ตอนที่แล้วWS บทที่ 28 การต่อสู้อันดุเดือด PRAT 2
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปWS บทที่ 30 ผู้มาเยือนที่ไม่ธรรมดา

WS บทที่ 29 ผลประโยชน์ที่ไม่คาดคิด


“อะไรก็ได้อย่างงั้นเหรอ?”

ดวงตาของเมอร์ลินจ้องตรงไปที่ยอดปทุมถันของจีอาอย่างตรงไปตรงมา

“ใช่ ฉันจะติดตามและอยู่เคียงข้างคุณนับจากนี้ ดังนั้นแล้วคุณสามารถทำอะไรก็ได้ตามที่ต้องการ” จีอากล่าวพร้อมเผยรอยยิ้มที่มีเสน่ห์และน่าหลงใหล

“แต่น่าเสียที่มันไม่มีประโยชน์กับฉัน...”

ดวงตาของเมอร์ลินฉายแววเย็นชาออกมาเผยเจตนาที่ต้องการจะฆ่าอย่างชัดเจน

*วู่ม*

กลุ่มลูกไฟพุ่งออกจากมือของเมอร์ลิน ไปหาหน้าอกของจีอาอย่างรวดเร็ว

เพลิงอันร้องแรงได้แผดเผาร่ายกายของจีอาอย่างไร้ความปรานี เนื้อสีดำที่ไหม้เกรียมได้ตัดกับสีผิวที่ขาวของเธอ

ดวงตาของจีอาเบิกกว้างราวกับเธอไม่อย่างจะเชื่อว่านี่จะเป็นความจริง แม้แต่วิธีเอาตัวเข้าแลก เธอก็ไม่อาจใช้มันเอาชีวิตรอดได้

หลังจากที่เมอร์ลินฆ่าจีอาเสร็จแล้ว เขาก็เดินกลับมาหาชายหนวดเคราและทำการค้นศพ เขาได้พบกระดาษสีเหลืองสองสามแผ่นจะร่างของชายหนวดเครา

“นี่มัน...โครงสร้างเวทมนต์งั้นเหรอ?”

เมอร์ลินตกตะลึง เขาไม่คาดว่าจะของทำนองนี้จะร่างของชายหนวดเครา เนื่องจากโครงสร้างเวทมนต์มีเพียงพ่อมดเท่านั้นที่ใช้งานได้

แต่อย่างไรก็ตาม เวลานี้คงไม่เหมาะที่จะตรวจสอบว่ามันเป็นคาถาอะไร เขาจำเป็นต้องเก็บกวาดที่นี่เสียก่อน

เมอร์ลินได้ลากศพทั้งหมดมากกองที่กลางสนามหญ้า ก่อนจะปล่อยลูกไฟใส่ เปลวไฟที่ลุกโชนได้เผาร่างทั้งสี่เหลือแต่ตอตะโก

จากนั้นเขาก็ขุดหลุมฝังขี้เถ้าลงไป

เมื่อเมอร์ลินจัดการทุกอย่างเสร็จสิ้น เขาก็ออกจากที่นี่ทันที

*ฟิ้ว*

ในระหว่างที่เมอร์ลินออกจากที่นั่น เขาได้กลิ่นเลือดจาง ๆ จากบ้านที่ออกมา เขาได้หันหน้าไปมองที่สนามอย่างเงียบ ๆ เขาหวังว่าหลังจากวันนี้กลิ่นเลือดคงจะจางหายไปทั้งหมด ตราบใดที่ไม่มีใครย่างกรายมาที่นี่ก็จะไม่มีใครรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น

เมอร์ลินเอาผ้ามาพันคอกันลมหนาวและเดินต่อไปด้วยสีหน้าที่สงบ เขาเดินกลับมที่อาคารเรียนอีกครั้ง

เขาเดินตรงไปมามอสส์และพูดว่า

“มอสส์พาฉันไปส่งบ้าน”

มอสส์รับคำสั่งอย่างงง ๆ แต่เขาก็ไม่ถามอะไร จากนั้นพวกเขาก็กลับไปที่ปราสาทอย่างรวดเร็ว

...

เมอร์ลินนั่งอยู่บนเก้าไม้ในห้อง แสงเทียนบนโต๊ะเขียนหนังสือได้สั่นไหวอย่างแผ่วเบา

ตอนนี้เขานั่งหลับและนึกทบทวนถึงการต่อสู้ที่ผ่านมา

ถึงจะผ่านมาสองชีวิตแต่นี่ก็เป็นครั้งแรกที่เขาได้ฆ่าคนแถมเขาได้ฆ่าไปตั้ง 4คน

แต่อย่างไรก็ตามแทนที่เมอร์ลินจะรู้สึกไม่สบายใจ กลับกันเขารู้สึกสงบมากกว่า

“สถานที่แห่งนั้นต้องเป็นสำนักงานใหญ่ของจีอาและคนอื่น ๆ ที่มาจากอาณาจักรแบล็กมูนแน่นอน ดังนั้นจึงไม่น่าจะมีใครรู้ถึงที่ตั้งของมัน ยกเว้นว่าพวกเขาจะติดต่อกับกลุ่มอื่น แต่เอาเถอะอย่างน้อย ๆ ก็น่าจะไม่มีใครล่วงรู้ถึงความลับของฉัน”

เมอร์ลินได้ครุ่นคิดถึงอันตรายที่อาจจะเกิดขึ้นหลังจากเหตุการณ์นี้ เขาไม่รู้ว่ายังเหลือคนจากอาณาจักรแบล็กมูนอีกมั้ย ถึงความเป็นไปได้มันจะน้อยมากแต่ใช่ว่าจะไม่มี

หลังจากที่เขาคิดไปพักใหญ่เขาหยุดคิดเรื่องนี้ เขารู้สึกว่าเอาเวลาที่มานั่งกังวลมาเตรียมพร้อมเพื่อรอรับสิ่งที่เกิดขึ้นจะดีกว่า

เขาได้หยิบกระดาษสีเหลืองขึ้นมาดู มันเป็นโครงสร้างเวทมนต์งั้นที่อยู่ในตัวของชายหนวดเครา

เขาได้เขยิบเชิงเทียนมาใกล้เพื่อดูว่ามันเป็นคาถาประเภทไหน

“แช่แข็ง นี่มันคาถาน้ำแข็งระดับศูนย์นี่!!”

เมอร์ลินกล่าวออกมาอย่างดีใจ นี่เป็นคาถาอันต่อไปที่เขาต้องการหาอยู่พอดีเลย

แม้เขาจะมีโครงสร้างเวทมนต์คาถาลมกรดอยู่แล้ว แต่เขารู้สึกว่ามันไม่ค่อยมีประโยชน์กับเขามากเท่าไหร่เนื่องจากเขามีคาถาลูกไฟที่ทรงพลังแล้ว ดังนั้นเขาจึงอยากได้คาถาประเภทสนับสนุนหรือควบคุมมากกว่า

ด้วยคาถาแช่แข็งที่เขาบังเอิญได้มานี้ ต้องมีประโยชน์ใช้งานที่หลากหลายแน่นอน

เมอร์ลินได้ลองมานึก ๆ ดู เขารู้สึกแปลกใจว่าทำไมชายหนวดเคราที่เป็นนักดาบเพลิงถึงเก็บรักษาโครงสร้างเวทมนต์ไว้กับตัว

สงสัยเขาคงอยากจะเป็นพ่อมดแต่พลังจิตของเขาอ่อนแอเกินไปเลยไม่สามารถเป็นพ่อมดได้ นี่คงจะเป็นสาเหตุที่ทำให้เขาแสดงความเกลียดชังต่อพ่อมดคนอื่น ๆ

“ตอนนนี้พลังจิตของฉันยังไม่เพียงพอที่จะรองรับโครงสร้างเวทมนต์สองอันได้ ไว้ฉันต้องรอสักหน่อยถึงจะสามารถฝึกฝนคาถาแช่แข็งได้”

แม้ว่าเขาจะมีวิธีการฝึกฝนการทำสมาธิแล้วแต่การเติบโตของพลังจิตของเขานั้นเป็นไปได้ช้ามาก มันต้องใช้เวลาหลายเดือนถึงเขาจะสามารถเพิ่มคาถาที่สองเข้าไปได้

“ดูเหมือนว่าฉันจะต้องใช้เวลาที่เหลือนี้ในการทำสมาธิสินะ”

ตอนนี้เมอร์ลินติดปัญหาอยู่ที่พลังจิตที่น้อยเกินไป แม้ว่าเขาจะเป็นเจ้าของเดอะเมทริกซ์ที่สามารถสร้างโครงสร้างเวทมนต์ได้หลากหลายแต่เขาก็ไม่อาจใช้พวกมันได้เนื่องจากพลังจิตที่น้อยเกินไป

...

สองวันต่อมา เมอร์ลินได้สั่งให้มอสส์ขับรถม้าไปตามท้องถนน มอสส์ทำตามคำสั่งแต่โดยดี เขาได้ขับไปรอบ ๆ โดยไม่รู้ที่หมาย ที่เมอร์ลินสั่งแบบนี้เนื่องจากเขาต้องการไปดูสภาพที่เกิดเหตุว่ามีอะไรเปลี่ยนแปลงบ้างมั้ย

ตามที่เมอร์ลินได้คาดไว้ ตอนนี้ไม่หลงเหลือกลิ่นเลือดแล้วและไม่มีใครไปใกล้กับสถานที่แห่งนั้น ดูเหมือนว่าชายหนวดเคราจะไม่ติดต่อใครมากนักเพื่อให้พวกเขาทำภารกิจให้ปลอดภัยที่สุด ดังนั้นแม้พวกเขาจะหายตัวไปหลายปีก็คงจะไม่มีใครสงสัยในเรื่องนี้

เมอร์ลินถอนหายใจอย่างโล่งอก นี่เป็นตอนจบที่ดีที่สุดสำหรับเขา จากนี้คงไม่มีใครสืบสาวถึงเขาได้แน่นอน

ส่วนเรื่องของจีอา คงเป็นเรื่องยากอยู่สักหนอยเนื่องจากตัวตนของเธอมันค่อนข้างโดดเด่นเกินไป นอกจากนี้เธอยังเป็นอาจารย์ประจำชั้นเรียนมารยาทด้วย

ดังนั้นเมอร์ลินจึงจำเป็นต้องเข้าเรียนมารยาทในอีกไม่กี่วันข้างหน้าเพื่อตรวจสอบปฏิกิริยาของคนอื่น ๆ เกี่ยวกับการหายตัวไปของจีอา เพื่อที่เขาจะได้เตรียมรับมือกับความสงสัยที่จะมาหาตัวเขาเนื่องจากเขาเป็นคนสุดท้ายที่อยู่กับเธอ

...

ในเมืองแบล็กวอเตอร์นั้นมีตัวอาคารที่โดดเด่นและสวยงามที่ใครต่อใครก็พูดว่ามันเป็นแลนมาร์คของเมือง นั่นคือปราสาทของตระกูลคาสเทลแลน

โดยตัวปราสาทของตระกูลคาสเทลแลนถูกล้อมรอบด้วยกำแพงขนาดใหญ่ ภายในมีปราสาทหลังคาทรงกรวย ที่ด้านหน้าปราสาทมีเหล่าอัศวินของกองกำลังป้องกันเมืองเดินไปเดินมา คงเป็นเรื่องยากที่สามัญชนคนทั่วไปจะสามารถมาที่นี่ได้

ในระหว่างที่อัศวินกำลังทำหน้าที่อยู่ จู่ ๆ ก็มีกลุ่มอัศวินที่มีเครื่องแบบที่แตกต่างได้เคลื่อนพลเข้ามาที่ปราสาทของตระกูลคาสเทลแลน พวกเขาทำหน้าอารักขาคนที่ในรถม้าที่อยู่ตรงกลางกองขบวน

อัศวินเหล่านี้ได้พารถม้าไปเข้าในปราสาทของตระกูลคาสเทลแลนอย่างรวดเร็ว

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด