธิของผมไม่เหมือนกับของคุณ!”

ฉินเฟิงรู้สึกผิดหวังเล็กน้อย หากสามารถเปิดอุปกรณ์รูนมิติได้ เขาจะมีผงขับไล่สัตว์ร้ายจำนวนมาก ในกรณีนั้นฉินเฟิงจะสามารถปกป้องผู้อพยพทั้งเมืองได้

แต่ตอนนี้ เห็นได้ชัดว่าคงไม่มีหวัง

“ไปกันเถอะ”

“อืม!”

ชูฟ่านพยักหน้า ขณะเดียวกันก็มีอีกคนเดินเข้ามา ยื่นหลอดพลาสติกเสริมใยแก้วให้ชูฟ่าน หลอดใยแก้วนี้ยังมีอุปกรณ์สำหรับให้ออกซิเจนแบบอัตโนมัติ และสิ่งที่อยู่ข้างใน เป็นสิ่งมีชีวิตที่มีลักษณะคล้ายกับแมวน้ำ หากคุณไม่สังเกตุดีๆ อาจคิดว่ามันเป็นหนูน้ำ เพราะท้ายที่สุดแล้ว เจ้าสิ่งนี้มีขนาดเพียงนิ้วเดียวเท่านั้น

‘นี่น่ะหรือคือสัตว์ร้ายจอมเขมือบ มันจะเล็กเกินไปไหม!’

แน่นอน หากมันตัวใหญ่เกินไป บางทีอาจเป็นปัญหาสำหรับฉินเฟิงหากคิดพามันออกไป และบางทีแซดอาจไม่ขอให้ฉินเฟิงเป็นคนมารับมัน!

ชูฟ่านนำฉินเฟิงไปยังอีกทางเดินหนึ่ง แต่ฉินเฟิงต้องขมวดคิ้วอย่างรวดเร็ว

เพราะดูจากระยะทางนี้ คาดว่าเป็นทิศทางมุ่งสู่นอกเมือง!

“นี่มันทางออกไปนอกเมืองไม่ใช่หรอ ปัจจุบันทั้งเมืองอยู่ในมิติทับซ้อน ถ้าไปไกลเกินไป บางทีเส้นทางนี้อาจถูกปิดไปแล้วก็ได้”

ชูฟ่านเหลือบมองฉินเฟิงด้วยสายตาเย็นชา เขาให้ความสนใจเป็นพิเศษกับตราบนหน้าอกของฉินเฟิง และอาวุธในมืออีกฝ่าย เริ่มกล่าวว่า “พวกเราไปจากที่นี่ได้ วัสดุทดลองของพวกเรา ก็ได้รับมันจากทางนี้!”

ความคิดบางอย่างวาบผ่านเข้ามาในหัวใจของฉินเฟิง เขาไตร่ตรองเกี่ยวกับมันสักพัก สุดท้ายไม่หยุดชูฟ่าน

ไม่นาน ทางเดินก็มาถึงจุดสิ้นสุด ชูฟ่านเปิดประตู และพบว่าพวกเขาออกมาแล้วจริงๆ!

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด